เมื่อได้ยินอย่างนั้น โจวเสี่ยวหลินก็ถึงกับตกตะลึง ก่อนจะถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความช็อกสุดขีด“คุณบอกว่าเวินหนี่เป็นภรรยาของเย่หนานโจว?”โจวเสี่ยวหลินไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นไปได้ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ? ถ้าเย่หนานโจวเป็นสามีของเวินหนี่ ทำไมเธอไม่รู้เรื่องนี้ และทำไมพวกเขาถึงไม่บอกใคร?“ใช่ค่ะ คุณช่วยปล่อยมือฉันก่อน” เวินซูดึงมือออกมา “พี่เขยของฉันคือเย่หนานโจว!”โจวเสี่ยวหลินยังคงมองพวกเธอด้วยความสงสัย “พวกคุณหลอกฉันใช่ไหม? เวินหนี่เป็นเลขาของเย่หนานโจวไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงกลายเป็นภรรยาเขาได้ล่ะ?”“ทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ?” จางลี่หงพูด “ฉันเห็นด้วยตาตัวเอง ฟังด้วยหูตัวเอง หลานเขยของฉันคนนี้ไปเยี่ยมพ่อของเวินหนี่ซึ่งก็คือพี่ชายของฉัน เย่หนานโจวเป็นหลานเขยของเราแน่นอน”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ โจวเสี่ยวหลินก็ค่อย ๆ เริ่มตั้งสติและทำความเข้าใจจากสิ่งที่พวกเธอพูดออกมา “พวกคุณ...ไม่เคยรู้มาก่อนหรือไง?”จางลี่หงเองก็ดูสับสนเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ “เราเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ครอบครัวเราคงมีเงินมากกว่านี้ไปนานแล้ว!”เย่หนานโจวช่วยจ่ายหนี้ให้เวินจ้าวถึงสิบล้าน!
คราแรกโจวเสี่ยวหลินรู้สึกกังวลในใจว่าตนอาจจะพ่ายแพ้ แต่หลังจากได้ฟังสิ่งที่พวกหล่อนพูด เธอกลับรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น ตำแหน่งภรรยาของเย่หนานโจวที่เวินหนี่ครองอยู่ก็เหมือนเป็นแค่ในนามเพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? อีกไม่นานพวกเขาอาจจะหย่ากันก็ได้โจวเสี่ยวหลินมองพวกหล่อนพลางเกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมาในหัว“ไม่ต้องห่วงนะคะ” โจวเสี่ยวหลินยิ้มและพูดขึ้น “บริษัทตระกูลเย่ไม่ใช่ที่ที่เข้าไปได้ง่าย ๆ หรอก พวกคุณอาจจะถูกไล่ออกมาทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ได้!”“เป็นไปได้ยังไง? ฉันเป็นอาสะใภ้ของเย่หนานโจว ใครจะกล้าไล่ฉันออกมา?” จางลี่หงมั่นใจในสถานะของตัวเองมาก เธอไม่กลัวอะไรแถมคิดว่าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยซ้ำโจวเสี่ยวหลินพูดต่อ “พวกคุณบอกว่าเวินหนี่คอยระแวงพวกคุณสินะคะ เธอเป็นถึงเลขาของเย่หนานโจว ถ้าพวกคุณเข้าไปอย่างเอิกเกริกเธอคงเป็นคนแรกที่รู้ข่าว แล้วคิดว่าพวกคุณจะถูกไล่ออกไปหรือเปล่า?”เมื่อจางลี่หงได้ยินอย่างนั้นเธอก็เริ่มมีความกังวลขึ้นมา พร้อมพูดด้วยความไม่พอใจ “ที่คุณพูดก็มีเหตุผล ตอนที่อยู่โรงพยาบาล เวินหนี่ก็ไม่พูดจาดี ๆ เลย พอเรามาหาที่นี่ เธอจะทำ
พนักงานต้อนรับรู้สึกว่าเวินหนี่เป็นคนดี เป็นมิตรกับคนอื่น ไม่เคยแย่งชิงหรือมีปัญหากับใคร ไม่เหมือนที่จางลี่หงพูดถึงเธอเลยสักนิด กลับกันจางลี่หงที่กำลังอาละวาดและพูดจารุนแรงต่างหากที่ดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมเลิกรา หากยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พนักงานต้อนรับคิดอยากจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเชิญตัวจางลี่หงออกไป แต่ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นรถที่มีสัญลักษณ์นักข่าวขับผ่านไป และเห็นคนงานทำความสะอาดอยู่หน้าประตูด้วย นักข่าวพวกนี้เป็นนักข่าวสายสังคม ถ้ามีการสัมภาษณ์หรือทำข่าวขึ้นมา แล้วเรื่องนี้หลุดออกไป บริษัทจะได้รับผลกระทบแน่นอน เธอจึงไม่กล้าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปจัดการกับจางลี่หงจางลี่หงตาไว เห็นสายตาของพนักงานต้อนรับและสังเกตเห็นนักข่าวอยู่ข้างนอกพอดีรู้ว่านี่เป็นโอกาสทองของตน เธอหยุดอาละวาดและเริ่มเดินออกไปข้างนอก“รีบหยุดเธอไว้!” พนักงานต้อนรับเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาหยุดจางลี่หงและลูกสาว“พวกคุณจะทำอะไร? ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม!” จางลี่หงเห็นพวกเขากำลังใช้กำลังเข้ามาหยุด จึงพูดเสียงดังขึ้นว่า “เวินหนี่สั่งพวกคุณทำใช่ไหม? คิดจ
