เย่หนานโจวเพิ่งกลับมาจากข้างนอก สีหน้าเขาเย็นชาขณะที่ฟังพนักงานรายงานการทำงาน“ประธานเย่ครับ บ่ายโมงวันนี้เราได้จัดเตรียมคนให้ไปส่งน้ำตามแผนเรียบร้อยแล้ว”เย่หนานโจวมองเวินหนี่ซึ่งกำลังยุ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเรียกเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เลขาเวิน”เวินหนี่รีบเดินเข้ามาหา “ประธานเย่”“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรตอนบ่าย ก็ไปด้วยกัน”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ งานนี้เป็นงานที่เหนื่อยและลำบาก ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากไปทำ ปกติมักจะถูกมอบหมายให้ผู้ชายไปทำเสมอ เวินหนี่เป็นผู้หญิงคนเดียวในสถานที่นั้นด้านนอกแดดแรงมากและเธอก็ใส่กระโปรงกับรองเท้าส้นสูง ซึ่งไม่สะดวกทั้งในการนั่งยอง ๆ หรือแม้แต่เดิน งานนี้จึงไม่เหมาะกับเธอเลยแต่คำสั่งของเย่หนานโจวไม่มีใครกล้าขัดขืน เวินหนี่จึงต้องยอมทำตาม “ได้ค่ะ ท่านประธาน”“อืม”เย่หนานโจวไม่มองเธออีกแล้วเดินไปทางห้องทำงานด้วยท่าทีเฉยชา“พี่เวิน เดี๋ยวฉันไปช่วยนะ” หลี่ถิงเสนอขึ้นด้วยความตั้งใจจะแบ่งเบาภาระของเวินหนี่“ไม่เป็นไร” เวินหนี่ตอบ “คนทำงานมีพอแล้ว มีเธอเพิ่มอีกคนก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เธออยู่ที่สำนักงานเถอะ”บ่ายโมง ตรงกับเวลาที่แดดร
เมื่อเห็นว่าเย่หนานโจวไม่ตอบอะไร ฮั่วเยี่ยนก็ลุกขึ้นและเดินมาหาเขาพร้อมพูดว่า “ภรรยาที่คุณปู่เลือกให้นายดูแล้วก็ไม่เลวเลยนะ เรียบร้อย รู้จักกาลเทศะ เชื่อฟังแล้วก็ไม่สนใจว่านายจะมีผู้หญิงคนอื่นอีกสักกี่คน แบบนี้ไม่ดีหรือไง ทำไมยังทำให้นายไม่พอใจอีก?”เย่หนานโจวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “เรียบร้อย รู้จักกาลเทศะ และเชื่อฟัง นี่แหละคือคุณสมบัติที่ดีของภรรยาจริง ๆ”“ไม่น่าเชื่อ นายดูสนใจเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่นายคงไม่ได้ชอบเธอจริง ๆ หรอกใช่ไหม?” ฮั่วเยี่ยนรู้สึกว่าเย่หนานโจวมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เพราะปกติแล้วถึงแม้จะรังแกเวินหนี่แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกไม่พอใจแบบนี้มาก่อนฮั่วเยี่ยนมองลงไปยังเวินหนี่ที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานผู้ชายอย่างสนุกสนาน ก่อนจะหัวเราะและพูดว่า “ฉันว่าภรรยาของนายน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของหลายคนเหมือนกันนะ ดูเหมือนเธอเข้ากับคนง่าย นายเคยบอกว่าจะหย่ากับเธอไม่ใช่เหรอ? หลังจากหย่าไปแล้ว เธอคงจะเป็นที่ต้องการของใครหลายคนแน่ ๆ”คำพูดของฮั่วเยี่ยนทำให้คิ้วของคนฟังยิ่งขมวดแน่นขึ้น จริงอย่างที่เขาพูด สำหรับเวินหนี่การเข้ากับคนอื่นไม่ใช่เรื่องยาก และดูเหมือนเธอจะเป็นที่ชื่น
“ไม่มีใครเห็นหรอก”ตอนนั้นเธอสวมเสื้อคลุมอยู่ จึงไม่มีใครเห็นเสื้อข้างใน และเธอเพิ่งจะถอดมันออกเมื่อครู่นี้ แต่ก็ถูกเขาดึงตัวมาก่อน“ตอนนี้พยายามปิดมันคงไม่สายไปหน่อยเหรอ?” เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของที่ชัดเจน ว่าแล้วนิ้วมือของเขาก็ลากมาที่หน้าอกของเธอเวินหนี่มองตาเขา ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาและการครอบครอง มันเป็นสายตาของผู้ชายที่มองผู้หญิงอย่างหลงใหล นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขามองเธอแบบนี้ เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายและพยายามจะหลบหนีเย่หนานโจวไม่ยอมให้เธอหลบหนีไปได้ง่าย ๆ เขาขังเธอไว้ในมุมแคบที่มีเพียงเขาอยู่ใกล้เธอเท่านั้น “เวินหนี่ นี่น่ะเหรอสิทธิ์ในการตามหาความสุขที่เธอเคยบอก?”เวินหนี่ไม่เข้าใจ “ว่าไงนะ?”ร่างกายกำยำของเย่หนานโจวกดทับเธอไว้ก่อนจะเย้ยหยัน “เป้าหมายของเธอไม่น้อยเลยนะ หลังจากหย่ากับฉันเธอก็คงจะรีบหาผู้ชายมาแต่งงานทันทีเลยสินะ?”เมื่อเห็นมือของเขาล้วงลึกลงไปเรื่อย ๆ เวินหนี่ก็เริ่มกลัว จึงพยายามงอตัวและพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น เย่หนานโจว ปล่อยฉันก่อน พูดกันดี ๆ ก็ได้ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า!”ร่างสูงเห็นสี
