Share

บทที่ 57

Aвтор: เซียงปู้อี๋
ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็เห็นเวินหนี่กำลังนั่งถูตัวเองอย่างรุนแรงอยู่ในอ่างอาบน้ำ เธอไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าเขาจะได้ยิน

“เวินหนี่ หยุด!”

เย่หนานโจวรีบเข้าไปจับมือเล็กที่กำลังทำร้ายตัวเองไว้แน่น

เวินหนี่มองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ พยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ “อย่ามาจับตัวฉันนะ ตัวฉันสกปรก....”

“เธอไม่ได้สกปรก” เย่หนานโจวเอ่ยแล้วใช้แขนแกร่งโอบรอบตัวเธอ ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายทำร้ายตัวเอง “เธอไม่ได้สกปรก”

ในหัวของเวินหนี่มีแต่ภาพที่เธอถูกกดตัวลงบนโต๊ะ เท่านี้ภายในใจก็ก่อเกิดความรู้สึกขยะแขยงมากมาย สิ่งนี้เองที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองสกปรก ว่าแล้วหญิงสาวก็ส่ายหน้าทันที “อย่าปลอบใจฉันเลย ฉันรู้ว่าตัวฉันสกปรกไปแล้ว ขนาดฉันเองยังรู้สึกว่าตัวเองสกปรกเลย!”

ร่างบางยังคงถูตัวเองต่อไปจนแดงเป็นจ้ำ ๆ

“เวินหนี่”

ไม่ว่าเขาจะตะโกนยังไงเธอก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน

เวินหนี่ขัดถูทุกส่วนของร่างกายพลางตะโกนอย่างไม่มีสติซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ฉันมันตัวสกปรก ฉันต้องทำความสะอาดสิ!”

“ฉัน...” เธอพยายามพูดประโยคเดิม ๆ ออกมา ทว่าปากบางที่สั่นเทานั้นก็ต้องหยุดลง เมื่อเย่หนานโจวก้ม

ลงมาใกล้ สายตา
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Заблокированная глава
Комментарии (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
บอกรักกันกี่โมง
ПРОСМОТР ВСЕХ КОММЕНТАРИЕВ

Related chapter

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 58

    เวินหนี่คล้องแขนไว้ที่คอแกร่ง “ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉัน”“ฉันจะอยู่นี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น” เย่หนานโจวลูบแก้มนวลเบา ๆ “ตัวเธอแดงหมดแล้ว นอนเฉย ๆ อย่าขยับมากเดี๋ยวมันจะถลอกจนเป็นแผลรู้ไหม?”เวินหนี่มองเขา ในที่สุดเข้าใจว่าการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขาของลู่ม่านเซิงมีผลลัพธ์ยังไงเด็กที่ร้องไห้ก็จะได้รับลูกอมนี่เองเพียงเธอแสดงความอ่อนแอเล็กน้อย เขาก็จะแสดงความอ่อนโยนกับเธอทันที“โอเคค่ะ” เธอยอมปล่อยมือจากเขาแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนักเย่หนานโจวห่มผ้าให้แล้วนั่งลงที่ขอบเตียง “หนาวไหม?”เธอส่ายหน้า “ไม่หนาวค่ะ”“เธอมีไข้ต่ำ ๆ” เขาแสดงความกังวลออกมา “เดี๋ยวจะช่วยเช็ดตัวให้เผื่อตัวจะเย็นลง”“คุณใจดีจริง ๆ” เธอมองเขาแล้วเอ่ยออกมาจากหัวใจคนฟังยิ้มแล้วบีบจมูกเล็กเบา ๆ เวินหนี่เองก็ไม่ได้หลบและมองเขาอยู่อย่างอ้อยอิ่งเธออยากจะเก็บความใจดีของเขาไว้ในใจตลอดไปทว่าเย่หนานโจวกลับพูดว่า “นี่สาวน้อย อย่าพูดว่าคนอื่นใจดีง่าย ๆ แบบนั้นสิ”เขาเพิ่มน้ำแข็งลงบนผ้าขนหนูแล้ววางลงบนหน้าผากเธอพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ถ้าคนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่ฉันแล้ว ก็อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกความใจดีของผู้ชายคนไหนมาหลอกเอาได้ล่ะ”

