เผยชิงเหลือบมองเวินหนี่เวินหนี่พูดขึ้นว่า “คุณออกไปข้างนอกก่อน”เผยชิงปิดประตูลงโจวเสี่ยวหลินยกผ้าห่มออกและนั่งบนขอบเตียง ก่อนจะลูบท้องตัวเองอย่างคาดหวัง“คุณเวิน ฉันรู้ว่าประธานเย่มีคนอยู่ในใจแล้ว”เวินหนี่กำหมัดแน่นโจวเสี่ยวหลินก้มหน้าลงและพูดช้า ๆ “ความอ่อนโยนของประธานเย่ที่มีต่อฉันก็เป็นเพราะคน ๆ นั้น ฉันเหมือนเธอ ประธานเย่ถึงได้ชอบฉัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ฉันก็พอใจแล้ว ฉันไม่ขออะไรมาก แค่ตั้งครรภ์ลูกของประธานเย่ก็พอแล้ว”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ โจวเสี่ยวหลินก็มองไปที่เวินหนี่แล้วพูดว่า “คุณเวิน คุณก็รู้ดีใช่ไหมคะ? คน ๆ นั้นชื่อเซิงเซิง”สีหน้าของเวินหนี่ซีดเผือด เธอรู้เรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ?“เย่หนานโจวบอกเธอว่าคนที่เขาชอบคือเซิงเซิง และคิดว่าเธอเป็นตัวแทนของเซิงเซิงงั้นเหรอ?” เวินหนี่ถามอีกครั้งโจวเสี่ยวหลินไม่สนใจ “ฉันไม่สนใจว่าจะเป็นตัวแทนของใครหรือไม่ ฉันเกิดมาธรรมดา แค่ได้รับการ ดูแลเป็นพิเศษเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว”ถ้าเย่หนานโจวไม่ได้บอกโจวเสี่ยวหลินเอง เธอจะรู้ได้อย่างไร?เวินหนี่รู้สึกใจสลายมาก เล็บเธอจิกแน่นเข้าไปในเนื้อ ผ่านมาตั้งนานแล้วแต่เธอก็ยังคงไม่สามารถหน
“อะไรนะ?” ใบหน้าของโจวเสี่ยวหลินดูน่าเกลียดอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ แม่ เวลามันลงล็อคพอดีและฉันเองก็จำได้แม่น จะไม่ใช่ประธานเย่ได้ยังไง? แม่นั่นแหละที่เข้าใจผิด”“มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น!” คนในสายพูด “ตอนที่ฉันรู้ว่าพวกเขากำลังตามหาคน ฉันเองก็คิดว่าเธอกำลังจะได้โบยบิน แต่เราทุกคนต่างก็เข้าใจผิด หมายเลขห้องก็ไม่ถูกต้อง คนคืนนั้นไม่ใช่ประธานเย่ แต่เป็น…ผู้ชายในวัยสักสี่สิบห้าสิบ”ตอนนี้ใบหน้าของโจวเสี่ยวหลินซีดเผือด เธอมองไปที่ท้องของตัวเองอีกครั้งและรู้สึกถึงโทสะ “ฉันจะตั้งท้องลูกของผู้ชายอายุสี่สิบห้าสิบปีได้ยังไง?”ความแตกต่างระหว่างความฝันและความเป็นจริงมันมากเกินไปเธอมีความสุขโดยเปล่าประโยชน์หากเธอไม่ได้มีความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เธอก็คงไม่ผิดหวังมากขนาดนี้ตอนที่เธอพบว่าชายในคืนนั้นคือเย่หนานโจว เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดที่เธอเคยทำมาในชีวิตเธอเชื่อว่าตนสามารถจับชายที่ร่ำรวยและหล่อเหลาได้คราวเดียวแต่ความเป็นจริงกลับบอกเธอว่าเธอนอนกับชายชราคนหนึ่ง“เสี่ยวหลินยอมรับความจริงซะเถอะ ถึงแม้ว่าเขาจะแก่แล้วแต่ก็มีเงิน เธอสามา
