หญิงสาวผู้เพียบพร้อมที่กัมปนาทหมายมั่นว่าอยากจะคบหาดูใจ มองไกลไปถึงการแต่งงานก็คือวริศรา เธอคนนี้อายุยี่สิบแปดปี มีรูปร่างหน้าตาสวยสะกด เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่ดี วริศรานั้นเพอร์เฟคทุกกระเบียดนิ้ว ฐานะทางการเงินก็ถือว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี เพราะเธอเป็นหลานสาวคนเดียวของเจ้าสัวกษิดิศ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อต้น ๆ ของประเทศ เรื่องการศึกษาก็ไม่ต้องพูดถึง วริศราเป็นดีไซเนอร์ที่กำลังทำแบรนด์ของตัวเอง และ Varis Varis แบรนด์ของเธอก็กำลังไปได้สวย โดยมีกัมปนาทเข้าไปร่วมลงทุนเมื่อหกเดือนก่อน
“คุณบอกว่ามีแผนการตลาดอยากคุยกับศรา แต่พอศรามาถึงคุณกลับเงียบแล้วก็เอาแต่ยิ้ม” วริศราเป็นหญิงสาวที่โดดเด่น เธอเก่งและมีความมั่นใจในตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ไม่วิ่งตามผู้ชาย ที่ยอมให้กัมปนาทมาร่วมลงทุนทำแบรนด์ด้วยก็เพราะคุณปู่แนะนำมา และเพราะเธอเล็งเห็นว่ากัมปนาทจะพาแบรนด์ของเธอให้ไปได้ไกล อย่างที่บอกว่าผู้ชายคนนี้เก่งเรื่องมองกราฟและอนาคตมาก
“ยอมรับก็ได้ครับว่าผมโกหก ที่จริงมีเรื่องอื่นที่อยากพูดกับคุณ แต่กลัวว่าถ้าไม่อ้างเรื่องงานแล้วคุณจะไม่ยอมมาเจอผมน่ะสิ” กัมปนาทเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มของเขามีไว้เฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าวริศราเท่านั้น เขาตามตื๊อเธอคนนี้มาหกเดือนแล้วก็จริง แต่คนแบบเขา…อยากจะเจอผู้หญิงทั้งที ไม่มีหรอกที่จะไปหาถึงที่ ไปเฝ้ารอ เขาใช้วิธีเรียกเธอมา
“สมกับเป็นคุณดีค่ะ ตกลงว่าอยากพูดอะไรกับฉันคะ?” ถามว่าวริศราคิดยังไงกับกัมปนาท ตอบได้เลยว่าเธอมองเขาออกอยู่ประมาณหนึ่ง รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากเข้าหาเธอนัก รู้ว่าลึก ๆ แล้วในใจเขาไม่ได้พิศวาสอะไรเธอด้วย เขามีเหตุผลของเขา ส่วนเธอก็มีเหตุผลของตัวเอง อาจพูดได้ว่าความสัมพันธ์นี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วน ๆ
“เรารู้จักกันมาหกเดือนแล้ว…ผมว่าผมเห็นอะไรหลายอย่างในตัวคุณ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่ผมว่าเราสองคนเข้ากันได้ดี” กัมปนาทเอ่ยพร้อมยกช่อดอกกุหลาบสีขาวจำนวนหนึ่งร้อยแปดสิบดอกขึ้นมา ใช่…ในที่สุดฟาติมาก็ไปตามหาสิ่งที่เขาต้องการมาจนได้
“แล้ว?” รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของดีไซเนอร์สาว คิ้วสวยได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อย ช่อดอกไม้มาพร้อมกับคำที่บอกว่า ‘เราสองคนเข้ากันได้ดี’ แค่นี้หญิงสาวก็พอจะมองออกว่าชายหนุ่มกำลังจะพูดอะไร
“เป็นแฟนกันไหม?”