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 59

    หลี่ถิงรีบตอบ “ไม่จริงนะ ฉันแทบไม่มีเวลาเลย ตอนที่ฉันออกไปฉันบังเอิญไปเจอประธานเย่กำลังเข้ามาพอดี พี่เวินหนี่ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าประธานเย่จะมาที่นี่ แต่เท่าที่เห็นเขาดูเป็นห่วงพี่มากนะ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลี่ถิงเองก็คิดว่ามันแปลกแล้วพูดต่อ “พี่เวินหนี่รู้ไหมว่าตอนนั้นประธานเย่ดูน่ากลัวแค่ไหน เขาแตกต่างไปอย่างกับคนละคนเลยล่ะ เขาทำให้ประธานหลี่เกือบพิการแล้วยังจัดการอย่างเด็ดขาดอีกรวมถึงคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องบางคนด้วย ประธานเย่โกรธมากแล้วเอาแต่กอดพี่เวินเหนี่ไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง”คำพูดของหลี่ถิงทำให้คนฟังต้องหยุดชะงัก อดไม่ได้ที่จะหยิบแก้วน้ำด้านข้างขึ้นมาดื่ม“พี่เวินหนี่ปกติแล้วประธานเย่เป็นคนที่ใส่ใจลูกน้องมากเลยใช่ไหม? ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยล่ะ ถ้าฉันได้รับบาดเจ็บหรือตกอยู่ในอันตรายบ้างเขาจะสนใจขนาดนั้นเลยไหมนะ?” หลี่ถิงผู้ซึ่งไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวถามออกมา ก่อนจะพูดต่อ “แม้แต่ลูกน้องที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปียังไม่เคยเห็นเขากังวลด้วยขนาดนี้ พี่เวินหนี่คิดว่าประธานเย่ชอบพี่หรือเปล่า?”“แค่ก แค่ก แค่ก”น้ำที่กำลังไหลเข้าปากทำให้เวินหนี่สำลักออกมาอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินหลี่ถิงถามอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 60

    “เธอคงไม่คิดใช่ไหม? เวินหนี่น่ะต้องการไต่เต้าขึ้นไปให้สูง เธอเป็นเลขาของประธานเย่ก็จริงแต่เธอไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเขาหรอกนะ หลังจากที่ทำงานผ่านไปหลายปีก็ต้องมีความคิดที่จะต้องหาทางให้กับตัวเอง ด้วยความสวยที่มีก็เลยคิดอยากจะลองไปเป็นคนรักของประธานหลี่ดูบ้าง เธออาจจะไม่ใช่คนรักของประธานเย่แต่อย่างน้อยก็เป็นคนรักประธานหลี่ สุดท้ายเธอก็เลยจงใจกล่าวหาว่าประธานหลี่ข่มขืนตัวเอง น่าสมเพชจริง ๆ ที่ประธานหลี่จะต้องเข้าคุกด้วยเรื่องแบบนั้น!”“ปกติเวินหนี่เป็นคนใจดีนะ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะใช้อุบายทำให้ประธานหลี่ต้องมีชีวิตที่ตกต่ำอย่างนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเธอถึงได้อยู่เคียงข้างประธานเย่ได้อยู่เสมอ ผู้หญิงคนนี้จะต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรซ่อนไว้มากมายแน่นอน!”“ฮึ เพิ่งรู้เหรอว่าคนอย่างยัยเวินหนี่น่ะร้ายแค่ไหน? มองแวบเดียวฉันก็รู้แล้ว พวกเธอก็ลองมองดูสิว่าคนเก่าคนแก่ในบริษัทนี้มีใครเทียบเธอได้บ้าง คนมีความสามารถอย่างพี่หลินของเรา มีทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์มากมายแบบนั้นยังสู้เล่ห์กลของยัยคนนี้ไม่ได้ มันก็เกินไปแล้วล่ะ! ถูกข่มขืน....”ปัง!เสียงประตูกระแทกกับผนังอย่างแรง เวินหนี่ปรากฎตัวอยู่ด้าน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 61

