ไอ้คนเจ้าคิดเจ้าแค้นแสนเอาแต่ใจตัวเองกระหน่ำโกยกินฟาติมาจนหนำใจ ทำเอาเธออ่อนเปลี้ยเพลียแรง พอได้ระบายอารมณ์ ได้ปลดปล่อยเขาก็ไล่เธอออกจากห้องทำงานทันที ฟาติมาชินแล้วกับเรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่พอกัมปนาทโกรธแล้วจะจับเธอกระแทกกระทั้นระบายอารมณ์ ในห้องทำงานบนตึกสูงแสนหรูหราแห่งนี้ เขาใช้มันเป็นสถานที่เริงรมย์มานับครั้งไม่ถ้วน ผู้ชายคนนี้ไม่สนว่าจะเป็นที่ไหนเวลาใด หากเขาต้องการจะกระทำความป่าเถื่อน เขาจะทำมันในทันทีโดยไม่แยแสอะไรทั้งนั้น บนรถข้างถนนเขาก็ทำมาแล้ว ในห้องน้ำร้านอาหารเขาก็เคยทำ หนักที่สุดคงจะเป็นในห้องน้ำบนเครื่องบิน ตอนที่บินไปดูงานต่างประเทศเมื่อปีก่อน
ความสะใจที่กัมปนาทชอบมากที่สุดคือตอนที่เขาทำให้ฟาติมาเสียวจนถึงที่สุด แต่ครางออกมาไม่ได้
เขามันโรคจิต!
ระหว่างที่กำลังประชุมแผนการการลงทุนในไตรมาสต่อไป กัมปนาทที่รู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วปล่อยให้พวกผู้บริหารคนอื่นคุยกันไป ส่วนตัวเขาก็เอาแต่นั่งมองเลขาส่วนตัวที่กำลังม่วนอยู่กับการจดบันทึกที่ประชุม ก็เธอมีหน้าที่นำข้อมูลเหล่านี้ไปสรุปแล้วรายงานเจ้านาย หน้าที่ของเธอคือทำให้งานของกัมปนาทราบรื่นแล้วสะดวกรวดเร็วที่สุด เขาไม่เคยพูดหรอกว่าเธอคนนี้ทำงานได้ดีโดยไม่มีข้อบกพร่อง แต่เวลาสามปีที่เขายังคงจ้างเธอมันเป็นข้อชี้ชัดว่าหญิงสาวเป็นเลขาที่พอใช้ได้
เป็นเลขาที่ทำงานผิดพลาดน้อยที่สุด
ในใจของกัมปนาทกำลังคิดว่าฟาติมาไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดหรือไงที่ได้เห็นว่าเขาสนใจผู้หญิงคนอื่น ทำไมเธอไม่แสดงทีท่าอะไรออกมาเลย ทั้งที่เธอเคยบอกว่าไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางเลิกรักเขาได้ อย่างนั้นมันก็แปลว่าตอนนี้เธอยังคงรักเขาอยู่ไม่ใช่หรือ อย่างนั้นแล้วทำไม…ทำไมเธอทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย?
หรือว่าเธอมันด้านชาจนเหมือนไม่มีหัวใจแล้วจริง ๆ?
