นันทินีตื่นขึ้นและเตรียมตัวไปทำงานในตอนเช้า หล่อนทำอะไรได้อย่างเชื่องช้าลงมากขึ้นทุกขณะก็เพราะสรีระของหล่อนที่เปลี่ยนไป ท้องที่เริ่มยื่นออกมามากขึ้นทุกที หล่อนรู้สึกได้ถึงแรงดิ้นของทารกในครรภ์ซึ่งหลังจากการไปตรวจครั้งล่าสุดทำให้นันทินีรู้ว่ากำลังจะมีลูกผู้ชายและนันทินีนึกในใจแล้วว่าหล่อนจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรและนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้นันทินีมีความสุขมากที่สุดในเวลานี้นอกเหนือจากบางเวลาที่ยังนึกถึงผู้ให้กำเนิดเด็กในท้องของหล่อน นันทินีไม่ปฏิเสธว่าหลายครั้งก็ยังคิดถึงเจตต์ยังคิดถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมา นันทินีพยายามโกหกเขาไปว่าหลังได้งานใหม่ก็มีสามีใหม่ทั้งที่จริงแล้วหล่อนท้องก่อนที่จะลาออกจากบริษัทด้วยซ้ำและเด็กในท้องก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาหากแต่เมื่อเรื่องราวมันมาถึงตอนนี้แล้วจะให้หล่อนกลับไปอ้างสิทธิ์ว่าเด็กในท้องเป็นลูกของท่านประธานบริษัทใหญ่ได้ยังไง และยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องของนักศึกษาฝึกงานสาวคนนั้นที่ไปมีความสัมพันธ์กับท่านประธานบริษัทมันก็ยิ่งทำให้หล่อนเจ็บปวดและแทบไม่อยากนึกถึงให้ร้าวรานหัวใจ นันทินีแต่งตัวเสร็จแล้วก็เปิดประตูรั้วบ้านออกไปหากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีรถเก๋งคันใหญ่จอดรออยู่ ข้างๆ รถเจตต์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นหล่อนเขาก็เอ่ยทักทายขึ้น
“นุ่น...ผมมารอคุณนานแล้ว แต่ก็เข้าใจว่าคุณอาจจะช้าไปบ้างเพราะทำอะไรไม่ค่อยสะดวก ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวก็ไปกันเถอะ
“คงไม่ต้องกระมังคะคุณเจตต์ นุ่นไปทำงานเองได้ค่ะ โบกรถแท็กซี่แถวนี้ก็มีออกจะเยอะๆ นะคะ คุณคงไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับนุ่นแบบนี้แล้วค่ะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมถือว่าไม่เป็นการเสียเวลาหรอกนะผมจะพาคุณไปส่ง อยากจะทำให้มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำน่ะ”
“หน้าที่ของคุณคือการเป็นท่านประธานควบคุมลูกน้องในบริษัทค่ะ ไม่ใช่มาเป็นสารถีรับส่งคนท้องอย่างฉัน”
“ที่ผมมารับคุณแต่เช้าวันนี้ก็เป็นเพราะธิดาเจ้านายของคุณให้ผมมารับคุณนะ”
“ทำไมพี่ธิดาต้องให้คุณมารับฉันไปทำงานด้วยคะ”
“ก็ผมมีเรื่องที่จะต้องตกลงทางธุรกิจกับธิดาแล้วเมื่อคืนนี้เราก็ยังคุยกันไม่เสร็จเรียบร้อยเลย”
“แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมารับฉันนี่คะ ฉันไปทำงานเองได้ค่ะแล้วมันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วเพราะฉันเป็นเลขาของพี่ธิดา”
“มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกนะ ปัญหามันอยู่ที่ว่าข้อมูลต่างๆ อยู่ที่เลขาของธิดา ผมก็เลยต้องมารับคุณไปเพื่อที่จะขอให้คุณเปิดข้อมูลทางด้านธุรกิจของบริษัทให้ผมดูเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจการลงทุนทำธุรกิจร่วมกันยังไงล่ะ”
คำอธิบายของเขาฟังดูมีเหตุมีผล แต่มันก็เป็นที่น่าประหลาดใจอยู่อีกนั่นแหละ ถึงยังไงนันทินีก็จำเป็นต้องไปกับเขาอยู่ดีหล่อนไม่รู้ว่าเขาจะวางแผนการอะไรไว้บ้างไหม แต่ในเมื่อเขาอ้างเรื่องของข้อมูลบริษัทและเจ้านายของหล่อนก็คงจะปฏิเสธไม่ได้นันทินีจึงยอมขึ้นรถและให้เขาพาไป หากแต่เมื่อเจตต์ขับรถไปได้สักประมาณเกือบชั่วโมงหล่อนก็รู้สึกเอะใจและเอ่ยถามเขา
“นี่ไม่ใช่ทางไปบริษัทนี่คะ...คุณเจตต์...คุณจะพาฉันไปไหนกันคะ?”
