“ตัวนี้พอไหม?” เย่หนานโจวถาม “มันดูดีกว่าตัวที่เธอถืออยู่หรือเปล่า?”“...”เวินหนี่มองหมีตัวใหญ่ที่สูงกว่าตัวเขาเสียอีก ถ้าเธอถือมันไว้คงต้องลากไปกับพื้นแน่ ๆ เธอจึงรีบส่ายหน้า “ไม่เอาหรอกค่ะ มันตัวใหญ่เกิน แถมฉันก็ไม่ได้ชอบด้วย”ใบหน้าของเย่หนานโจวเข้มขึ้นทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “แล้วมันไม่ดีกว่าตัวที่เธอถืออยู่หรือไง? เอาไป!”เขาใช้มือข้างเดียวโยนตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไปให้เธอเวินหนี่ที่กำลังถือโดราเอมอนอยู่ต้องรับตุ๊กตาหมีอีกตัวที่ถูกโยนมา ความหนักของตุ๊กตาทั้งสองตัวทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก“เย่หนานโจว พอเถอะ!” หลังจากพยายามจัดการจนสามารถโผล่ศีรษะออกมาได้ เวินหนี่พูดขึ้นมาทันที ในขณะที่พยายามจับตุ๊กตาทั้งสองตัวไว้ไม่ให้หล่นลงพื้น ทว่าเย่หนานโจวไม่ตอบอะไร ใบหน้ายังคงเย็นชา ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบ ก็เธอชอบตุ๊กตาตัวใหญ่ ๆ ไม่ใช่เหรอ?ตุ๊กตานี้มันใหญ่กว่าตัวเดิมที่เธอถืออยู่เสียอีก แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตื่นเต้น? ทำไมเธอถึงไม่ดีใจล่ะ?มีอะไรผิดตรงไหน?เวินหนี่รู้ตัวว่าคำพูดของเธออาจทำให้เขารู้สึกเสียหน้า จึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “มันหนักเกินไป ฉันถื
เวินหนี่ใช้ยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดแผลให้ก่อนจะพันแผลให้เรียบร้อย ไม่นานนักเผยชิงก็ขับรถมาจอดที่ข้างถนนเวินหนี่ประคองเย่หนานโจวขึ้นรถ แล้วหันไปมองลู่เซินแวบหนึ่ง เย่หนานโจวเห็นสายตานั้น เขาก็รับรู้ได้ว่าเธอดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับลู่เซินมากลู่เซินจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับไปก่อนเถอะ ประธานเย่ได้รับบาดเจ็บ ต้องมีคนดูแล”เขาพูดเพื่อเปิดทางให้เวินหนี่อย่างเต็มใจ เพราะเข้าใจดีว่าเธอจำเป็นต้องทำหน้าที่ เย่หนานโจวคือเจ้านายและเธอก็ต้องใส่ใจเรื่องนี้ก่อนเวินหนี่โบกมือให้ลู่เซินพร้อมกับพูดว่า “งั้นฉันกลับก่อนนะ วันนี้ขอบคุณมากที่พามาเที่ยว”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อประตูรถปิดลง เผยชิงที่ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นรถก็เปลี่ยนใจ เขายิ้มแล้วเดินไปหาลู่เซิน “คุณลู่ ขอบคุณมากครับ”เขาพูดพร้อมกับรับตุ๊กตาหมีสตรอว์เบอร์รี่จากลู่เซินอย่างสุภาพ เพราะสุดท้ายแล้วตุ๊กตาหมีตัวนี้เป็นรางวัลที่ประธานเย่ชนะมาให้เวินหนี่ จึงไม่ควรให้คนอื่นถือไปเผยชิงไม่เคยเห็นเย่หนานโจวดื้อดึงขนาดนี้มาก่อนรถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป ส่วนลู่เซินก็มองตามหลังรถไปเรื่อย ๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใ
เย่หนานโจวเพิ่งกลับมาจากข้างนอก สีหน้าเขาเย็นชาขณะที่ฟังพนักงานรายงานการทำงาน“ประธานเย่ครับ บ่ายโมงวันนี้เราได้จัดเตรียมคนให้ไปส่งน้ำตามแผนเรียบร้อยแล้ว”เย่หนานโจวมองเวินหนี่ซึ่งกำลังยุ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเรียกเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เลขาเวิน”เวินหนี่รีบเดินเข้ามาหา “ประธานเย่”“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรตอนบ่าย ก็ไปด้วยกัน”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ งานนี้เป็นงานที่เหนื่อยและลำบาก ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากไปทำ ปกติมักจะถูกมอบหมายให้ผู้ชายไปทำเสมอ เวินหนี่เป็นผู้หญิงคนเดียวในสถานที่นั้นด้านนอกแดดแรงมากและเธอก็ใส่กระโปรงกับรองเท้าส้นสูง ซึ่งไม่สะดวกทั้งในการนั่งยอง ๆ หรือแม้แต่เดิน งานนี้จึงไม่เหมาะกับเธอเลยแต่คำสั่งของเย่หนานโจวไม่มีใครกล้าขัดขืน เวินหนี่จึงต้องยอมทำตาม “ได้ค่ะ ท่านประธาน”“อืม”เย่หนานโจวไม่มองเธออีกแล้วเดินไปทางห้องทำงานด้วยท่าทีเฉยชา“พี่เวิน เดี๋ยวฉันไปช่วยนะ” หลี่ถิงเสนอขึ้นด้วยความตั้งใจจะแบ่งเบาภาระของเวินหนี่“ไม่เป็นไร” เวินหนี่ตอบ “คนทำงานมีพอแล้ว มีเธอเพิ่มอีกคนก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เธออยู่ที่สำนักงานเถอะ”บ่ายโมง ตรงกับเวลาที่แดดร