จนแล้วจนรอดการประชุมก็สิ้นสุดลง ฟาติมาตามท่านประธานเข้ามาที่ห้องทำงาน เธอเพียงจะรายงานว่าวันนี้เขาไม่มีประชุมหรือนัดที่ไหนแล้ว คิดว่ารายงานเสร็จแล้วก็จะไปทำรายงานสรุปการประชุม อยู่ออฟฟิศเธอเป็นเลขา ก็อยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ให้มันคุ้มกับเงินเดือนที่เขาจ่าย
“วันนี้คุณกั้งไม่มีนัดที่ไหนแล้วนะคะ ส่วนพรุ่งนี้ก็ไม่มีประชุมด้วยค่ะ คุณกั้งอยากให้ฟ้าเลื่อนนัดอื่นขึ้นมาเป็นพรุ่งนี้ไหมคะ เพราะว่า…”
“ฉันมีงานให้เธอทำ” กัมปนาทไม่สนใจเรื่องนัดอะไรทั้งนั้น ตลอดการประชุมที่เพิ่งจบไป เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เชิญว่ามาเลยค่ะ”
“ฉันอยากให้เธอไปตีสนิทศรา”
“คะ?” เอาอีกแล้ว งานบ้า ๆ แบบนี้มันมาอีกแล้ว
“ก็ได้ยินแล้วนี่ว่าที่ผ่านมาฉันยังทำให้ศราพอใจไม่ได้ เขาถึงไม่ยอมคบกับฉัน ไปหาทางมาว่าถ้าฉันอยากได้หัวใจของศรา จะต้องทำยังไงบ้าง”
“…” อยากได้หัวใจของวริศราอย่างนั้นหรือ? นี่เขาไม่รู้จริง ๆ หรือไงว่าการจะได้หัวใจของใครบางคนมาจะต้องทำยังไง ทั้งที่เมื่อก่อนเคยบอกเธอเองด้วยซ้ำ
“หน้าที่ของเธอคือต้องช่วยให้ฉันได้เป็นแฟนกับศรา ฉันจะต้องได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้”
“การจะได้ใจใครสักคนมาครอบครอง เราต้องให้ใจเขาก่อน” ฟาติมาเอ่ยเสียงสั่นเครือ นึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องอดกลั้นมันเอาไว้ พยายามปรับโทนเสียงให้นิ่งที่สุดแต่มันก็ได้แค่นี้
“ว่าไงนะ?”
“มีใครบางคนเคยบอกฟ้าค่ะ ว่าถ้าอยากได้ความรักจากใคร…ก็ต้องให้ความรักไปก่อน ถ้าคุณกั้งอยากทำให้คุณศรารัก คุณกั้งก็ต้องรักคุณศราก่อนค่ะ”
“…” กัมปนาทจำได้ว่าใครเป็นคนบอกเรื่องนี้กับฟาติมา ก็เขาไงจะใครล่ะ! “งั้นฉันควรต้องรักศรางั้นสิ? รักได้อยู่แล้ว…ศราเป็นผู้หญิงที่ดี คู่ควรให้ฉันรัก เธอคิดว่างั้นไหม?”
“ค่ะ” ฟาติมาก้มหน้างุด ตอบออกไปเสียงแผ่วเบา ตอนนี้น้ำตาที่พยายามอดกลั้นมันไหลออกมาแล้ว
“ตอบดัง ๆ ฉันถามว่าศราคู่ควรกับความรักของฉันไหม?!”
“ฮึก! คู่ควรค่ะ คุณศราคู่ควร เธอเป็นผู้หญิงที่ดี มีคุณสมบัติทุกอย่างที่เหมาะสมกับคุณกั้ง”
“งั้นแล้วใครที่ไม่คู่ควรได้ความรักจากฉัน?”