แทนคำตอบเขาจับมือหล่อนไว้และบีบเบาๆ ขณะดวงตาเข้มคมจ้องไปยังเส้นทางข้างหน้าที่รถกำลังมุ่งออกไปนอกตัวเมือง นันทินีตื่นเต้น แต่อีกชีพจรตื่นเต้นมากกว่า
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ผมไม่พาคุณไปไกลหรอก”
“ก็ไหนคุณบอกว่าพี่ธิดาให้คุณมารับฉันไปบริษัท แล้วทำไมถึงได้...”
“ธิดาบอกให้ผมมารับ แต่ไม่ได้บอกให้ไปส่งที่บริษัทสักหน่อย อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิที่รัก ผมไม่พาคุณไปทำอะไรที่ไหนหรอก แค่อยากพาคุณไปเพื่อให้คุณได้รับรู้อะไรบางอย่างก็เท่านั้น”
หลังจากนั้นนันทินีก็เงียบ หล่อนไม่ออกความเห็นแม้ว่าหัวใจเต้นแรงเพราะไม่รู้ว่าเจตต์คิดอะไรหรืออยากทำอะไรกันแน่ กระทั่งเขาพาหล่อนมายังสถานที่หนึ่ง เป็นชายทะเลที่เขาตั้งใจขับรถเข้าไปจอดใต้ต้นปาล์มใหญ่ริมทะเล เห็นท้องฟ้าจรดกับผืนน้ำใสระยับในตอนเช้า เจตต์จอดรถนิ่งสนิทแต่ยังไม่ดับเครื่องยนต์เพราะต้องการเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ ในเวลานั้นเขายังไม่ยอมปล่อยมือนันทินีจนหล่อนต้องเป็นฝ่ายดึงมือออกเอง
“ทีนี้บอกได้หรือยังคะว่าคุณพาฉันมาที่ไหน พามาที่นี่เพื่ออะไร”
“ที่นี่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรหรอก ผมแค่อยากพาคุณมาในสถานที่ที่เราไม่เคยมาด้วยกันตามลำพังก็เท่านั้น”
หล่อนเลิกคิ้วสูง “แล้วมันสำคัญตรงไหนคะ”
“สำคัญสิ...สำคัญมากด้วย” เขาดึงมือหล่อนมากุมไว้อีกครั้ง คราวนี้ก้มลงจูบหลังมือที่อวบอิ่มขึ้นแต่เขาก็ชอบให้นันทินีเป็นแบบนี้ หล่อนดูมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิมและทำให้เขาอยากดึงร่างอุ้ยอ้ายนั้นมากอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบนันทินีอีกครั้ง
“มันสำคัญสำหรับผม ดพราะตลอดเวลาตั้งแต่เรา...เอิ่ม...อยู่ด้วยกัน ผมไม่เคยพาคุณไปไหนนอกจากเราจะพบกันในออฟฟิศ และก็ที่คอนโด”
“นุ่นเต็มใจจะอยู่อย่างนั้น และมันก็เหมาะสมกับนุ่นแล้วค่ะ”“ผมอาจจะเคยรู้สึกอย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกเหมือนเก่า ผมคิดว่าควรพาคุณมาในที่ที่คุณอยากมา มาอย่างคนรักที่อยู่กันอย่างครอบครัว”“เราไม่ใช่ครอบครัวหรอกค่ะ เราเป็นแค่คนเคยรู้จักกัน”“เมื่อก่อนผมว่าคุณเป็นคนว่าง่าย แต่บทจะใจแข็งคุณก็ไม่ยอมใครง่าย ๆ เหมือนกันนะ...โอเค...ผมยอมแล้วล่ะ ไม่ว่าคุณอยากจะประชด หรือด่าว่าผมตรง ๆ ผมก็จะไม่ตอบโต้หรือคัดค้าน”“แล้วจะบอกนุ่นได้หรือยังคะว่า นอกจากการที่คุณอยากพานุ่นมาที่นี่คุณมีอะไรที่อยากบอกนุ่นอีก”“เยอะแยะมากมาย มันเยอะมาก ๆ จริง ๆ จนผมคิดว่าถ้าคุณได้รับรู้สิ่งนี้เรื่องที่ค้างคาระหว่างเราจะได้คลี่คลายเสียที”เขาพูดสั้น ๆ แต่นันทินีกลับมองไปทางอื่น ทำราวกับว่าหล่อนไม่อยากสนใจและไม่อยากรับฟังที่เขาพูด“นุ่น...หันมามองผมหน่อยจะได้ไหม?”“มีอะไรก็ว่ามาสิคะ” หล่อนหันกลับมาจ้องหน้าเขาตรงๆ เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วใจแทบละลายแต่
