“อูยยยย....อ่าส์....เสียวดีจริงแม่คุณเอ๊ย...ทำไมมันดูดดีอย่างนี้....โอววว....มะ...ไม่ไหวแล้ว....อ่าส์....ไม่ไหวแล้ว....อ่าส์”
เจตต์ครางอย่างซ่านเสียว เขาเกร็งตัวเมื่อจังหวะสุดท้ายของแรงกระแทกทำให้เขาเกร็งไปหมด นันทินีก็ร้องออกมาเหมือนถูกฟาดด้วยแส้ หน้าสวยบิดเบี้ยวดูไม่ได้เลยทีเดียว ก่อนที่หล่อนเองจะแตะถึงขอบสวรรค์พร้อม ๆ กับเจ้านายหนุ่ม รู้สึกถึงกระแสอุ่นเชี่ยวกรากไหลวนอยู่ใจกลางลำตัว เสียงทอดถอนใจของเจตต์ยาวและหนัก เขากอดหล่อนไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนผละห่าง นันทินีหน้าแดงซ่านเหมือนอย่างทุกครั้ง หล่อนขยับลงจากโต๊ะทำงานของเขาแล้วก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่วางเรี่ยรายบนพื้น เลขาสาวเข้าห้องน้ำส่วนตัวของท่านประธานเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วกลับออกมาอีกครั้ง เห็นเจตต์นั่งที่โต๊ะทำงาน เขาสวมเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยเช่นกัน บรรยากาศภายในนั้นกลับคืนสู่สภาวะปกติเหมือนเช่นเก่า
“นี่ใกล้เวลาประชุมแล้วสินะ...ผมจะไปประชุมก่อน”
เจตต์กล่าวและจ้องหน้าเลขาของเขา เห็นได้ชัดว่าแก้มของหล่อนยังเป็นสีชมพูระเรื่อและเสียงหอบหายใจจากความเหนื่อยอ่อนทำให้เขาสั่นไหว นันทินีพยักหน้า หล่อนแทบไม่กล้าสบนัยน์หวานเข้มของเจ้านายหนุ่มที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ดึงดูดใจและหลอมละลายความรู้สึกของหล่อนทุกที
“ค่ะ...ท่านประธาน”
“เลิกประชุมแล้วผมจะรีบกลับมา”
เจตน์กล่าวก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้อง นันทินีมองตามด้วยดวงตาละห้อยหา หญิงสาวรู้สึกว่าเจตต์เป็นคนพิเศษสำหรับเธอเสมอ เสน่ห์ร้ายกาจของเขาทำให้ใจเธอเต้นแรงแม้จะเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันหลายหนแล้วก็ตาม
ขณะนั้นที่นันทินีกำลังก้มหน้าลงทำงานต่อประตูห้องก็เปิดออกและใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา หล่อนเงยหน้ามองเป็นหญิงสาวในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเรียบ ๆ หน้าตาสดใสน่ารักดูจากอายุแล้วน่าจะอ่อนกว่าเธอสัก 2 ปีเห็นจะได้ และมองจากภายนอกแล้วน่าจะเป็นสาวแรกรุ่น เจ้าหล่อนเดินเข้ามาและทักทายว่า
“สวัสดีค่ะ...ไม่ทราบว่าคุณเจตต์อยู่ไหมคะ?”
“ท่านประธานเหรอคะ ตอนนี้ท่านติดประชุมอยู่ค่ะไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับท่านประธานด่วนหรือเปล่าคะ?... หรือว่ามีนัดกับท่านประธานก่อนหน้านี้หรือเปล่าคะ”
“อ๋อ...ค่ะ...ดิฉันชื่ออิงอรค่ะ เรียกชื่อเล่นว่าอรก็ได้นะคะจะเข้ามาขอพบท่านประธาน อรเป็นนักศึกษาฝึกงานค่ะ ก่อนหน้านี้ยื่นหนังสือมาที่ฝ่ายบุคคลแล้วและฝ่ายบุคคลบอกว่าให้มาพบท่านประธานก่อนค่ะ”
เด็กสาวคนนั้นแนะนำตัว ฟังจากน้ำเสียงและท่าทีดูท่าทางของเธอจะมีความมั่นใจแม้ว่าใบหน้าจะเป็นเด็กสาวหน้าตาวัยใสแต่ท่าทางการพูดจาฉะฉานและทำให้นันทินีรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา เธอจึงตอบกลับไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นนั่งรอก่อนนะคะ ดิฉันก็ไม่ทราบว่าท่านประธานจะเสร็จจากการประชุมตอนไหนเพราะท่านก็เพิ่งเข้าร่วมการประชุมเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เด็กสาวที่ชื่ออิงอรพยักหน้ารับและนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเลขาสาว หล่อนนั่งมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนถามขึ้นว่า
“ไม่ทราบว่าคุณพี่เป็นเลขาของท่านประธานใช่ไหมคะ?”