“ฟ้าค่ะ ผู้หญิงเลว ๆ อย่างฟ้า ผู้หญิงที่โกหก หลอกลวง หักหลังอย่างฟ้าไม่คู่ควรที่จะได้รับความรักจากคุณกั้ง” ฟาติมาเงยหน้าขึ้นมองตากัมปนาททั้งน้ำตา เขาพูดอยู่ตลอดว่าอยากเห็นเธอเสียใจ นี่ไง…เธอกำลังแสดงความเสียใจให้เขาเห็น
“ตอบได้ดีนี่ รู้ตัวนี่ว่าเธอมันเลวแค่ไหน ดีที่รู้จุดยืนของตัวเองนะฟาติมา ต่อจากนี้ก็มาช่วยฉันทำให้ศราใจอ่อน ถ้าเธอทำให้ฉันได้คบและแต่งงานกับศราได้…”
“จะให้อภัยฟ้าเหรอคะ?” ถามว่าจุดประสงค์หลักที่ฟาติมายอมทรมานอยู่ที่จุดนี้คืออะไร? หากใครคิดว่าเธอต้องการให้กัมปนาทกลับมารักเหมือนเดิม บอกเลยว่าไม่ใช่ เธอเจียมตัวมากเหลือเกิน ไม่กล้าอาจเอื้อมไปไขว่คว้าความรักจากเขาอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงการชดใช้ อยากเอาความทรมานที่มีอยู่นี้ไปแลกกับการอภัย อยากเอาความยากลำบาก ความเหน็ดเหนื่อยและความอดทนไปพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเธอรักเขา และรู้สึกผิดกับเขาจริง ๆ เธอเพียงอยากให้เขาปล่อยวางจากความโกรธแค้นที่มีต่อเธอ อยากเห็นเขามีความสุขอีกครั้ง เธอก็แค่อยากให้เขามีความสุขอย่างแท้จริง เพราะหากกัมปนาทยังเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเธอแบบนี้ไปตลอด มันก็ยากเหลือเกินที่เขาจะมีความสุขและเริ่มต้นใหม่ได้จริง ๆ
“ฉันไม่มีวันให้อภัยเธอได้ฟาติมา แต่เมื่อไหร่ที่ฉันได้เป็นแฟนกับศรา ฉันจะเขี่ยเธอทิ้ง…”
“เขี่ยทิ้ง?” การปล่อยเธอไปกับเขี่ยทิ้งให้พ้นทางมันมีความหมายไม่เหมือนกัน
“ฉันไม่อยากทำผิดกับผู้หญิงที่ฉันรัก ถ้าฉันรักศราและได้เป็นแฟนกับเขา เธอก็ไม่จำเป็นสำหรับฉันอีกต่อไป ชีวิตที่เธอยกให้ฉันมาบดขยี้เล่น สักวันฉันคงเบื่อ ถึงวันนั้นจะคืนมันให้กับเธอแล้วกัน และคำสั่งสุดท้ายที่ฉันจะสั่งเธอในวันนั้นคือจะไปตายที่ไหนก็ไป”
“…” อีกเรื่องที่กัมปนาททำได้ดีมากคือการบดขยี้หัวใจฟาติมาด้วยคำพูดแสนใจร้ายใจดำ เขาเก่งจริง ๆ กับการทำให้เธอต้องเสียน้ำตา
“โทษฉันไม่ได้หรอกฟาติมา เธอทำมันเองทุกอย่าง เธอเลือกเองทุกทาง…ตั้งแต่ที่หักหลังฉัน จนกระทั่งหน้าด้านกลับมายืนตรงหน้าแล้วร้องขอพื้นที่ข้าง ๆ ฉัน ถ้าวันนั้นเธอไม่วิงวอนว่าขอกลับเข้ามาในชีวิตฉันแล้วยกชีวิตไร้ค่าให้ฉัน วันนี้เธออาจไม่ต้องมาเสียใจแบบที่เป็นอยู่ก็ได้” เขาได้เห็นแล้วน้ำตาของเธอ หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาพักใหญ่ ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าฟาติมายังมีความรู้สึกอยู่บ้าง
“ฟ้าแค่อยากเห็นคุณกั้งมีความสุขอย่างแท้จริง ที่มาอยู่ตรงนี้…ก็เพราะอยากชดใช้และหวังว่าสักวันคุณกั้งจะให้อภัยฟ้าได้”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีวันให้อภัยเธอ! อย่าคิดว่าฉันจะโง่กลับไปรักผู้หญิงอย่างเธออีก!”