เมื่อเห็นว่าเย่หนานโจวไม่ตอบอะไร ฮั่วเยี่ยนก็ลุกขึ้นและเดินมาหาเขาพร้อมพูดว่า “ภรรยาที่คุณปู่เลือกให้นายดูแล้วก็ไม่เลวเลยนะ เรียบร้อย รู้จักกาลเทศะ เชื่อฟังแล้วก็ไม่สนใจว่านายจะมีผู้หญิงคนอื่นอีกสักกี่คน แบบนี้ไม่ดีหรือไง ทำไมยังทำให้นายไม่พอใจอีก?”เย่หนานโจวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “เรียบร้อย รู้จักกาลเทศะ และเชื่อฟัง นี่แหละคือคุณสมบัติที่ดีของภรรยาจริง ๆ”“ไม่น่าเชื่อ นายดูสนใจเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่นายคงไม่ได้ชอบเธอจริง ๆ หรอกใช่ไหม?” ฮั่วเยี่ยนรู้สึกว่าเย่หนานโจวมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เพราะปกติแล้วถึงแม้จะรังแกเวินหนี่แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกไม่พอใจแบบนี้มาก่อนฮั่วเยี่ยนมองลงไปยังเวินหนี่ที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานผู้ชายอย่างสนุกสนาน ก่อนจะหัวเราะและพูดว่า “ฉันว่าภรรยาของนายน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของหลายคนเหมือนกันนะ ดูเหมือนเธอเข้ากับคนง่าย นายเคยบอกว่าจะหย่ากับเธอไม่ใช่เหรอ? หลังจากหย่าไปแล้ว เธอคงจะเป็นที่ต้องการของใครหลายคนแน่ ๆ”คำพูดของฮั่วเยี่ยนทำให้คิ้วของคนฟังยิ่งขมวดแน่นขึ้น จริงอย่างที่เขาพูด สำหรับเวินหนี่การเข้ากับคนอื่นไม่ใช่เรื่องยาก และดูเหมือนเธอจะเป็นที่ชื่น
“ไม่มีใครเห็นหรอก”ตอนนั้นเธอสวมเสื้อคลุมอยู่ จึงไม่มีใครเห็นเสื้อข้างใน และเธอเพิ่งจะถอดมันออกเมื่อครู่นี้ แต่ก็ถูกเขาดึงตัวมาก่อน“ตอนนี้พยายามปิดมันคงไม่สายไปหน่อยเหรอ?” เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของที่ชัดเจน ว่าแล้วนิ้วมือของเขาก็ลากมาที่หน้าอกของเธอเวินหนี่มองตาเขา ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาและการครอบครอง มันเป็นสายตาของผู้ชายที่มองผู้หญิงอย่างหลงใหล นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขามองเธอแบบนี้ เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายและพยายามจะหลบหนีเย่หนานโจวไม่ยอมให้เธอหลบหนีไปได้ง่าย ๆ เขาขังเธอไว้ในมุมแคบที่มีเพียงเขาอยู่ใกล้เธอเท่านั้น “เวินหนี่ นี่น่ะเหรอสิทธิ์ในการตามหาความสุขที่เธอเคยบอก?”เวินหนี่ไม่เข้าใจ “ว่าไงนะ?”ร่างกายกำยำของเย่หนานโจวกดทับเธอไว้ก่อนจะเย้ยหยัน “เป้าหมายของเธอไม่น้อยเลยนะ หลังจากหย่ากับฉันเธอก็คงจะรีบหาผู้ชายมาแต่งงานทันทีเลยสินะ?”เมื่อเห็นมือของเขาล้วงลึกลงไปเรื่อย ๆ เวินหนี่ก็เริ่มกลัว จึงพยายามงอตัวและพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น เย่หนานโจว ปล่อยฉันก่อน พูดกันดี ๆ ก็ได้ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า!”ร่างสูงเห็นสี
เมื่อได้ยินอย่างนั้น โจวเสี่ยวหลินก็ถึงกับตกตะลึง ก่อนจะถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความช็อกสุดขีด“คุณบอกว่าเวินหนี่เป็นภรรยาของเย่หนานโจว?”โจวเสี่ยวหลินไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นไปได้ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ? ถ้าเย่หนานโจวเป็นสามีของเวินหนี่ ทำไมเธอไม่รู้เรื่องนี้ และทำไมพวกเขาถึงไม่บอกใคร?“ใช่ค่ะ คุณช่วยปล่อยมือฉันก่อน” เวินซูดึงมือออกมา “พี่เขยของฉันคือเย่หนานโจว!”โจวเสี่ยวหลินยังคงมองพวกเธอด้วยความสงสัย “พวกคุณหลอกฉันใช่ไหม? เวินหนี่เป็นเลขาของเย่หนานโจวไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงกลายเป็นภรรยาเขาได้ล่ะ?”“ทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ?” จางลี่หงพูด “ฉันเห็นด้วยตาตัวเอง ฟังด้วยหูตัวเอง หลานเขยของฉันคนนี้ไปเยี่ยมพ่อของเวินหนี่ซึ่งก็คือพี่ชายของฉัน เย่หนานโจวเป็นหลานเขยของเราแน่นอน”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ โจวเสี่ยวหลินก็ค่อย ๆ เริ่มตั้งสติและทำความเข้าใจจากสิ่งที่พวกเธอพูดออกมา “พวกคุณ...ไม่เคยรู้มาก่อนหรือไง?”จางลี่หงเองก็ดูสับสนเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ “เราเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ครอบครัวเราคงมีเงินมากกว่านี้ไปนานแล้ว!”เย่หนานโจวช่วยจ่ายหนี้ให้เวินจ้าวถึงสิบล้าน!