นันทินีพยักหน้าและตอบด้วยเสียงรื่นหู
บทที่ 3
“ใช่ค่ะพี่เป็นเลขาของท่านประธาน พี่ชื่อนันทินีหรือน้องอรจะเรียกพี่เล่นๆ ว่าพี่นุ่นก็ได้นะคะ”
“ค่ะ...สวัสดีค่ะพี่นุ่น แล้วไม่ทราบว่าพี่นุ่นน่ะเป็นเลขาของท่านประธานนี่ ทำงานมานานเท่าไหร่แล้วคะ”
“พี่ทำงานกับท่านประธานได้ประมาณก็...เดือนหน้าจะครบ 6 เดือนแล้วล่ะค่ะ
“ก็ยังไม่นานเท่าไหร่เลยนะคะ แล้วไม่ทราบว่าพี่นุ่นนี่จบปริญญาตรีทางด้านเลขานุการมาอย่างนั้นเหรอคะ”
“พี่จบชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงค่ะ จริงๆแล้วพี่จบทางด้านบัญชีแต่ว่าเคยทำงานเป็นเลขาให้เจ้านายที่เป็นฝรั่ง เป็นชาวต่างประเทศนะค่ะ เคยทำงานให้กับเจ้านายที่มีเชื้อสายเป็นชาวฝรั่งเศส”
อิงอรมีสีหน้าประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นพี่นุ่นพูดฝรั่งเศสได้หรือเปล่าล่ะคะ
“พี่พูดฝรั่งเศสไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่าภาษาที่พี่สื่อสารกับเจ้านายส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาษาอังกฤษ เจ้านายของพี่ที่พี่เคยทำงานด้วยเขาพูดได้หลายภาษาค่ะ”
“แต่พี่ก็เก่งมากเลยนะคะ อรขอนับถือเลยเพราะขนาดอรเรียนถึงระดับปริญญาตรีก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังมีประสบการณ์น้อยแล้วยิ่งต้องมาฝึกงานแบบนี้ก็คงต้องเรียนรู้ให้เยอะกว่าคนที่ทำงานในบริษัทมากสักหน่อย ถ้ายังไงอรก็ขอคำแนะนำจากพี่นุ่นให้ช่วยสั่งสอนด้วยนะคะ”
“ได้สิคะ น้องอรเป็นพนักงานฝึกงานก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในบริษัทนี้เหมือนกัน เราก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้วนะคะ”“ขอบคุณมากเลยค่ะ”อิงอรกล่าวกับนันทินีด้วยรอยยิ้มแสนสดใส ขณะนั้นเองเลขาสาวก็สังเกตเห็นว่านักศึกษาฝึกงานคนนี้มีอะไรหลายอย่างดูจะพิเศษ อิงอรมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดเพราะหน้าตาของเธอสวยหวานการแต่งกายก็สุภาพเรียบร้อยแม้วันนี้อิงอรจะไม่ได้สวมชุดนักศึกษามาอาจเป็นเพราะเธอเข้าใจว่าจะต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพเพื่อมาพบท่านประธานบริหารของบริษัท นันทินีสังเกตเห็นว่าอิงอรเป็นเด็กสาวหน้าใสคำพูดและกริยาท่าทางก็ดูน่ารักสมกับเด็กสาววัย 18อิงอรและนันทินีนั่งคุยกันสักพักประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา เจตต์ก้าวเข้ามา ขณะนั้นเองนันทินีก็รีบลุกขึ้นและบอกเขาว่า“ท่านประธานคะ...ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ?”เขาพยักหน้า “ใช่...วันนี้ประชุมเสร็จเร็วมาก คงเป็นเพราะโปรเจคใหญ่ที่เรากำลังจะทำร่วมกับต่างประเทศมีการพูดคุยกันไปแล้ว ก็เหลือบรีฟงานอีกไม่เยอะเท่าไหร่ทุกคนก็เข้าใจทั้งหมด”“ค่ะ...ท่านประธานคะ พอดีว่ามีน้องนักศึกษาฝึกงานต้องการที่จะมาขอพบท่านประธานค่ะ”พอนันทินีบอกอิงอรก็รีบลุกขึ้นและยกมือไหว้ท่านประธานหนุ่
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะ สำหรับผมก็คงจะไม่มีอะไรที่จะพูดคุยกับคุณมากไปกว่านี้หรอก นอกจากขอให้ตั้งใจฝึกงานและถ้าเกิดว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็สามารถที่จะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลได้หรือถ้ามีเรื่องที่ลำบากใจจริงๆ ถ้าไม่ได้คุยกับผมก็อาจจะบอกผ่านคุณนันทินีเลขาส่วนตัวของผมก็ได้”“ขอบคุณมากค่ะท่านประธาน”เจตต์กับอิงอรพูดคุยกันต่อไปจากนั้นอีกสักพักก่อนที่นักศึกษาฝึกงานสาวจะขอตัวออกไป