“ไม่เลยค่ะ ฟ้าน่ะ…อยากได้แค่การอภัยจริง ๆ ไม่ได้อยากให้คุณกั้งกลับมารักฟ้าอีกแล้วล่ะ”
“?!” คำตอบของฟาติมาทำเอากัมปนาทพูดไม่ออก เธอบอกว่าไม่อยากให้เขากลับไปรักอย่างนั้นหรือ? ที่ขอโอกาสได้ชดใช้…เธอเพียงอยากได้แค่การให้อภัยแค่นั้นจริง ๆ สินะ? นี่เขาประมาทผู้คนนี้เกินไปหรือเปล่า? เขาประเมินเธอผิดไปตั้งแต่แรกใช่ไหม? เพราะตลอดมาเขาคิดมาเสมอว่าเธอยังเฝ้าหวังในความรักของเขาอยู่!
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ฟ้าขอตัวไปทำงานต่อนะคะ” ฟาติมาไม่ได้ตั้งใจจะตอกกลับ ไม่ได้ประชดประชันหรือท้าทาย เธอไม่เคยคิดเล่นเกมกัมปนาท ทั้งหมดที่พูดออกไป…เธอคิดแบบนั้นจริง ๆ
แต่การที่บอกว่าไม่อยากได้ความรักจากเขา มันไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่รักเขาเสียหน่อย
พี่กั้งจะเป็นรักแรกและรักเดียวของฟ้า
ฟาติมาเป็นแค่หญิงสาวธรรมดาที่มีความฝัน และความฝันของเธอก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก เธอเพียงอยากใส่ชุดเจ้าสาวสักครั้งในชีวิต อยากมีครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น มีสามีที่รักเธอ ให้ความอบอุ่นในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาตลอดทั้งชีวิตยี่สิบแปดปี เธอไม่ได้หวังให้ผู้ชายที่จะเข้ามาเป็นสามีต้องรวยล้นฟ้า หล่อเหลาปานเทพบุตร ไม่ต้องดีเลิศเลอ ขอเพียงเขาคนนั้นใจดีกับเธอก็พอ แต่ขึ้นชื่อว่าความฝัน…หากไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ก็คงจะเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นเลยตลอดชั่วชีวิตของคนคนหนึ่งทุกวันหลังเลิกงานฟาติมาจะเดินมาหยุดที่หน้าเวดดิ้งสตูดิโอ มองดูชุดเจ้าสาวสีขาวแสนสวยชุดเดิม ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในทุกครั้งที่เธอจินตนาการถึงภาพตัวเองสวมชุดสีขาวฟูฟ่องนั้น คนอย่างเธอ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันได้แต่งงานมีครอบครัวหรอก ความฝันของเธอไม่มีวันเป็นจริง เพราะเธอไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสุข ชีวิตนับจากนี้และตลอดไป…จะต้องอยู่เพื่อชดใช้เวรกรรมที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น“เจอคุณอีกแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มแสนอบอุ่นก้าวเท้าออกมาจากเวดดิ้งสตูดิโอ เขามองฟาติมาอยู่พักใหญ่ เห็นแล้วว่าเธอมีแววตาสิ้นหวังจนน่าเห็นใจ ที่จริงเขาเห็นเธ