น้ำเสียงตอนท้ายของนันทินีเศร้าสร้อยลงจนทำให้เจ็บรู้สึกสะท้อนในหัวใจของเขา เจตต์ดึงมือของหล่อนมากุมไว้ เขาก้มลงจูบหลังมือนุ่มลื่นของหล่อนอีกครั้งและเงยหน้าขึ้น“ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่ผิดคำพูดของตัวเองผมก็เหมือนกัน จริงๆ แล้วผมผิดคำพูดของตัวเองมาตั้งนานแล้วเพียงแต่ผมอาจจะยังเป็นคนดื้อรั้นและทิฐิไม่เคยยอมรับตัวเองและการที่ผมเป็นคนแบบนี้ก็เกือบจะทำให้ผมต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไป”“คุณไม่เคยผิดคำพูดหรอกค่ะคุณเจตต์ คุณเป็นอย่างที่คุณเคยบอกฉันและฉันก็จะต้องยอมรับมัน เพียงแต่ฉันผิดเองที่ทำยังไงก็ทำใจยอมรับไม่ได้เลย คุณเจตน์คะเรื่องระหว่างคุณกับอิงอรฉันจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องฉันตั้งใจและว่าการที่ฉันยอมลาออกมาจากบริษัทของคุณก็เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้มีทางเลือกและตัดสินใจเพราะฉันรู้ดีว่าคุณไม่เคยรักฉันมาตั้งแต่แรก เราต่างคนต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกันให้มันจบลงเพียงเท่านี้แล้วฉันก็จะไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น”“ถ้าอย่างนั้นคุณยอมรับกับผมมาก่อนได้ไหมว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้มีผู้ชายคนใหม่ และเด็กในท้องก็เป็นลูกของผม”น
“บุรินทร์ เป็นคนพาเด็กคนนั้นไปพบผมในวันนั้นที่เขาได้รู้ความจริง เขาให้เด็กคนนั้นรับสารภาพต่อหน้าว่าทำเรื่องอะไรไว้บ้างและเขาก็เป็นคนอัดคลิปวีดีโอทั้งหมด ตอนแรกผมก็โกรธมากเลยนะพอรู้ว่าอิงอรเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมา ตอนแรกเด็กคนนั้นพยายามที่จะขอโทษผม บอกว่าสำนึกผิดแล้วกับเรื่องทุกอย่างที่ทำไปแต่ถึงยังไงผมก็คิดว่าผมจะต้องให้บทเรียนอะไรสักอย่างหนึ่งให้อิงอรได้จดจำเอาไว้ว่าทีหลังอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกอย่างเด็ดขาดเพราะถ้าหากผมแสดงความเห็นใจและปล่อยเธอไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลยมันก็จะไม่เกิดบทเรียนกับเธออย่างเด็ดขาด”“แล้วคุณจะทำยังไงกับอิงอรเหรอคะ?”“ผมให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลรายงานความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของอิงอรกลับไปยังมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยเรื่องที่อิงอรวางแผนจัดฉากให้ผมต้องเสียชื่อหรอกนะ”“แล้วมันจะมีผลอะไรกับอิงอรหรือเปล่าล่ะคะ”“มันก็มีผลมากพอสมควรนะ เพราะว่าผมให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลรายงานทางมหาวิทยาลัยแจ้งให้เด็กคนนี้ย้ายที่ฝึกงานและเรื่องนี้อาจารย์ที่รับผิดชอบวิชาฝึกงานก็รับทราบทั้งหมดแล้วและตอนนี้เด็กคนนั้
บทที่ 1 “ท่านประธานคะ...วันนี้มีประชุมด่วนตอนเช้านะคะ”นันทินี เลขาสาวสวยวัยยี่สิบเยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องทำงานโอ่อ่าแล้วต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าข้างในปราศจากเงาของคนที่หล่อนต้องการพบ หญิงสาวร่างระหงในชุดสูทเรียบเก๋ สวมแว่นตาอย่างสาวออฟฟิศก้าวเข้าไปแล้วปิดประตู แต่ทันใดนั้นก็ต้องตกใจเมื่อจู่ ๆ ถูกท่อนแขนแข็งแกร่งรวบเอวบาง ใครคนหนึ่งโอบกอดหล่อนไว้จากด้านหลัง กลิ่นโคโลญจน์หอมอวลแตะจมูก เป็นกลิ่นที่หล่อนจำได้“อุ๊ย! ท่านประธานคะ...ทำอะไรคะเนี่ย” หล่อนร้องออกมาทั้งที่ถูกสวมกอดจากข้างหลัง เสียงของหล่อนแหบพร่ามากกว่าร้องออกมาด้วยความตกใจ“นุ่น...วันนี้มีประชุมอีกเหรอ” เจตต์ ประธานบริหารระดับสูงสุดของ วัฒนรักษ์ กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีโรงแรมหรูระดับห้าดาวในเครือทั้งในและต่างประเทศกระซิบถาม นันทินีหันไปเผชิญหน้ากับเขาในระยะประชิด ท่านประธานของหล่อนคือหนุ่มวัยสามสิบสองหน้าตาหล่อเหลาบาดจิต รูปร่างสูงใหญ่เพราะมีเชื้อสายของชาวต่างชาติ เจตต์เป็นนักธุรกิจระดับแถวหน้าที่มีชื่อเสียงในวงสังคมระดับสูง เป็นที่หลงใหลคลั่งไคล้ของสาว ๆ แม้แต่พนักงานในบริษัทก็ยังแสดงออกว่าต่างหลงเสน่ห์ความ