เมื่อได้ยินอย่างนั้น โจวเสี่ยวหลินก็ถึงกับตกตะลึง ก่อนจะถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความช็อกสุดขีด“คุณบอกว่าเวินหนี่เป็นภรรยาของเย่หนานโจว?”โจวเสี่ยวหลินไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นไปได้ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ? ถ้าเย่หนานโจวเป็นสามีของเวินหนี่ ทำไมเธอไม่รู้เรื่องนี้ และทำไมพวกเขาถึงไม่บอกใคร?“ใช่ค่ะ คุณช่วยปล่อยมือฉันก่อน” เวินซูดึงมือออกมา “พี่เขยของฉันคือเย่หนานโจว!”โจวเสี่ยวหลินยังคงมองพวกเธอด้วยความสงสัย “พวกคุณหลอกฉันใช่ไหม? เวินหนี่เป็นเลขาของเย่หนานโจวไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงกลายเป็นภรรยาเขาได้ล่ะ?”“ทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ?” จางลี่หงพูด “ฉันเห็นด้วยตาตัวเอง ฟังด้วยหูตัวเอง หลานเขยของฉันคนนี้ไปเยี่ยมพ่อของเวินหนี่ซึ่งก็คือพี่ชายของฉัน เย่หนานโจวเป็นหลานเขยของเราแน่นอน”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ โจวเสี่ยวหลินก็ค่อย ๆ เริ่มตั้งสติและทำความเข้าใจจากสิ่งที่พวกเธอพูดออกมา “พวกคุณ...ไม่เคยรู้มาก่อนหรือไง?”จางลี่หงเองก็ดูสับสนเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ “เราเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ครอบครัวเราคงมีเงินมากกว่านี้ไปนานแล้ว!”เย่หนานโจวช่วยจ่ายหนี้ให้เวินจ้าวถึงสิบล้าน!
คราแรกโจวเสี่ยวหลินรู้สึกกังวลในใจว่าตนอาจจะพ่ายแพ้ แต่หลังจากได้ฟังสิ่งที่พวกหล่อนพูด เธอกลับรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น ตำแหน่งภรรยาของเย่หนานโจวที่เวินหนี่ครองอยู่ก็เหมือนเป็นแค่ในนามเพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? อีกไม่นานพวกเขาอาจจะหย่ากันก็ได้โจวเสี่ยวหลินมองพวกหล่อนพลางเกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมาในหัว“ไม่ต้องห่วงนะคะ” โจวเสี่ยวหลินยิ้มและพูดขึ้น “บริษัทตระกูลเย่ไม่ใช่ที่ที่เข้าไปได้ง่าย ๆ หรอก พวกคุณอาจจะถูกไล่ออกมาทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ได้!”“เป็นไปได้ยังไง? ฉันเป็นอาสะใภ้ของเย่หนานโจว ใครจะกล้าไล่ฉันออกมา?” จางลี่หงมั่นใจในสถานะของตัวเองมาก เธอไม่กลัวอะไรแถมคิดว่าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยซ้ำโจวเสี่ยวหลินพูดต่อ “พวกคุณบอกว่าเวินหนี่คอยระแวงพวกคุณสินะคะ เธอเป็นถึงเลขาของเย่หนานโจว ถ้าพวกคุณเข้าไปอย่างเอิกเกริกเธอคงเป็นคนแรกที่รู้ข่าว แล้วคิดว่าพวกคุณจะถูกไล่ออกไปหรือเปล่า?”เมื่อจางลี่หงได้ยินอย่างนั้นเธอก็เริ่มมีความกังวลขึ้นมา พร้อมพูดด้วยความไม่พอใจ “ที่คุณพูดก็มีเหตุผล ตอนที่อยู่โรงพยาบาล เวินหนี่ก็ไม่พูดจาดี ๆ เลย พอเรามาหาที่นี่ เธอจะทำ
พนักงานต้อนรับรู้สึกว่าเวินหนี่เป็นคนดี เป็นมิตรกับคนอื่น ไม่เคยแย่งชิงหรือมีปัญหากับใคร ไม่เหมือนที่จางลี่หงพูดถึงเธอเลยสักนิด กลับกันจางลี่หงที่กำลังอาละวาดและพูดจารุนแรงต่างหากที่ดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมเลิกรา หากยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พนักงานต้อนรับคิดอยากจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเชิญตัวจางลี่หงออกไป แต่ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นรถที่มีสัญลักษณ์นักข่าวขับผ่านไป