“เธอคงไม่คิดใช่ไหม? เวินหนี่น่ะต้องการไต่เต้าขึ้นไปให้สูง เธอเป็นเลขาของประธานเย่ก็จริงแต่เธอไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเขาหรอกนะ หลังจากที่ทำงานผ่านไปหลายปีก็ต้องมีความคิดที่จะต้องหาทางให้กับตัวเอง ด้วยความสวยที่มีก็เลยคิดอยากจะลองไปเป็นคนรักของประธานหลี่ดูบ้าง เธออาจจะไม่ใช่คนรักของประธานเย่แต่อย่างน้อยก็เป็นคนรักประธานหลี่ สุดท้ายเธอก็เลยจงใจกล่าวหาว่าประธานหลี่ข่มขืนตัวเอง น่าสมเพชจริง ๆ ที่ประธานหลี่จะต้องเข้าคุกด้วยเรื่องแบบนั้น!”“ปกติเวินหนี่เป็นคนใจดีนะ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะใช้อุบายทำให้ประธานหลี่ต้องมีชีวิตที่ตกต่ำอย่างนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเธอถึงได้อยู่เคียงข้างประธานเย่ได้อยู่เสมอ ผู้หญิงคนนี้จะต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรซ่อนไว้มากมายแน่นอน!”“ฮึ เพิ่งรู้เหรอว่าคนอย่างยัยเวินหนี่น่ะร้ายแค่ไหน? มองแวบเดียวฉันก็รู้แล้ว พวกเธอก็ลองมองดูสิว่าคนเก่าคนแก่ในบริษัทนี้มีใครเทียบเธอได้บ้าง คนมีความสามารถอย่างพี่หลินของเรา มีทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์มากมายแบบนั้นยังสู้เล่ห์กลของยัยคนนี้ไม่ได้ มันก็เกินไปแล้วล่ะ! ถูกข่มขืน....”ปัง!เสียงประตูกระแทกกับผนังอย่างแรง เวินหนี่ปรากฎตัวอยู่ด้าน
เกาเหม่ยไม่ทันที่จะได้ตอบโต้ ใบหน้าเธอแดงเถือกเพราะแรงตบ หญิงสาวกรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจเธอไม่เคยรู้สึกแพ้ขนาดนี้มาก่อนจึงทำให้รู้สึกโกรธมากเวินหนี่จึงเอ่ยอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ตบ เธอก็จะไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าการใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลเย่น่ะเป็นยังไง!”“เวินหนี่เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายคนของฉัน!”เกิดความกลลาหลมากมาย ทุกคนจึงมามรวมตัวกันตรงนี้ด้วยความโกลาหลเมื่อเฉินเพ่ยหลินรู้เรื่องก็รีบตามเข้ามาแล้วได้เห็นฉากที่เวินหนี่กำลังตบคนของตัวเองพอดี หญิงสาวเบิกตากว้างแล้วรีบดึงทั้งสองคนแยกจากกันเวินหนี่ทำร้ายคนของเธอก็เหมือนทำร้ายตัวเธอด้วยเมื่อเกาเหม่ยเห็นว่ามีกำลังเสริมมา เธอก็ร้องโอดครวญเสียงดัง “พี่หลิน!”หญิงสาวปิดหน้าแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาเฉินเพ่ยหลินทันที “เธอตบฉัน นี่มันมากเกินไปแล้ว!”เฉินเพ่ยหลินดึงเกาเหม่ยมาอยู่ข้างหลังตัวเองด้วยความโกรธสุดขีด “เธอบ้าไปแล้วเหรอ เย่อหยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่าเพราะมีตระกูลเย่หนุนหลังก็เลยคิดว่าพวกเขาคือครอบครัวตัวเองจริง ๆ สินะ เราจำเป็นต้องฟังเธอด้วยงั้นเหรอ ทำไมถึงได้มาทำร้ายคนอื่นแบบนี้โดยไม่เห็นแก่หน้าฉันเลย!”เมื่อรู้สึกเจ็บที่มือข้างที่ใช้
คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้นทว่าก็เริ่มเห็นใจเวินหนี่ด้วยเช่นกันเธอเป็นเพียงเลขา ไม่ได้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหนือไปกว่ารองประธานบริษัทอย่างแน่นอน นี่คงจะเป็นหายนะสำหรับเธอแน่!ไม่นานรองประธานเกาก็วิ่งเข้ามาหาเกาเหม่ย รู้สึกเสียใจและไม่พอใจที่หลานสาวของเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ จึงรีบเข้ามาเพื่อยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้น “ใครรังแกหลานของฉัน!”เกาเหม่ยชี้ไปที่เวินหนี่ที่ยังยืนนิ่งอยู่ในห้องน้ำ “เธอค่ะ เธอเป็นคนตบฉัน ขนาดลุงเห็นฉันมาตั้งแต่เด็กยังไม่ตีฉันเลย!”