คำพูดของเย่หนานโจวทำเผยชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โจวเสี่ยวหลินกำลังตั้งครรภ์และเธอก็เป็นผู้หญิงในคืนนั้น ดังนั้นเด็กก็ต้องเป็นลูกของเขาสิ“ไปได้แล้ว” จู่ ๆ เย่หนานโจวก็พูดขึ้น“อ้อ” เผยชิงสตาร์ตรถเย่หนานโจวขมวดคิ้ว “ฉันหมายถึงให้ลงจากรถ!”“ประธานเย่ คุณยังมีนัดไม่ใช่เหรอครับ? พวกเขากำลังรออยู่ อีกอย่างที่นี่ก็มีคนมากเกินไป!” เผยชิงเห็นมีคนมากมายที่นี่มันจะต้องแออัดแน่นอนเลขาเวินมาที่นี่ก็ไม่เท่าไร แต่เย่หนานโจวมาที่นี่โดยไม่มีคนคอยรักษาความปลอดภัยคอยเปิดทางให้ ตามนิสัยการใช้ชีวิตของเขาแล้ว เขาไม่มีทางลงไปเดินในที่แบบนี้แน่เย่หนานโจวจ้องไปที่เผยชิงและพูดนิ่ง ๆ “นายชอบที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”“ครับ?” เผยชิงตอบสนองไม่ทัน เขาชอบสถานที่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?แต่เมื่อเห็นสายตาดุดันของเย่หนานโจว เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้า “ครับ ครับ ผมชอบที่นี่”“อืม ลงไปซะ!” เย่หนานโจวเบี่ยงสายตาหันออกไปมองด้านนอก เขาลงจากรถก่อน แล้วมองดูฝูงชนมากมาย นึกไม่ออกเลยว่าการรวมตัวกันของผู้คนในสถานที่แบบนี้มีอะไรน่าสนใจกัน แค่เพื่อมาดูดอกไม้ไฟสิบกว่านาทีเท่านี้เหรอ?เย่หนานโจวอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากด้
โชคดีที่เจ้าของร้านเตรียมรับมือไว้ก่อนแล้ว ทำให้เขาสามารถหลบหลีกได้ทัน“เผยชิง นายยิงได้บ้างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสนัก“...” เผยชิงมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเจ้าของร้านแล้วตอบ “เกือบโดนแล้วครับ!”ลู่เซินถูกเวินหนี่กอดไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอดีใจขนาดนี้ ลู่เซินจึงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง ๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนใช่ไหม?”“ไม่ต้องรีบหรอก ฉันดีใจมากเลย” เวินหนี่ยิ้มตอบเจ้าของร้านถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “หนุ่มน้อย นายนี่เก่งจริง ๆ รู้ไหมว่าไม่ค่อยมีใครสามารถโยนห่วงโดนของที่อยู่ด้านหลังได้เลยนะ!”จากนั้นเขาก็รีบหยิบโดราเอมอนมาส่งให้เวินหนี่เวินหนี่กอดมันไว้แน่น รู้สึกถึงความมั่นคงภายในใจ ราวกับว่าเธอได้ครอบครองสิ่งที่เป็นของตัวเองจริง ๆ แล้ว“แล้วยังมีห่วงเหลืออีกตั้งเยอะ จะทำยังไงดี?” ลู่เซินถามเวินหนี่ตอบว่า “โยนให้หมดเลย โดนอะไรก็เอาอันนั้นแหละ”“โอเค” ลู่เซินตอบตามที่เธอว่า เขายังโชว์ฝีมือได้ดี โยนห่วงโดนทุกครั้ง แต่ของที่ได้มาก็เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรแต่ก็ยังสนุกมากทว่าร้านด้านข้างกลับ