แม้แต่ผู้หญิงขายตัวที่ใช้เรือนร่างตัวเองก็ยังมีมูลค่า มีราคา ใช้เซ็กส์แลกกับเงิน แต่กับฟาติมา…เธออยู่ในจุดที่ตกต่ำเหมือนตกนรกชั้นอเวจี เปลืองตัวนอนกับกัมปนาท เธอไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว เจ็บตัวเพราะถูกเขากระทำรุนแรงก็ไม่ได้ค่าเยียวยาอะไรทั้งนั้น แต่โทษใครไม่ได้เพราะเธอเลือกเอง ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอเป็นคนเลือกเองทั้งนั้นตอนกลางวันหน้าที่ของฟาติมาคือเป็นเลขาคอยดูแลเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวบางเรื่องให้กับกัมปนาท ตกกลางคืนหน้าที่เธอคือการแก้ผ้านอนถ่างขาให้เขาได้ระบายอารมณ์ เธอเป็นนางบำเรออย่างที่เขาว่าจริง ๆ ยอมเป็นผู้หญิงไร้ค่าให้เขากระหน่ำซ้ำเติม ยอมนอนนิ่งให้เขาใช้ความป่าเถื่อนทำลายเธอทั้งกายและใจ แต่ก็อย่างที่บอก…เธอเลือกเอง ไอ้คุณกั้งไม่ได้บังคับให้เธอมาทำเรื่องแบบนี้ วันนั้นเป็นเธอเองที่บอกว่ายกทั้งชีวิตให้เขา เป็นเธอเองที่ร้องขอว่าอยากจะชดใช้ทุกอย่างตลอดสามปีที่อยู่ในสถานะนางบำเรอของกัมปนาท ทั่วทุกส่วนบนเรือนร่างงามหยดย้อยนั้นถูกเขาสัมผัสมาหมดแล้ว ตรงไหนที่สวย ตรงไหนที่ขาวผุดผ่อง เขาได้ลิ้มลองมาหมด บางครั้งก็ทำเสพสมด้วยความละมุนเบา บางครั้งก็ตะโบมโกยกินด้วยความหื่นกระหาย และหล
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในตอนแปดโมงเช้าเรียกร้องให้ฟาติมาที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหลุดออกจากภวังค์ ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือระบุไว้ว่าวันนี้คือวันครบรอบ ม่านน้ำตาเคลือบคลออยู่บนดวงตาคู่สวย ไม่ต้องมีการแจ้งเตือนเธอก็จำได้ดีว่าวันนี้เป็นวันอะไร หากนับจากวันแรกจนถึงวันนี้ หากไม่นับเหตุการณ์เลวร้ายใด ๆ ก็นับว่าวันนี้คือวันครบรอบแปดปีที่เธอคบกับกัมปนาทใช่…ก่อนจะกลายมาเป็นนางบำเรอของเขา ก่อนจะมีการหักหลังกัน เธอกับเขาเคยรักกันมาก่อนก่อนจะเกลียดเธอจนเข้ากระดูกดำ ผู้ชายคนนั้นเคยรักฟาติมามากเหลือเกินก่อนจะหักหลังและทำให้ชีวิตเขาเกือบพัง ฟาติมาก็เคยรักกัมปนาทมากเช่นกัน เมื่อก่อนเคยรักยังไงตอนนี้ก็ยังรักอยู่อย่างนั้น เพิ่มเติมคือความรู้สึกผิดที่มีต่อเขาน้ำตาร่วงหล่นหยดแล้วหยดเล่าในตอนที่หญิงสาวหยิบเอารูปถ่ายใส่กรอบลายดอกไม้สีขาวขึ้นมาดู มันคือรูปคู่รูปแรกที่เธอถ่ายคู่กับเขาคนนั้น ถ่ายไว้เมื่อแปดปีก่อน สมัยที่เธอยังพอจะมีรอยยิ้มได้ ยิ้มได้แค่เฉพาะตอนที่อยู่กับเขาคนเดียว“ฟ้าคิดถึงพี่กั้ง ฮึก! คิดถึงพี่กั้งคนเก่า…ฟ้าขอโทษนะที่ทำให้เรากลายเป็นแบบนี้ ขอโทษจริง ๆ” ฟาติมากล้าพูดได้เต็มปากว่า
