“อะไรนะ?” ใบหน้าของโจวเสี่ยวหลินดูน่าเกลียดอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ แม่ เวลามันลงล็อคพอดีและฉันเองก็จำได้แม่น จะไม่ใช่ประธานเย่ได้ยังไง? แม่นั่นแหละที่เข้าใจผิด”“มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น!” คนในสายพูด “ตอนที่ฉันรู้ว่าพวกเขากำลังตามหาคน ฉันเองก็คิดว่าเธอกำลังจะได้โบยบิน แต่เราทุกคนต่างก็เข้าใจผิด หมายเลขห้องก็ไม่ถูกต้อง คนคืนนั้นไม่ใช่ประธานเย่ แต่เป็น…ผู้ชายในวัยสักสี่สิบห้าสิบ”ตอนนี้ใบหน้าของโจวเสี่ยวหลินซีดเผือด เธอมองไปที่ท้องของตัวเองอีกครั้งและรู้สึกถึงโทสะ “ฉันจะตั้งท้องลูกของผู้ชายอายุสี่สิบห้าสิบปีได้ยังไง?”ความแตกต่างระหว่างความฝันและความเป็นจริงมันมากเกินไปเธอมีความสุขโดยเปล่าประโยชน์หากเธอไม่ได้มีความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เธอก็คงไม่ผิดหวังมากขนาดนี้ตอนที่เธอพบว่าชายในคืนนั้นคือเย่หนานโจว เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดที่เธอเคยทำมาในชีวิตเธอเชื่อว่าตนสามารถจับชายที่ร่ำรวยและหล่อเหลาได้คราวเดียวแต่ความเป็นจริงกลับบอกเธอว่าเธอนอนกับชายชราคนหนึ่ง“เสี่ยวหลินยอมรับความจริงซะเถอะ ถึงแม้ว่าเขาจะแก่แล้วแต่ก็มีเงิน เธอสามา
คำพูดของเย่หนานโจวทำเผยชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โจวเสี่ยวหลินกำลังตั้งครรภ์และเธอก็เป็นผู้หญิงในคืนนั้น ดังนั้นเด็กก็ต้องเป็นลูกของเขาสิ“ไปได้แล้ว” จู่ ๆ เย่หนานโจวก็พูดขึ้น“อ้อ” เผยชิงสตาร์ตรถเย่หนานโจวขมวดคิ้ว “ฉันหมายถึงให้ลงจากรถ!”“ประธานเย่ คุณยังมีนัดไม่ใช่เหรอครับ? พวกเขากำลังรออยู่ อีกอย่างที่นี่ก็มีคนมากเกินไป!” เผยชิงเห็นมีคนมากมายที่นี่มันจะต้องแออัดแน่นอนเลขาเวินมาที่นี่ก็ไม่เท่าไร แต่เย่หนานโจวมาที่นี่โดยไม่มีคนคอยรักษาความปลอดภัยคอยเปิดทางให้ ตามนิสัยการใช้ชีวิตของเขาแล้ว เขาไม่มีทางลงไปเดินในที่แบบนี้แน่เย่หนานโจวจ้องไปที่เผยชิงและพูดนิ่ง ๆ “นายชอบที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”“ครับ?” เผยชิงตอบสนองไม่ทัน เขาชอบสถานที่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?แต่เมื่อเห็นสายตาดุดันของเย่หนานโจว เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้า “ครับ ครับ ผมชอบที่นี่”“อืม ลงไปซะ!” เย่หนานโจวเบี่ยงสายตาหันออกไปมองด้านนอก เขาลงจากรถก่อน แล้วมองดูฝูงชนมากมาย นึกไม่ออกเลยว่าการรวมตัวกันของผู้คนในสถานที่แบบนี้มีอะไรน่าสนใจกัน แค่เพื่อมาดูดอกไม้ไฟสิบกว่านาทีเท่านี้เหรอ?เย่หนานโจวอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากด้
โชคดีที่เจ้าของร้านเตรียมรับมือไว้ก่อนแล้ว ทำให้เขาสามารถหลบหลีกได้ทัน“เผยชิง นายยิงได้บ้างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสนัก“...” เผยชิงมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเจ้าของร้านแล้วตอบ “เกือบโดนแล้วครับ!”ลู่เซินถูกเวินหนี่กอดไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอดีใจขนาดนี้ ลู่เซินจึงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง ๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนใช่ไหม?”“ไม่ต้องรีบหรอก ฉันดีใจมากเลย” เวินหนี่ยิ้มตอบเจ้าของร้านถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “หนุ่มน้อย นายนี่เก่งจริง ๆ รู้ไหมว่าไม่ค่อยมีใครสามารถโยนห่วงโดนของที่อยู่ด้านหลังได้เลยนะ!”จากนั้นเขาก็รีบหยิบโดราเอมอนมาส่งให้เวินหนี่เวินหนี่กอดมันไว้แน่น รู้สึกถึงความมั่นคงภายในใจ ราวกับว่าเธอได้ครอบครองสิ่งที่เป็นของตัวเองจริง ๆ แล้ว“แล้วยังมีห่วงเหลืออีกตั้งเยอะ จะทำยังไงดี?” ลู่เซินถามเวินหนี่ตอบว่า “โยนให้หมดเลย โดนอะไรก็เอาอันนั้นแหละ”“โอเค” ลู่เซินตอบตามที่เธอว่า เขายังโชว์ฝีมือได้ดี โยนห่วงโดนทุกครั้ง แต่ของที่ได้มาก็เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรแต่ก็ยังสนุกมากทว่าร้านด้านข้างกลับ