หลังจากนั้นเจตต์ก็ก้มหน้าก้มตาดูเอกสารที่เขาจะต้องเซ็นซึ่งก็มีมากมายอยู่ทุกวันโดยที่นันทินีก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ต่างคนต่างดูเหมือนมุ่งทำงานของตัวเองมากกว่าที่จะพูดคุยและอยู่ใกล้ชิดกันอย่างตอนเช้าก่อนเวลาเข้างานที่ทั้งสองได้เจอและมีสัมพันธ์สวาทอันเร่าร้อนต่อกันซึ่งสำหรับนันทินีแล้วท่านประธานของหล่อนก็เป็นแบบนี้ เขาจะหวานกับหล่อนก็เฉพาะเวลาที่เขาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหล่อนเท่านั้นแต่หลังจากนั้นเจตต์ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาจะแสดงท่าทีของความเป็นเจ้านายมากกว่าคนที่มีสัมพันธ์สวาทอันเร่าร้อนต่อกัน เจตต์เป็นคนที่ถ้ามองจริงๆแล้วค่อนข้างดุและเคร่งขรึมในเวลาทำงาน เขาจะทุ่มเทและจริงจัง แต่ก็นั่นแหละมันก็ทำให้นันทิ
นันทินีกล่าวกับบุรินทร์เพื่อนชายซึ่งอายุไล่เลี่ยกันกับเธอเขาเป็นพนักงานของบริษัทในตำแหน่งผู้จัดการควบคุมการสั่งซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ของบริษัท เป็นคนที่คอยดูแลผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าระดับไฮแบรนด์ในโรงแรมหรูบุรินทร์ยิ้มให้เธอและเอ่ยว่า“เปล่าหรอกวันนี้ผมไม่ได้ทำงานล่วงเวลาหรอก นี่ก็กำลังจะกลับบ้านแล้วด้วยถ้ายังไงเดี๋ยวผมไปส่งนุ่นนะ”“ไม่ต้องลำบากก็ได้นะบุรินทร์เพราะบ้านของนุ่นไปคนละทางกลับบ้านของบุรินทร์ มันจะทำให้เสียเวลาเปล่า ๆ นะ”“ไม่เป็นไรหรอกผมอยากไปส่งนุ่นน่ะ เห็นนุ่นกับแท็กซี่ทุกวันก็อยากจะพานุ่นไปส่งที่บ้านบ้างก็จะได้ไปทำความรู้จักบ้านของนุ่นด้วยไงว่าอยู่ที่ไหน”“นุ่นอยู่หอพักน่ะเป็นหอพักเล็กๆ เองก็ไม่ไกลจากที่ทำงานนี่หรอก ว่าแต่บุรินทร์ถ้าไปส่งนุ่นก็จะเสียเวลาแล้วกว่าจะขับรถกลับไปที่บ้านอีกในเมืองตอนเย็นๆ รถติดจะตายไป”“ก็ไม่เห็นเป็นไรเวลารถติดผมก็นั่งฟังเพลง ได้ฟังเพลงเพลินๆ ฟังข่าวแป๊บเดียวก็ถึงบ้านละ”“แต่นุ่นก็เกรงใจบุรินทร์นะ ทำงานเหนื่อยๆ แล้วยังจะต้องขับรถที่ตอนเย็นในเมืองการจราจรคับคั่งอีกรุ่นว่าไม่รบกวนดีกว่า”“ไม่เป็นการรบกวนอะไรเลยนุ่นผมอยากไปส่งนุ่นก็
“ขอบใจมากนะบุรินทร์ แล้วก็ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจที่อุตส่าห์พานุ่นกลับมาที่พักแบบนี้นุ่นน่ะเกรงใจบุรินทร์มากเลยรู้ไหม”“ไม่ต้องเกรงใจหรอก...ผมเต็มใจเสมอสำหรับนุ่น”เขาเอ่ยและมองผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ด้วยประกายตาหวานฉ่ำซึ่งมันก็แสดงให้นันทินีเห็นว่าจริงๆ แล้วตอนนี้บุรินทร์รู้สึกกับเธอเช่นไรและจริงๆ แล้วก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้เลยว่าเขาคิดกับเธอยังไงเพราะตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำงานใหม่ๆก็จะเป็นคนที่ชอบเข้ามาพูดคุยกับเธอสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีแต่เขาเป็นคนสุภาพไม่เคยปากว่ามือถึง ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกคุกคามหรือไม่ปลอดภัย ยังคงรักษาความเป็นสุภาพบุรุษของเขาเอาไว้เสมอทว่าท่าทีของเขากลับทำให้เธอคิดถึงใครอีกคนอย่างช่วยไม่ได้บทที่ 5“เอ...แต่ว่า...ผมดู ๆ แล้ว เหมือนนุ่นจะไม่ค่อยสบายนะ นุ่นเป็นอะไรน่ะ วันนี้หน้าตาของนุ่นเหมือนเหนื่อยๆ นะ”บุรินทร์ถามและทำให้นันทินีสะดุ้งเล็กน้อยเพราะฉุกนึกได้ว่าเธอเองรู้สึกเศร้าใจกับเรื่องบางเรื่องและเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมีใครจะมาแก้ปัญหาให้เธอได้เลยแม้แต่คนเดียว สักครู่บุรินทร์ก็เอ่ยต่อไปอีกว่า“เออนี่นุ่น วันนี้ผมเห็นมีนักศึกษาฝึกงานคนใหม่เข้ามาด้วยล่ะ น้องนัก