หญิงสาวผู้เพียบพร้อมที่กัมปนาทหมายมั่นว่าอยากจะคบหาดูใจ มองไกลไปถึงการแต่งงานก็คือวริศรา เธอคนนี้อายุยี่สิบแปดปี มีรูปร่างหน้าตาสวยสะกด เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่ดี วริศรานั้นเพอร์เฟคทุกกระเบียดนิ้ว ฐานะทางการเงินก็ถือว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี เพราะเธอเป็นหลานสาวคนเดียวของเจ้าสัวกษิดิศ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อต้น ๆ ของประเทศ เรื่องการศึกษาก็ไม่ต้องพูดถึง วริศราเป็นดีไซเนอร์ที่กำลังทำแบรนด์ของตัวเอง และ Varis Varis แบรนด์ของเธอก็กำลังไปได้สวย โดยมีกัมปนาทเข้าไปร่วมลงทุนเมื่อหกเดือนก่อน“คุณบอกว่ามีแผนการตลาดอยากคุยกับศรา แต่พอศรามาถึงคุณกลับเงียบแล้วก็เอาแต่ยิ้ม” วริศราเป็นหญิงสาวที่โดดเด่น เธอเก่งและมีความมั่นใจในตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ไม่วิ่งตามผู้ชาย ที่ยอมให้กัมปนาทมาร่วมลงทุนทำแบรนด์ด้วยก็เพราะคุณปู่แนะนำมา และเพราะเธอเล็งเห็นว่ากัมปนาทจะพาแบรนด์ของเธอให้ไปได้ไกล อย่างที่บอกว่าผู้ชายคนนี้เก่งเรื่องมองกราฟและอนาคตมาก“ยอมรับก็ได้ครับว่าผมโกหก ที่จริงมีเรื่องอื่นที่อยากพูดกับคุณ แต่กลัวว่าถ้าไม่อ้างเรื่องงานแล้วคุณจะไม่ยอมมาเจอผมน่ะสิ” กัมปนาทเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มของเขา
ไอ้คนเจ้าคิดเจ้าแค้นแสนเอาแต่ใจตัวเองกระหน่ำโกยกินฟาติมาจนหนำใจ ทำเอาเธออ่อนเปลี้ยเพลียแรง พอได้ระบายอารมณ์ ได้ปลดปล่อยเขาก็ไล่เธอออกจากห้องทำงานทันที ฟาติมาชินแล้วกับเรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่พอกัมปนาทโกรธแล้วจะจับเธอกระแทกกระทั้นระบายอารมณ์ ในห้องทำงานบนตึกสูงแสนหรูหราแห่งนี้ เขาใช้มันเป็นสถานที่เริงรมย์มานับครั้งไม่ถ้วน ผู้ชายคนนี้ไม่สนว่าจะเป็นที่ไหนเวลาใด หากเขาต้องการจะกระทำความป่าเถื่อน เขาจะทำมันในทันทีโดยไม่แยแสอะไรทั้งนั้น บนรถข้างถนนเขาก็ทำมาแล้ว ในห้องน้ำร้านอาหารเขาก็เคยทำ หนักที่สุดคงจะเป็นในห้องน้ำบนเครื่องบิน ตอนที่บินไปดูงานต่างประเทศเมื่อปีก่อนความสะใจที่กัมปนาทชอบมากที่สุดคือตอนที่เขาทำให้ฟาติมาเสียวจนถึงที่สุด แต่ครางออกมาไม่ได้เขามันโรคจิต!ระหว่างที่กำลังประชุมแผนการการลงทุนในไตรมาสต่อไป กัมปนาทที่รู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วปล่อยให้พวกผู้บริหารคนอื่นคุยกันไป ส่วนตัวเขาก็เอาแต่นั่งมองเลขาส่วนตัวที่กำลังม่วนอยู่กับการจดบันทึกที่ประชุม ก็เธอมีหน้าที่นำข้อมูลเหล่านี้ไปสรุปแล้วรายงานเจ้านาย หน้าที่ของเธอคือทำให้งานของกัมปนาทราบรื่นแล้วสะดวกรวดเร็วที่สุด เขาไม่เคยพู
หญิงสาวผู้เพียบพร้อมที่กัมปนาทหมายมั่นว่าอยากจะคบหาดูใจ มองไกลไปถึงการแต่งงานก็คือวริศรา เธอคนนี้อายุยี่สิบแปดปี มีรูปร่างหน้าตาสวยสะกด เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่ดี วริศรานั้นเพอร์เฟคทุกกระเบียดนิ้ว ฐานะทางการเงินก็ถือว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี เพราะเธอเป็นหลานสาวคนเดียวของเจ้าสัวกษิดิศ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อต้น ๆ ของประเทศ เรื่องการศึกษาก็ไม่ต้องพูดถึง วริศราเป็นดีไซเนอร์ที่กำลังทำแบรนด์ของตัวเอง และ Varis Varis แบรนด์ของเธอก็กำลังไปได้สวย โดยมีกัมปนาทเข้าไปร่วมลงทุนเมื่อหกเดือนก่อน“คุณบอกว่ามีแผนการตลาดอยากคุยกับศรา แต่พอศรามาถึงคุณกลับเงียบแล้วก็เอาแต่ยิ้ม” วริศราเป็นหญิงสาวที่โดดเด่น เธอเก่งและมีความมั่นใจในตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ไม่วิ่งตามผู้ชาย ที่ยอมให้กัมปนาทมาร่วมลงทุนทำแบรนด์ด้วยก็เพราะคุณปู่แนะนำมา และเพราะเธอเล็งเห็นว่ากัมปนาทจะพาแบรนด์ของเธอให้ไปได้ไกล อย่างที่บอกว่าผู้ชายคนนี้เก่งเรื่องมองกราฟและอนาคตมาก“ยอมรับก็ได้ครับว่าผมโกหก ที่จริงมีเรื่องอื่นที่อยากพูดกับคุณ แต่กลัวว่าถ้าไม่อ้างเรื่องงานแล้วคุณจะไม่ยอมมาเจอผมน่ะสิ” กัมปนาทเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มของเขา
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในตอนแปดโมงเช้าเรียกร้องให้ฟาติมาที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหลุดออกจากภวังค์ ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือระบุไว้ว่าวันนี้คือวันครบรอบ ม่านน้ำตาเคลือบคลออยู่บนดวงตาคู่สวย ไม่ต้องมีการแจ้งเตือนเธอก็จำได้ดีว่าวันนี้เป็นวันอะไร หากนับจากวันแรกจนถึงวันนี้ หากไม่นับเหตุการณ์เลวร้ายใด ๆ ก็นับว่าวันนี้คือวันครบรอบแปดปีที่เธอคบกับกัมปนาทใช่…ก่อนจะกลายมาเป็นนางบำเรอของเขา ก่อนจะมีการหักหลังกัน เธอกับเขาเคยรักกันมาก่อนก่อนจะเกลียดเธอจนเข้ากระดูกดำ ผู้ชายคนนั้นเคยรักฟาติมามากเหลือเกินก่อนจะหักหลังและทำให้ชีวิตเขาเกือบพัง ฟาติมาก็เคยรักกัมปนาทมากเช่นกัน เมื่อก่อนเคยรักยังไงตอนนี้ก็ยังรักอยู่อย่างนั้น เพิ่มเติมคือความรู้สึกผิดที่มีต่อเขาน้ำตาร่วงหล่นหยดแล้วหยดเล่าในตอนที่หญิงสาวหยิบเอารูปถ่ายใส่กรอบลายดอกไม้สีขาวขึ้นมาดู มันคือรูปคู่รูปแรกที่เธอถ่ายคู่กับเขาคนนั้น ถ่ายไว้เมื่อแปดปีก่อน สมัยที่เธอยังพอจะมีรอยยิ้มได้ ยิ้มได้แค่เฉพาะตอนที่อยู่กับเขาคนเดียว“ฟ้าคิดถึงพี่กั้ง ฮึก! คิดถึงพี่กั้งคนเก่า…ฟ้าขอโทษนะที่ทำให้เรากลายเป็นแบบนี้ ขอโทษจริง ๆ” ฟาติมากล้าพูดได้เต็มปากว่า