    เกาเหม่ยไม่ทันที่จะได้ตอบโต้ ใบหน้าเธอแดงเถือกเพราะแรงตบ หญิงสาวกรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจเธอไม่เคยรู้สึกแพ้ขนาดนี้มาก่อนจึงทำให้รู้สึกโกรธมากเวินหนี่จึงเอ่ยอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ตบ เธอก็จะไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าการใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลเย่น่ะเป็นยังไง!”“เวินหนี่เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายคนของฉัน!”เกิดความกลลาหลมากมาย ทุกคนจึงมามรวมตัวกันตรงนี้ด้วยความโกลาหลเมื่อเฉินเพ่ยหลินรู้เรื่องก็รีบตามเข้ามาแล้วได้เห็นฉากที่เวินหนี่กำลังตบคนของตัวเองพอดี หญิงสาวเบิกตากว้างแล้วรีบดึงทั้งสองคนแยกจากกันเวินหนี่ทำร้ายคนของเธอก็เหมือนทำร้ายตัวเธอด้วยเมื่อเกาเหม่ยเห็นว่ามีกำลังเสริมมา เธอก็ร้องโอดครวญเสียงดัง “พี่หลิน!”หญิงสาวปิดหน้าแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาเฉินเพ่ยหลินทันที “เธอตบฉัน นี่มันมากเกินไปแล้ว!”เฉินเพ่ยหลินดึงเกาเหม่ยมาอยู่ข้างหลังตัวเองด้วยความโกรธสุดขีด “เธอบ้าไปแล้วเหรอ เย่อหยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่าเพราะมีตระกูลเย่หนุนหลังก็เลยคิดว่าพวกเขาคือครอบครัวตัวเองจริง ๆ สินะ เราจำเป็นต้องฟังเธอด้วยงั้นเหรอ ทำไมถึงได้มาทำร้ายคนอื่นแบบนี้โดยไม่เห็นแก่หน้าฉันเลย!”เมื่อรู้สึกเจ็บที่มือข้างที่ใช้

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 62

    คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้นทว่าก็เริ่มเห็นใจเวินหนี่ด้วยเช่นกันเธอเป็นเพียงเลขา ไม่ได้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหนือไปกว่ารองประธานบริษัทอย่างแน่นอน นี่คงจะเป็นหายนะสำหรับเธอแน่!ไม่นานรองประธานเกาก็วิ่งเข้ามาหาเกาเหม่ย รู้สึกเสียใจและไม่พอใจที่หลานสาวของเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ จึงรีบเข้ามาเพื่อยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้น “ใครรังแกหลานของฉัน!”เกาเหม่ยชี้ไปที่เวินหนี่ที่ยังยืนนิ่งอยู่ในห้องน้ำ “เธอค่ะ เธอเป็นคนตบฉัน ขนาดลุงเห็นฉันมาตั้งแต่เด็กยังไม่ตีฉันเลย!”เฉินเพ่ยหลินยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่าเพลิดเพลินในขณะที่แสร้งทำตัวเป็นคนดีอย่างน่าสมเพช “รองประธานเกา ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะที่ไม่สามารถดูแลเกาเหมยได้เป็นอย่างดี แต่อำนาจในบริษัทนี้ของฉันก็น้อยเกินกว่าที่จะสู้ได้จริง ๆ ”คำพูดนี้ทำให้รองประธานเกาเข้าใจว่าแม้ตำแหน่งของเฉินเพ่ยหลิงและเวินหนี่จะเท่าเทียมแต่เฉินเพ่ยหลิงก็อาจจะถูกเวินหนี่ทำร้ายได้ด้วยอีกคนผู้หญิงที่ชื่อเวินหนี่คนนี้ดูท่าทางหยิ่งผยองเหลือเกินรองประธานเกาเองก็พอจะได้รับรู้เรื่องราวอื้อฉาวของเวินหนี่มาบ้าง เพราะเธอเป็นคนใกล้ชิดของประธานเย่เขา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 63

    เย่หนานโจวเดินเข้ามาพร้อมด้วยคนอีกกลุ่มหนึ่ง รัศมีอันน่าเกรงขามและเย็นชาของเขาทำให้ผู้คนรอบข้างต้องอยู่ห่างด้วยความยำเกรงเดิมเฉินเพ่ยหลินวางแผนที่จะทำให้เวินหนี่ต้องทุกข์ทรมานและไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ทว่าเย่หนานโจวดันกลับมาเสียก่อนมือของเธอค้างเติ่งอยู่ในอากาศ กำลังคิดว่าจะลงโทษเวินหนี่อย่างไรดีทันทีที่เย่หนานโจวมาถึงเธอก็รู้สึกกลัวจนไม่สามารถตบอีกฝ่ายได้“ประธานเย่!”พนักงานที่กำลังมุงต่างก็พากันแยกย้ายออกไปเย่หนานโจวเดินเข้ามามองสถานการณ์ความวุ่นวายตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความเย็นชาในขณะที่สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ “ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ก็คงไม่เชื่อว่านี่คือบริษัทของผมเองไม่ใช่อาณาเขตของรองประธานเกา!”ใบหน้าของประธานเกาซีดเผือดและเปลี่ยนไป ความเย่อหยิ่งที่เคยมีลดลงด้วยคำพูดจากชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมลง “ไม่ ไม่มีอะไรหรอกครับท่านประธาน ก็แค่เวินหนี่เข้ามาทำร้ายร่างกายหลานสาวของผม ที่ตระกูลเกาไม่มีใครแตะต้องเธอเลยสักนิด หากว่าเธอทำผิดจริง ในฐานะลุงผมก็จะไม่สนับสนุนเธออยู่แล้ว แต่คนอย่างเวินหนี่นั้นเย่อหยิ่งเกินไป คนแบบนี้สมคว