และเห็นคนงานทำความสะอาดอยู่หน้าประตูด้วย นักข่าวพวกนี้เป็นนักข่าวสายสังคม ถ้ามีการสัมภาษณ์หรือทำข่าวขึ้นมา แล้วเรื่องนี้หลุดออกไป บริษัทจะได้รับผลกระทบแน่นอน เธอจึงไม่กล้าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปจัดการกับจางลี่หงจางลี่หงตาไว เห็นสายตาของพนักงานต้อนรับและสังเกตเห็นนักข่าวอยู่ข้างนอกพอดีรู้ว่านี่เป็นโอกาสทองของตน เธอหยุดอาละวาดและเริ่มเดินออกไปข้างนอก“รีบหยุดเธอไว้!” พนักงานต้อนรับเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาหยุดจางลี่หงและลูกสาว“พวกคุณจะทำอะไร? ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม!” จางลี่หงเห็นพวกเขากำลังใช้กำลังเข้ามาหยุด จึงพูดเสียงดังขึ้นว่า “เวินหนี่สั่งพวกคุณทำใช่ไหม? คิดจ
"พี่เวิน เรื่องใหญ่แล้ว!"หลังจากที่จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยเวินหนี่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทันใดนั้นหลี่ถิงก็วิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีที่เร่งรีบ เธอจึงถามขึ้นว่า "เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงดูตื่นตระหนกขนาดนี้?""ก็เรื่องของพี่น่ะสิ!"หลี่ถิงไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น"ฉันเหรอ?" เวินหนี่ยังไม่เข้าใจนัก เธอจึงถามอย่างสงบว่า "เกิดอะไรขึ้นกับฉันงั้นเหรอ?""อากับลูกพี่ลูกน้องของพี่ค่ะ"ทันทีที่ได้ยิน สีหน้าของเวินหนี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เพียงแค่ได้ยินชื่อพวกเขาเธอก็รู้แล้วว่าต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอนว่าแล้วหลี่ถิงก็ยื่นโทรศัพท์มาให้เธอดูการถ่ายทอดสดเหตุการณ์นั้นบนอินเทอร์เน็ตอากับลูกพี่ลูกน้องของเธอนี่ช่างร้ายกาจจริง ๆ เมื่อไม่สามารถรีดเงินทองอะไรจากบ้านเธอได้ พวกเขาก็ไปทำตัวน่าสงสารต่อหน้านักข่าวเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของเธอ แถมยังสร้างเรื่องขึ้นมาอีกด้วยพวกเขากล่าวหาว่าครอบครัวได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อเธอได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้และประสบความสำเร็จ เธอกลับไม่สนใจญาติพี่น้อง ไม่เห็นค่าลุงป้าน้าอาของตัวเองเลย พวกเขายังกล่าวหาว่าเธอไม่เคย
เวินหนี่เดินลงมาชั้นล่างก็เห็นนักข่าวกำลังทำการสัมภาษณ์อยู่ที่หน้าประตูกล้องหลายตัวกำลังจับภาพจางลี่หงและเวินซู่กำลังร้องไห้ฟูมฟายถึงความลำบากของตัวเอง เวินซู่ร้องจนตาบวมและพูดต่อหน้ากล้องว่า “ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจนะคะ ฉันเชื่อว่าถ้ามีพวกคุณอยู่ความยุติธรรมก็คงจะมาถึงในไม่ช้า!”“ความยุติธรรมอะไร?” เวินหนี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เย็นชา เธอไม่ชอบท่าทางเสแสร้งของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จึงถามตรง ๆ ว่า “คิดว่าการมาร้องไห้ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ฉันจะกลัวแล้วปล่อยให้พวกเธอทำตามใจได้งั้นเหรอ?”พวกเขาต่างหันมามองทางนี้ ก่อนจะเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดพอจางลี่หงเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาเธอก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม เธอชี้ไปที่เวินหนี่และพูดว่า “เวินหนี่ เธอนี่มันไม่มีหัวใจจริง ๆ ฉันเป็นอาของเธอนะ แต่เธอกลับเย็นชาขนาดนี้ ไม่สนใจว่าเราจะเป็นหรือตาย ตั้งแต่เด็กจนโตเราดูแลเธออย่างดี ไม่เคยให้เธอขาดอะไรเลย แล้วเธอกล้าทำกับพวกเราแบบนี้ได้ยังไง!”เวินซู่เสริมผู้เป็นแม่ “ตอนนี้พี่สำนึกผิดแล้วใช่ไหม? ถ้าพี่ยอมรับฉันกับแม่ ทุกอย่างที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถอะ ครอบ