คราแรกโจวเสี่ยวหลินรู้สึกกังวลในใจว่าตนอาจจะพ่ายแพ้ แต่หลังจากได้ฟังสิ่งที่พวกหล่อนพูด เธอกลับรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น ตำแหน่งภรรยาของเย่หนานโจวที่เวินหนี่ครองอยู่ก็เหมือนเป็นแค่ในนามเพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? อีกไม่นานพวกเขาอาจจะหย่ากันก็ได้โจวเสี่ยวหลินมองพวกหล่อนพลางเกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมาในหัว“ไม่ต้องห่วงนะคะ” โจวเสี่ยวหลินยิ้มและพูดขึ้น “บริษัทตระกูลเย่ไม่ใช่ที่ที่เข้าไปได้ง่าย ๆ หรอก พวกคุณอาจจะถูกไล่ออกมาทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ได้!”“เป็นไปได้ยังไง? ฉันเป็นอาสะใภ้ของเย่หนานโจว ใครจะกล้าไล่ฉันออกมา?” จางลี่หงมั่นใจในสถานะของตัวเองมาก เธอไม่กลัวอะไรแถมคิดว่าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยซ้ำโจวเสี่ยวหลินพูดต่อ “พวกคุณบอกว่าเวินหนี่คอยระแวงพวกคุณสินะคะ เธอเป็นถึงเลขาของเย่หนานโจว ถ้าพวกคุณเข้าไปอย่างเอิกเกริกเธอคงเป็นคนแรกที่รู้ข่าว แล้วคิดว่าพวกคุณจะถูกไล่ออกไปหรือเปล่า?”เมื่อจางลี่หงได้ยินอย่างนั้นเธอก็เริ่มมีความกังวลขึ้นมา พร้อมพูดด้วยความไม่พอใจ “ที่คุณพูดก็มีเหตุผล ตอนที่อยู่โรงพยาบาล เวินหนี่ก็ไม่พูดจาดี ๆ เลย พอเรามาหาที่นี่ เธอจะทำ
พนักงานต้อนรับรู้สึกว่าเวินหนี่เป็นคนดี เป็นมิตรกับคนอื่น ไม่เคยแย่งชิงหรือมีปัญหากับใคร ไม่เหมือนที่จางลี่หงพูดถึงเธอเลยสักนิด กลับกันจางลี่หงที่กำลังอาละวาดและพูดจารุนแรงต่างหากที่ดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมเลิกรา หากยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พนักงานต้อนรับคิดอยากจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเชิญตัวจางลี่หงออกไป แต่ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นรถที่มีสัญลักษณ์นักข่าวขับผ่านไป และเห็นคนงานทำความสะอาดอยู่หน้าประตูด้วย นักข่าวพวกนี้เป็นนักข่าวสายสังคม ถ้ามีการสัมภาษณ์หรือทำข่าวขึ้นมา แล้วเรื่องนี้หลุดออกไป บริษัทจะได้รับผลกระทบแน่นอน เธอจึงไม่กล้าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปจัดการกับจางลี่หงจางลี่หงตาไว เห็นสายตาของพนักงานต้อนรับและสังเกตเห็นนักข่าวอยู่ข้างนอกพอดีรู้ว่านี่เป็นโอกาสทองของตน เธอหยุดอาละวาดและเริ่มเดินออกไปข้างนอก“รีบหยุดเธอไว้!” พนักงานต้อนรับเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาหยุดจางลี่หงและลูกสาว“พวกคุณจะทำอะไร? ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม!” จางลี่หงเห็นพวกเขากำลังใช้กำลังเข้ามาหยุด จึงพูดเสียงดังขึ้นว่า “เวินหนี่สั่งพวกคุณทำใช่ไหม? คิดจ