“อูยยยย.....ซี๊ดดดด....ท่านประธาน....อ๊อยยย” นันทินีส่งเสียงร้องจนแห้งแหบเพราะท่านประธานสุดหล่อของหล่อนจ้วงลิ้นบนเนินกาบหอยที่ถูกถ่างอ้าซ่า เขารัวลิ้นอย่างช่ำชองชำนาญ จวกปลายลิ้นลงไปตรงแอ่งน้ำหวานจุดความเสียวซ่านให้หญิงสาว เลขาส่วนตัวของเขาเอนตัวไปด้านหลัง ยันตัวหล่อนเอาไว้ด้วยข้อศอกทั้งสอง ลีลารัวลิ้นของเจตต์สุดเด็ด มันทำให้หล่อนมีความสุขได้เสมอ ระหว่างเขากับหล่อนมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และไม่มีครั้งไหนไม่ดุเด็ดได้ใจอย่างเด็ดขาด เจตต์เป็นผู้ชายที่มีครบทุกอย่าง ทั้งความหล่อร้าย เสน่ห์ของเขาที่ทำให้ผู้หญิงสยบยอมได้เสมอ แม้แต่นันทินีเอง ถึงหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงร้อนร่านสวาทแต่เขาก็ทำให้หล่อนเปลี่ยนจากลูกแมวน้อยกลายเป็นแม่เสือสาวได้ในชั่วพริบตา“อูยยยยย.....ซี๊ดดดดด....อ่าส์.....อือ....ทะ...ท่านประธาน....โอ๊วๆๆๆๆ....อูวววว”“คงอยากแล้วล่ะสิ เสียงของเธอมันบอก” เจตต์เงยหน้าจากระหว่างของนันทินี เขาสบนัยน์ตาหวานฉ่ำของหล่อนอย่างมีความหมาย มันหยดเยิ้มจนทำให้คนถูกมองสยิวด้วยความเสียวซ่าน นันทินีขยับตัวเข้าหาเขา เธอจับไล่กว้างและเบียดลำตัวด้านหน้าเข้าหา“ค่ะ...ท่านประธาน...แล้ว...ฉันควรต้
“อูยยยย....อ่าส์....เสียวดีจริงแม่คุณเอ๊ย...ทำไมมันดูดดีอย่างนี้....โอววว....มะ...ไม่ไหวแล้ว....อ่าส์....ไม่ไหวแล้ว....อ่าส์”เจตต์ครางอย่างซ่านเสียว เขาเกร็งตัวเมื่อจังหวะสุดท้ายของแรงกระแทกทำให้เขาเกร็งไปหมด นันทินีก็ร้องออกมาเหมือนถูกฟาดด้วยแส้ หน้าสวยบิดเบี้ยวดูไม่ได้เลยทีเดียว ก่อนที่หล่อนเองจะแตะถึงขอบสวรรค์พร้อม ๆ กับเจ้านายหนุ่ม รู้สึกถึงกระแสอุ่นเชี่ยวกรากไหลวนอยู่ใจกลางลำตัว เสียงทอดถอนใจของเจตต์ยาวและหนัก เขากอดหล่อนไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนผละห่าง นันทินีหน้าแดงซ่านเหมือนอย่างทุกครั้ง หล่อนขยับลงจากโต๊ะทำงานของเขาแล้วก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่วางเรี่ยรายบนพื้น เลขาสาวเข้าห้องน้ำส่วนตัวของท่านประธานเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วกลับออกมาอีกครั้ง เห็นเจตต์นั่งที่โต๊ะทำงาน เขาสวมเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยเช่นกัน บรรยากาศภายในนั้นกลับคืนสู่สภาวะปกติเหมือนเช่นเก่า“นี่ใกล้เวลาประชุมแล้วสินะ...ผมจะไปประชุมก่อน”เจตต์กล่าวและจ้องหน้าเลขาของเขา เห็นได้ชัดว่าแก้มของหล่อนยังเป็นสีชมพูระเรื่อและเสียงหอบหายใจจากความเหนื่อยอ่อนทำให้เขาสั่นไหว นันทินีพยักหน้า หล่อนแทบไม่กล้าสบนัยน์หวานเข้มของเจ้านายห
“ได้สิคะ น้องอรเป็นพนักงานฝึกงานก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในบริษัทนี้เหมือนกัน เราก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้วนะคะ”“ขอบคุณมากเลยค่ะ”อิงอรกล่าวกับนันทินีด้วยรอยยิ้มแสนสดใส ขณะนั้นเองเลขาสาวก็สังเกตเห็นว่านักศึกษาฝึกงานคนนี้มีอะไรหลายอย่างดูจะพิเศษ อิงอรมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดเพราะหน้าตาของเธอสวยหวานการแต่งกายก็สุภาพเรียบร้อยแม้วันนี้อิงอรจะไม่ได้สวมชุดนักศึกษามาอาจเป็นเพราะเธอเข้าใจว่าจะต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพเพื่อมาพบท่านประธานบริหารของบริษัท นันทินีสังเกตเห็นว่าอิงอรเป็นเด็กสาวหน้าใสคำพูดและกริยาท่าทางก็ดูน่ารักสมกับเด็กสาววัย 18อิงอรและนันทินีนั่งคุยกันสักพักประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา เจตต์ก้าวเข้ามา ขณะนั้นเองนันทินีก็รีบลุกขึ้นและบอกเขาว่า“ท่านประธานคะ...ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ?”เขาพยักหน้า “ใช่...วันนี้ประชุมเสร็จเร็วมาก คงเป็นเพราะโปรเจคใหญ่ที่เรากำลังจะทำร่วมกับต่างประเทศมีการพูดคุยกันไปแล้ว ก็เหลือบรีฟงานอีกไม่เยอะเท่าไหร่ทุกคนก็เข้าใจทั้งหมด”“ค่ะ...ท่านประธานคะ พอดีว่ามีน้องนักศึกษาฝึกงานต้องการที่จะมาขอพบท่านประธานค่ะ”พอนันทินีบอกอิงอรก็รีบลุกขึ้นและยกมือไหว้ท่านประธานหนุ่
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะ สำหรับผมก็คงจะไม่มีอะไรที่จะพูดคุยกับคุณมากไปกว่านี้หรอก นอกจากขอให้ตั้งใจฝึกงานและถ้าเกิดว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็สามารถที่จะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลได้หรือถ้ามีเรื่องที่ลำบากใจจริงๆ ถ้าไม่ได้คุยกับผมก็อาจจะบอกผ่านคุณนันทินีเลขาส่วนตัวของผมก็ได้”“ขอบคุณมากค่ะท่านประธาน”เจตต์กับอิงอรพูดคุยกันต่อไปจากนั้นอีกสักพักก่อนที่นักศึกษาฝึกงานสาวจะขอตัวออกไป หลังจากนั้นเจตต์ก็ก้มหน้าก้มตาดูเอกสารที่เขาจะต้องเซ็นซึ่งก็มีมากมายอยู่ทุกวันโดยที่นันทินีก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ต่างคนต่างดูเหมือนมุ่งทำงานของตัวเองมากกว่าที่จะพูดคุยและอยู่ใกล้ชิดกันอย่างตอนเช้าก่อนเวลาเข้างานที่ทั้งสองได้เจอและมีสัมพันธ์สวาทอันเร่าร้อนต่อกันซึ่งสำหรับนันทินีแล้วท่านประธานของหล่อนก็เป็นแบบนี้ เขาจะหวานกับหล่อนก็เฉพาะเวลาที่เขาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหล่อนเท่านั้นแต่หลังจากนั้นเจตต์ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาจะแสดงท่าทีของความเป็นเจ้านายมากกว่าคนที่มีสัมพันธ์สวาทอันเร่าร้อนต่อกัน เจตต์เป็นคนที่ถ้ามองจริงๆแล้วค่อนข้างดุและเคร่งขรึมในเวลาทำงาน เขาจะทุ่มเทและจริงจัง แต่ก็นั่นแหละมันก็ทำให้นันทิ
“บุรินทร์ เป็นคนพาเด็กคนนั้นไปพบผมในวันนั้นที่เขาได้รู้ความจริง เขาให้เด็กคนนั้นรับสารภาพต่อหน้าว่าทำเรื่องอะไรไว้บ้างและเขาก็เป็นคนอัดคลิปวีดีโอทั้งหมด ตอนแรกผมก็โกรธมากเลยนะพอรู้ว่าอิงอรเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมา ตอนแรกเด็กคนนั้นพยายามที่จะขอโทษผม บอกว่าสำนึกผิดแล้วกับเรื่องทุกอย่างที่ทำไปแต่ถึงยังไงผมก็คิดว่าผมจะต้องให้บทเรียนอะไรสักอย่างหนึ่งให้อิงอรได้จดจำเอาไว้ว่าทีหลังอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกอย่างเด็ดขาดเพราะถ้าหากผมแสดงความเห็นใจและปล่อยเธอไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลยมันก็จะไม่เกิดบทเรียนกับเธออย่างเด็ดขาด”“แล้วคุณจะทำยังไงกับอิงอรเหรอคะ?”“ผมให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลรายงานความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของอิงอรกลับไปยังมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยเรื่องที่อิงอรวางแผนจัดฉากให้ผมต้องเสียชื่อหรอกนะ”“แล้วมันจะมีผลอะไรกับอิงอรหรือเปล่าล่ะคะ”“มันก็มีผลมากพอสมควรนะ เพราะว่าผมให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลรายงานทางมหาวิทยาลัยแจ้งให้เด็กคนนี้ย้ายที่ฝึกงานและเรื่องนี้อาจารย์ที่รับผิดชอบวิชาฝึกงานก็รับทราบทั้งหมดแล้วและตอนนี้เด็กคนนั้