นันทินีกล่าวเสียงเครือดวงตาของหล่อนเป็นรอยแดงก่ำนิดๆ นั่นเองทำให้เจตต์ขยับเข้าใกล้และจับไหล่ของหล่อนเอาไว้เขาก้มหน้าลงไปจนใกล้“เรื่องเมื่อก่อนก็คือเรื่องเมื่อก่อน แต่ตอนนี้กับเมื่อก่อนมันไม่เหมือนกันแล้ว ทุกอย่างมันก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปนี่ไม่ใช่เหรอนุ่น”“ใช่ค่ะ...ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจนหมดแล้ว ก็อย่างที่นุ่นบอกยังไงคะว่าระหว่างนุ่นกับคุณน่ะมันแทบไม่หลงเหลืออะไรไว้อีกแล้ว” หล่อนพูดน้ำเสียงเศร้าสร้อย นัยน์ตาคอยต่จะมีน้ำรื้นขึ้นมา นึกโกรธที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยบทที่ 23“ก่อนหน้านี้ตอนที่เราอยู่ด้วยกันเราสองคนก็ผูกพันกันแค่ทางกายแต่เรื่องหัวใจเราสองคนไม่เคยสื่อสารถึงกันถ้าคุณจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงมันก็ใช่นะคะแต่จะบอกอะไรให้นะคะ ระหว่างคุณกับนุ่นน่ะมันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ เมื่อก่อนคุณไม่ได้รักไม่ได้ใยดีนุ่นยังไงเดี๋ยวนี้มันก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น”“ก็ถ้าผมบอกว่าความคิดของผมเมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วคุณจะเชื่อผมหรือเปล่า”
วันนี้นันทินีมาถึงที่ทำงานแต่เช้าเมื่อคืนหล่อนนอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่ายอยู่ตลอดทั้งคืน บอกตัวเองไม่ได้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ มันมีหลายแง่หลายมุม มีหลายเรื่องราวที่ทำให้ต้องคิดโดยที่หญิงสาวก็ไม่รู้ตัวเลยว่าใต้จิตสำนึกของหล่อนเกิดความเครียดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงว่าคิดถึงเจตต์จับหัวใจ แต่ไม่สามารถที่จะโทรหาเขาได้ ไม่สามารถที่จะไปหาเขาหรือกอดเขาในเวลาที่หล่อนคิดถึงเหมือนอย่างคนรัก เหมือนผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายเป็นคู่รักโดยทั่วไป เธอได้แต่เตือนตัวเองว่าตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็เป็นได้เพียงแค่นางบำเรอ เป็นได้เพียงแค่ผู้หญิงที่คอยปรนเปรอรสสวาทเวลาที่เขาต้องการอย่างถึงอกถึงใจ หลังจากนั้นเธอก็เป็นได้แค่เศษขยะสำหรับเจตต์ก็เท่านั้น ไม่อาจแสดงความเป็นเจ้าของเพราะเป็นเรื่องต้องห้าม ขณะที่นันทินีเดินไปยังโต๊ะทำงานของหล่อนแต่ยังไม่ทันได้นั่งลงก็ต้องชะงักเมื่อประตูห้องเปิดออกและเศษก้าวเข้ามา“สวัสดีค่ะท่านประธาน”หล่อนเอ่ยทักทายหากแต่เจตต์กลับเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของเขาโดยที่ไม่ยอมหันมามองหน้าเลขาสาว ไม่ยอมตอบอะไรกลับมา มันทำให้หล่อนรู้สึกแปลกใจหากแต่ก็พยายามที่จะไม่คิดอ
“นุ่นไม่ได้ให้ท่านะคะ ท่านประธานควรจะเปลี่ยนคำพูดซะใหม่เพราะบุรินทร์เป็นแค่เพื่อนร่วมงานของนุ่นเท่านั้น นุ่นไม่เคยคิดอะไรกับเขามากเกินกว่าความเป็นเพื่อนเลยนะคะ”“ให้มันได้อย่างที่พูดเถอะนะ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่คุณบอกผมหรือเปล่าเพราะดูท่าทางคุณเองก็อาจจะเบื่อลีลาของผู้ชายคนเดิม ๆ อย่างผมแล้วก็เป็นได้ บางทีการได้หารสชาติใหม่ ๆ มันอาจจะทำให้คุณมีความสุขและซาบซ่ามากขึ้นกว่าเดิมซะอีก!”คำบริภาษของเจตต์ทำให้นันทินีถึงกับสะอึกเพราะหล่อนนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะก่นว่าได้เจ็บแสบถึงขนาดนี้ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไรออกมาประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง อิงอรก้าวเข้ามา นักศึกษาฝึกงานสาวต้องชะงักเมื่อเห็นว่าทั้งสองยืนประจันหน้ากันอยู่ที่โต๊ะของเลขานุการสาว“ขะ...ขอโทษด้วยนะคะท่านประธาน...พี่นุ่น...อรเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าคะเนี่ย”อิงอรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วหล่อนแสดงความประหม่าออกมาขนาดนั้น เจตต์หันกลับมายังนักศึกษาฝึกงานสาว สีหน้าของเขาแปลกเปลี่ยนไปน้ำเสียงของเขาถูกกดให้ต่ำลงและฟังดูราบเรียบเหมือนเป็นปกต