"พี่เวิน เรื่องใหญ่แล้ว!"หลังจากที่จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยเวินหนี่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทันใดนั้นหลี่ถิงก็วิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีที่เร่งรีบ เธอจึงถามขึ้นว่า "เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงดูตื่นตระหนกขนาดนี้?""ก็เรื่องของพี่น่ะสิ!"หลี่ถิงไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น"ฉันเหรอ?" เวินหนี่ยังไม่เข้าใจนัก เธอจึงถามอย่างสงบว่า "เกิดอะไรขึ้นกับฉันงั้นเหรอ?""อากับลูกพี่ลูกน้องของพี่ค่ะ"ทันทีที่ได้ยิน สีหน้าของเวินหนี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เพียงแค่ได้ยินชื่อพวกเขาเธอก็รู้แล้วว่าต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอนว่าแล้วหลี่ถิงก็ยื่นโทรศัพท์มาให้เธอดูการถ่ายทอดสดเหตุการณ์นั้นบนอินเทอร์เน็ตอากับลูกพี่ลูกน้องของเธอนี่ช่างร้ายกาจจริง ๆ เมื่อไม่สามารถรีดเงินทองอะไรจากบ้านเธอได้ พวกเขาก็ไปทำตัวน่าสงสารต่อหน้านักข่าวเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของเธอ แถมยังสร้างเรื่องขึ้นมาอีกด้วยพวกเขากล่าวหาว่าครอบครัวได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อเธอได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้และประสบความสำเร็จ เธอกลับไม่สนใจญาติพี่น้อง ไม่เห็นค่าลุงป้าน้าอาของตัวเองเลย พวกเขายังกล่าวหาว่าเธอไม่เคย
เวินหนี่เดินลงมาชั้นล่างก็เห็นนักข่าวกำลังทำการสัมภาษณ์อยู่ที่หน้าประตูกล้องหลายตัวกำลังจับภาพจางลี่หงและเวินซู่กำลังร้องไห้ฟูมฟายถึงความลำบากของตัวเอง เวินซู่ร้องจนตาบวมและพูดต่อหน้ากล้องว่า “ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจนะคะ ฉันเชื่อว่าถ้ามีพวกคุณอยู่ความยุติธรรมก็คงจะมาถึงในไม่ช้า!”“ความยุติธรรมอะไร?” เวินหนี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เย็นชา เธอไม่ชอบท่าทางเสแสร้งของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จึงถามตรง ๆ ว่า “คิดว่าการมาร้องไห้ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ฉันจะกลัวแล้วปล่อยให้พวกเธอทำตามใจได้งั้นเหรอ?”พวกเขาต่างหันมามองทางนี้ ก่อนจะเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดพอจางลี่หงเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาเธอก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม เธอชี้ไปที่เวินหนี่และพูดว่า “เวินหนี่ เธอนี่มันไม่มีหัวใจจริง ๆ ฉันเป็นอาของเธอนะ แต่เธอกลับเย็นชาขนาดนี้ ไม่สนใจว่าเราจะเป็นหรือตาย ตั้งแต่เด็กจนโตเราดูแลเธออย่างดี ไม่เคยให้เธอขาดอะไรเลย แล้วเธอกล้าทำกับพวกเราแบบนี้ได้ยังไง!”เวินซู่เสริมผู้เป็นแม่ “ตอนนี้พี่สำนึกผิดแล้วใช่ไหม? ถ้าพี่ยอมรับฉันกับแม่ ทุกอย่างที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถอะ ครอบ