น้ำเสียงตอนท้ายของนันทินีเศร้าสร้อยลงจนทำให้เจ็บรู้สึกสะท้อนในหัวใจของเขา เจตต์ดึงมือของหล่อนมากุมไว้ เขาก้มลงจูบหลังมือนุ่มลื่นของหล่อนอีกครั้งและเงยหน้าขึ้น“ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่ผิดคำพูดของตัวเองผมก็เหมือนกัน จริงๆ แล้วผมผิดคำพูดของตัวเองมาตั้งนานแล้วเพียงแต่ผมอาจจะยังเป็นคนดื้อรั้นและทิฐิไม่เคยยอมรับตัวเองและการที่ผมเป็นคนแบบนี้ก็เกือบจะทำให้ผมต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไป”“คุณไม่เคยผิดคำพูดหรอกค่ะคุณเจตต์ คุณเป็นอย่างที่คุณเคยบอกฉันและฉันก็จะต้องยอมรับมัน เพียงแต่ฉันผิดเองที่ทำยังไงก็ทำใจยอมรับไม่ได้เลย คุณเจตน์คะเรื่องระหว่างคุณกับอิงอรฉันจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องฉันตั้งใจและว่าการที่ฉันยอมลาออกมาจากบริษัทของคุณก็เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้มีทางเลือกและตัดสินใจเพราะฉันรู้ดีว่าคุณไม่เคยรักฉันมาตั้งแต่แรก เราต่างคนต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกันให้มันจบลงเพียงเท่านี้แล้วฉันก็จะไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น”“ถ้าอย่างนั้นคุณยอมรับกับผมมาก่อนได้ไหมว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้มีผู้ชายคนใหม่ และเด็กในท้องก็เป็นลูกของผม”น
“นุ่นเต็มใจจะอยู่อย่างนั้น และมันก็เหมาะสมกับนุ่นแล้วค่ะ”“ผมอาจจะเคยรู้สึกอย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกเหมือนเก่า ผมคิดว่าควรพาคุณมาในที่ที่คุณอยากมา มาอย่างคนรักที่อยู่กันอย่างครอบครัว”“เราไม่ใช่ครอบครัวหรอกค่ะ เราเป็นแค่คนเคยรู้จักกัน”“เมื่อก่อนผมว่าคุณเป็นคนว่าง่าย แต่บทจะใจแข็งคุณก็ไม่ยอมใครง่าย ๆ เหมือนกันนะ...โอเค...ผมยอมแล้วล่ะ ไม่ว่าคุณอยากจะประชด หรือด่าว่าผมตรง ๆ ผมก็จะไม่ตอบโต้หรือคัดค้าน”“แล้วจะบอกนุ่นได้หรือยังคะว่า นอกจากการที่คุณอยากพานุ่นมาที่นี่คุณมีอะไรที่อยากบอกนุ่นอีก”“เยอะแยะมากมาย มันเยอะมาก ๆ จริง ๆ จนผมคิดว่าถ้าคุณได้รับรู้สิ่งนี้เรื่องที่ค้างคาระหว่างเราจะได้คลี่คลายเสียที”เขาพูดสั้น ๆ แต่นันทินีกลับมองไปทางอื่น ทำราวกับว่าหล่อนไม่อยากสนใจและไม่อยากรับฟังที่เขาพูด“นุ่น...หันมามองผมหน่อยจะได้ไหม?”“มีอะไรก็ว่ามาสิคะ” หล่อนหันกลับมาจ้องหน้าเขาตรงๆ เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วใจแทบละลายแต่
นันทินีตื่นขึ้นและเตรียมตัวไปทำงานในตอนเช้า หล่อนทำอะไรได้อย่างเชื่องช้าลงมากขึ้นทุกขณะก็เพราะสรีระของหล่อนที่เปลี่ยนไป ท้องที่เริ่มยื่นออกมามากขึ้นทุกที หล่อนรู้สึกได้ถึงแรงดิ้นของทารกในครรภ์ซึ่งหลังจากการไปตรวจครั้งล่าสุดทำให้นันทินีรู้ว่ากำลังจะมีลูกผู้ชายและนันทินีนึกในใจแล้วว่าหล่อนจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรและนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้นันทินีมีความสุขมากที่สุดในเวลานี้นอกเหนือจากบางเวลาที่ยังนึกถึงผู้ให้กำเนิดเด็กในท้องของหล่อน นันทินีไม่ปฏิเสธว่าหลายครั้งก็ยังคิดถึงเจตต์ยังคิดถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมา นันทินีพยายามโกหกเขาไปว่าหลังได้งานใหม่ก็มีสามีใหม่ทั้งที่จริงแล้วหล่อนท้องก่อนที่จะลาออกจากบริษัทด้วยซ้ำและเด็กในท้องก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาหากแต่เมื่อเรื่องราวมันมาถึงตอนนี้แล้วจะให้หล่อนกลับไปอ้างสิทธิ์ว่าเด็กในท้องเป็นลูกของท่านประธานบริษัทใหญ่ได้ยังไง และยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องของนักศึกษาฝึกงานสาวคนนั้นที่ไปมีความสัมพันธ์กับท่านประธานบริษัทมันก็ยิ่งทำให้หล่อนเจ็บปวดและแทบไม่อยากนึกถึงให้ร้าวรานหัวใจ นันทินีแต่งตัวเสร็จแล้วก็เปิดประตูรั้วบ้านออกไปหากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็