บทที่ 1 “ท่านประธานคะ...วันนี้มีประชุมด่วนตอนเช้านะคะ”นันทินี เลขาสาวสวยวัยยี่สิบเยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องทำงานโอ่อ่าแล้วต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าข้างในปราศจากเงาของคนที่หล่อนต้องการพบ หญิงสาวร่างระหงในชุดสูทเรียบเก๋ สวมแว่นตาอย่างสาวออฟฟิศก้าวเข้าไปแล้วปิดประตู แต่ทันใดนั้นก็ต้องตกใจเมื่อจู่ ๆ ถูกท่อนแขนแข็งแกร่งรวบเอวบาง ใครคนหนึ่งโอบกอดหล่อนไว้จากด้านหลัง กลิ่นโคโลญจน์หอมอวลแตะจมูก เป็นกลิ่นที่หล่อนจำได้“อุ๊ย! ท่านประธานคะ...ทำอะไรคะเนี่ย” หล่อนร้องออกมาทั้งที่ถูกสวมกอดจากข้างหลัง เสียงของหล่อนแหบพร่ามากกว่าร้องออกมาด้วยความตกใจ“นุ่น...วันนี้มีประชุมอีกเหรอ” เจตต์ ประธานบริหารระดับสูงสุดของ วัฒนรักษ์ กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีโรงแรมหรูระดับห้าดาวในเครือทั้งในและต่างประเทศกระซิบถาม นันทินีหันไปเผชิญหน้ากับเขาในระยะประชิด ท่านประธานของหล่อนคือหนุ่มวัยสามสิบสองหน้าตาหล่อเหลาบาดจิต รูปร่างสูงใหญ่เพราะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติ เจตต์เป็นนักธุรกิจระดับแถวหน้าที่มีชื่อเสียงในวงสังคมระดับสูง เป็นที่หลงใหลคลั่งไคล้ของสาว ๆ แม้แต่พนักงานในบริษัทก็ยังแสดงออกว่าต่างหลงเสน่ห์ความ
“นุ่นไม่ได้ให้ท่านะคะ ท่านประธานควรจะเปลี่ยนคำพูดซะใหม่เพราะบุรินทร์เป็นแค่เพื่อนร่วมงานของนุ่นเท่านั้น นุ่นไม่เคยคิดอะไรกับเขามากเกินกว่าความเป็นเพื่อนเลยนะคะ”“ให้มันได้อย่างที่พูดเถอะนะ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่คุณบอกผมหรือเปล่าเพราะดูท่าทางคุณเองก็อาจจะเบื่อลีลาของผู้ชายคนเดิม ๆ อย่างผมแล้วก็เป็นได้ บางทีการได้หารสชาติใหม่ ๆ มันอาจจะทำให้คุณมีความสุขและซาบซ่ามากขึ้นกว่าเดิมซะอีก!”คำบริภาษของเจตต์ทำให้นันทินีถึงกับสะอึกเพราะหล่อนนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะก่นว่าได้เจ็บแสบถึงขนาดนี้ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไรออกมาประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง อิงอรก้าวเข้ามา นักศึกษาฝึกงานสาวต้องชะงักเมื่อเห็นว่าทั้งสองยืนประจันหน้ากันอยู่ที่โต๊ะของเลขานุการสาว“ขะ...ขอโทษด้วยนะคะท่านประธาน...พี่นุ่น...อรเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าคะเนี่ย”อิงอรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วหล่อนแสดงความประหม่าออกมาขนาดนั้น เจตต์หันกลับมายังนักศึกษาฝึกงานสาว สีหน้าของเขาแปลกเปลี่ยนไปน้ำเสียงของเขาถูกกดให้ต่ำลงและฟังดูราบเรียบเหมือนเป็นปกต