เฉินเพ่ยหลินยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่าเพลิดเพลินในขณะที่แสร้งทำตัวเป็นคนดีอย่างน่าสมเพช “รองประธานเกา ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะที่ไม่สามารถดูแลเกาเหมยได้เป็นอย่างดี แต่อำนาจในบริษัทนี้ของฉันก็น้อยเกินกว่าที่จะสู้ได้จริง ๆ ”คำพูดนี้ทำให้รองประธานเกาเข้าใจว่าแม้ตำแหน่งของเฉินเพ่ยหลิงและเวินหนี่จะเท่าเทียมแต่เฉินเพ่ยหลิงก็อาจจะถูกเวินหนี่ทำร้ายได้ด้วยอีกคนผู้หญิงที่ชื่อเวินหนี่คนนี้ดูท่าทางหยิ่งผยองเหลือเกินรองประธานเกาเองก็พอจะได้รับรู้เรื่องราวอื้อฉาวของเวินหนี่มาบ้าง เพราะเธอเป็นคนใกล้ชิดของประธานเย่เขา
เย่หนานโจวเดินเข้ามาพร้อมด้วยคนอีกกลุ่มหนึ่ง รัศมีอันน่าเกรงขามและเย็นชาของเขาทำให้ผู้คนรอบข้างต้องอยู่ห่างด้วยความยำเกรงเดิมเฉินเพ่ยหลินวางแผนที่จะทำให้เวินหนี่ต้องทุกข์ทรมานและไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ทว่าเย่หนานโจวดันกลับมาเสียก่อนมือของเธอค้างเติ่งอยู่ในอากาศ กำลังคิดว่าจะลงโทษเวินหนี่อย่างไรดีทันทีที่เย่หนานโจวมาถึงเธอก็รู้สึกกลัวจนไม่สามารถตบอีกฝ่ายได้“ประธานเย่!”พนักงานที่กำลังมุงต่างก็พากันแยกย้ายออกไปเย่หนานโจวเดินเข้ามามองสถานการณ์ความวุ่นวายตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความเย็นชาในขณะที่สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ “ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ก็คงไม่เชื่อว่านี่คือบริษัทของผมเองไม่ใช่อาณาเขตของรองประธานเกา!”ใบหน้าของประธานเกาซีดเผือดและเปลี่ยนไป ความเย่อหยิ่งที่เคยมีลดลงด้วยคำพูดจากชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมลง “ไม่ ไม่มีอะไรหรอกครับท่านประธาน ก็แค่เวินหนี่เข้ามาทำร้ายร่างกายหลานสาวของผม ที่ตระกูลเกาไม่มีใครแตะต้องเธอเลยสักนิด หากว่าเธอทำผิดจริง ในฐานะลุงผมก็จะไม่สนับสนุนเธออยู่แล้ว แต่คนอย่างเวินหนี่นั้นเย่อหยิ่งเกินไป คนแบบนี้สมคว
รองประธานเกาจับเกาเหม่ยไว้ไม่ต้องการให้ผู้เป็นหลานสาวสร้างปัญหาอีกต่อไป กลัวว่าถ้าพูดมากไปกว่านี้จะถูกขับไล่ออกไปจากตระกูลเย่ทันที ว่าแล้วรองประธานเย่จึงค่อย ๆ พูด “ประธานเย่ เป็นผมเองที่ไม่มองสถานการณ์ให้ชัดเจนและไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น คราวนี้เป็นเลขาเวินที่เป็นผู้ถูกกระทำก่อน”เย่หนานโจวล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋า สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ทว่าน้ำเสียงของเขากลับเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก “คุณเข้าใจ แล้วหลานสาวของคุณล่ะเธอเข้าใจไหม?”รองประธานเการีบดึงตัวเกาเหม่ยขึ้นมา “เพราะหลานทำผิดต่อเลขาเวิน ดังนั้นขอโทษเธอซะแล้วหลังจากนี้ก็อย่าไปพูดจาลับหลังกันอีก”เกาเหม่ยไม่คิดว่าหลังจากที่ถูกตบถึงสองครั้ง คนที่ต้องขอโทษกลับเป็นเธอเสียเอง “ลุงคะ ทำไมหนูต้องขอโทษด้วยล่ะ หนูไม่ขอโทษ!”เกาเหม่ยเอะอะแล้วยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นรองประธานเกาหันไปมองเย่หนานโจวอีกครั้งแล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่น แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มไม่มีความอดทนอีกต่อไปในตระกูลเย่ เขารู้ดีว่าเย่หนานโจวนั้นเป็นคนที่รักษาคำพูดมากแค่ไหน หากเขาไม่ต้องการให้มีปัญหา ทุกคนก็ไม่ควรที่จะเข้าไปทำตัวล้ำเส้นจนเกินเหตุว่าแล้วผู้เป็นลุง