“เหนื่อยเหรอนุ่น?”เขาถามและแสดงสีหน้าเป็นห่วงใย“ไม่ได้เหนื่อยหรอกค่ะเพียงแต่ว่าพอเพิ่งกินอิ่มๆ นุ่นก็จะรู้สึกแน่นๆ ที่ช่วงบนของท้องนี่แหละค่ะ บอกแล้วไงคะว่านุ่นจะกินเยอะไม่ได้ถ้าจะกินก็ต้องแบ่งเป็นอาหารมื้อเล็กๆ แล้วค่อยๆกิน แล้วก็ต้องเคี้ยวให้ละเอียดด้วยไม่อย่างนั้นก็จะรู้สึกไม่สบายตัวไปทั้งวันเลย บางทีก็พาลจะหายใจไม่ออกด้วย”“แล้วนี่คุณอยู่คนเดียว ถ้าเกิดเป็นลมขึ้นมาแล้วจะทำยังไง”“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ นุ่นมีเบอร์โทรสายด่วนของโรงพยาบาล ก็ให้เขามารับที่บ้านก็ได้ นุ่นอยู่คนเดียวแบบนี้มาตั้งนานเท่าไหร่แล้ว ไม่มีใครก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่คะ”“ที่พูดผมไม่ได้อยากให้คุณประชดประชันผมหรอกนะนุ่นแต่ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ นะ”ทั้งคำพูดสีหน้าและแววตาของเจตต์ที่แสดงออกมาล้วนแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นกังวลและเป็นห่วงในสวัสดิภาพของหล่อนจริงๆ หากแต่นันทินีก็ยังรู้สึกว่าที่เขาทำไปทุกอย่างอาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองผิดก็เท่านั้น สักครู่เจตต์ก็เอ่ยขึ้น“ที่คุณบอกผมว่าคุณอยู่คนเดียวม
นันทินีกล่าวเสียงเครือดวงตาของหล่อนเป็นรอยแดงก่ำนิดๆ นั่นเองทำให้เจตต์ขยับเข้าใกล้และจับไหล่ของหล่อนเอาไว้เขาก้มหน้าลงไปจนใกล้“เรื่องเมื่อก่อนก็คือเรื่องเมื่อก่อน แต่ตอนนี้กับเมื่อก่อนมันไม่เหมือนกันแล้ว ทุกอย่างมันก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปนี่ไม่ใช่เหรอนุ่น”“ใช่ค่ะ...ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจนหมดแล้ว ก็อย่างที่นุ่นบอกยังไงคะว่าระหว่างนุ่นกับคุณน่ะมันแทบไม่หลงเหลืออะไรไว้อีกแล้ว” หล่อนพูดน้ำเสียงเศร้าสร้อย นัยน์ตาคอยต่จะมีน้ำรื้นขึ้นมา นึกโกรธที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยบทที่ 23“ก่อนหน้านี้ตอนที่เราอยู่ด้วยกันเราสองคนก็ผูกพันกันแค่ทางกายแต่เรื่องหัวใจเราสองคนไม่เคยสื่อสารถึงกันถ้าคุณจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงมันก็ใช่นะคะแต่จะบอกอะไรให้นะคะ ระหว่างคุณกับนุ่นน่ะมันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ เมื่อก่อนคุณไม่ได้รักไม่ได้ใยดีนุ่นยังไงเดี๋ยวนี้มันก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น”“ก็ถ้าผมบอกว่าความคิดของผมเมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วคุณจะเชื่อผมหรือเปล่า”