วันนี้นันทินีมาถึงที่ทำงานแต่เช้าเมื่อคืนหล่อนนอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่ายอยู่ตลอดทั้งคืน บอกตัวเองไม่ได้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ มันมีหลายแง่หลายมุม มีหลายเรื่องราวที่ทำให้ต้องคิดโดยที่หญิงสาวก็ไม่รู้ตัวเลยว่าใต้จิตสำนึกของหล่อนเกิดความเครียดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงว่าคิดถึงเจตต์จับหัวใจ แต่ไม่สามารถที่จะโทรหาเขาได้ ไม่สามารถที่จะไปหาเขาหรือกอดเขาในเวลาที่หล่อนคิดถึงเหมือนอย่างคนรัก เหมือนผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายเป็นคู่รักโดยทั่วไป เธอได้แต่เตือนตัวเองว่าตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็เป็นได้เพียงแค่นางบำเรอ เป็นได้เพียงแค่ผู้หญิงที่คอยปรนเปรอรสสวาทเวลาที่เขาต้องการอย่างถึงอกถึงใจ หลังจากนั้นเธอก็เป็นได้แค่เศษขยะสำหรับเจตต์ก็เท่านั้น ไม่อาจแสดงความเป็นเจ้าของเพราะเป็นเรื่องต้องห้าม ขณะที่นันทินีเดินไปยังโต๊ะทำงานของหล่อนแต่ยังไม่ทันได้นั่งลงก็ต้องชะงักเมื่อประตูห้องเปิดออกและเศษก้าวเข้ามา“สวัสดีค่ะท่านประธาน”หล่อนเอ่ยทักทายหากแต่เจตต์กลับเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของเขาโดยที่ไม่ยอมหันมามองหน้าเลขาสาว ไม่ยอมตอบอะไรกลับมา มันทำให้หล่อนรู้สึกแปลกใจหากแต่ก็พยายามที่จะไม่คิดอ
นันทินีกล่าวเสียงเครือดวงตาของหล่อนเป็นรอยแดงก่ำนิดๆ นั่นเองทำให้เจตต์ขยับเข้าใกล้และจับไหล่ของหล่อนเอาไว้เขาก้มหน้าลงไปจนใกล้“เรื่องเมื่อก่อนก็คือเรื่องเมื่อก่อน แต่ตอนนี้กับเมื่อก่อนมันไม่เหมือนกันแล้ว ทุกอย่างมันก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปนี่ไม่ใช่เหรอนุ่น”“ใช่ค่ะ...ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจนหมดแล้ว ก็อย่างที่นุ่นบอกยังไงคะว่าระหว่างนุ่นกับคุณน่ะมันแทบไม่หลงเหลืออะไรไว้อีกแล้ว” หล่อนพูดน้ำเสียงเศร้าสร้อย นัยน์ตาคอยต่จะมีน้ำรื้นขึ้นมา นึกโกรธที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยบทที่ 23“ก่อนหน้านี้ตอนที่เราอยู่ด้วยกันเราสองคนก็ผูกพันกันแค่ทางกายแต่เรื่องหัวใจเราสองคนไม่เคยสื่อสารถึงกันถ้าคุณจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงมันก็ใช่นะคะแต่จะบอกอะไรให้นะคะ ระหว่างคุณกับนุ่นน่ะมันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ เมื่อก่อนคุณไม่ได้รักไม่ได้ใยดีนุ่นยังไงเดี๋ยวนี้มันก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น”“ก็ถ้าผมบอกว่าความคิดของผมเมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วคุณจะเชื่อผมหรือเปล่า”
“ขอบใจมากนะบุรินทร์ แล้วก็ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจที่อุตส่าห์พานุ่นกลับมาที่พักแบบนี้นุ่นน่ะเกรงใจบุรินทร์มากเลยรู้ไหม”“ไม่ต้องเกรงใจหรอก...ผมเต็มใจเสมอสำหรับนุ่น”เขาเอ่ยและมองผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ด้วยประกายตาหวานฉ่ำซึ่งมันก็แสดงให้นันทินีเห็นว่าจริงๆ แล้วตอนนี้บุรินทร์รู้สึกกับเธอเช่นไรและจริงๆ แล้วก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้เลยว่าเขาคิดกับเธอยังไงเพราะตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำงานใหม่ๆก็จะเป็นคนที่ชอบเข้ามาพูดคุยกับเธอสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีแต่เขาเป็นคนสุภาพไม่เคยปากว่ามือถึง ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกคุกคามหรือไม่ปลอดภัย ยังคงรักษาความเป็นสุภาพบุรุษของเขาเอาไว้เสมอทว่าท่าทีของเขากลับทำให้เธอคิดถึงใครอีกคนอย่างช่วยไม่ได้บทที่ 5“เอ...แต่ว่า...ผมดู ๆ แล้ว เหมือนนุ่นจะไม่ค่อยสบายนะ นุ่นเป็นอะไรน่ะ วันนี้หน้าตาของนุ่นเหมือนเหนื่อยๆ นะ”บุรินทร์ถามและทำให้นันทินีสะดุ้งเล็กน้อยเพราะฉุกนึกได้ว่าเธอเองรู้สึกเศร้าใจกับเรื่องบางเรื่องและเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมีใครจะมาแก้ปัญหาให้เธอได้เลยแม้แต่คนเดียว สักครู่บุรินทร์ก็เอ่ยต่อไปอีกว่า“เออนี่นุ่น วันนี้ผมเห็นมีนักศึกษาฝึกงานคนใหม่เข้ามาด้วยล่ะ น้องนัก