เผยชิงเหงื่อแตกพลั่ก เขารู้ดีว่านี่คือผู้มีพระคุณที่ให้เงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเขาได้ จะไม่ให้สนใจได้อย่างไรเมื่อเห็นสีหน้าของเย่หนานโจวไม่ค่อยดี เขาจึงรีบพูดว่า “ประธานเย่ อย่าโกรธเลยครับ เลขาเวินยังอยากเล่นอยู่ เราไปเล่นด้วยกันดีไหมครับ?”คนฟังจึงตอบด้วยความไม่พอใจ “ใครอยากเล่นกับเธอกัน”เวินหนี่เห็นว่าเขาพูดแบบนั้นก็ไม่คิดจะบังคับ จึงหันไปบอกกับลู่เซินว่า “ข้างหน้ายังมีอะไรสนุก ๆ อีกเยอะ เราไปดูกันเถอะ”“โอเค” ลู่เซินตอบแล้วหันไปมองเย่หนานโจว “ประธานเย่ เราคงไม่กวนคุณแล้วนะครับ”ว่าแล้วทั้งสองก็เดินไปข้างหน้าส่วนเย่หนานโจวก็มองตามหลังพวกเขาด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ก่อนจะถามเผยซิง “นายอยากไปกับพวกเขาหรือไง?”“ไปครับ ไปด้วย!”เผยชิงรีบตะโกนออกมา “เลขาเวิน ผมอยากไปกับคุณด้วย”ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เย่หนานโจวก็เดินตามไปเช่นกันชายหนุ่มเดินตามหลังพวกเขาไป ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่โดราเอมอนซึ่งเวินหนี่กอดไม่ยอมปล่อย “แค่ของเล่นชิ้นเดียวก็ทำให้เธอดีใจได้ขนาดนี้”เมื่อครู่ตอนที่เธอดีใจ มันเหมือนกับว่าเธอได้พบสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทั้งที่มันก็แค่ของเล่นห่วย ๆ ชิ้นหนึ่งก็เท่า
“ตัวนี้พอไหม?” เย่หนานโจวถาม “มันดูดีกว่าตัวที่เธอถืออยู่หรือเปล่า?”“...”เวินหนี่มองหมีตัวใหญ่ที่สูงกว่าตัวเขาเสียอีก ถ้าเธอถือมันไว้คงต้องลากไปกับพื้นแน่ ๆ เธอจึงรีบส่ายหน้า “ไม่เอาหรอกค่ะ มันตัวใหญ่เกิน แถมฉันก็ไม่ได้ชอบด้วย”ใบหน้าของเย่หนานโจวเข้มขึ้นทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “แล้วมันไม่ดีกว่าตัวที่เธอถืออยู่หรือไง? เอาไป!”เขาใช้มือข้างเดียวโยนตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไปให้เธอเวินหนี่ที่กำลังถือโดราเอมอนอยู่ต้องรับตุ๊กตาหมีอีกตัวที่ถูกโยนมา ความหนักของตุ๊กตาทั้งสองตัวทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก“เย่หนานโจว พอเถอะ!” หลังจากพยายามจัดการจนสามารถโผล่ศีรษะออกมาได้ เวินหนี่พูดขึ้นมาทันที ในขณะที่พยายามจับตุ๊กตาทั้งสองตัวไว้ไม่ให้หล่นลงพื้น ทว่าเย่หนานโจวไม่ตอบอะไร ใบหน้ายังคงเย็นชา ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบ ก็เธอชอบตุ๊กตาตัวใหญ่ ๆ ไม่ใช่เหรอ?ตุ๊กตานี้มันใหญ่กว่าตัวเดิมที่เธอถืออยู่เสียอีก แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตื่นเต้น? ทำไมเธอถึงไม่ดีใจล่ะ?มีอะไรผิดตรงไหน?เวินหนี่รู้ตัวว่าคำพูดของเธออาจทำให้เขารู้สึกเสียหน้า จึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “มันหนักเกินไป ฉันถื