เวินซู่เสริมว่า “ใช่แล้ว เพื่อช่วยพี่ครอบครัวฉันก็เลยต้องรวบรวมเงินจากที่โน่นที่นี่มาส่งเสียให้ฉันเรียน”เพื่อให้ชนะในการโต้เถียงครั้งนี้ พวกเธอไม่สนใจเรื่องความจริงอีกต่อไปแล้ว กลับพูดโกหกได้เต็มปากเต็มคำ“คนเนรคุณ!”“หน้าด้านต่ำทราม!”ทันใดนั้นก็มีใครบางคนขว้างไข่มาที่เวินหนี่ ไข่นั้นตกลงตรงหน้าเธอทันที เมื่อเวินหนี่มองไปก็เห็นว่ามีกลุ่มคนประมาณสิบคนยืนอยู่ที่ประตู พวกเขาถือไข่และใบผักอยู่ในมือ ก่อนจะพากันขว้างเข้ามาที่เธออย่างต่อเนื่อง ร่างบางรีบใช้มือป้องกันตัวเองจากการถูกขว้างสิ่งของใส่ทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้าไปขวาง“ขวางทำไม? เธอมันคนใจทรามที่เป็นชู้กับสามีคนอื่น เลขางั้นเหรอ เลขาก็แค่เมียน้อยของคนอื่นเท่านั้นแหละ!” หนึ่งในคนที่ขว้างไข่ใส่เธอพูดออกมาเวินหนี่เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์นี้รุนแรงกว่าที่เธอคาดไว้มาก ดูเหมือนว่าพวกเขามีการเตรียมการมาก่อนแล้ว จางลี่หงมาหาเธอพร้อมกับกลุ่มคนที่ขว้างของใส่เธอ ซึ่งทำให้เวินหนี่รู้สึกว่านี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่มีคนวางเอาไว้ เธอจึงมองไปที่จางลี่หงผู้มีสีหน้าภูมิใจเหมือนต้องการเห็นเธอยอมแพ้ คงคิ
ไม่ไกลจากจุดนั้น มีเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้นเติ้งจวนกำลังเข็นรถเข็นที่มีเวินจ้าวนั่งอยู่ เขาดูโกรธจัดเวินหนี่ประหลาดใจมาก “พ่อคะ พ่อมาที่นี่ได้ยังไง?”ตอนแรกจางลี่หงคิดว่าถ้าหากสามารถกดดันเวินหนี่ได้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่าเวินจ้าวผู้เป็นพ่อของหญิงสาวจะมาที่นี่ เมื่อเห็นเวินจ้าว ใบหน้าของจางลี่หงก็ซีดเผือดทันที “พี่ใหญ่...”เวินจ้าวมองจางลี่หงอย่างเคร่งเครียด “เธอกล้ามารังแกลูกสาวของฉันแบบนี้ได้ยังไง! จางลี่หง ฉันเคยคิดว่าเธอแค่เป็นคนใจแคบ แต่ไม่ใช่คนเลว แต่ฉันคิดผิด! เธอกล้าทำร้ายลูกสาวของฉันต่อหน้านักข่าวแบบนี้ได้ยังไง?”“พี่ใหญ่…ไม่ใช่นะคะ…” จางลี่หงพยายามแก้ตัว “ฉันไม่ได้ใส่ร้ายอะไรเลย ฉันแค่พูดว่าเวินหนี่ไม่เคารพฉันในฐานะอาของเธอ!”เวินจ้าวขมวดคิ้ว ไม่ฟังคำแก้ตัวของคนตรงหน้าอีกต่อไป เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ขาดสะบั้นลงแล้ว “เธอเห็นชื่อเสียงของเวินหนี่เป็นอะไร? เป็นเครื่องมือให้เธอไว้หาผลประโยชน์ก็แค่นั้น! ในเมื่อเธออยากให้ทุกคนรู้ งั้นฉันจะบอกให้หมดว่าครอบครัวของเธอทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้บ้าง!”จางลี่หงเริ่มกลัวจริง ๆ เธอจึงร้องไห้และพย
เวินหนี่คาดเดาไว้บ้างแล้ว เธอจึงถามว่า “ใครเป็นคนบอกคะ?”จางลี่หงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยความลังเล “ไม่รู้ชื่อหรอก ไม่ทันได้ถามชื่อด้วยซ้ำ เห็นแค่ว่าเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ฉันนี่มันโง่จริง ๆ ที่ไปเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้า!”เธอร้องไห้หนักขึ้น เมื่อเริ่มตระหนักว่าถูกหลอกใช้เวินซู่ที่ไม่สามารถรับมือกับการถูกด่าทอและโจมตีจากผู้ชมออนไลน์ได้ สีหน้าของเธอจึงซีดเผือดและร้องไห้ออกมาในขณะที่พูด “ฉันจะทำยังไงดี ฉันจบเห่แล้วแน่ ๆ ไม่มีบริษัทไหนจะรับฉันฝึกงานแล้ว พี่ พี่ช่วยฉันที ฉันไม่ไปฝึกงานที่บริษัทตระกูลเย่ก็ได้ แต่ช่วยอธิบายให้หน่อยว่าฉันไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปเจอผู้คนได้ยังไง จะหางานทำได้ยังไง!”แม่ลูกทั้งสองคนต่างพากันอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเวินหนี่“หนีหนี่ ฉันขอร้องล่ะ ไม่ต้องทำเพื่อฉันก็ได้ แต่ทำเพื่อน้องสาวเธอเถอะนะ ฉันจะคุกเข่าขอร้องเธอก็ได้!” จางลี่หงรู้ว่าสถานการณ์มันร้ายแรงมาก เธอจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกสาวเอาไว้เวินหนี่ไม่ตอบอะไร การมีเมตตาต่อคนอื่นในสถานการณ์แบบนี้เท่ากับทำร้ายตัวเองเติ้งจวนเห็นท่าทางของพวกเขาจึงรีบเข้าไปดึงตัวจางลี่หงขึ้นมา “อย