แม้แต่ผู้หญิงขายตัวที่ใช้เรือนร่างตัวเองก็ยังมีมูลค่า มีราคา ใช้เซ็กส์แลกกับเงิน แต่กับฟาติมา…เธออยู่ในจุดที่ตกต่ำเหมือนตกนรกชั้นอเวจี เปลืองตัวนอนกับกัมปนาท เธอไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว เจ็บตัวเพราะถูกเขากระทำรุนแรงก็ไม่ได้ค่าเยียวยาอะไรทั้งนั้น แต่โทษใครไม่ได้เพราะเธอเลือกเอง ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอเป็นคนเลือกเองทั้งนั้นตอนกลางวันหน้าที่ของฟาติมาคือเป็นเลขาคอยดูแลเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวบางเรื่องให้กับกัมปนาท ตกกลางคืนหน้าที่เธอคือการแก้ผ้านอนถ่างขาให้เขาได้ระบายอารมณ์ เธอเป็นนางบำเรออย่างที่เขาว่าจริง ๆ ยอมเป็นผู้หญิงไร้ค่าให้เขากระหน่ำซ้ำเติม ยอมนอนนิ่งให้เขาใช้ความป่าเถื่อนทำลายเธอทั้งกายและใจ แต่ก็อย่างที่บอก…เธอเลือกเอง ไอ้คุณกั้งไม่ได้บังคับให้เธอมาทำเรื่องแบบนี้ วันนั้นเป็นเธอเองที่บอกว่ายกทั้งชีวิตให้เขา เป็นเธอเองที่ร้องขอว่าอยากจะชดใช้ทุกอย่างตลอดสามปีที่อยู่ในสถานะนางบำเรอของกัมปนาท ทั่วทุกส่วนบนเรือนร่างงามหยดย้อยนั้นถูกเขาสัมผัสมาหมดแล้ว ตรงไหนที่สวย ตรงไหนที่ขาวผุดผ่อง เขาได้ลิ้มลองมาหมด บางครั้งก็ทำเสพสมด้วยความละมุนเบา บางครั้งก็ตะโบมโกยกินด้วยความหื่นกระหาย และหล
ฟาติมาเป็นแค่หญิงสาวธรรมดาที่มีความฝัน และความฝันของเธอก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก เธอเพียงอยากใส่ชุดเจ้าสาวสักครั้งในชีวิต อยากมีครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น มีสามีที่รักเธอ ให้ความอบอุ่นในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาตลอดทั้งชีวิตยี่สิบแปดปี เธอไม่ได้หวังให้ผู้ชายที่จะเข้ามาเป็นสามีต้องรวยล้นฟ้า หล่อเหลาปานเทพบุตร ไม่ต้องดีเลิศเลอ ขอเพียงเขาคนนั้นใจดีกับเธอก็พอ แต่ขึ้นชื่อว่าความฝัน…หากไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ก็คงจะเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นเลยตลอดชั่วชีวิตของคนคนหนึ่งทุกวันหลังเลิกงานฟาติมาจะเดินมาหยุดที่หน้าเวดดิ้งสตูดิโอ มองดูชุดเจ้าสาวสีขาวแสนสวยชุดเดิม ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในทุกครั้งที่เธอจินตนาการถึงภาพตัวเองสวมชุดสีขาวฟูฟ่องนั้น คนอย่างเธอ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันได้แต่งงานมีครอบครัวหรอก ความฝันของเธอไม่มีวันเป็นจริง เพราะเธอไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสุข ชีวิตนับจากนี้และตลอดไป…จะต้องอยู่เพื่อชดใช้เวรกรรมที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น“เจอคุณอีกแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มแสนอบอุ่นก้าวเท้าออกมาจากเวดดิ้งสตูดิโอ เขามองฟาติมาอยู่พักใหญ่ เห็นแล้วว่าเธอมีแววตาสิ้นหวังจนน่าเห็นใจ ที่จริงเขาเห็นเธ