“ฮะ ๆ” วริศราหัวเราะลั่น กัมปนาทคนนี้ทำเธอประหลาดใจมาแล้วหลายเรื่อง จริงอยู่ที่ไม่แปลกใจว่าเขาจะพูดประโยคนี้ออกมา แต่ที่แปลกใจคือ…เขาเรียกเธอมาหาเพื่อขอคบ สถานที่คือห้องทำงานของเขา มีแค่ช่อดอกกุหลาบสีขาวที่เธอไม่ได้ชอบมันเลย ไม่มีการคุกเข่า ไม่มีคำสารภาพรัก ไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรทั้งนั้น สมกับเป็นกัมปนาทจริง ๆ ทุกอย่างมันดูแข็งทื่อไร้อารมณ์ ไร้ชีวิตชีวาไปเสียหมด และที่สำคัญ…ที่มุมห้องนั้นยังมีคนอื่นอยู่ด้วย!
“หัวเราะอะไรครับ?” ไม่บ่อยนักที่จะมีใครสามารถทำให้ไอ้คุณกั้งคนนี้เสียเซลฟ์ได้
“คุณปู่บอกให้คุณมาทำแบบนี้เหรอคะ?”
“ไม่ครับ ผมขอคุณคบเพราะอยากคบกับคุณจริง ๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับปู่คุณเลย” ไม่จริง เขาโกหก เรื่องนี้มันเกี่ยวกับกษิดิศ ปู่ของวริศราเต็ม ๆ
“งั้นเหรอคะ? แต่คุณมาขอฉันคบเป็นแฟนทั้งที่ในห้องนี้มีเลขาของคุณอยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” วริศราหันไปมองฟาติมาที่ยืนก้มหน้างุดอยู่มุมห้องแล้วหันมามองหน้ากัมปนาท
“ทำไมครับ? คุณไม่ชอบเหรอ? จะให้ผมไล่เขาออกไปไหม?”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉันแค่คิดว่ามันไม่ค่อยส่วนตัวเท่าไหร่”
“อย่าคิดแบบนั้นเลย ผู้หญิงคนนั้นน่ะถ้าผมไม่เรียกใช้ก็ถือว่าไม่มีตัวตน เป็นได้แค่มนุษย์ล่องหน ดูสิครับ…ขนาดเราพูดถึงเขาอยู่ เขายังนิ่งทำเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจเลย”
“…” แม้อยู่ต่อหน้าคนอื่นฟาติมาก็ยังถูกด่าทอ ยังถูกกัมปนาทถากถางได้ตลอด เธอน่ะหรือไม่มีชีวิตจิตใจ เธอมี…แต่เขาไม่ให้ค่าต่างหาก ที่ก้มหน้ายืนนิ่งไม่ไหวติงแบบนี้มันเป็นเพราะกำลังพยายามจนสุดความสามารถที่จะไม่ร้องไห้และแสดงออกว่าเสียใจ การต้องมายืนมองผู้ชายที่รักเท่าชีวิตขอผู้หญิงคนอื่นคบเป็นแฟน มันไม่ใช่เรื่องง่าย กัมปนาทเก่งเหลือเกินเรื่องทำลายหัวใจเธอ เขาเก่งมากจริง ๆ ที่ทำให้เธอทุกข์ทรมาน และที่เธอต้องมายืนอยู่ตรงนี้มันก็เป็นเพราะเขาบังคับให้ทำ!
“นั่นเลขาคุณนะคะคุณกั้ง พูดกับเขาดี ๆ หน่อยสิ จะบอกว่าเขาไม่มีชีวิตจิตใจได้ยังไง?”
“ไม่มีค่า ต้องใช้คำนี้ถึงจะถูก…ถ้าผมไม่ให้ค่า ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีค่าอะไรเลย”
“ฉันไม่ชอบที่คุณพูดแบบนี้ คนเราทุกคนมีค่าค่ะ ผู้หญิงทุกคนมีค่า…คุณฟ้าอาจไม่มีค่าสำหรับคุณ แต่เขามีค่าสำหรับคนอื่นแน่นอน และคงต้องพูดตามตรงว่าฉันคิดว่ามันเร็วเกินไป” วริศรามีคำตอบของเธอมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนแรกไม่อยากปฏิเสธกัมปนาทตรง ๆ เพราะเห็นว่ามีฟาติมาอยู่ในห้องด้วย ไม่อยากทำให้เขาต้องอับอายลูกน้องตัวเอง แต่ในเมื่อเขาแสดงนิสัยเหยียดคนอื่นออกมาแบบนี้ เห็นทีว่าเธอคงไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าเขา
“หมายความว่าไงครับ? ที่บอกว่าเร็วเกินไป…”
“ก็หมายความว่าฉันยังไม่พร้อมจะคบกับคุณไง หกเดือนน่ะ…เราแค่รู้จักกันเอง คุณยังไม่เคยจีบฉันด้วยซ้ำ แล้วเราจะคบกันเป็นแฟนได้ยังไงคุณกั้ง?”
“…” เดี๋ยว! ไม่เคยจีบอะไรวะ? ที่ช่วยลงทุนให้ ทำแบรนด์ให้ใหญ่โต ที่พาไปกินข้าวตั้งหลายมื้อ ซื้อของแพง ๆ ให้ก็เยอะ นี่ยังไม่เรียกว่าจีบอีกหรือ?!
“ดอกไม้นี่…ฉันจะรับไว้นะคะ แต่ก็คงต้องบอกตามตรงว่าจริง ๆ แล้วฉันชอบดอกคามิเลียมากกว่าดอกกุหลาบ” วริศราส่งรอยยิ้มให้กัมปนาท หยิบช่อดอกกุหลาบมาแล้วก็ออกไปจากห้องทำงานของเขา
กัมปนาทถูกปฏิเสธต่อหน้าฟาติมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขายอมรับมันไม่ได้
และที่มากกว่านั้นคือ…เขาเห็นจากหางตาว่าคนไร้ค่าในสายตาเขาแอบขำ!
“ตลกมากเหรอ?!” เมื่อในห้องทำงานเหลือเพียงเขาและเธอ คนเจ้าอารมณ์ก็ตะคอกถามขึ้นมาทันที “ฉันถาม! ว่าตลกมากเหรอฟาติมา?!”
“…” เขาคิดไปเอง ฟาติมาไม่ได้ขำอะไรทั้งนั้น แม้แต่ยิ้มเธอก็ไม่ได้ยิ้มด้วย การที่เขาถูกปฏิเสธมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีเลยสักนิด
“มานี่! ฉันสั่งให้เธอเดินมาตรงนี้!” พอมีอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะมาลงกับเธอ ออกคำสั่งให้เธอเดินจากมุมห้องแล้วเข้ามาใกล้ ๆ พอเธอทำตามคำสั่งเขาก็ลุกจากเก้าอี้ ผลักเธอให้เซไปนั่งบนโต๊ะทำงาน
“อ๊ะ! คุณกั้ง…”
“ฉันถาม…ว่าเธอขำอะไร?! ตลกมากหรือไงที่ฉันถูกศราปฏิเสธ?!”
“อ๊ะ!” ฟาติมาหลุดเสียงร้องออกมาอีกครั้งเมื่อกัมปนาทแทรกตัวเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างขาเธอ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังล้วงเข้ามาในกระโปรง ตรงเข้ามาสัมผัสเธอถึงด้านใน ใช้มือกระทำเรื่องหยาบกระด้างกับเธอ “คะ คุณกั้ง…ฟ้าไม่ได้ขำค่ะ”
“ก็ฉันเห็นเธอขำ! สะใจงั้นสิ…ที่ฉันไม่ได้คบกับศรา?!” ยิ่งฟาติมาพยายามบิดตัวหนี กัมปนาทก็ยิ่งรุกล้ำเข้าหาเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาเริ่มสอดมือหนาเข้าด้านในชั้นใน ตรงเข้าไปสัมผัสเธออย่างรุนแรง ไม่สนว่าความแห้งผากจะทำให้เธอเจ็บยังไง
“ไม่ค่ะ ฟ้าไม่ได้…อ๊ะ! คุณกั้งฟ้าเจ็บ!”
“เตรียมตัวโดนกระแทกจนระบมได้เลยฟาติมา!”
“มะ ไม่ได้นะคะ! อีกเดี๋ยวคุณกั้งต้องเข้าประชุม!”
“ไม่สน! ฉันโกรธ…ฉันต้องการระบายอารมณ์!”
“อ๊ะ!” ต่อให้วันนี้วริศราตอบรับและยอมคบกับเขาเป็นแฟน กัมปนาทก็คิดจะทำเรื่องแบบนี้อยู่ดี คงจะใช้ข้ออ้างว่าดีใจจนอยากฉลองกับเรือนร่างของฟาติมา
ปากเขาบอกว่าเกลียดเธอ แต่ก็ยังเสพสมเธอไม่หยุด
ใจเขาไม่เคยคิดจะให้อภัยเธอ แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยเธอให้หลุดมือไปไหน
เขาบอกว่าหมดรักเธอไปนานแล้ว แต่โคตรไม่ชอบเลยที่วริศราบอกว่าถึงฟาติมาจะไม่มีค่าสำหรับเขา แต่อาจมีค่าสำหรับคนอื่น ใครกัน…ใครที่จะเข้ามาให้คุณค่าผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เป็นนางบำเรอของเขา!
ไอ้คนเจ้าคิดเจ้าแค้นแสนเอาแต่ใจตัวเองกระหน่ำโกยกินฟาติมาจนหนำใจ ทำเอาเธออ่อนเปลี้ยเพลียแรง พอได้ระบายอารมณ์ ได้ปลดปล่อยเขาก็ไล่เธอออกจากห้องทำงานทันที ฟาติมาชินแล้วกับเรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่พอกัมปนาทโกรธแล้วจะจับเธอกระแทกกระทั้นระบายอารมณ์ ในห้องทำงานบนตึกสูงแสนหรูหราแห่งนี้ เขาใช้มันเป็นสถานที่เริงรมย์มานับครั้งไม่ถ้วน ผู้ชายคนนี้ไม่สนว่าจะเป็นที่ไหนเวลาใด หากเขาต้องการจะกระทำความป่าเถื่อน เขาจะทำมันในทันทีโดยไม่แยแสอะไรทั้งนั้น บนรถข้างถนนเขาก็ทำมาแล้ว ในห้องน้ำร้านอาหารเขาก็เคยทำ หนักที่สุดคงจะเป็นในห้องน้ำบนเครื่องบิน ตอนที่บินไปดูงานต่างประเทศเมื่อปีก่อนความสะใจที่กัมปนาทชอบมากที่สุดคือตอนที่เขาทำให้ฟาติมาเสียวจนถึงที่สุด แต่ครางออกมาไม่ได้เขามันโรคจิต!ระหว่างที่กำลังประชุมแผนการการลงทุนในไตรมาสต่อไป กัมปนาทที่รู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วปล่อยให้พวกผู้บริหารคนอื่นคุยกันไป ส่วนตัวเขาก็เอาแต่นั่งมองเลขาส่วนตัวที่กำลังม่วนอยู่กับการจดบันทึกที่ประชุม ก็เธอมีหน้าที่นำข้อมูลเหล่านี้ไปสรุปแล้วรายงานเจ้านาย หน้าที่ของเธอคือทำให้งานของกัมปนาทราบรื่นแล้วสะดวกรวดเร็วที่สุด เขาไม่เคยพู
ฟาติมาเป็นแค่หญิงสาวธรรมดาที่มีความฝัน และความฝันของเธอก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก เธอเพียงอยากใส่ชุดเจ้าสาวสักครั้งในชีวิต อยากมีครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น มีสามีที่รักเธอ ให้ความอบอุ่นในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาตลอดทั้งชีวิตยี่สิบแปดปี เธอไม่ได้หวังให้ผู้ชายที่จะเข้ามาเป็นสามีต้องรวยล้นฟ้า หล่อเหลาปานเทพบุตร ไม่ต้องดีเลิศเลอ ขอเพียงเขาคนนั้นใจดีกับเธอก็พอ แต่ขึ้นชื่อว่าความฝัน…หากไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ก็คงจะเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นเลยตลอดชั่วชีวิตของคนคนหนึ่งทุกวันหลังเลิกงานฟาติมาจะเดินมาหยุดที่หน้าเวดดิ้งสตูดิโอ มองดูชุดเจ้าสาวสีขาวแสนสวยชุดเดิม ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในทุกครั้งที่เธอจินตนาการถึงภาพตัวเองสวมชุดสีขาวฟูฟ่องนั้น คนอย่างเธอ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันได้แต่งงานมีครอบครัวหรอก ความฝันของเธอไม่มีวันเป็นจริง เพราะเธอไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสุข ชีวิตนับจากนี้และตลอดไป…จะต้องอยู่เพื่อชดใช้เวรกรรมที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น“เจอคุณอีกแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มแสนอบอุ่นก้าวเท้าออกมาจากเวดดิ้งสตูดิโอ เขามองฟาติมาอยู่พักใหญ่ เห็นแล้วว่าเธอมีแววตาสิ้นหวังจนน่าเห็นใจ ที่จริงเขาเห็นเธ
แม้แต่ผู้หญิงขายตัวที่ใช้เรือนร่างตัวเองก็ยังมีมูลค่า มีราคา ใช้เซ็กส์แลกกับเงิน แต่กับฟาติมา…เธออยู่ในจุดที่ตกต่ำเหมือนตกนรกชั้นอเวจี เปลืองตัวนอนกับกัมปนาท เธอไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว เจ็บตัวเพราะถูกเขากระทำรุนแรงก็ไม่ได้ค่าเยียวยาอะไรทั้งนั้น แต่โทษใครไม่ได้เพราะเธอเลือกเอง ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอเป็นคนเลือกเองทั้งนั้นตอนกลางวันหน้าที่ของฟาติมาคือเป็นเลขาคอยดูแลเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวบางเรื่องให้กับกัมปนาท ตกกลางคืนหน้าที่เธอคือการแก้ผ้านอนถ่างขาให้เขาได้ระบายอารมณ์ เธอเป็นนางบำเรออย่างที่เขาว่าจริง ๆ ยอมเป็นผู้หญิงไร้ค่าให้เขากระหน่ำซ้ำเติม ยอมนอนนิ่งให้เขาใช้ความป่าเถื่อนทำลายเธอทั้งกายและใจ แต่ก็อย่างที่บอก…เธอเลือกเอง ไอ้คุณกั้งไม่ได้บังคับให้เธอมาทำเรื่องแบบนี้ วันนั้นเป็นเธอเองที่บอกว่ายกทั้งชีวิตให้เขา เป็นเธอเองที่ร้องขอว่าอยากจะชดใช้ทุกอย่างตลอดสามปีที่อยู่ในสถานะนางบำเรอของกัมปนาท ทั่วทุกส่วนบนเรือนร่างงามหยดย้อยนั้นถูกเขาสัมผัสมาหมดแล้ว ตรงไหนที่สวย ตรงไหนที่ขาวผุดผ่อง เขาได้ลิ้มลองมาหมด บางครั้งก็ทำเสพสมด้วยความละมุนเบา บางครั้งก็ตะโบมโกยกินด้วยความหื่นกระหาย และหล
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในตอนแปดโมงเช้าเรียกร้องให้ฟาติมาที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหลุดออกจากภวังค์ ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือระบุไว้ว่าวันนี้คือวันครบรอบ ม่านน้ำตาเคลือบคลออยู่บนดวงตาคู่สวย ไม่ต้องมีการแจ้งเตือนเธอก็จำได้ดีว่าวันนี้เป็นวันอะไร หากนับจากวันแรกจนถึงวันนี้ หากไม่นับเหตุการณ์เลวร้ายใด ๆ ก็นับว่าวันนี้คือวันครบรอบแปดปีที่เธอคบกับกัมปนาทใช่…ก่อนจะกลายมาเป็นนางบำเรอของเขา ก่อนจะมีการหักหลังกัน เธอกับเขาเคยรักกันมาก่อนก่อนจะเกลียดเธอจนเข้ากระดูกดำ ผู้ชายคนนั้นเคยรักฟาติมามากเหลือเกินก่อนจะหักหลังและทำให้ชีวิตเขาเกือบพัง ฟาติมาก็เคยรักกัมปนาทมากเช่นกัน เมื่อก่อนเคยรักยังไงตอนนี้ก็ยังรักอยู่อย่างนั้น เพิ่มเติมคือความรู้สึกผิดที่มีต่อเขาน้ำตาร่วงหล่นหยดแล้วหยดเล่าในตอนที่หญิงสาวหยิบเอารูปถ่ายใส่กรอบลายดอกไม้สีขาวขึ้นมาดู มันคือรูปคู่รูปแรกที่เธอถ่ายคู่กับเขาคนนั้น ถ่ายไว้เมื่อแปดปีก่อน สมัยที่เธอยังพอจะมีรอยยิ้มได้ ยิ้มได้แค่เฉพาะตอนที่อยู่กับเขาคนเดียว“ฟ้าคิดถึงพี่กั้ง ฮึก! คิดถึงพี่กั้งคนเก่า…ฟ้าขอโทษนะที่ทำให้เรากลายเป็นแบบนี้ ขอโทษจริง ๆ” ฟาติมากล้าพูดได้เต็มปากว่า
ไอ้คนเจ้าคิดเจ้าแค้นแสนเอาแต่ใจตัวเองกระหน่ำโกยกินฟาติมาจนหนำใจ ทำเอาเธออ่อนเปลี้ยเพลียแรง พอได้ระบายอารมณ์ ได้ปลดปล่อยเขาก็ไล่เธอออกจากห้องทำงานทันที ฟาติมาชินแล้วกับเรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่พอกัมปนาทโกรธแล้วจะจับเธอกระแทกกระทั้นระบายอารมณ์ ในห้องทำงานบนตึกสูงแสนหรูหราแห่งนี้ เขาใช้มันเป็นสถานที่เริงรมย์มานับครั้งไม่ถ้วน ผู้ชายคนนี้ไม่สนว่าจะเป็นที่ไหนเวลาใด หากเขาต้องการจะกระทำความป่าเถื่อน เขาจะทำมันในทันทีโดยไม่แยแสอะไรทั้งนั้น บนรถข้างถนนเขาก็ทำมาแล้ว ในห้องน้ำร้านอาหารเขาก็เคยทำ หนักที่สุดคงจะเป็นในห้องน้ำบนเครื่องบิน ตอนที่บินไปดูงานต่างประเทศเมื่อปีก่อนความสะใจที่กัมปนาทชอบมากที่สุดคือตอนที่เขาทำให้ฟาติมาเสียวจนถึงที่สุด แต่ครางออกมาไม่ได้เขามันโรคจิต!ระหว่างที่กำลังประชุมแผนการการลงทุนในไตรมาสต่อไป กัมปนาทที่รู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วปล่อยให้พวกผู้บริหารคนอื่นคุยกันไป ส่วนตัวเขาก็เอาแต่นั่งมองเลขาส่วนตัวที่กำลังม่วนอยู่กับการจดบันทึกที่ประชุม ก็เธอมีหน้าที่นำข้อมูลเหล่านี้ไปสรุปแล้วรายงานเจ้านาย หน้าที่ของเธอคือทำให้งานของกัมปนาทราบรื่นแล้วสะดวกรวดเร็วที่สุด เขาไม่เคยพู
หญิงสาวผู้เพียบพร้อมที่กัมปนาทหมายมั่นว่าอยากจะคบหาดูใจ มองไกลไปถึงการแต่งงานก็คือวริศรา เธอคนนี้อายุยี่สิบแปดปี มีรูปร่างหน้าตาสวยสะกด เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่ดี วริศรานั้นเพอร์เฟคทุกกระเบียดนิ้ว ฐานะทางการเงินก็ถือว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี เพราะเธอเป็นหลานสาวคนเดียวของเจ้าสัวกษิดิศ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อต้น ๆ ของประเทศ เรื่องการศึกษาก็ไม่ต้องพูดถึง วริศราเป็นดีไซเนอร์ที่กำลังทำแบรนด์ของตัวเอง และ Varis Varis แบรนด์ของเธอก็กำลังไปได้สวย โดยมีกัมปนาทเข้าไปร่วมลงทุนเมื่อหกเดือนก่อน“คุณบอกว่ามีแผนการตลาดอยากคุยกับศรา แต่พอศรามาถึงคุณกลับเงียบแล้วก็เอาแต่ยิ้ม” วริศราเป็นหญิงสาวที่โดดเด่น เธอเก่งและมีความมั่นใจในตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ไม่วิ่งตามผู้ชาย ที่ยอมให้กัมปนาทมาร่วมลงทุนทำแบรนด์ด้วยก็เพราะคุณปู่แนะนำมา และเพราะเธอเล็งเห็นว่ากัมปนาทจะพาแบรนด์ของเธอให้ไปได้ไกล อย่างที่บอกว่าผู้ชายคนนี้เก่งเรื่องมองกราฟและอนาคตมาก“ยอมรับก็ได้ครับว่าผมโกหก ที่จริงมีเรื่องอื่นที่อยากพูดกับคุณ แต่กลัวว่าถ้าไม่อ้างเรื่องงานแล้วคุณจะไม่ยอมมาเจอผมน่ะสิ” กัมปนาทเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มของเขา
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในตอนแปดโมงเช้าเรียกร้องให้ฟาติมาที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหลุดออกจากภวังค์ ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือระบุไว้ว่าวันนี้คือวันครบรอบ ม่านน้ำตาเคลือบคลออยู่บนดวงตาคู่สวย ไม่ต้องมีการแจ้งเตือนเธอก็จำได้ดีว่าวันนี้เป็นวันอะไร หากนับจากวันแรกจนถึงวันนี้ หากไม่นับเหตุการณ์เลวร้ายใด ๆ ก็นับว่าวันนี้คือวันครบรอบแปดปีที่เธอคบกับกัมปนาทใช่…ก่อนจะกลายมาเป็นนางบำเรอของเขา ก่อนจะมีการหักหลังกัน เธอกับเขาเคยรักกันมาก่อนก่อนจะเกลียดเธอจนเข้ากระดูกดำ ผู้ชายคนนั้นเคยรักฟาติมามากเหลือเกินก่อนจะหักหลังและทำให้ชีวิตเขาเกือบพัง ฟาติมาก็เคยรักกัมปนาทมากเช่นกัน เมื่อก่อนเคยรักยังไงตอนนี้ก็ยังรักอยู่อย่างนั้น เพิ่มเติมคือความรู้สึกผิดที่มีต่อเขาน้ำตาร่วงหล่นหยดแล้วหยดเล่าในตอนที่หญิงสาวหยิบเอารูปถ่ายใส่กรอบลายดอกไม้สีขาวขึ้นมาดู มันคือรูปคู่รูปแรกที่เธอถ่ายคู่กับเขาคนนั้น ถ่ายไว้เมื่อแปดปีก่อน สมัยที่เธอยังพอจะมีรอยยิ้มได้ ยิ้มได้แค่เฉพาะตอนที่อยู่กับเขาคนเดียว“ฟ้าคิดถึงพี่กั้ง ฮึก! คิดถึงพี่กั้งคนเก่า…ฟ้าขอโทษนะที่ทำให้เรากลายเป็นแบบนี้ ขอโทษจริง ๆ” ฟาติมากล้าพูดได้เต็มปากว่า
แม้แต่ผู้หญิงขายตัวที่ใช้เรือนร่างตัวเองก็ยังมีมูลค่า มีราคา ใช้เซ็กส์แลกกับเงิน แต่กับฟาติมา…เธออยู่ในจุดที่ตกต่ำเหมือนตกนรกชั้นอเวจี เปลืองตัวนอนกับกัมปนาท เธอไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว เจ็บตัวเพราะถูกเขากระทำรุนแรงก็ไม่ได้ค่าเยียวยาอะไรทั้งนั้น แต่โทษใครไม่ได้เพราะเธอเลือกเอง ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอเป็นคนเลือกเองทั้งนั้นตอนกลางวันหน้าที่ของฟาติมาคือเป็นเลขาคอยดูแลเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวบางเรื่องให้กับกัมปนาท ตกกลางคืนหน้าที่เธอคือการแก้ผ้านอนถ่างขาให้เขาได้ระบายอารมณ์ เธอเป็นนางบำเรออย่างที่เขาว่าจริง ๆ ยอมเป็นผู้หญิงไร้ค่าให้เขากระหน่ำซ้ำเติม ยอมนอนนิ่งให้เขาใช้ความป่าเถื่อนทำลายเธอทั้งกายและใจ แต่ก็อย่างที่บอก…เธอเลือกเอง ไอ้คุณกั้งไม่ได้บังคับให้เธอมาทำเรื่องแบบนี้ วันนั้นเป็นเธอเองที่บอกว่ายกทั้งชีวิตให้เขา เป็นเธอเองที่ร้องขอว่าอยากจะชดใช้ทุกอย่างตลอดสามปีที่อยู่ในสถานะนางบำเรอของกัมปนาท ทั่วทุกส่วนบนเรือนร่างงามหยดย้อยนั้นถูกเขาสัมผัสมาหมดแล้ว ตรงไหนที่สวย ตรงไหนที่ขาวผุดผ่อง เขาได้ลิ้มลองมาหมด บางครั้งก็ทำเสพสมด้วยความละมุนเบา บางครั้งก็ตะโบมโกยกินด้วยความหื่นกระหาย และหล
ฟาติมาเป็นแค่หญิงสาวธรรมดาที่มีความฝัน และความฝันของเธอก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก เธอเพียงอยากใส่ชุดเจ้าสาวสักครั้งในชีวิต อยากมีครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น มีสามีที่รักเธอ ให้ความอบอุ่นในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาตลอดทั้งชีวิตยี่สิบแปดปี เธอไม่ได้หวังให้ผู้ชายที่จะเข้ามาเป็นสามีต้องรวยล้นฟ้า หล่อเหลาปานเทพบุตร ไม่ต้องดีเลิศเลอ ขอเพียงเขาคนนั้นใจดีกับเธอก็พอ แต่ขึ้นชื่อว่าความฝัน…หากไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ก็คงจะเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นเลยตลอดชั่วชีวิตของคนคนหนึ่งทุกวันหลังเลิกงานฟาติมาจะเดินมาหยุดที่หน้าเวดดิ้งสตูดิโอ มองดูชุดเจ้าสาวสีขาวแสนสวยชุดเดิม ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในทุกครั้งที่เธอจินตนาการถึงภาพตัวเองสวมชุดสีขาวฟูฟ่องนั้น คนอย่างเธอ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันได้แต่งงานมีครอบครัวหรอก ความฝันของเธอไม่มีวันเป็นจริง เพราะเธอไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสุข ชีวิตนับจากนี้และตลอดไป…จะต้องอยู่เพื่อชดใช้เวรกรรมที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น“เจอคุณอีกแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มแสนอบอุ่นก้าวเท้าออกมาจากเวดดิ้งสตูดิโอ เขามองฟาติมาอยู่พักใหญ่ เห็นแล้วว่าเธอมีแววตาสิ้นหวังจนน่าเห็นใจ ที่จริงเขาเห็นเธ