“นี่คุณเหนือไม่รู้อะไรเลยเหรอคะ ?”ผมพุ่งปรี่เข้ามาประชิดตัวเธอแล้วใช้มือบีบปลายคางของเธอไว้แน่น พร้อมกับจ้องเขม็ง“อื้อ คะ คุณเหนือ”“ใครคือคนรักของริน ถ้าเธอคิดจะโกหกฉัน ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”“…….”“ฉันไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อเธอก็โกหกฉันดูสิ ชีวิตของเธอจะได้พังเพราะปาก ฉันช่วยเธอได้ ฉันก็ทำลายเธอได้เหมือนกัน ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของวารินเมียของฉัน คิดหรือไงว่าฉันจะปล่อยเธอให้มายืนหายใจอยู่แบบนี้!!”“มะ ไม่มีค่ะ พะ พี่รินไม่มีใครทั้งนั้นค่ะ” นาลินเธอบอกผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตัวของเธอสั่นระริกๆ เหมือนว่ากำลังกลัวที่ผมพูดเอามากๆ“แล้วทำไมเธอถึงบอกแบบนั้น ?”“……”“ฉันถาม!!”“หนูอยากให้คุณเหนือหันมาสนใจหนูบ้างนี่คะ”“ฉันไม่เคยสนใจเธอ ไม่คิดจะสนใจ เธอไม่มีอะไรที่เทียบกับรินได้สักอย่าง หยุดความคิดของเธอแล้วไปบอกรินซะว่าคืนนั้นเธอตั้งใจทำให้รินเข้าใจผิด”“……”“เธอไม่ควรทำร้ายพี่สาวมากขนาดนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ารินพยายามช่วยเธอทุกอย่าง แต่กลับเนรคุณ”“…….”เธอไม่ได้ตอบอะไร ผมจึงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปลายคาง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินไปขึ้นลิฟต์ลงมาที่ลานจอดรถผมขับรถมาที่บ้านของพราวซึ่งเป็นเพื่อน
ไอ้หิรัญมองหน้าผมพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าผมขว้างโทรศัพท์ทิ้งไปแบบนั้น“มีเรื่องอะไร ?” ไอ้หิรัญถามผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วกัดฟันตอบ “เมียกูอยู่กับไอ้ติณ”“มันลักพาตัวเมียมึงไป ?”ผมส่ายหน้า ไอ้หิรัญจึงมองอย่างสงสัยแล้วถามต่อ “ถ้าไม่ได้ลักพาตัวไป แล้วเมียมึงจะไปอยู่กับมันได้ยังไง ?”“เมียกูเต็มใจไปกับมัน”“เชี้ย! ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”ที่ไอ้หิรัญพูดมาแบบนี้ก็เพราะว่าก่อนหน้าที่จะเจอริน ผมมีผู้หญิงคนหนึ่งที่รัก แต่เธอก็ทรยศผมด้วยการไปกับไอ้ติณผมเคยพูดและถามรินแล้วว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้นใช่ไหม เธอพูดพร้อมสัญญา แต่สุดท้ายเธอก็เลือกหนีผมไปอยู่กับมันการที่เธอหนีไปมันไม่เสียใจเท่ากับการที่ได้รู้ว่าเธออยู่กับใคร“เมื่อไหร่มันจะเลิกจองเวรมึงสักที เรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ”“ถ้ามันเชื่อกูว่าทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ มันคงไม่จองเวรกูถึงทุกวันนี้”เมื่อหลายปีก่อน พ่อของผมกับพ่อของน้ำมนต์และพ่อของไอ้ติณเป็นเพื่อนรักกัน ผม น้ำมนต์ แล้วก็ไอ้ติณโตมาพร้อมกัน เราสามคนสนิทกันมากจนกระทั่งวันที่พ่อของผมกับพ่อของน้ำมนต์และไอ้ติณไปคุยธุรกิจด้วยกันแล้วถูกลอบยิง วันนั้นพ่อของไอ้ติณเสียชีวิตเพราะรถพลิกคว
ฉันมองตามแผ่นหลังของคุณเหนือแล้วเฝ้าถามตัวเองว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันดีกับตัวเองแล้วจริงๆ หรือเปล่า ที่หนีออกมาโดยไม่ฟังเหตุผลอะไรของเขามันคือสิ่งที่ฉันต้องการใช่ไหมจู่ๆ หยดน้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง เขาไม่ควรตามฉันมาที่นี่ เขาไม่ควรมาทำให้ฉันรู้สึกสับสนและเจ็บปวดแบบนี้อีก“เธอร้องไห้ ?”คุณติณหันมามองฉันพร้อมกับปล่อยมือที่โอบเอวฉันออก“ฉันไม่ได้เลือดเย็นแบบคุณ” นี่คือคำตอบที่ฉันบอกเขา“หยุดร้องแล้วกลับไปที่ของเธอซะ”“คุณเหนือรู้แล้วว่าฉันอยู่กับคุณ เขาคงไม่มายุ่งอีก ฉันต้องการไปอยู่ที่อื่น”“ที่อื่น ? เธอหมายถึงที่ไหน หื้ม” ใบหน้าคมคายโน้มลงมา ฉันจึงรีบถอยห่าง“ฉัน….”“ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไปอยู่ที่คอนโด ฉันให้เธอเลือกแค่สองอย่าง”“ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ”“จุ๊ๆ” เขาใช้นิ้ววางลงมาบนริมฝีปากของฉัน “เธอยังมีประโยชน์กับฉัน คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระตอนนี้หรือไงเด็กโง่”“แต่คุณทำเขาขนาดนั้นแล้วนะ คุณยิงเขา ยังไม่สะใจอีกหรือไง”“อย่าพูดเหมือนฉันผิดแบบนั้นสิ ไม่ใช่เพราะเธอเลือกมาอยู่กับฉันหรือไง มันถึงกระเสือกกระสนรนมาหาถึงที่”“……” ใช่! มันเป็นเพราะฉันเอง คำพูดของคุณติณมันยิ่งตอ
กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังลังเลว่าจะไปหานาลินดีหรือเปล่า ทำให้ฉันหลุดออกจากวังวนความคิดของตัวเองแล้วก้มมองที่เบอร์โทรศัพท์ เป็นเบอร์ของพราวที่โทรเข้ามา ฉันจึงรีบกดรับ( ยัยริน แกหายไปไหนมาแล้วทำไมต้องปิดเครื่อง แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนรีบบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ )พอรับสายพราวก็ยิงคำถามกับฉันยาวเหยียด จนไม่รู้ว่าจะตอบข้อไหนก่อนดี( ฉันแค่อยากพักใจน่ะ ตอนนี้โอเคขึ้นมากแล้วขอโทษด้วยนะที่หายไปแบบนั้น )( แกรู้ไหมว่าคุณเหนือมาตามหาแกที่บ้านของฉันด้วยนะ แต่แปลกเมื่อสามวันก่อนฉันบังเอิญเจอเขาที่xx พอถามว่าเจอแกหรือยังเพราะฉันติดต่อไม่ได้ เขาก็เงียบแล้วรีบเดินหนีไปเลย )คำพูดของพราวมันทำให้ลมหายใจของฉันขาดหายไปบางช่วง ตอนนี้คุณเหนือตัดฉันออกไปแล้วจริงๆ อย่างที่ฉันตัดเขา( ฉันจบกับคุณเหนือแล้วพราว เราจบกันแล้ว )( ริน แกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม )( นาลินส่งข้อความมาบอกฉัน เธอบอกว่าอยากเจอฉันแกว่าฉันควรจะไปเจอดีไหมพราว )( ทำไมถึงอยากเจอล่ะ ที่ทำกับแกมันยังไม่พอใจอีกหรือไง ไม่คิดเลยว่านาลินจะร้ายกับแกขนาดนั้น )( ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน )( แล้วนี่แกจะทำยังไง จะตัดพี่ตัดน้องกับนาลินไปเลยใช่
คำพูดของพราวมันทำให้ฉันคิด ฉันอยากไปหาเขา แต่ในตอนนี้ฉันสามารถทำแบบนั้นได้อย่างนั้นเหรอ ในใจมันนึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าถ้าคุณเหนือเจอหน้าฉันแล้วเขาจะด่าจะไล่ เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาแล้วอีกอย่างในตอนนี้ฉันเลือกอยู่กับคุณติณแล้ว จะหนีผู้ชายคนนั้นได้ยังไง “แต่ฉันหนีเขาไปอยู่กับศัตรู ฉันนี่มันแย่จริงๆ อึก~”“ริน แกเอาแต่โทษตัวเองกับเรื่องที่ตัดสินใจพลาดไปแล้วมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ”“อึก~”“ตอนนี้น่ะ แกควรไปหาคุณเหนือ หยุดร้องไห้สักที”“ฉันไม่กล้า….”“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ทุกอย่างมันจบแค่นี้ แกกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”“…….”ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันควรจะทำยังไงดี ถ้าฉันไปหาคุณเหนือแล้วคุณติณรู้เข้า เขาจะทำอะไรคุณเหนือหรือเปล่า ฉันไม่อยากให้คุณเหนือต้องเจ็บตัวอีก แต่ก็อยากจะไปหาเขา อยากไปปรับความเข้าใจฉันมันโง่ที่เลือกแบบนั้น ถ้าฉันบอกกับคุณเหนือว่าเรื่องในคืนนั้นฉันรู้ความจริงหมดแล้วและพร้อมจะกลับมาเป็นคนรักของเขาเหมือนเดิม คุณเหนือจะช่วยฉันให้หลุดพ้นจากคุณติณได้ใช่ไหม…ในตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของคุณเหนือ เพราะติดต่อเขาไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าคุณเหนือไปทำงานหรือเปล่า ฉั
คำที่คุณเหนือพูดมันทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่มันเต้นเป็นจังหวะที่เจ็บปวด เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขากลับไปเป็นคนเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ที่เราเพิ่งรู้จักกัน สายตาของเขามันว่างเปล่า ไม่เหมือนกับตอนที่เคยบอกรักฉัน“กลับไปซะ!! เธอคงไม่อยากเห็นฉันใจร้ายไปมากกว่านี้”“…รินไม่ไป”“ไม่กลัวผู้ชายของเธอโกรธหรือไง ถ้าไอ้ติณมันรู้ว่าเธอมาที่นี่ คงจะโมโหเธออาจจะเจ็บตัว”“เขาไม่ใช่ผู้ชายของริน ทำไมต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วยคะ”“การที่เธอยอมไปอยู่กับมัน ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมให้มันทำอะไรต่อมิอะไรหรือไง”คุณเหนือใช้สายตาที่เย็นยะเยือกมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าสายตาของคุณเหนือมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง คำพูดของเขามันเหมือนกับกำลังดูถูกฉันอยู่ แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย มันรู้สึกผิดมากขึ้นด้วยซ้ำ “รินไม่ได้…”“กลับไปซะ!!”คุณเหนือจับแขนของฉันอีกครั้ง ก่อนจะกระชากแรงๆ ให้ฉันออกจากห้องนอนของตัวเอง และครั้งนี้มันได้ผล เพราะว่าฉันกำลังเหม่อลอย ไม่ทันได้คว้ามือจับอะไร พอคุณเหนือผลักฉันออกมาจากห้องได้เขาก็จะปิดประตู ฉันจึงรีบเขาแขนไปกันไว้ ทำให้แรงอัดกระแทกของประตูมันอัดมาที่แขนข
ฉันนั่งสงบสติอารมณ์ในรถของน้ำมนต์นานพอสมควรกว่าจะหยุดร้องไห้ได้“ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้” น้ำมนต์ถามขึ้นเมื่อสิ้นเสียงสะอื้นของฉัน“ฉันไม่ดีเอง ฉันทรยศคุณเหนือ”“ทรยศอะไรกัน ?” น้ำมนต์เธอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อฉันบอกไปแบบนั้น“เรื่องคืนนั้น ภาพที่ฉันเห็นมันไม่อาจจะทำใจได้ ฉันเลยตัดสินใจแบบโง่ๆ ด้วยการไปอยู่กับศัตรูของเขา” ฉันบอกปนเสียงสะอื้น “แต่ฉันเพิ่งมารู้จากปากของนาลินว่าคืนนั้นเธอตั้งใจทำให้ฉันกับคุณเหนือเข้าใจผิดกัน”“ศัตรูของเฮีย ?” พอบอกแบบนั้นน้ำมนต์ก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม นี่เธอไม่รู้เรื่องที่คุณเหนือมีศัตรูอย่างนั้นเหรอ“เธอหมายถึงใครอย่างนั้นเหรอริน” น้ำมนต์ถามอีกครั้ง“คุณติณ เขากับคุณเหนือ….”“…พะ พี่ติณเหรอ” จู่ๆ น้ำมนต์ก็ทำตาโตขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของคุณติณ จากนั้นเธอก็ถามต่อ “เธออยู่กับพี่ติณอย่างนั้นเหรอ”“ไม่หรอก ฉันขอเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโด ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเขา”“…….” ตอนนี้น้ำมนต์เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่สักอย่าง เธอเงียบไปไม่ได้ถามอะไรต่อส่วนฉันเองก็เงียบ ในหัวเริ่มคิดฟุ้งซ่านถึงคุณเหนืออีกครั้ง แต่คิดได้ไม่นานน้ำมนต์
ตอนนี้คุณเหนือคงพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เจอหน้าฉันอีก ต่างกับฉันที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คุณเหนือคนเดิมกลับมา“รินจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ” คุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อีกครั้งเมื่อได้ฟังคำตอบที่หนักแน่นของฉัน“ออกไปจากห้องทำงานของฉัน!!”“ไม่รินไม่ไป”“เธอไม่ไป ?” คุณเหนือไม่รอให้ฉันตอบ พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นฉันไปเอง”“ปะ ไปไหนคะ” ฉันรีบเดินมาดักหน้าประตูห้องไว้ ไม่ยอมให้คุณเหนือเปิดประตูออกไปได้กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของคุณเหนือดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายแถมยังเปิดลำโพงให้ฉันฟัง( ไหนคุณเหนือบอกว่าจะมาหาหนูไงคะ นี่คิดจะเบี้ยวนัดอีกแล้วใช่ไหม เป็นแบบนี้บ่อยๆ มันน่าน้อยใจนะคะ )ปลายสายเป็นผู้หญิง เธอยั่วยวนคุณเหนือเสียงหวาน ฉันที่ได้ยินก็ถึงกับใจสั่น ทำอะไรไม่ถูก รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมเขาถึงเปิดลำโพงให้ฉันได้ฟังด้วย เพราะปลายสายเป็นผู้หญิงนี่เอง( ฉันกำลังจะไป )หมับ! ฉันพุ่งปรี่ไปคว้าแย่งโทรศัพท์มาจากมือของคุณเหนือ แล้วพูดกับปลายสาย( เลิกยุ่งกับผู้ชายของฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยให้เขาไปหาเธอแน่!! )พูดจบฉันก็กดตัดสายพร้อมกับกำโทรศัพท์แน่น ส่วนคุณเหนือตอนนี้เขากำลังมองฉ