นันทินีกล่าวกับบุรินทร์เพื่อนชายซึ่งอายุไล่เลี่ยกันกับเธอเขาเป็นพนักงานของบริษัทในตำแหน่งผู้จัดการควบคุมการสั่งซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ของบริษัท เป็นคนที่คอยดูแลผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าระดับไฮแบรนด์ในโรงแรมหรูบุรินทร์ยิ้มให้เธอและเอ่ยว่า“เปล่าหรอกวันนี้ผมไม่ได้ทำงานล่วงเวลาหรอก นี่ก็กำลังจะกลับบ้านแล้วด้วยถ้ายังไงเดี๋ยวผมไปส่งนุ่นนะ”“ไม่ต้องลำบากก็ได้นะบุรินทร์เพราะบ้านของนุ่นไปคนละทางกลับบ้านของบุรินทร์ มันจะทำให้เสียเวลาเปล่า ๆ นะ”“ไม่เป็นไรหรอกผมอยากไปส่งนุ่นน่ะ เห็นนุ่นกับแท็กซี่ทุกวันก็อยากจะพานุ่นไปส่งที่บ้านบ้างก็จะได้ไปทำความรู้จักบ้านของนุ่นด้วยไงว่าอยู่ที่ไหน”“นุ่นอยู่หอพักน่ะเป็นหอพักเล็กๆ เองก็ไม่ไกลจากที่ทำงานนี่หรอก ว่าแต่บุรินทร์ถ้าไปส่งนุ่นก็จะเสียเวลาแล้วกว่าจะขับรถกลับไปที่บ้านอีกในเมืองตอนเย็นๆ รถติดจะตายไป”“ก็ไม่เห็นเป็นไรเวลารถติดผมก็นั่งฟังเพลง ได้ฟังเพลงเพลินๆ ฟังข่าวแป๊บเดียวก็ถึงบ้านละ”“แต่นุ่นก็เกรงใจบุรินทร์นะ ทำงานเหนื่อยๆ แล้วยังจะต้องขับรถที่ตอนเย็นในเมืองการจราจรคับคั่งอีกรุ่นว่าไม่รบกวนดีกว่า”“ไม่เป็นการรบกวนอะไรเลยนุ่นผมอยากไปส่งนุ่นก็
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะ สำหรับผมก็คงจะไม่มีอะไรที่จะพูดคุยกับคุณมากไปกว่านี้หรอก นอกจากขอให้ตั้งใจฝึกงานและถ้าเกิดว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็สามารถที่จะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลได้หรือถ้ามีเรื่องที่ลำบากใจจริงๆ ถ้าไม่ได้คุยกับผมก็อาจจะบอกผ่านคุณนันทินีเลขาส่วนตัวของผมก็ได้”“ขอบคุณมากค่ะท่านประธาน”เจตต์กับอิงอรพูดคุยกันต่อไปจากนั้นอีกสักพักก่อนที่นักศึกษาฝึกงานสาวจะขอตัวออกไป หลังจากนั้นเจตต์ก็ก้มหน้าก้มตาดูเอกสารที่เขาจะต้องเซ็นซึ่งก็มีมากมายอยู่ทุกวันโดยที่นันทินีก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ต่างคนต่างดูเหมือนมุ่งทำงานของตัวเองมากกว่าที่จะพูดคุยและอยู่ใกล้ชิดกันอย่างตอนเช้าก่อนเวลาเข้างานที่ทั้งสองได้เจอและมีสัมพันธ์สวาทอันเร่าร้อนต่อกันซึ่งสำหรับนันทินีแล้วท่านประธานของหล่อนก็เป็นแบบนี้ เขาจะหวานกับหล่อนก็เฉพาะเวลาที่เขาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหล่อนเท่านั้นแต่หลังจากนั้นเจตต์ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาจะแสดงท่าทีของความเป็นเจ้านายมากกว่าคนที่มีสัมพันธ์สวาทอันเร่าร้อนต่อกัน เจตต์เป็นคนที่ถ้ามองจริงๆแล้วค่อนข้างดุและเคร่งขรึมในเวลาทำงาน เขาจะทุ่มเทและจริงจัง แต่ก็นั่นแหละมันก็ทำให้นันทิ
“ได้สิคะ น้องอรเป็นพนักงานฝึกงานก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในบริษัทนี้เหมือนกัน เราก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้วนะคะ”“ขอบคุณมากเลยค่ะ”อิงอรกล่าวกับนันทินีด้วยรอยยิ้มแสนสดใส ขณะนั้นเองเลขาสาวก็สังเกตเห็นว่านักศึกษาฝึกงานคนนี้มีอะไรหลายอย่างดูจะพิเศษ อิงอรมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดเพราะหน้าตาของเธอสวยหวานการแต่งกายก็สุภาพเรียบร้อยแม้วันนี้อิงอรจะไม่ได้สวมชุดนักศึกษามาอาจเป็นเพราะเธอเข้าใจว่าจะต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพเพื่อมาพบท่านประธานบริหารของบริษัท นันทินีสังเกตเห็นว่าอิงอรเป็นเด็กสาวหน้าใสคำพูดและกริยาท่าทางก็ดูน่ารักสมกับเด็กสาววัย 18อิงอรและนันทินีนั่งคุยกันสักพักประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา เจตต์ก้าวเข้ามา ขณะนั้นเองนันทินีก็รีบลุกขึ้นและบอกเขาว่า“ท่านประธานคะ...ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ?”เขาพยักหน้า “ใช่...วันนี้ประชุมเสร็จเร็วมาก คงเป็นเพราะโปรเจคใหญ่ที่เรากำลังจะทำร่วมกับต่างประเทศมีการพูดคุยกันไปแล้ว ก็เหลือบรีฟงานอีกไม่เยอะเท่าไหร่ทุกคนก็เข้าใจทั้งหมด”“ค่ะ...ท่านประธานคะ พอดีว่ามีน้องนักศึกษาฝึกงานต้องการที่จะมาขอพบท่านประธานค่ะ”พอนันทินีบอกอิงอรก็รีบลุกขึ้นและยกมือไหว้ท่านประธานหนุ่
“อูยยยย....อ่าส์....เสียวดีจริงแม่คุณเอ๊ย...ทำไมมันดูดดีอย่างนี้....โอววว....มะ...ไม่ไหวแล้ว....อ่าส์....ไม่ไหวแล้ว....อ่าส์”เจตต์ครางอย่างซ่านเสียว เขาเกร็งตัวเมื่อจังหวะสุดท้ายของแรงกระแทกทำให้เขาเกร็งไปหมด นันทินีก็ร้องออกมาเหมือนถูกฟาดด้วยแส้ หน้าสวยบิดเบี้ยวดูไม่ได้เลยทีเดียว ก่อนที่หล่อนเองจะแตะถึงขอบสวรรค์พร้อม ๆ กับเจ้านายหนุ่ม รู้สึกถึงกระแสอุ่นเชี่ยวกรากไหลวนอยู่ใจกลางลำตัว เสียงทอดถอนใจของเจตต์ยาวและหนัก เขากอดหล่อนไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนผละห่าง นันทินีหน้าแดงซ่านเหมือนอย่างทุกครั้ง หล่อนขยับลงจากโต๊ะทำงานของเขาแล้วก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่วางเรี่ยรายบนพื้น เลขาสาวเข้าห้องน้ำส่วนตัวของท่านประธานเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วกลับออกมาอีกครั้ง เห็นเจตต์นั่งที่โต๊ะทำงาน เขาสวมเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยเช่นกัน บรรยากาศภายในนั้นกลับคืนสู่สภาวะปกติเหมือนเช่นเก่า“นี่ใกล้เวลาประชุมแล้วสินะ...ผมจะไปประชุมก่อน”เจตต์กล่าวและจ้องหน้าเลขาของเขา เห็นได้ชัดว่าแก้มของหล่อนยังเป็นสีชมพูระเรื่อและเสียงหอบหายใจจากความเหนื่อยอ่อนทำให้เขาสั่นไหว นันทินีพยักหน้า หล่อนแทบไม่กล้าสบนัยน์หวานเข้มของเจ้านายห
“อูยยยย.....ซี๊ดดดด....ท่านประธาน....อ๊อยยย” นันทินีส่งเสียงร้องจนแห้งแหบเพราะท่านประธานสุดหล่อของหล่อนจ้วงลิ้นบนเนินกาบหอยที่ถูกถ่างอ้าซ่า เขารัวลิ้นอย่างช่ำชองชำนาญ จวกปลายลิ้นลงไปตรงแอ่งน้ำหวานจุดความเสียวซ่านให้หญิงสาว เลขาส่วนตัวของเขาเอนตัวไปด้านหลัง ยันตัวหล่อนเอาไว้ด้วยข้อศอกทั้งสอง ลีลารัวลิ้นของเจตต์สุดเด็ด มันทำให้หล่อนมีความสุขได้เสมอ ระหว่างเขากับหล่อนมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และไม่มีครั้งไหนไม่ดุเด็ดได้ใจอย่างเด็ดขาด เจตต์เป็นผู้ชายที่มีครบทุกอย่าง ทั้งความหล่อร้าย เสน่ห์ของเขาที่ทำให้ผู้หญิงสยบยอมได้เสมอ แม้แต่นันทินีเอง ถึงหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงร้อนร่านสวาทแต่เขาก็ทำให้หล่อนเปลี่ยนจากลูกแมวน้อยกลายเป็นแม่เสือสาวได้ในชั่วพริบตา“อูยยยยย.....ซี๊ดดดดด....อ่าส์.....อือ....ทะ...ท่านประธาน....โอ๊วๆๆๆๆ....อูวววว”“คงอยากแล้วล่ะสิ เสียงของเธอมันบอก” เจตต์เงยหน้าจากระหว่างของนันทินี เขาสบนัยน์ตาหวานฉ่ำของหล่อนอย่างมีความหมาย มันหยดเยิ้มจนทำให้คนถูกมองสยิวด้วยความเสียวซ่าน นันทินีขยับตัวเข้าหาเขา เธอจับไล่กว้างและเบียดลำตัวด้านหน้าเข้าหา“ค่ะ...ท่านประธาน...แล้ว...ฉันควรต้