เวินหนี่ใช้ยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดแผลให้ก่อนจะพันแผลให้เรียบร้อย ไม่นานนักเผยชิงก็ขับรถมาจอดที่ข้างถนนเวินหนี่ประคองเย่หนานโจวขึ้นรถ แล้วหันไปมองลู่เซินแวบหนึ่ง เย่หนานโจวเห็นสายตานั้น เขาก็รับรู้ได้ว่าเธอดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับลู่เซินมากลู่เซินจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับไปก่อนเถอะ ประธานเย่ได้รับบาดเจ็บ ต้องมีคนดูแล”เขาพูดเพื่อเปิดทางให้เวินหนี่อย่างเต็มใจ เพราะเข้าใจดีว่าเธอจำเป็นต้องทำหน้าที่ เย่หนานโจวคือเจ้านายและเธอก็ต้องใส่ใจเรื่องนี้ก่อนเวินหนี่โบกมือให้ลู่เซินพร้อมกับพูดว่า “งั้นฉันกลับก่อนนะ วันนี้ขอบคุณมากที่พามาเที่ยว”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อประตูรถปิดลง เผยชิงที่ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นรถก็เปลี่ยนใจ เขายิ้มแล้วเดินไปหาลู่เซิน “คุณลู่ ขอบคุณมากครับ”เขาพูดพร้อมกับรับตุ๊กตาหมีสตรอว์เบอร์รี่จากลู่เซินอย่างสุภาพ เพราะสุดท้ายแล้วตุ๊กตาหมีตัวนี้เป็นรางวัลที่ประธานเย่ชนะมาให้เวินหนี่ จึงไม่ควรให้คนอื่นถือไปเผยชิงไม่เคยเห็นเย่หนานโจวดื้อดึงขนาดนี้มาก่อนรถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป ส่วนลู่เซินก็มองตามหลังรถไปเรื่อย ๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใ
เย่หนานโจวเพิ่งกลับมาจากข้างนอก สีหน้าเขาเย็นชาขณะที่ฟังพนักงานรายงานการทำงาน“ประธานเย่ครับ บ่ายโมงวันนี้เราได้จัดเตรียมคนให้ไปส่งน้ำตามแผนเรียบร้อยแล้ว”เย่หนานโจวมองเวินหนี่ซึ่งกำลังยุ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเรียกเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เลขาเวิน”เวินหนี่รีบเดินเข้ามาหา “ประธานเย่”“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรตอนบ่าย ก็ไปด้วยกัน”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ งานนี้เป็นงานที่เหนื่อยและลำบาก ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากไปทำ ปกติมักจะถูกมอบหมายให้ผู้ชายไปทำเสมอ เวินหนี่เป็นผู้หญิงคนเดียวในสถานที่นั้นด้านนอกแดดแรงมากและเธอก็ใส่กระโปรงกับรองเท้าส้นสูง ซึ่งไม่สะดวกทั้งในการนั่งยอง ๆ หรือแม้แต่เดิน งานนี้จึงไม่เหมาะกับเธอเลยแต่คำสั่งของเย่หนานโจวไม่มีใครกล้าขัดขืน เวินหนี่จึงต้องยอมทำตาม “ได้ค่ะ ท่านประธาน”“อืม”เย่หนานโจวไม่มองเธออีกแล้วเดินไปทางห้องทำงานด้วยท่าทีเฉยชา“พี่เวิน เดี๋ยวฉันไปช่วยนะ” หลี่ถิงเสนอขึ้นด้วยความตั้งใจจะแบ่งเบาภาระของเวินหนี่“ไม่เป็นไร” เวินหนี่ตอบ “คนทำงานมีพอแล้ว มีเธอเพิ่มอีกคนก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เธออยู่ที่สำนักงานเถอะ”บ่ายโมง ตรงกับเวลาที่แดดร
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม