[1]
นางเช่าแสบสะเด็ด
_______________________
ปี พ.ศ. 2567 ปัจจุบัน
ผ้าซาตินผืนบางที่ปกติใช้คลุมเตียง ถูกดึงมาพันร่างอรชรที่เปลือยเปล่า ทรายทอง เลิศทินกร มักทำเช่นนี้เสมอจนกลายเป็นนิสัย การร่วมรักอย่างหักโหมสูบเรี่ยวแรงของเธอไปเกือบหมด มิเหลือแม้แต่จะลุกไปหาเสื้อผ้าอาภรณ์มาสวม นาฬิกาบนผนังบอกเวลาใกล้ตีห้าเต็มที และน่าดีใจนักที่เวลานอนของเธอกำลังจะมาเยือน
ติ๊ง!
เสียงข้อความดังขึ้นที่สมาร์ตโฟนซึ่งวางอยู่ข้างหมอน หญิงสาวเหลือบตามอง มันเป็นข้อความจากแอปฯ ธนาคาร แจ้งว่ามีเงินโอนเข้ามา เธอขยับไปนั่งที่ปลายเตียง เหน็บปมผ้าซาตินให้แน่นในร่องอกอวบอิ่ม เขาอยู่ตรงหน้าเธอ กำลังโอนเงินค่าเช่ามาให้ ค่าเช่า...ในสิ่งที่เขาเพิ่งตักตวงจากร่างกายของเธอนี่อย่างไร
“คืนนี้สามรอบ ฉันจ่ายสามหมื่น แต่วันมะรืนฉันต้องไปพบลูกค้าที่พัทยา เธอต้องไปกับฉันด้วย นั่นค่าตัวของเธอ”
ทรายทองหยิบสมาร์ตโฟนมาพิจารณาอย่างเพลียๆ ทว่าพอเห็นตัวเลขในข้อความชัดๆ ก็ต้องมุ่นคิ้ว “คุณจ่ายเกินมาห้าหมื่นค่ะ”
“นั่นค่าเสื้อผ้า หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้เธอดูดีมีราคามากกว่าเมียเช่าฝรั่งที่มีออกเกลื่อน ทำตัวให้เหมือนคู่ควง เพราะเธอต้องพบลูกค้ากับฉันด้วย”
อังเดร อัชวิน สาธยายสิ่งที่ต้องการให้ทรายทองฟัง เขากับหล่อนไม่ใช่คู่รักหรือว่าคู่ควง ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปในเชิงธุรกิจ ที่ต้องจ่ายเงินครบเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ
หญิงสาวยักไหล่ไม่ยี่หระ เสยผมอันยุ่งเหยิงไปข้างหลังเมื่อมันไหลมาระรานพวงแก้มสวย
“คุณจะให้ทรายหลีกหนีสิ่งที่ทรายเป็นมันคงเป็นไปได้ยากหน่อยนะ เพราะความจริงทรายมันก็เป็นแค่นางเช่า เมียเช่า หรือไม่ก็...อีตัวดีๆ นี่เอง” โต้ตอบคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ วงหน้าหล่อเหลาราวกับลูกครึ่งของเขา ทำให้เธอต้องมาติดแหง็กอยู่กับเขาที่นี่
“ก็ถ้าเธอยอมมาอยู่ในความดูแลของฉัน เธอก็ไม่ต้องใช้คำนั้นเรียกตัวเอง”
“โอ...ไม่ละค่ะ ทรายชอบที่มันเป็นแบบนี้ โอเค...เสร็จแล้วนี่ คุณกลับไปได้แล้ว ทรายจะนอน” บอกแล้วโบกมือไล่สามีทางพฤตินัย
อังเดรหน้าม้าน ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าโบกมือไล่เขาหรอก มีแต่ยัยตัวร้ายที่ชื่อทรายทองนี่แหละ
“พอได้เงินก็ไล่เลยนะ”
“พอคุณกินอิ่มก็พร้อมจะไปเหมือนกันละน่า”
เธอเถียง ทำปากยื่นจมูกย่นใส่คนที่ยืนอยู่จนชายหนุ่มเผลออมยิ้มด้วยเอ็นดู
“ช่างประชด”
“เปล่าประชด แค่พูดความจริงค่ะ แค่นี้ใช่ไหม ไปซะทีเถอะน่า ทรายเมาค้างด้วย ง่วงจะตายอยู่แล้ว” เธอเร่งเร้า ไม่ชอบใจในสิ่งที่เป็นอยู่ เขาจะอ้อยอิ่งให้มันได้อะไรขึ้นมา อย่างไรเสียก็ต้องไปอยู่ดี
“อย่ามาไล่ฉันนะ ลุกมานี่เลย” สั่งแล้วดึงคนที่กำลังจะนอนขึ้นมากอด
“โอย...คุณเอื้อ! ทรายเหนื่อยนะ!” หญิงสาวโวยวาย แทบจะกลายเป็นผักเฉาๆ ในอ้อมแขนแสนอุ่นของคนตัวโต
“รู้แล้วน่า จูบลาฉันหน่อยเป็นไร”
“ไม่จูบ จ่ายเงินแล้วก็จบ”
“เขี้ยวชะมัด แถมๆ หน่อยเถอะแม่คุณ”
“ไม่...คุณเอื้อปล่อยทราย ทรายปวดหัว ทรายง่วง อื้อออ...”
เสียงค้านของทรายทองถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากของอังเดร เขาจูบนางเช่าแสนเสน่หาด้วยความรู้สึกแปลกๆ มันเหมือนไม่ใช่อิ่มที่รสจูบ ได้จูบหล่อนทีไรมันอิ่มไปถึงหัวใจทุกที
“ฮึ่ม! คนขี้โกง เมื่อคืนยังไม่พอหรือไง” ว่าเขาดังๆ แล้วดึงสาบเสื้อสูทของเขาเพื่อพยุงกาย อังเดรเห็นท่าไม่ดีก็ค่อยๆ หย่อนแม่ตัวร้ายลงกับผิวเตียง
“ฉันต่างหากที่ต้องถามคำนั้น เธอจะดื่มอะไรนักหนา เพลาๆ ลงซะบ้างเถอะ ชอบดื่มซะจริงเหล้าเนี่ย”
“เรื่องของทราย คุณเอื้ออย่ามายุ่งนะ ชอบบงการชีวิตคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ก็ตั้งแต่มีเธอเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตฉันนั่นแหละ หึๆๆ”
ทรายทองหัวใจเต้นแรง มันเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยตอนได้ฟังถ้อยวาจาที่เหมือนตัดพ้อต่อว่าของเขา
“อย่ามากล่าวหากันนะ ทรายเปล่ายุ่มย่าม คุณเอื้อนั่นแหละ”
“ฉันทำไม”
“ก็คุณ...โธ่เอ๊ย ไปๆ ซะทีเถอะ หมดมุกแล้ว ไม่มีอะไรจะด่าแล้วย่ะ”
อังเดรคลี่ยิ้มขบขัน สบายใจเสมอยามได้อยู่ใกล้ทรายทอง มันเป็นอย่างนี้มาหนึ่งปีแล้ว หนึ่งปีที่เขาจ่ายเงินให้หล่อนเป็นค่าเช่าที่โรมรันหล่อนบนเตียง เขาไม่ได้ซื้อบ้านนี้ให้หล่อนหรอกนะ หล่อนจัดการผ่อนมันเดือนละหลายสตางค์ ทั้งที่เขาสามารถซื้อให้เป็นสิบหลังยังได้ หล่อนควรกอบโกยจากเขาให้สมกับที่เขากอบโกยจากหล่อน แต่มันก็ไม่ใช่อย่างนั้น ทรายทองทำให้เขาสนใจในตัวหล่อน หลายๆ อย่างทำให้หล่อนไม่ใช่เมียเช่าแสนน่าเบื่อที่มีค่าเพียงเวลาอยู่บนเตียง เขารู้ว่าหล่อนไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว และสิ่งนั้นก็สะกิดหัวใจอยู่เนืองๆ ได้แต่เฝ้าระวัง มิให้หล่อนเกินเลยกับใครมากกว่าที่เขารู้
“ไปแน่ๆ จะเช้าแล้ว แต่ขอร้องสักอย่างเถอะ อย่าไปทำงานอีกได้ไหม ฉันขอ” อังเดรวอนขอนางเช่าของตัวเอง ทรายทองส่ายหน้า
“การมีคู่นอนแค่หนึ่งมันไม่สนุกนี่คะคุณเอื้อขา...”
ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ รู้ดีว่าหล่อนกำลังประชดมากกว่าจะเอ่ยจริงจัง
“อยากได้อะไรบอกฉันสิ ก็รู้ๆ ว่าไม่ชอบใช้ผู้หญิงร่วมกับคนอื่น”
“ก็พยายามหักห้ามใจแล้วนะคะ ทุกวันนี้ก็แค่ไปนั่งกินข้าว ไปดูหนังฟังเพลงแล้วก็ดื่มกับลูกค้าเท่านั้น ยังไม่ได้ขึ้นเตียง”
“แต่คนพวกนั้นก็คงได้กอด ได้จูบ ได้...”
“แหม...คุณเอื้อก็ พวกเขาจ่ายเงินนะคะ ให้ล้วงให้ควักบ้างเถอะค่า แฟร์ๆ” จีบปากจีบคอเอ่ยแล้วกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าของคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ สีหน้าเขาเหมือนโดนทุบด้วยค้อนปอนด์ก็มิปาน
“เธอพูดเล่นใช่ไหม”“พูดจริงค่ะ”ทรายทองโป้ปด เพราะเกรงใจเขาเสมอมา การรับงานแต่ละครั้งจึงอยู่บนพื้นฐานขอบเขตที่จำกัด ไม่ขึ้นเตียง ไม่จูบ ได้แค่โอบกอด พูดคุย เป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว จบงานก็จ่ายเงิน ไม่มีการค้างคืน หากแต่จงใจให้อังเดรเข้าใจไปอีกอย่าง บางครั้ง...ก็นึกอยากให้เขาหวงหึงทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้อังเดรพ่นลมหายใจแรงๆ โกรธที่ได้ฟังในสิ่งที่ไม่อยากฟัง หากหล่อนเลื่อนฐานะมาเป็นผู้หญิงของเขาละก็ อย่าหวังเลยว่าจะได้มีเวลาไปอ่อยผู้ชายคนอื่น แต่เห็นได้ชัดแล้วว่าทรายทองเป็นนางเช่าที่แสนฉลาดเหลือเกิน“อีกสามวันจะมารับแล้วกัน เตรียมตัวไว้ด้วย จัดกระเป๋าเผื่อไปสักสามสี่ชุดนะ”“ค่ะ แล้วคุณจะไม่มาอีกหรือคะ อีกตั้งสามวันนะ”“ฉันงานยุ่ง คงไม่ได้มา”“ว้า...แย่จัง ว่างงานตั้งสามวันเลยหรือนี่ สงสัยต้องโทรหาลูกค้าคนอื่นบ้างละ”“อย่าได้คิดทำแบบนั้นเชียวนะ เพลาๆ ลงซะบ้างเถอะเรื่องอย่างว่าน่ะ ที่ฉันปรนเปรอให้ไม่พอหรือไง แรงลุกมานั่งยังแทบจะไม่มีเลย”อังเดรว่าอย่างเคืองๆ ทรายทองชอบกวนประสาทเขาแบบนี้เสมอ หล่อนรู้ว่าเขายั่วขึ้นในเรื่องนี้“แหม...คุณเอื้อขา หลับสักตื่นทรายก็ฟื้นคืนชีพแล้วค่ะ รับคืนละสองค
EP 1/3 นางเช่าแสบสะเด็ด“มันโอเคใช่ไหมพี่” ถามคนที่รักเหมือนพี่สาวอย่างกังวล เธอรักทรายทองมาก แม้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ก็ตาม พวกเธอเจอกันที่ DC ทรายทองเป็นเด็กไซด์ไลน์นั่งดื่มกับแขก ส่วนเธอเป็นสาวเสิร์ฟ ไม่รู้อะไรดลใจให้ทรายทองเอ็นดูเธอ แต่หนึ่งอาทิตย์ให้หลัง หลังจากที่เธอไปทำงานที่นั่น ทรายทองก็ชวนให้มาอยู่บ้านนี้ด้วยกัน เดือนไหนเงินของเธอไม่พอใช้ ทรายทองจะหยิบยื่นให้เสมอ รวมถึงค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในบ้านนี้ด้วย พวกเธอกินข้าวด้วยกัน ดูหนังฟังเพลง ซื้อเครื่องสำอางบ้าง บางทีก็แย่งเสื้อกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ เธอสุขใจที่เป็นแบบนี้ แม้ว่าสายตาที่คนอื่นมองมา มักกล่าวหาว่าทรายทองเลี้ยงเธอไว้ใช้งานเหมือนเบ๊ก็ตาม“ไม่โอเคแน่ๆ แต่ฉันเบื่อจะรบกับคุณเอื้อ ฉันเหนื่อย ฉันจะนอน” แล้วทรายทองก็ล้มกายลงนอน ในขณะที่ปรายรุ้งทำหน้ายู่“ก็เพลาๆ ลงบ้างสิคะ เรื่องกินเรื่องเที่ยวน่ะ เรื่องอย่างว่าด้วย กว่าจะได้แต่งงานกับใครสักคนก็พังพอดี”“เรื่องแรกฉันพอทำได้นะปราย แต่ถ้าเรื่องหลังละก็ แกไปบอกคุณเอื้อของแกสิ เขาถนอมฉันมากเลยล่ะ!” ตอบแบบประชด ด้วยรู้ว่ายัยตัวดีที่ชื่อปรายรุ้งนี่แหละที่ชอบคาบข่าวเธอไปบอกอังเดร
คฤหาสน์อัชวิน เจ็ดโมงเช้าเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์ เจ้าบ้านสาวใหญ่ในวัยสี่สิบห้าปี ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ราวกับต้องของร้อน เธอเดินไปหาคนที่เฝ้ารอ เขากำลังก้าวเข้ามาในบ้าน สีหน้าดูดีกว่าตอนที่ออกไปทำงานเมื่อวานนี้“กลับมาได้แล้วสินะ เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยนี้ซะที อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว”อุษณี อัชวิน พี่สาวที่ยังดูสาวเกินอายุ ว่ากระทบน้องชาย คฤหาสน์หลังใหญ่ในเวลานี้เหลือเพียงสองพี่น้องอยู่อาศัย ด้วยว่าบิดามารดาล้มหายตายจากไปสิ้นแล้ว“พี่เลิกถามผมเมื่อไหร่ ผมก็จะเลิกเมื่อนั้น”“ตาเอื้อ! อย่ามายอกย้อนฉัน ฉันเป็นพี่แก ฉันแค่อยากให้แกแต่งงานมีครอบครัวซะที ปีหน้าแกจะสามสิบแล้วนะ” อุษณีเอ่ยเตือน ด้วยอยากให้อังเดรลงหลักปักฐานไปกับใครสักคนที่ไม่ใช่แม่ทรายทอง เมียเช่าจากบาร์เหล้าที่พัทยา“ใช่ครับ ปีหน้าผมจะสามสิบ แล้วพี่ล่ะ ปีหน้าจะสี่สิบหกแล้วนะ แต่งๆ ไปกับใครสักคนเถอะครับ จะได้เลิกมาบงการชีวิตผมซะที”“ตาเอื้อ!?”“ครับพี่...” ตอบพี่สาวอย่างเพลียใจพลางจ้องมองใบหน้างามที่ถูกแต่งแต้มไว้ด้วยเครื่องสำอาง หากไม่บอกคงไม่มีใครรู้ว่าอุษณีอายุสี่สิบห้าแล้ว หล่อนยังสวย หุ่นบางร่างเล็กและยังทร
เสียงที่ออกแนวทะลึ่งทะเล้นดังมาจากรถที่จอดเทียบรถหญิงสาวอยู่ ปรายรุ้งกลอกตามองฟ้า อีตาบ้านี่จะอะไรกับเธอนักหนานะ ชอบกวนประสาทจริงๆ ทำไมสวรรค์ต้องบันดาลให้เขามาเจอเธอในสภาพนี้ด้วย โธ่เอ๊ย!“อย่าเพิ่งกวนประสาทฉันได้ไหม ไหนๆ คุณก็แวะมาดูแล้ว พอจะรู้จักเบอร์อู่ซ่อมหรือเปล่า ฉันต้องรีบใช้รถ” ปรายรุ้งร้องขอดีๆ เขายังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแบบทันสมัยแต่สภาพยับหน่อยๆ คงเพิ่งออกมาจากโรงแรมกับอีหนูสักคนละมั้ง เมื่อคืนเขานั่งดื่มที่ DC จนผับเกือบปิดถึงค่อยกลับ“ก็พอจะรู้จักละนะ แต่คงอีกนานกว่าจะเรียบร้อย เธอจะอยู่ที่นี่ในสภาพนี้เหรอ เพิ่งไปปาร์ตี้ชุดนอนมาหรือไง”ชลกร วัฒนากูร บุรุษหนุ่มรูปงามวัยยี่สิบหกเศษๆ แกล้งแซวแล้วอมยิ้ม ด้วยขำแม่สาวร่างบางที่อยู่ในชุดนอนเหมือนสาว หล่อนเหมือนเด็กมัธยมที่ไร้ความเซ็กซี่ในชุดนอนลายการ์ตูน“แล้วมันนานไหม กว่าจะเสร็จ”“ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันยังไม่ได้โทรเรียกช่างเลย เธอคิดว่ามันจะนานไหมล่ะ”ปรายรุ้งหลับตาแน่นเพื่อระงับโทสะจากวาจาพ่อพลเมืองดี“โธ่...เอาไงดีนะ เอาไงดี” ถามตัวเองรัวๆ แล้วหันไปหาที่พึ่งสุดท้ายท
พอปรายรุ้งเดินจากไป ชลกรก็ยกหูโทรศัพท์โทรหาอู่รถเจ้าประจำเพื่อมาลากรถของปรายรุ้งไปจัดการ ก่อนจะหาที่ทางอาบน้ำแล้วกลับมารอเจ้าหล่อนที่นี่ มันแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกว่าปรายรุ้งเป็นภาระ แต่กลับรู้สึกสนุก และอยากอยู่กับหล่อน เขาเหมาเอาว่าความรู้สึกที่เป็นเกิดเพราะความน่ารักสดใสของปรายรุ้ง และความซื่อของหล่อน ความซื่อที่เขาหาจากใครไม่ได้ในจำนวนผู้หญิงที่พบเจอ หล่อนแตกต่างจากทรายทองอย่างสิ้นเชิง รายนั้นรอบจัด ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ที่สุด!____________________ สิบโมงเศษๆ ปรายรุ้งเดินออกมายังจุดที่คาดว่ารถของชลกรจะจอดรออยู่ เขาลงมายืนฉีกยิ้มอยู่ข้างรถ ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งยิ้มแล้วแจกไลน์ให้สาวๆ อีกต่างหาก เห็นแล้วน่าหมั่นไส้นัก คนหล่อนี่ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดจริงๆ“ที่รัก! ทำอะไรฮะ! เค้าไม่อยู่แป๊บเดียวนี่อ่อยสาวเหรอ นี่ๆ พวกเธอ! ออกไปเลยนะ นี่ของฉันย่ะ!”ปรายรุ้งเดินแหวกกลุ่มสาวๆ ที่ห้อมล้อมชลกรอยู่ บางคนเรียนคณะเดียวกับเธอด้วย ขอกันท่าหน่อยเถอะ เพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะถ้าใครหลงคารมอีตานี่ละก็ เตรียมเหล็กท่อนใหญ่ๆ ไว้ดามอกได้เลยสาว
[2]ห้ามใจไม่ให้รักเธอ____________________ ตะวันขึ้นตรงศีรษะตอนที่ชลกรจอดรถภายในลานจอดของโรงแรมแห่งหนึ่ง ริมชายหาดสัตหีบจังหวัดชลบุรี มันเป็นโรงแรมมีชื่อทีเดียว และภาวนาขอให้มีห้องว่างสักห้องตอนฤดูท่องเที่ยวเช่นนี้ เขาจำต้องกลับเข้าไปนั่งในรถอีกครั้งเมื่อแสงแดดที่แผดเหนือหัวกำลังจะย่างสดให้ผิวขาวๆ แห้งกรอบ ปรายรุ้งขยับกายยุกยิกแล้วปรือตาขึ้นมาพอดี หล่อนคงง่วงเอามากๆ เพราะไม่ตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดการเดินทาง“โอ...เจ้าหญิงนิทราฟื้นแล้ว”เขาแซวแล้วยิ้มขบขัน หยิบกระดาษเช็ดหน้าที่อยู่หน้ารถมาซับที่มุมปากของแม่นักศึกษาสาว ท่ามกลางการปัดป้องด้วยงัวเงียของหล่อน“อะไรของคุณ ไม่เอา” ปฏิเสธกระดาษเนื้อนุ่มแล้วลุกนั่งดีๆ หลังจากที่เอนหลังหลับสบายไปหลายตื่น“เอาไปเถอะน่า ยัยซกมกเอ๊ย นอนน้ำลายยืด”“ว่าไงนะ!?”ปรายรุ้งรีบหากระจกมาส่องดูสภาพหนังหน้า แล้วดวงตาสาวเจ้าก็ได้เบิกโตเมื่อเห็นร่องรอยของน้ำลายไหลย้อยที่ชลกรว่า“หึๆ ไม่ทันละ ฉันเห็นความทุเรศของเธอหมดแล้ว ฮ่าๆๆ”“อ๊าย! อีตา
“ช่างเถอะน่า ข้าไม่อยากยุ่งหรอก ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ถ้าเอ็งจะมีผัวก็ตามใจเถอะ ขอให้เอ็งมีความสุขก็พอ” นายประดับบอกลูก ตั้งแต่โตมาปรายรุ้งไม่เคยทำให้ท่านต้องเสียใจ ตั้งใจเรียนและทำงานมาตลอด ส่วนเรื่องของหัวใจนั้น ท่านบังคับไม่ได้ สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ถ้าไม่ทำใจยอมรับ ก็คงต้องเป็นทุกข์อกแตกตายเท่านั้นเอง“โธ่...พ่อ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิน่า หนูยังเวอร์จิ้น เชื่อสิ!”คนเป็นลูกยืนกรานแต่คนเป็นพ่อส่ายหน้ารัวๆ จังหวะเดียวกันนั้นชลกรก็ไต่สะพานมาถึงตัวบ้านพอดี“สวัสดีครับคุณพ่อ”“นั่นไง ไหนเอ็งบอกไม่ใช่ผัว แล้วทำไมไอ้หนุ่มนี่เรียกข้าว่าพ่อวะ”ประดับเถียงจริงจัง ปรายรุ้งเกาหัวแกรกๆ ปวดกบาลเต็มที“โธ่...เขาก็เรียกตามหนูน่ะ โอ๊ย...จะบ้าตาย เข้ามาก่อนสิคุณ ชอบยืนอาบแดดหรือไง หน้าแดงหมดแล้ว” ท้วงคนที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้วดึงบิดาให้เข้ามาในบ้านนายประดับไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงเลแบบง่ายๆ และหันหน้าเข้าหาอวนที่ชำรุด ท่านกำลังซ่อมมันอยู่ จากอวนสามสิบหลังที่มี ประดับจะออกไปวางอวนในตอนกลางคืน และกลับมาในตอนเช้า แล้วแต่อารมณ์ว่าจะวางอวนกี่รอบ ท
“เธอทำได้ยังไง ทั้งไปเรียน ทั้งทำงาน” ถามขึ้นอย่างทึ่งในตัวสาวเจ้า“ลองมาเป็นฉันดูสิ เดี๋ยวคุณก็ทำได้ พ่อแก่ แม่ไม่มี บ้านก็จะพังมิพังแหล่ เครื่องมือหากินก็สามวันดีสี่วันไข้ ฉันหมายถึงไอ้เจ้าเรือยนต์ของพ่อน่ะ ทุกอย่างมันคือความรับผิดชอบ ต้องหาเงินให้พอกับสิ่งที่ต้องจ่าย บางทีก็หาไม่ทันหรอก ขอพี่ทรายอยู่เรื่อย แต่ฉันโชคดีที่มีพี่ทราย”“เด็กดริงก์บางคนที่ DC บอกว่าทรายทองเลี้ยงเธอไว้เป็นเบ๊” เขาเอ่ยตามที่เคยได้ยินมา บ้างก็ว่าทรายทองจิกหัวใช้ปรายรุ้งยิ่งกว่าทาสเสียอีก ทรายทองมีความสวยเป็นอาวุธ หล่อนเป็นสาวนั่งดริงก์ที่ไม่ได้มาประจำที่ DC แต่แขกประจำส่วนใหญ่มาเพื่อจะได้นั่งคุยกับเจ้าหล่อนกันทั้งนั้น ค่าตัวของทรายทองนั้นถือว่ามากอยู่ สำหรับเกรดสาวไซด์ไลน์ระดับเดียวกันที่เป็นแค่เพื่อนกินเพื่อนเที่ยว ไม่ใช่เพื่อนนอน“ฉันเต็มใจเป็นเบ๊ ฉันยอมดูแลคนที่ฉันรัก ฉันไม่แคร์คำคนหรอก คุณพักผ่อนเถอะ อ้อ...อย่าคิดทำอะไรฉันเชียวนะ”คนสวยพลิกหน้าไปหาคนที่นอนอยู่ห่างๆ“จะบ้าเหรอ นี่มันกลางวันแสกๆ” เขาเอ่ยขำๆ“ไม่รู้ละ ฉันหลับลึกด้วย ถ้าตื่นมาเสื้อผ้าห
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ
“โอเคๆ ตั้งแล้วๆ อ่า...คนนี้ชื่ออะไรดีน้า อืม...อนาวิลดีไหม”“เพราะมากค่ะสามีขา...” คนขี้อ้อนเอ่ยชมสามีทันทีที่ได้ชื่อถูกใจ “แล้วอีกคนละคะ”อังเดรทำหน้าคิดหนักยิ่งกว่าเก่า “อืม...อนาวิลแล้วก็ต้อง...อณิษฐ์...ใช่ อณิษฐ์” เขายิ้มกว้าง ทรายทองกระแซะร่างเข้าหาสามี สอดแขนโอบเอวเขาไว้ ในขณะที่อังเดรก็กอดเธอกลับมา“สามีตั้งชื่อเก่งมากค่ะ ชื่อเล่นเดี๋ยวทรายตั้งเอง” บอกเขาแล้วเงยหน้าจุมพิตปลายคางสากไปหนึ่งที“หายโกรธแล้วใช่ไหมคนดี”ทรายทองส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ โดนสามีง้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็หาย ถ้าจะให้หายไวละก็ควรมีกระเป๋าแบรนด์เนมมาปลอบใจสักโหลสองโหล”“โอเว่อร์ มันเปลือง...อีกอย่างน่ะ เงินฉันฉันให้เธอหมดแล้ว อยากได้อะไรก็ไปซื้อเอาครับ”คราวนี้อังเดรเป็นต่อ เขากลั้นขำ หากจะให้สามีทำเซอร์ไพรส์มอบของขวัญให้ในวันพิเศษต่างๆ ละก็ หล่อนคงหมดหวังละ เพราะทุกบาททุกสตางค์ให้ศรีภรรยาไปหมดสิ้นแล้ว“โอ๊ย...คุณเอื้ออ่า...ไม่รับมุกเลย งั้นเดี๋ยวทรายจะโอนเงินให้เดือนละแสนแล้วกัน”“เอาไว้ให้สามีใช้จ่ายใช่ไหมที่รัก”“เอาไว้ซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์เมียย่ะ”“เธอมันร้ายจริงๆ”“ก็มันเป็นนิสัยของทรายไปแล้ว...อื้อ
[19]ผู้ชายที่ไม่เคยถูกรัก________________เช้าวันถัดมาก๊อกๆๆประตูถูกเคาะและถูกเปิดออกในนาทีต่อมา ทรายทองยืนอยู่ที่ปลายเตียง กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ อังเดรปรากฏกายใต้กรอบประตู เขาเดินเข้ามาช้าๆ มีร่างเอลฟ์ยักษ์ของนิคเดินตามมาติดๆ นิคหยุดยืนอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนอังเดรหยุดยืนที่กลางห้อง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างประหม่า“นึกว่า...จะไม่มานะคะ”“มาสิ ฉันต้องมาแน่ แต่ว่า...ช้าไปหน่อย...ฉันรีบที่สุดแล้ว มันไม่มีเที่ยวบินที่เร็วกว่านี้ ฉัน...”อุแว้....อุแว้...“โอ...คุณพระ! นี่ฉันได้ลูกแฝด!?”อังเดรช็อกเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแสนโวลต์ เขาจ้องมองกระบะทารกทั้งสองตาค้าง ปรายรุ้งอุ้มทารกคนหนึ่งขึ้นมา เจ้าหนูยังร้องจ้า“พี่ทราย สงสัยน้องจะหิว พี่กลับขึ้นเตียงเถอะจะได้เอาน้องกินนม” คนเป็นน้องบอกทรายทองขยับขึ้นไปนั่งแล้วรีบเอ่ยบางอย่าง“ให้คุณเอื้ออุ้มลูกมาซิปราย”อังเดรยืนตัวแข็ง หัวใจเขาเต้นแรง นั่นมันมนุษย์ตัวเล็กที่แผดเสียงร้องจ้า ที่สำคัญคือมีมนุษย์ตัวเล็กตั้งสองคนแน่ะ ให้ตายเถอะ! ประสาทจะกิน ทรายทองไม่ยอมบอกเขาเลยกับการมีครรภ์แฝด หล่อนมันตัวแสบ อยากให้เขาช็อกตายหรืออย่างไร“เอาสิคุ
“อย่ามาพูด เลิกจ้ำจี้ฉันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีย่ะ” ปรามเขาอย่างเคืองๆ ก็ปากบอกอยากจะมีลูก แต่ใช้งานเธออย่างกับนางเอกหนังเอวีละก็ เชิญไปมีกับคนอื่นเถอะ ถ้ามีลูกขึ้นมาเธอคงเหมือนซอมบี้ ไม่ต้องมีเวลาหลับเวลานอนกันละ“ปรายใจร้าย...” เขาสวนทันควัน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว ทว่ายังจ้องผิวเนื้อของทารกแฝดไม่วางตา“มีลูกนี่งานใหญ่นะคุณโช เรายังไม่เต็มอิ่มกับชีวิตหนุ่มสาวเลย ฉันยังอยากอยู่กับคุณไปก่อน เราอย่าเพิ่งมีลูกกันเลย รออีกสักนิดดีกว่า นะๆ” ปรายรุ้งอ้อนสามี ทั้งอธิบายความเป็นจริงให้เขารู้ชลกรขยับไปยืนซ้อนหลังปรายรุ้ง กอดเอวหล่อนไว้หลวมๆ แล้วเกยคางบนไหล่บาง แอบสูดกลิ่นหอมของคนรักที่ซอกคอขาวแต่สองตายังจ้องสองแฝด“แล้วแต่เธอเถอะ แต่อย่านานนะที่รัก ม๊าอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว”“ฉันรู้ค่ะ รออีกสักปีนะคะ ระหว่างนี้เราก็มาช่วยพี่ทรายเลี้ยงหลาน ฝึกงานไปด้วยดีไหมคะ”“เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก ซ้อมบทพ่อแม่ไปพลางๆ เวลาเรามีลูกเราจะได้ไม่หัวหมุนเนาะ”หนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงจนทรายทองลอบยิ้ม พวกเขาดูรักกันดี ออดอ้อนกัน รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ไม่เหมือนคู่เธอเลยที่ฝ่ายชายเอาแ