สิ่งที่เวินหนี่พูดไม่ใช่สิ่งที่ใกล้หรือไกลประเด็นเกินไป แต่ตรงประเด็นพอดีหลังจากที่หย่ากันแล้วก็จะยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนนำไปนินทาทว่าเย่หนานโจวกลับคิดว่าหญิงสาวทำตัวห่างเหินมากเกินพอดี เขาเข้าไปช่วยเธอเพื่อไม่ให้คนอื่นกล้ามาวิจารณ์เธออีกแต่เวินหนี่ก็ยังกลัวว่าจะมีคนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอและเขาทันใดนั้นใบหน้าของเย่หนานโจวก็เย็นเยียบลง เหลือเพียงความเย็นชาและความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากตอนแรก“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”เวินหนี่สังเกตเห็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของอีกฝ่ายก็เริ่มอธิบายต่ออย่างมีไหวพริบ “ฉันกลัวว่าจะมีผลกระทบกับคุณด้วย ในอนาคตที่เราจะต้องหย่ากัน ผู้คนก็จะยังดึงฉันเข้ามาเกี่ยวข้องอีกและฉันไม่คิดว่าคุณจะอยากได้ยินเรื่องราวพวกนั้น อีกอย่างตอนนี้ชื่อเสียงของฉันก็ไม่ค่อยดีนักมันอาจจะส่งผลร้ายต่อคุณในอนาคต”คนฟังขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อย “เลขาเวินก็จัดการเรื่องนี้กับผมให้ชัดเจน แล้วจะมีชื่อเสียงที่ไม่ดีได้ยังไง?” เวินหนี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของเขามันจะไม่แย่ไปกว่าเดิมหรือไง?บางคนบอกว่าเธอคือคนรักลับ ๆ ของเขาซึ่งเป็น
แต่เธอก็ไม่อายที่จะสวมมันอีกเป็นครั้งที่สองหากถูกถ่าย เธอคงถูกหัวเราะเยาะแน่ ๆ และไม่รู้ด้วยว่านักข่าวเหล่านั้นจะเขียนข่าวเกี่ยวกับเธอว่าอย่างไรบ้างแต่เธอก็ไม่ได้สนใจหลังจากผ่านเรื่องเหล่านี้ ลู่ม่านเซิงน้ำหนักลดลงและดูอ่อนแอขึ้นมาก แต่เธอก็ไม่กลัวในการอยู่ต่อหน้ากล้องและแสงแฟลซ เธอยังคงยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรเริ่มแรกนักข่าวถามเธอเกี่ยวกับประสบการณ์หลังผ่านความตายในครั้งนี้ ลู่ม่านเซิงทำตัวน่าสงสารต่อหน้านักข่าวพร้อมกับบอกเล่าประสบการณ์ของตน ก่อนจะตบท้ายด้วยความคิดเชิงบวกและความสดใสของเธอ โดยบอกว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกเธอเจอเรื่องหนักหนาในชีวิตและทุกคนต่างก็รู้สึกสงสารลู่ม่านเซิงต่างพากันบอกว่าหนทางของเธอนั้นไม่ง่ายเลยนักข่าวยังคงถามถึงเรื่องส่วนตัว โดยพูดถึงชุดนี้ว่าเธอสวมใส่มันเป็นครั้งที่สองแล้ว ลู่ม่านเซิงตอบอย่างไม่ปิดบัง “ฉันคิดว่าการได้กลับมายืนหน้ากล้องอีกครั้งคือการได้รับชีวิตใหม่ค่ะ ชุดนี้มีความหมายสำหรับฉันมาก เมื่อสวมใส่มันทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่และสามารถก้าวผ่านความยากลำบากทั้งหมดไปได้! ฉันให้คุณค่ากับทุกสิ่งค่ะ”นักข่าวถามขึ้นอีกครั้งว่า “ดูเหม
การที่หลี่ถิงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอทำให้เวินหนี่อดยิ้มไม่ได้ “เธอทำราวกับว่าฉันกับประธานเย่คบกันอย่างนั้นแหละ”หลี่ถิงไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นดูคลุมเครือ“ประธานเย่เค้าสนใจพี่จริง ๆ นะคะ” หลี่ถิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “บางทีพี่อาจไม่รู้สึก แต่คนรอบข้างสัมผัสได้อย่างชัดเจน จะให้ลู่ม่านเซิงเข้ามาแทรกกลางทำลายความสัมพันธ์ของพวกพี่ไม่ได้นะคะ”ในความเห็นของเธอ เวินหนี่เหมาะสมกับเย่หนานโจวที่สุด“ยัยเด็กคนนี้ อย่าเลือกข้างสุ่มสี่สุ่มห้า” เวินหนี่ดีดหน้าผากหลี่ถิงเบา ๆ “ฉันกับประธานเย่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอเองก็อย่าไปฟังเรื่องเหลวไหลจากคนอื่นเยอะ ประธานเย่จะคบกับใครก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก หากคนอื่นมาได้ยินเข้าเดี๋ยวก็พูดกันไปเรื่อย”หลี่ถิงลูบหน้าผากตัวเองไปมา “ฉันจะไม่บอกใครค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้ไปฟังเรื่องเหลวไหลมาจากคนอื่นมาถึงได้มาพูดเรื่องนี้กับพี่ด้วยค่ะ”แม้ว่าทั้งบริษัทจะลือกันว่าเวินหนี่ใช้วิธีสกปรกเพื่อไต่เต้าขึ้นสู่ที่สูง แต่เธอก็ไม่เชื่อเลยสักนิดเดียวหลี่ถิงรู้จักเวินหนี่ดี เวินหนี่เป็นคนอ่อนโยน เที่ยงต