“ถ้าคุณเจตน์ท้องอย่างผู้หญิงได้คุณเจตก็คงจะเข้าใจนะคะว่าเวลาที่เราตั้งครรภ์เราจะเป็นยังไงบ้าง”“ผมว่าถ้าผมท้องได้จริงๆ ผมก็เต็มใจที่จะท้องแทนภรรยาของผมนะครับเพราะผมคิดว่านั่นคือความสุขของผู้ชาย มันเป็นความพึงพอใจที่เขาจะทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่เขารัก การอุ้มท้องถึงแม้ว่ามันจะยากลำบากและมันอาจจะไม่เหมาะสมกับสรีระของผู้ชายแต่ถ้าหากวันหนึ่งเป็นไปได้ผู้ชายท้องแทนผู้หญิงก็คงจะมีผู้ชายหลายล้านคนในโลกเลยนะครับที่อยากจะท้องแทนเมียตัวเอง”“แหม...นี่เขากำลังพูดเรื่องของความรักความผูกพันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงและครอบครัวกันใช่ไหมคะเนี่ย ธิดาเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ซะด้วยสิ”ธิดากล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มขณะจ้องมองเลขาส่วนตัวของหล่อนและเพื่อนหุ้นส่วนทางธุรกิจที่นั่งจ้องหน้ากันหากแต่หล่อนเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีเอะใจหรือระแคะระคายเกี่ยวกับเบื้องหลังของคนทั้งสองนอกจากความรู้สึกที่ว่านี่เป็นการพบกันและพูดคุยกันอย่างมีความสุขก็เท่านั้น“อุ๊ย!...อะไรกันเนี่ยรู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งออกมาจากบริษัทเมื่อตอนนี้เย็น นี่มันจะสองทุ่มแล้วเหรอ เร็วจังเลยนะคะเจตต์”ธิดาแสดงท่าทีเห
“ไม่ค่ะ...รุ่นไม่เคยคิดถึงคุณเลยตอนนี้ในสมองของนุ่นมีแต่เรื่องลูกเท่านั้น คุณไม่เห็นเหรอคะว่าตอนนี้นุ่นท้องกี่เดือนแล้ว”“ก็เห็นอยู่ว่าคุณท้อง 5 เดือนแล้วแต่ที่ผมอยากรู้ก็คือใครเป็นสามีของคุณ”“ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องบอกคุณเลยนะคะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของนุ่นค่ะ ขนาดเรื่องส่วนตัวของคุณนุ่นยังไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือก้าวก่ายเลย เพราะฉะนั้นเรื่องของนุ่นก็จะต้องเป็นเรื่องส่วนตัวที่คุณไม่มีสิทธิ์ว่าก้าวก่ายด้วยเช่นกันค่ะ”เจตต์กำลังจะอ้าปากพูดต่อหากแต่เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังด้านนอกและดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าใครกำลังจะกลับเข้ามาในห้อง เจตต์ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นและกลับไปนั่งที่เดิมของเขาด้วยความสงบและเยือกเย็น เขาสงบเช่นนั้นหรือ?...เปล่าเลย...ภายนอกของเขาอาจจะดูเย็นเป็นน้ำแข็งหากแต่ข้างในร้อนรุ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกได้ถึงความดื้อรั้นและถือดีของนันทินีอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ตอนที่หล่อนทำงานเป็นเลขาของเขานันทินีเหมือนลูกแมวเชื่อง หากแต่เจตก็รู้ดีว่าระหว่างเขากับหล่อนมีสายใยผูกพันที่ร้อยรัดเอาไว้ แม้ก่อนหน้านี้เขาจะแสดงความไม่สนใจใยดีและยื่นข้อเสนอให้หล่
“เก่งจังเลยนะครับ ท้องห้าเดือนแล้วแต่ยังทำงานเก่งขนาดนี้”“ถึงเลขาของธิดาจะท้องแต่เรื่องงานนี่ขอยกให้เลยล่ะค่ะ นุ่นมีความรับผิดชอบมาก ทำงานเก่ง ตอนมาสมัครงานกับธิดาใหม่ ๆ เขาก็ท้องได้เดือนกว่าเกือบสองเดือนแล้ว แต่ก็รับเขาเอาไว้เพราะเห็นว่าเขามีความสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้คล่อง เขาเคยผ่านงานกับเจ้านายชาวต่างชาติมาก่อนด้วย”“ผ่านงานกับชาวต่างชาติอย่างนั้นเหรอครับ แล้วไม่ทราบว่าคุณนุ่นเคยทำงานที่ไหนมาก่อนครับ”เจตต์ถาม เป็นคำถามที่ทำให้นันทินีอึ้ง หล่อนพยายามรวบรวมสติ แต่ก่อนตอบคำถามนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นของธิดา หล่อนรีบรับสายก่อนหันมาบอกว่า“เจตต์คะ...ธิดาขอคุยธุระกับหุ้นส่วนสักห้านาทีนะคะ เขาโทรมาจากต่างประเทศค่ะ”พูดจบก็ออกไปจากห้องนั้น นันทินีมองตามก่อนเจตต์รีบลุกขึ้นและขยับมานั่งข้างเลขาสาว หล่อนเบิกตากว้างบทที่ 21“คุณเจตต์...จะทำอะไรคะ?”“ผมไม่ได้ทำอะไร แค่อยากมานั่งใกล้คุณ”“อย่าทำอะไรรุ่มร่า