เผยชิงเหงื่อแตกพลั่ก เขารู้ดีว่านี่คือผู้มีพระคุณที่ให้เงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเขาได้ จะไม่ให้สนใจได้อย่างไรเมื่อเห็นสีหน้าของเย่หนานโจวไม่ค่อยดี เขาจึงรีบพูดว่า “ประธานเย่ อย่าโกรธเลยครับ เลขาเวินยังอยากเล่นอยู่ เราไปเล่นด้วยกันดีไหมครับ?”คนฟังจึงตอบด้วยความไม่พอใจ “ใครอยากเล่นกับเธอกัน”เวินหนี่เห็นว่าเขาพูดแบบนั้นก็ไม่คิดจะบังคับ จึงหันไปบอกกับลู่เซินว่า “ข้างหน้ายังมีอะไรสนุก ๆ อีกเยอะ เราไปดูกันเถอะ”“โอเค” ลู่เซินตอบแล้วหันไปมองเย่หนานโจว “ประธานเย่ เราคงไม่กวนคุณแล้วนะครับ”ว่าแล้วทั้งสองก็เดินไปข้างหน้าส่วนเย่หนานโจวก็มองตามหลังพวกเขาด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ก่อนจะถามเผยซิง “นายอยากไปกับพวกเขาหรือไง?”“ไปครับ ไปด้วย!”เผยชิงรีบตะโกนออกมา “เลขาเวิน ผมอยากไปกับคุณด้วย”ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เย่หนานโจวก็เดินตามไปเช่นกันชายหนุ่มเดินตามหลังพวกเขาไป ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่โดราเอมอนซึ่งเวินหนี่กอดไม่ยอมปล่อย “แค่ของเล่นชิ้นเดียวก็ทำให้เธอดีใจได้ขนาดนี้”เมื่อครู่ตอนที่เธอดีใจ มันเหมือนกับว่าเธอได้พบสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทั้งที่มันก็แค่ของเล่นห่วย ๆ ชิ้นหนึ่งก็เท่า
“ตัวนี้พอไหม?” เย่หนานโจวถาม “มันดูดีกว่าตัวที่เธอถืออยู่หรือเปล่า?”“...”เวินหนี่มองหมีตัวใหญ่ที่สูงกว่าตัวเขาเสียอีก ถ้าเธอถือมันไว้คงต้องลากไปกับพื้นแน่ ๆ เธอจึงรีบส่ายหน้า “ไม่เอาหรอกค่ะ มันตัวใหญ่เกิน แถมฉันก็ไม่ได้ชอบด้วย”ใบหน้าของเย่หนานโจวเข้มขึ้นทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “แล้วมันไม่ดีกว่าตัวที่เธอถืออยู่หรือไง? เอาไป!”เขาใช้มือข้างเดียวโยนตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไปให้เธอเวินหนี่ที่กำลังถือโดราเอมอนอยู่ต้องรับตุ๊กตาหมีอีกตัวที่ถูกโยนมา ความหนักของตุ๊กตาทั้งสองตัวทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก“เย่หนานโจว พอเถอะ!” หลังจากพยายามจัดการจนสามารถโผล่ศีรษะออกมาได้ เวินหนี่พูดขึ้นมาทันที ในขณะที่พยายามจับตุ๊กตาทั้งสองตัวไว้ไม่ให้หล่นลงพื้น ทว่าเย่หนานโจวไม่ตอบอะไร ใบหน้ายังคงเย็นชา ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบ ก็เธอชอบตุ๊กตาตัวใหญ่ ๆ ไม่ใช่เหรอ?ตุ๊กตานี้มันใหญ่กว่าตัวเดิมที่เธอถืออยู่เสียอีก แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตื่นเต้น? ทำไมเธอถึงไม่ดีใจล่ะ?มีอะไรผิดตรงไหน?เวินหนี่รู้ตัวว่าคำพูดของเธออาจทำให้เขารู้สึกเสียหน้า จึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “มันหนักเกินไป ฉันถื
เวินหนี่ใช้ยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดแผลให้ก่อนจะพันแผลให้เรียบร้อย ไม่นานนักเผยชิงก็ขับรถมาจอดที่ข้างถนนเวินหนี่ประคองเย่หนานโจวขึ้นรถ แล้วหันไปมองลู่เซินแวบหนึ่ง เย่หนานโจวเห็นสายตานั้น เขาก็รับรู้ได้ว่าเธอดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับลู่เซินมากลู่เซินจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับไปก่อนเถอะ ประธานเย่ได้รับบาดเจ็บ ต้องมีคนดูแล”เขาพูดเพื่อเปิดทางให้เวินหนี่อย่างเต็มใจ เพราะเข้าใจดีว่าเธอจำเป็นต้องทำหน้าที่ เย่หนานโจวคือเจ้านายและเธอก็ต้องใส่ใจเรื่องนี้ก่อนเวินหนี่โบกมือให้ลู่เซินพร้อมกับพูดว่า “งั้นฉันกลับก่อนนะ วันนี้ขอบคุณมากที่พามาเที่ยว”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อประตูรถปิดลง เผยชิงที่ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นรถก็เปลี่ยนใจ เขายิ้มแล้วเดินไปหาลู่เซิน “คุณลู่ ขอบคุณมากครับ”เขาพูดพร้อมกับรับตุ๊กตาหมีสตรอว์เบอร์รี่จากลู่เซินอย่างสุภาพ เพราะสุดท้ายแล้วตุ๊กตาหมีตัวนี้เป็นรางวัลที่ประธานเย่ชนะมาให้เวินหนี่ จึงไม่ควรให้คนอื่นถือไปเผยชิงไม่เคยเห็นเย่หนานโจวดื้อดึงขนาดนี้มาก่อนรถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป ส่วนลู่เซินก็มองตามหลังรถไปเรื่อย ๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใ
เย่หนานโจวเพิ่งกลับมาจากข้างนอก สีหน้าเขาเย็นชาขณะที่ฟังพนักงานรายงานการทำงาน“ประธานเย่ครับ บ่ายโมงวันนี้เราได้จัดเตรียมคนให้ไปส่งน้ำตามแผนเรียบร้อยแล้ว”เย่หนานโจวมองเวินหนี่ซึ่งกำลังยุ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเรียกเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เลขาเวิน”เวินหนี่รีบเดินเข้ามาหา “ประธานเย่”“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรตอนบ่าย ก็ไปด้วยกัน”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ งานนี้เป็นงานที่เหนื่อยและลำบาก ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากไปทำ ปกติมักจะถูกมอบหมายให้ผู้ชายไปทำเสมอ เวินหนี่เป็นผู้หญิงคนเดียวในสถานที่นั้นด้านนอกแดดแรงมากและเธอก็ใส่กระโปรงกับรองเท้าส้นสูง ซึ่งไม่สะดวกทั้งในการนั่งยอง ๆ หรือแม้แต่เดิน งานนี้จึงไม่เหมาะกับเธอเลยแต่คำสั่งของเย่หนานโจวไม่มีใครกล้าขัดขืน เวินหนี่จึงต้องยอมทำตาม “ได้ค่ะ ท่านประธาน”“อืม”เย่หนานโจวไม่มองเธออีกแล้วเดินไปทางห้องทำงานด้วยท่าทีเฉยชา“พี่เวิน เดี๋ยวฉันไปช่วยนะ” หลี่ถิงเสนอขึ้นด้วยความตั้งใจจะแบ่งเบาภาระของเวินหนี่“ไม่เป็นไร” เวินหนี่ตอบ “คนทำงานมีพอแล้ว มีเธอเพิ่มอีกคนก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เธออยู่ที่สำนักงานเถอะ”บ่ายโมง ตรงกับเวลาที่แดดร
เมื่อเห็นว่าเย่หนานโจวไม่ตอบอะไร ฮั่วเยี่ยนก็ลุกขึ้นและเดินมาหาเขาพร้อมพูดว่า “ภรรยาที่คุณปู่เลือกให้นายดูแล้วก็ไม่เลวเลยนะ เรียบร้อย รู้จักกาลเทศะ เชื่อฟังแล้วก็ไม่สนใจว่านายจะมีผู้หญิงคนอื่นอีกสักกี่คน แบบนี้ไม่ดีหรือไง ทำไมยังทำให้นายไม่พอใจอีก?”เย่หนานโจวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “เรียบร้อย รู้จักกาลเทศะ และเชื่อฟัง นี่แหละคือคุณสมบัติที่ดีของภรรยาจริง ๆ”“ไม่น่าเชื่อ นายดูสนใจเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่นายคงไม่ได้ชอบเธอจริง ๆ หรอกใช่ไหม?” ฮั่วเยี่ยนรู้สึกว่าเย่หนานโจวมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เพราะปกติแล้วถึงแม้จะรังแกเวินหนี่แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกไม่พอใจแบบนี้มาก่อนฮั่วเยี่ยนมองลงไปยังเวินหนี่ที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานผู้ชายอย่างสนุกสนาน ก่อนจะหัวเราะและพูดว่า “ฉันว่าภรรยาของนายน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของหลายคนเหมือนกันนะ ดูเหมือนเธอเข้ากับคนง่าย นายเคยบอกว่าจะหย่ากับเธอไม่ใช่เหรอ? หลังจากหย่าไปแล้ว เธอคงจะเป็นที่ต้องการของใครหลายคนแน่ ๆ”คำพูดของฮั่วเยี่ยนทำให้คิ้วของคนฟังยิ่งขมวดแน่นขึ้น จริงอย่างที่เขาพูด สำหรับเวินหนี่การเข้ากับคนอื่นไม่ใช่เรื่องยาก และดูเหมือนเธอจะเป็นที่ชื่น
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