“นี่คุณเหนือไม่รู้อะไรเลยเหรอคะ ?”ผมพุ่งปรี่เข้ามาประชิดตัวเธอแล้วใช้มือบีบปลายคางของเธอไว้แน่น พร้อมกับจ้องเขม็ง“อื้อ คะ คุณเหนือ”“ใครคือคนรักของริน ถ้าเธอคิดจะโกหกฉัน ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”“…….”“ฉันไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อเธอก็โกหกฉันดูสิ ชีวิตของเธอจะได้พังเพราะปาก ฉันช่วยเธอได้ ฉันก็ทำลายเธอได้เหมือนกัน ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของวารินเมียของฉัน คิดหรือไงว่าฉันจะปล่อยเธอให้มายืนหายใจอยู่แบบนี้!!”“มะ ไม่มีค่ะ พะ พี่รินไม่มีใครทั้งนั้นค่ะ” นาลินเธอบอกผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตัวของเธอสั่นระริกๆ เหมือนว่ากำลังกลัวที่ผมพูดเอามากๆ“แล้วทำไมเธอถึงบอกแบบนั้น ?”“……”“ฉันถาม!!”“หนูอยากให้คุณเหนือหันมาสนใจหนูบ้างนี่คะ”“ฉันไม่เคยสนใจเธอ ไม่คิดจะสนใจ เธอไม่มีอะไรที่เทียบกับรินได้สักอย่าง หยุดความคิดของเธอแล้วไปบอกรินซะว่าคืนนั้นเธอตั้งใจทำให้รินเข้าใจผิด”“……”“เธอไม่ควรทำร้ายพี่สาวมากขนาดนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ารินพยายามช่วยเธอทุกอย่าง แต่กลับเนรคุณ”“…….”เธอไม่ได้ตอบอะไร ผมจึงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปลายคาง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินไปขึ้นลิฟต์ลงมาที่ลานจอดรถผมขับรถมาที่บ้านของพราวซึ่งเป็นเพื่อน
ไอ้หิรัญมองหน้าผมพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าผมขว้างโทรศัพท์ทิ้งไปแบบนั้น“มีเรื่องอะไร ?” ไอ้หิรัญถามผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วกัดฟันตอบ “เมียกูอยู่กับไอ้ติณ”“มันลักพาตัวเมียมึงไป ?”ผมส่ายหน้า ไอ้หิรัญจึงมองอย่างสงสัยแล้วถามต่อ “ถ้าไม่ได้ลักพาตัวไป แล้วเมียมึงจะไปอยู่กับมันได้ยังไง ?”“เมียกูเต็มใจไปกับมัน”“เชี้ย! ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”ที่ไอ้หิรัญพูดมาแบบนี้ก็เพราะว่าก่อนหน้าที่จะเจอริน ผมมีผู้หญิงคนหนึ่งที่รัก แต่เธอก็ทรยศผมด้วยการไปกับไอ้ติณผมเคยพูดและถามรินแล้วว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้นใช่ไหม เธอพูดพร้อมสัญญา แต่สุดท้ายเธอก็เลือกหนีผมไปอยู่กับมันการที่เธอหนีไปมันไม่เสียใจเท่ากับการที่ได้รู้ว่าเธออยู่กับใคร“เมื่อไหร่มันจะเลิกจองเวรมึงสักที เรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ”“ถ้ามันเชื่อกูว่าทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ มันคงไม่จองเวรกูถึงทุกวันนี้”เมื่อหลายปีก่อน พ่อของผมกับพ่อของน้ำมนต์และพ่อของไอ้ติณเป็นเพื่อนรักกัน ผม น้ำมนต์ แล้วก็ไอ้ติณโตมาพร้อมกัน เราสามคนสนิทกันมากจนกระทั่งวันที่พ่อของผมกับพ่อของน้ำมนต์และไอ้ติณไปคุยธุรกิจด้วยกันแล้วถูกลอบยิง วันนั้นพ่อของไอ้ติณเสียชีวิตเพราะรถพลิกคว
ฉันมองตามแผ่นหลังของคุณเหนือแล้วเฝ้าถามตัวเองว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันดีกับตัวเองแล้วจริงๆ หรือเปล่า ที่หนีออกมาโดยไม่ฟังเหตุผลอะไรของเขามันคือสิ่งที่ฉันต้องการใช่ไหมจู่ๆ หยดน้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง เขาไม่ควรตามฉันมาที่นี่ เขาไม่ควรมาทำให้ฉันรู้สึกสับสนและเจ็บปวดแบบนี้อีก“เธอร้องไห้ ?”คุณติณหันมามองฉันพร้อมกับปล่อยมือที่โอบเอวฉันออก“ฉันไม่ได้เลือดเย็นแบบคุณ” นี่คือคำตอบที่ฉันบอกเขา“หยุดร้องแล้วกลับไปที่ของเธอซะ”“คุณเหนือรู้แล้วว่าฉันอยู่กับคุณ เขาคงไม่มายุ่งอีก ฉันต้องการไปอยู่ที่อื่น”“ที่อื่น ? เธอหมายถึงที่ไหน หื้ม” ใบหน้าคมคายโน้มลงมา ฉันจึงรีบถอยห่าง“ฉัน….”“ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไปอยู่ที่คอนโด ฉันให้เธอเลือกแค่สองอย่าง”“ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ”“จุ๊ๆ” เขาใช้นิ้ววางลงมาบนริมฝีปากของฉัน “เธอยังมีประโยชน์กับฉัน คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระตอนนี้หรือไงเด็กโง่”“แต่คุณทำเขาขนาดนั้นแล้วนะ คุณยิงเขา ยังไม่สะใจอีกหรือไง”“อย่าพูดเหมือนฉันผิดแบบนั้นสิ ไม่ใช่เพราะเธอเลือกมาอยู่กับฉันหรือไง มันถึงกระเสือกกระสนรนมาหาถึงที่”“……” ใช่! มันเป็นเพราะฉันเอง คำพูดของคุณติณมันยิ่งตอ
กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังลังเลว่าจะไปหานาลินดีหรือเปล่า ทำให้ฉันหลุดออกจากวังวนความคิดของตัวเองแล้วก้มมองที่เบอร์โทรศัพท์ เป็นเบอร์ของพราวที่โทรเข้ามา ฉันจึงรีบกดรับ( ยัยริน แกหายไปไหนมาแล้วทำไมต้องปิดเครื่อง แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนรีบบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ )พอรับสายพราวก็ยิงคำถามกับฉันยาวเหยียด จนไม่รู้ว่าจะตอบข้อไหนก่อนดี( ฉันแค่อยากพักใจน่ะ ตอนนี้โอเคขึ้นมากแล้วขอโทษด้วยนะที่หายไปแบบนั้น )( แกรู้ไหมว่าคุณเหนือมาตามหาแกที่บ้านของฉันด้วยนะ แต่แปลกเมื่อสามวันก่อนฉันบังเอิญเจอเขาที่xx พอถามว่าเจอแกหรือยังเพราะฉันติดต่อไม่ได้ เขาก็เงียบแล้วรีบเดินหนีไปเลย )คำพูดของพราวมันทำให้ลมหายใจของฉันขาดหายไปบางช่วง ตอนนี้คุณเหนือตัดฉันออกไปแล้วจริงๆ อย่างที่ฉันตัดเขา( ฉันจบกับคุณเหนือแล้วพราว เราจบกันแล้ว )( ริน แกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม )( นาลินส่งข้อความมาบอกฉัน เธอบอกว่าอยากเจอฉันแกว่าฉันควรจะไปเจอดีไหมพราว )( ทำไมถึงอยากเจอล่ะ ที่ทำกับแกมันยังไม่พอใจอีกหรือไง ไม่คิดเลยว่านาลินจะร้ายกับแกขนาดนั้น )( ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน )( แล้วนี่แกจะทำยังไง จะตัดพี่ตัดน้องกับนาลินไปเลยใช่
คำพูดของพราวมันทำให้ฉันคิด ฉันอยากไปหาเขา แต่ในตอนนี้ฉันสามารถทำแบบนั้นได้อย่างนั้นเหรอ ในใจมันนึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าถ้าคุณเหนือเจอหน้าฉันแล้วเขาจะด่าจะไล่ เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาแล้วอีกอย่างในตอนนี้ฉันเลือกอยู่กับคุณติณแล้ว จะหนีผู้ชายคนนั้นได้ยังไง “แต่ฉันหนีเขาไปอยู่กับศัตรู ฉันนี่มันแย่จริงๆ อึก~”“ริน แกเอาแต่โทษตัวเองกับเรื่องที่ตัดสินใจพลาดไปแล้วมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ”“อึก~”“ตอนนี้น่ะ แกควรไปหาคุณเหนือ หยุดร้องไห้สักที”“ฉันไม่กล้า….”“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ทุกอย่างมันจบแค่นี้ แกกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”“…….”ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันควรจะทำยังไงดี ถ้าฉันไปหาคุณเหนือแล้วคุณติณรู้เข้า เขาจะทำอะไรคุณเหนือหรือเปล่า ฉันไม่อยากให้คุณเหนือต้องเจ็บตัวอีก แต่ก็อยากจะไปหาเขา อยากไปปรับความเข้าใจฉันมันโง่ที่เลือกแบบนั้น ถ้าฉันบอกกับคุณเหนือว่าเรื่องในคืนนั้นฉันรู้ความจริงหมดแล้วและพร้อมจะกลับมาเป็นคนรักของเขาเหมือนเดิม คุณเหนือจะช่วยฉันให้หลุดพ้นจากคุณติณได้ใช่ไหม…ในตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของคุณเหนือ เพราะติดต่อเขาไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าคุณเหนือไปทำงานหรือเปล่า ฉั
คำที่คุณเหนือพูดมันทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่มันเต้นเป็นจังหวะที่เจ็บปวด เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขากลับไปเป็นคนเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ที่เราเพิ่งรู้จักกัน สายตาของเขามันว่างเปล่า ไม่เหมือนกับตอนที่เคยบอกรักฉัน“กลับไปซะ!! เธอคงไม่อยากเห็นฉันใจร้ายไปมากกว่านี้”“…รินไม่ไป”“ไม่กลัวผู้ชายของเธอโกรธหรือไง ถ้าไอ้ติณมันรู้ว่าเธอมาที่นี่ คงจะโมโหเธออาจจะเจ็บตัว”“เขาไม่ใช่ผู้ชายของริน ทำไมต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วยคะ”“การที่เธอยอมไปอยู่กับมัน ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมให้มันทำอะไรต่อมิอะไรหรือไง”คุณเหนือใช้สายตาที่เย็นยะเยือกมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าสายตาของคุณเหนือมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง คำพูดของเขามันเหมือนกับกำลังดูถูกฉันอยู่ แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย มันรู้สึกผิดมากขึ้นด้วยซ้ำ “รินไม่ได้…”“กลับไปซะ!!”คุณเหนือจับแขนของฉันอีกครั้ง ก่อนจะกระชากแรงๆ ให้ฉันออกจากห้องนอนของตัวเอง และครั้งนี้มันได้ผล เพราะว่าฉันกำลังเหม่อลอย ไม่ทันได้คว้ามือจับอะไร พอคุณเหนือผลักฉันออกมาจากห้องได้เขาก็จะปิดประตู ฉันจึงรีบเขาแขนไปกันไว้ ทำให้แรงอัดกระแทกของประตูมันอัดมาที่แขนข
ฉันนั่งสงบสติอารมณ์ในรถของน้ำมนต์นานพอสมควรกว่าจะหยุดร้องไห้ได้“ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้” น้ำมนต์ถามขึ้นเมื่อสิ้นเสียงสะอื้นของฉัน“ฉันไม่ดีเอง ฉันทรยศคุณเหนือ”“ทรยศอะไรกัน ?” น้ำมนต์เธอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อฉันบอกไปแบบนั้น“เรื่องคืนนั้น ภาพที่ฉันเห็นมันไม่อาจจะทำใจได้ ฉันเลยตัดสินใจแบบโง่ๆ ด้วยการไปอยู่กับศัตรูของเขา” ฉันบอกปนเสียงสะอื้น “แต่ฉันเพิ่งมารู้จากปากของนาลินว่าคืนนั้นเธอตั้งใจทำให้ฉันกับคุณเหนือเข้าใจผิดกัน”“ศัตรูของเฮีย ?” พอบอกแบบนั้นน้ำมนต์ก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม นี่เธอไม่รู้เรื่องที่คุณเหนือมีศัตรูอย่างนั้นเหรอ“เธอหมายถึงใครอย่างนั้นเหรอริน” น้ำมนต์ถามอีกครั้ง“คุณติณ เขากับคุณเหนือ….”“…พะ พี่ติณเหรอ” จู่ๆ น้ำมนต์ก็ทำตาโตขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของคุณติณ จากนั้นเธอก็ถามต่อ “เธออยู่กับพี่ติณอย่างนั้นเหรอ”“ไม่หรอก ฉันขอเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโด ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเขา”“…….” ตอนนี้น้ำมนต์เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่สักอย่าง เธอเงียบไปไม่ได้ถามอะไรต่อส่วนฉันเองก็เงียบ ในหัวเริ่มคิดฟุ้งซ่านถึงคุณเหนืออีกครั้ง แต่คิดได้ไม่นานน้ำมนต์
ตอนนี้คุณเหนือคงพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เจอหน้าฉันอีก ต่างกับฉันที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คุณเหนือคนเดิมกลับมา“รินจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ” คุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อีกครั้งเมื่อได้ฟังคำตอบที่หนักแน่นของฉัน“ออกไปจากห้องทำงานของฉัน!!”“ไม่รินไม่ไป”“เธอไม่ไป ?” คุณเหนือไม่รอให้ฉันตอบ พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นฉันไปเอง”“ปะ ไปไหนคะ” ฉันรีบเดินมาดักหน้าประตูห้องไว้ ไม่ยอมให้คุณเหนือเปิดประตูออกไปได้กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของคุณเหนือดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายแถมยังเปิดลำโพงให้ฉันฟัง( ไหนคุณเหนือบอกว่าจะมาหาหนูไงคะ นี่คิดจะเบี้ยวนัดอีกแล้วใช่ไหม เป็นแบบนี้บ่อยๆ มันน่าน้อยใจนะคะ )ปลายสายเป็นผู้หญิง เธอยั่วยวนคุณเหนือเสียงหวาน ฉันที่ได้ยินก็ถึงกับใจสั่น ทำอะไรไม่ถูก รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมเขาถึงเปิดลำโพงให้ฉันได้ฟังด้วย เพราะปลายสายเป็นผู้หญิงนี่เอง( ฉันกำลังจะไป )หมับ! ฉันพุ่งปรี่ไปคว้าแย่งโทรศัพท์มาจากมือของคุณเหนือ แล้วพูดกับปลายสาย( เลิกยุ่งกับผู้ชายของฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยให้เขาไปหาเธอแน่!! )พูดจบฉันก็กดตัดสายพร้อมกับกำโทรศัพท์แน่น ส่วนคุณเหนือตอนนี้เขากำลังมองฉ
ฉันตั้งใจว่าจะไปหาพราวที่บ้านแต่จู่ๆ มันก็หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม และก็ไม่รู้ว่าคุณเหนือมายังไง เขารีบวิ่งมาประคองตัวฉันไว้ ทั้งที่บอกว่าจะออกไปบริษัทแท้ๆ“ไปหาหมอ”“ไม่เอาค่ะ รินไม่ได้เป็นอะไรมาก”“ทำไมถึงไม่ยอมไปหาหมอ เธอเป็นแบบนี้บ่อยเกินไปแล้วนะวาริน”“เดี๋ยวรินกับคุณเหนือก็ต่างคนต่างนอนคนละห้องตั้งหนึ่งเดือน อาการคงจะดีขึ้นค่ะเพราะรินได้พักผ่อนเต็มที่” ฉันพูดในเชิงประชดประชัน“ฝันไปเถอะ! แค่คืนเดียวฉันก็นอนไม่หลับ”“ไม่โกรธรินแล้วเหรอคะ ?” ฉันยิงคำถามใส่คุณเหนือก็ทำหน้างอนๆ นั่นแหละ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “คิดว่าฉันทำได้หรือไง คิดว่าฉันไม่สนใจเธอได้หรือไง”“เมื่อกี้คุณเหนือก็เมินริน”“ฉันน้อยใจเธอต่างหาก แต่เธอแม่งไม่ง้อ” คุณเหนือบอกจากนั้นก็อุ้มตัวฉันขึ้นพาเดินมาที่ห้องรับแขก แล้ววางฉันลงบนโซฟาแปลกเนอะ เมื่อกี้เรายังทำเมินใส่กันแต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถโกรธกันได้นานกว่านี้จริงๆ“ไปหาหมอได้ไหม รู้บ้างไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน” คุณเหนือแสดงความเป็นห่วงออกมาผ่านแววตาของเขา“งั้นหลังจากรับปริญญารินจะไปหาหมอนะคะ”“สัญญา ?”“ค่ะ ^_^” บางทีฉันก็คืดว่าตัวเองอารมณ์แปรปรวนแปลกๆ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ตอนนี้ฉันกับคุณเหนือกำลังนั่งกินข้าวที่บ้านคุณพ่อของคุณเหนือ ที่ผ่านมาฉันได้เจอกับท่านบ่อยๆ จึงทำให้ไม่รู้สึกเกร็งแล้ว“ฉันได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว ฤกษ์ดีที่สุดก็อีกสองเดือน”หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่ฉันใกล้จะได้แต่งงานแล้วหรอเนี่ย“แกก็พาหนูรินไปลองชุดเดี๋ยวต้องสั่งตัดชุดอีกคงใช้เวลานาน ส่วนเรื่องสถานที่ฉันจะจัดการให้เอง”“ครับพ่อ” คุณเหนือตอบก่อนจะหันมายิ้มกริ่มให้ฉัน“แล้วนี่พร้อมจะมีลูกเมื่อไหร่ ฉันว่าทำลูกมันซะตอนนี้เลยก็ดีเหมือนกันนะ ยังไงก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ฉันเองก็อยากเห็นหน้าหลานเร็วๆ”“อะ เอ่อคือเรื่องนั้นริน….”“ยังไม่พร้อมสินะ อืมๆ ฉันเข้าใจว่าการมีลูกมันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็อย่าให้มันนานจนเกินไปแล้วกัน”ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพ่อของคุณเหนือนั้นเข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไร แต่พอหันมองคุณเหนือก็ได้เห็นว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้ายักษ์ใส่ฉันอยู่“กินข้าวสิคะ” ฉันยิ้มแบบกวนๆ ให้คุณเหนือไปหนึ่งกรุบก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อหลังจากกินข้าวเสร็จแล้วฉันกับคุณเหนือก็อยู่คุยเรื่องงานแต่งต่อสักพัก ด้วยความที่ฉันไม่มีญาติที่ไหนแล้วจึงไม่ต้องไปคุยกับผู
วันเวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งในวันที่ฉันฝึกงานจบ จริงๆ ก็ไม่ได้ฝึกงานหรอก นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านซะมากกว่า พอฝึกงานจบแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่รับปริญญา วันนี้ฉันต้องเข้าไปทำธุระที่มหาวิทยาลัยด้วยไม่รู้ว่าคุณเหนือเป็นอะไรพอรู้ว่าฉันจะเข้าไปที่มหาวิทยาลัยก็ออกอาการงอแงบอกว่าจะไปด้วย จะรอที่รถ ซึ่งฉันเองก็นัดกับพราวไว้ว่าจะไปกับพราว“วันนี้รินเช็กตารางงานคุณเหนือกับพี่รุ้งแล้ว มีประชุมตอนเก้าโมงเช้านี่คะ จะไปกับรินได้ยังไง”“ไม่อยากให้ฉันไปด้วยถึงขนาดต้องโทรเช็กตารางงานเลยหรือไง” คุณเหนือชักสีหน้าใส่ฉัน มันใช่เรื่องหรือเปล่าเนี่ย นั่นงานของเขานะ“บอกเหตุผลมาได้ไหมคะว่าทำไมถึงอยากไปกับรินขนาดนั้น”“ก็หวง! อยากไปด้วยกลัวผู้ชายจะมายุ่งกับเมีย” คุณเหนือบอก เขาก้มหน้าลงแล้วทำแก้มป่อง น่าเอ็นดูจริงๆ พ่อคุณ“ให้รินใส่กระโปรงยาวจนถึงตาตุ่มแบบนี้ยังหวงอีกเหรอคะ” ฉันบอกพร้อมกับก้มมองกระโปรงที่ตัวเองใส่ มันยาวจนคลุมตาตุ่มเลยนะ ก็เพราะคุณเหนือนั่นแหละสั่งให้ใส่แบบนี้“เดี๋ยวฉันจะโทรไปเลื่อนประชุม” คุณเหนือทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ฉันจึงรีบค้านไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ แยกแยะหน่อยสิ”“แยกแยะแล้ว จะไป
#ภายในห้องตอนนี้เสื้อผ้าของฉันกับคุณเหนือถูกถอดและโยนทิ้งไว้บนพื้นจนมันกระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง“ให้รินทำให้นะคะ รินอยากทำให้คุณเหนือบ้าง” ฉันพูดอย่างยั่วยวนก่อนจะผลักร่างกำยำลงไปนอนราบกับเตียงฉันคลานเข่ามาขึ้นคร่อมคุณเหนือเอาไว้ พร้อมกับใช้มือกุมแก่นกายใหญ่ที่ค่อยๆ ขยายตัวจนล้นอุ้งมือของฉัน“ทำไมวันนี้เธอถึงอยากทำ ?” คุณเหนือเงยศีรษะขึ้นมาขมวดคิ้วถาม“รินอยากทำให้คุณเหนือติดใจรินไงคะ ^_^”“แค่เธอนอนเฉยๆ ฉันก็แทบจะคลั่งตาย อ๊า~”ฉันใช้มือชักรูดแก่นกายในขณะที่คุณเหนือกำลังพูดอย่างกลั่นแกล้ง นั่นจึงทำให้เขาเผลอร้องครางออกมา“รินยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”“มือเธอกำลังทำให้ฉันหมดแรง ซี๊ด~”“แล้วถ้ารินใช้ปากละคะ”ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวนก่อนจะก้มหน้าลงใช้ริมฝีปากสัมผัสกับแก่นกายใหญ่ รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เริ่มเกร็งของคุณเหนือในตอนที่ฉันตวัดปลายลิ้นเลียหยอกเย้าหัวเห็ดแดงก่ำ“ริน อ๊า~ เธอคิดจะฆ่าฉันหรือไง”“ชอบไหมคะ รินทำเก่งไหม”ฉันเงยหน้าขึ้นถามจากนั้นก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่แค่ลิ้น แต่ฉันใช้ริมฝีปากอุ่นร้อนครอบงำท่อนเนื้อดุ้นใหญ่แล้วอมให้ลึกจนขอบปากแนบชิดกับปลายโคนจากน
ถึงฉันจะเคยพูดว่ายังไม่พร้อม แต่พอมาถูกขอแต่งงานแบบนี้จะปฏิเสธลงได้ยังไงล่ะ คุณเหนือมัดมือชกกันชัดๆ เลย“อยากให้รินตอบตกลงใช่ไหมคะ” ฉันถามคุณเหนือเพราะคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ มันนึกอยากจะแกล้งเขาเล่นๆ“ทำขนาดนี้แล้วยังจะถามอีก”“ถ้าอย่างนั้นคุณเหนือก็ต้องลงไปแช่ในน้ำทะเลห้านาที แล้วรินจะตอบตกลง ^_^”คุณเหนือมองไปที่น้ำในทะเล “ตอนนี้?”“ก็ใช่ไงคะ ตอนนี้ ^_^”“ได้”คุณเหนือเก็บแหวนไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อแล้วเดินดุ่มๆ ไปอย่างไม่ลังเลตอนนี้บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ทะเลตอนกลางคืนนั้นน่ากลัว แต่คุณเหนือกลับทำตามคำสั่งของฉันอย่างไม่คิดลังเลอะไรเลย เป็นแบบนี้ใครจะไม่ใจอ่อนยอมแต่งงานด้วยกันล่ะ“อ่า! น้ำเย็นชะมัด” คุณเหนือพูดขึ้น เขานั่งแช่อยู่ในน้ำอย่างเด็ดเดี่ยว ถึงปากจะบ่นว่าน้ำเย็นก็ตาม“จริงๆ ถ้าคุณเหนือไม่ลงไปแช่ในน้ำทะเลแบบนั้นรินก็คงตอบตกลงอยู่แล้วนะคะ ^_^” ฉันบอก ทำให้ถูกคุณเหนือจ้องเขม็ง“เธอแกล้งฉัน?”“หลอกง่ายเหมือนกันนะเนี่ย”จบคำพูดของฉันคุณเหนือก็ลุกขึ้นมาจากน้ำ เขาเดินตรงมาที่ฉัน“คะ คุณเหนือจะทำอะไรคะ” ฉันถามพร้อมกับถอยหนี รู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้“ไม
หมับ! คุณเหนือรีบเดินตามมาคว้าแขนฉันเอาไว้ จากนั้นก็ก้าวขามาหยุดตรงหน้าของฉัน“ปล่อย! รินจะไปซื้อบิกินี่”“ก็บอกว่าไม่ให้ใส่”“รินจะใส่”“ก็ลองดูว่าซื้อมาแล้วจะได้ใส่หรือเปล่า”ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิด จากนั้นก็เมินหน้าหนีคุณเหนือ คิดว่าจะได้มาพักผ่อนแบบสบายใจ แต่กลับต้องมาหงุดหงิดแบบนี้ทำให้เสียบรรยากาศจริงๆ ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว อยากจะกลับไปกรุงเทพมันตอนนี้เลย“มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉันจะมองผู้ชายหรือผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาไม่ใช่หรือไง”“ค่ะมันไม่แปลก แต่การที่มองแล้วจ้องค้างแบบนั้นจะไม่ให้รินคิดอะไรคงไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าเกิดว่ามีผู้ชายเดินผ่านแล้วรินมองแบบที่คุณเหนือมองผู้หญิงสองคนนั้นล่ะคะ คุณเหนือก็คงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ”“ฉัน….”“ไม่ต้องมาเถียงหรอกค่ะ อีกอย่างผู้หญิงสองคนนั้นก็ส่งตาหวานเชื่อมให้ด้วยนิ หึ!”“โอเคต่อไปนี้ฉันจะไม่มองผู้หญิงคนไหน กลับไปกินข้าวก่อน ฉันหิวจนจะกินเธอได้ทั้งตัวอยู่แล้วนะ” คุณเหนือจับมือฉันหวังจะให้เดินตามตัวเอง แต่ฉันยังทำตัวแข็งทื่ออยู่ไม่ยอมขยับ“ไม่ค่ะ รินไม่กิน!!”“รินเธอจะงอนเอาเป็นเอาตายเลยหรือไง ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่ามองเลยนะ”
เช้าวันต่อมา….ฉันแทบจะลุกจากเตียงไม่ขึ้นเนื่องจากเมื่อคืนถูกทำโทษ กล่องถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วมันถูกทิ้งไว้เกลื่อนห้องไปหมดเลยตอนนี้โชคดีที่คุณเหนือไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยหมดทั้งแพ็กเพราะเขาเห็นใจฉัน แต่ก็หมดไปหลายกล่องเลย“ลุกขึ้นแต่งตัวสิ” คุณเหนือเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วบอกฉัน คิดว่าไปทำงานแล้วซะอีก“ไปไหนคะ รินลุกไม่ไหวหรอก”“ไปพัทยา”“หื้อ ไปทำไมคะ คุณเหนือมีงานที่นั่นเหรอคะ”“เปล่า ฉันจะพาเธอไปพักผ่อน”“ว่างเหรอคะ”“ฉันมีเวลาว่างให้เธอทั้งชีวิต” คุณเหนือบอกเสียงหวานจากนั้นก็เดินมาที่เตียงแล้วอุ้มฉันขึ้น“อื้อ อุ้มรินทำไมคะ”“จะพาไปอาบน้ำ เดินไม่ไหวไม่ใช่หรือไง”ฉันถามคุณเหนือเพราะมันรู้สึกเขิน ส่วนคุณเหนือเขาก็อุ้มฉันมาในห้องน้ำ แถมยังทำตัวน่ารักหวังจะถอดเสื้อออกให้ด้วย ฉันจึงรีบเบรกไว้ เพราะการให้คุณเหนือเห็นเรือนร่างมันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้“เดี๋ยวรินถอดเองค่ะ คุณเหนือไปรอข้างนอกนะคะ”“แต่ฉันอยากถอดให้เธอ” คุณเหนือบอกจากนั้นเขาก็โน้มใบหน้าลงมาจูบที่ต้นคอของฉันนี่อย่าบอกนะว่ากำลังจะเริ่มอีกแล้วน่ะ“หยุดนะคะ รินหมดแรงแล้ว”คุณเหนือหยุดชะงักพร้อมกับค่อยๆ ผละใบหน้าออก “
คุณเหนือแบกตัวของฉันมาที่ห้องนอน เขาไม่ยอมวางฉันลงไม่ว่าจะดิ้นแรงแค่ไหนตุบ! ร่างของฉันถูกโยนลงบนเตียง ย้ำนะคะว่าโยน ถึงเตียงมันจะนิ่มแต่ก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี“ทำไมต้องรุนแรงด้วยล่ะคะ” บอกตามตรงว่ามันเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง คุณเหนือจะวางฉันลงดีๆ ก็ได้นิ ไม่เห็นจำเป็นต้องโยนกันรุนแรงแบบนี้เลย“เธอพูดไม่ฟังเอง”“ก็คุณเหนือนั่นแหละงี่เง่า”“ฉันงี่เง่า ? งี่เง่าตรงไหน”“ก็ตรงที่ขี้น้อยใจเหมือนผู้หญิงไงล่ะคะ”โอเคฉันรู้แหละว่าการทะเลาะกันมันคือปัญหาปกติของชีวิตคู่ แต่ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้สักนิด แต่มันเหลืออดจริงๆคุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เขายกมือขึ้นมาเท้าเอวแล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เหอะ! เขาคิดว่าตัวเองหงุดหงิดเป็นคนเดียวหรือไง“เธอก็เลยประชดฉันด้วยวิธีนี้ว่างั้น ?”“ทำไมไม่ปล่อยให้รินเดินออกไปนอกบ้านล่ะคะ จะได้รู้ว่าประชดหรือเปล่า”“เสื้อชั้นในก็ไม่ใส่ ใส่แค่กางเกงในแบบนี้มั่นใจว่าเธอจะเดินออกไปที่สนามหญ้า”“ค่ะ รินจะไป”“วาริน!!”“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มขู่รินหรอกค่ะ คุณเหนือจะไปไหนก็ไม่บอกรินสักคำ แถมโทรไปไม่รับด้วย”“แต่เธอก็ไม่ควรทำแบบน
ฉันรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องเพื่อมาเอาโทรศัพท์กดโทรออกไปหาคุณเหนือ ไม่ได้จะโทรไปขอบคุณแต่จะโทรไปต่อว่าที่เขาใช้เงินมากมายซื้อของพวกนี้มา( ชอบของที่ฉันซื้อให้หรือเปล่า )พอฉันกดรับสายคุณเหนือก็ถามคำนี้ออกมา เขาดูจะมีความสุขไม่ได้เดือดร้อนที่เสียเงินไปมากมายมหาศาลเลยสักนิด เป็นฉันคนเดียวที่นึกเสียดาย( ไม่ชอบค่ะ )( ถ้าอย่างนั้นเธอชอบแบบไหน เดี๋ยวประชุมเสร็จฉันจะพาไปเลือกใหม่ )แทนที่จะหงุดหงิดหรือโกรธที่ฉันไม่ชอบ แต่คุณเหนือกลับอารมณ์ดีแถมจะพาฉันไม่เลือกใหม่อีกต่างหาก( รินไม่ชอบให้คุณเหนือใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนี้ )( ฟุ่มเฟือยที่ไหนกัน เงินแค่ไม่กี่สิบล้าน )( สะ สิบล้านเลยเหรอคะ )( ห้าสิบกว่าล้าน ) คุณเหนือตอบกลับมาทำให้ฉันแทบจะเป็นลมจนต้องจับขอบเตียงเพื่อพยุงตัวเองเขาพูดออกมาง่ายๆ คำว่าห้าสิบล้าน ไม่รู้สึกเสียดายบ้างหรือไง( ต่อไปนี้ห้ามใช้เงินแบบนี้อีกนะคะ รินอยากให้คุณเหนือเก็บเงินไว้ )( เดือนๆ หนึ่งบริษัทฉันได้กำไรร้อยกว่าล้าน ของพวกนั้นฉันตั้งใจอยากจะซื้อให้ แต่ถ้าเธอไม่ชอบจะเอาไปทิ้งในถังขยะฉันก็ไม่ว่าอะไร )( อย่ามาประชดกันแบบนี้นะคะคุณเหนือ )( ในเมื่อฉันตั้งใจจะให้แต่เธอไม่รับ จ