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 64

    รองประธานเกาจับเกาเหม่ยไว้ไม่ต้องการให้ผู้เป็นหลานสาวสร้างปัญหาอีกต่อไป กลัวว่าถ้าพูดมากไปกว่านี้จะถูกขับไล่ออกไปจากตระกูลเย่ทันที ว่าแล้วรองประธานเย่จึงค่อย ๆ พูด “ประธานเย่ เป็นผมเองที่ไม่มองสถานการณ์ให้ชัดเจนและไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น คราวนี้เป็นเลขาเวินที่เป็นผู้ถูกกระทำก่อน”เย่หนานโจวล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋า สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ทว่าน้ำเสียงของเขากลับเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก “คุณเข้าใจ แล้วหลานสาวของคุณล่ะเธอเข้าใจไหม?”รองประธานเการีบดึงตัวเกาเหม่ยขึ้นมา “เพราะหลานทำผิดต่อเลขาเวิน ดังนั้นขอโทษเธอซะแล้วหลังจากนี้ก็อย่าไปพูดจาลับหลังกันอีก”เกาเหม่ยไม่คิดว่าหลังจากที่ถูกตบถึงสองครั้ง คนที่ต้องขอโทษกลับเป็นเธอเสียเอง “ลุงคะ ทำไมหนูต้องขอโทษด้วยล่ะ หนูไม่ขอโทษ!”เกาเหม่ยเอะอะแล้วยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นรองประธานเกาหันไปมองเย่หนานโจวอีกครั้งแล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่น แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มไม่มีความอดทนอีกต่อไปในตระกูลเย่ เขารู้ดีว่าเย่หนานโจวนั้นเป็นคนที่รักษาคำพูดมากแค่ไหน หากเขาไม่ต้องการให้มีปัญหา ทุกคนก็ไม่ควรที่จะเข้าไปทำตัวล้ำเส้นจนเกินเหตุว่าแล้วผู้เป็นลุง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 65

    สิ่งที่เวินหนี่พูดไม่ใช่สิ่งที่ใกล้หรือไกลประเด็นเกินไป แต่ตรงประเด็นพอดีหลังจากที่หย่ากันแล้วก็จะยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนนำไปนินทาทว่าเย่หนานโจวกลับคิดว่าหญิงสาวทำตัวห่างเหินมากเกินพอดี เขาเข้าไปช่วยเธอเพื่อไม่ให้คนอื่นกล้ามาวิจารณ์เธออีกแต่เวินหนี่ก็ยังกลัวว่าจะมีคนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอและเขาทันใดนั้นใบหน้าของเย่หนานโจวก็เย็นเยียบลง เหลือเพียงความเย็นชาและความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากตอนแรก“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”เวินหนี่สังเกตเห็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของอีกฝ่ายก็เริ่มอธิบายต่ออย่างมีไหวพริบ “ฉันกลัวว่าจะมีผลกระทบกับคุณด้วย ในอนาคตที่เราจะต้องหย่ากัน ผู้คนก็จะยังดึงฉันเข้ามาเกี่ยวข้องอีกและฉันไม่คิดว่าคุณจะอยากได้ยินเรื่องราวพวกนั้น อีกอย่างตอนนี้ชื่อเสียงของฉันก็ไม่ค่อยดีนักมันอาจจะส่งผลร้ายต่อคุณในอนาคต”คนฟังขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อย “เลขาเวินก็จัดการเรื่องนี้กับผมให้ชัดเจน แล้วจะมีชื่อเสียงที่ไม่ดีได้ยังไง?” เวินหนี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของเขามันจะไม่แย่ไปกว่าเดิมหรือไง?บางคนบอกว่าเธอคือคนรักลับ ๆ ของเขาซึ่งเป็น

Latest chapter

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 514

    นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 513

    เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 512

    เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status