คำพูดของพราวมันทำให้ฉันคิด ฉันอยากไปหาเขา แต่ในตอนนี้ฉันสามารถทำแบบนั้นได้อย่างนั้นเหรอ ในใจมันนึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าถ้าคุณเหนือเจอหน้าฉันแล้วเขาจะด่าจะไล่ เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาแล้วอีกอย่างในตอนนี้ฉันเลือกอยู่กับคุณติณแล้ว จะหนีผู้ชายคนนั้นได้ยังไง “แต่ฉันหนีเขาไปอยู่กับศัตรู ฉันนี่มันแย่จริงๆ อึก~”“ริน แกเอาแต่โทษตัวเองกับเรื่องที่ตัดสินใจพลาดไปแล้วมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ”“อึก~”“ตอนนี้น่ะ แกควรไปหาคุณเหนือ หยุดร้องไห้สักที”“ฉันไม่กล้า….”“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ทุกอย่างมันจบแค่นี้ แกกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”“…….”ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันควรจะทำยังไงดี ถ้าฉันไปหาคุณเหนือแล้วคุณติณรู้เข้า เขาจะทำอะไรคุณเหนือหรือเปล่า ฉันไม่อยากให้คุณเหนือต้องเจ็บตัวอีก แต่ก็อยากจะไปหาเขา อยากไปปรับความเข้าใจฉันมันโง่ที่เลือกแบบนั้น ถ้าฉันบอกกับคุณเหนือว่าเรื่องในคืนนั้นฉันรู้ความจริงหมดแล้วและพร้อมจะกลับมาเป็นคนรักของเขาเหมือนเดิม คุณเหนือจะช่วยฉันให้หลุดพ้นจากคุณติณได้ใช่ไหม…ในตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของคุณเหนือ เพราะติดต่อเขาไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าคุณเหนือไปทำงานหรือเปล่า ฉั
คำที่คุณเหนือพูดมันทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่มันเต้นเป็นจังหวะที่เจ็บปวด เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขากลับไปเป็นคนเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ที่เราเพิ่งรู้จักกัน สายตาของเขามันว่างเปล่า ไม่เหมือนกับตอนที่เคยบอกรักฉัน“กลับไปซะ!! เธอคงไม่อยากเห็นฉันใจร้ายไปมากกว่านี้”“…รินไม่ไป”“ไม่กลัวผู้ชายของเธอโกรธหรือไง ถ้าไอ้ติณมันรู้ว่าเธอมาที่นี่ คงจะโมโหเธออาจจะเจ็บตัว”“เขาไม่ใช่ผู้ชายของริน ทำไมต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วยคะ”“การที่เธอยอมไปอยู่กับมัน ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมให้มันทำอะไรต่อมิอะไรหรือไง”คุณเหนือใช้สายตาที่เย็นยะเยือกมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าสายตาของคุณเหนือมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง คำพูดของเขามันเหมือนกับกำลังดูถูกฉันอยู่ แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย มันรู้สึกผิดมากขึ้นด้วยซ้ำ “รินไม่ได้…”“กลับไปซะ!!”คุณเหนือจับแขนของฉันอีกครั้ง ก่อนจะกระชากแรงๆ ให้ฉันออกจากห้องนอนของตัวเอง และครั้งนี้มันได้ผล เพราะว่าฉันกำลังเหม่อลอย ไม่ทันได้คว้ามือจับอะไร พอคุณเหนือผลักฉันออกมาจากห้องได้เขาก็จะปิดประตู ฉันจึงรีบเขาแขนไปกันไว้ ทำให้แรงอัดกระแทกของประตูมันอัดมาที่แขนข
ฉันนั่งสงบสติอารมณ์ในรถของน้ำมนต์นานพอสมควรกว่าจะหยุดร้องไห้ได้“ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้” น้ำมนต์ถามขึ้นเมื่อสิ้นเสียงสะอื้นของฉัน“ฉันไม่ดีเอง ฉันทรยศคุณเหนือ”“ทรยศอะไรกัน ?” น้ำมนต์เธอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อฉันบอกไปแบบนั้น“เรื่องคืนนั้น ภาพที่ฉันเห็นมันไม่อาจจะทำใจได้ ฉันเลยตัดสินใจแบบโง่ๆ ด้วยการไปอยู่กับศัตรูของเขา” ฉันบอกปนเสียงสะอื้น “แต่ฉันเพิ่งมารู้จากปากของนาลินว่าคืนนั้นเธอตั้งใจทำให้ฉันกับคุณเหนือเข้าใจผิดกัน”“ศัตรูของเฮีย ?” พอบอกแบบนั้นน้ำมนต์ก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม นี่เธอไม่รู้เรื่องที่คุณเหนือมีศัตรูอย่างนั้นเหรอ“เธอหมายถึงใครอย่างนั้นเหรอริน” น้ำมนต์ถามอีกครั้ง“คุณติณ เขากับคุณเหนือ….”“…พะ พี่ติณเหรอ” จู่ๆ น้ำมนต์ก็ทำตาโตขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของคุณติณ จากนั้นเธอก็ถามต่อ “เธออยู่กับพี่ติณอย่างนั้นเหรอ”“ไม่หรอก ฉันขอเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโด ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเขา”“…….” ตอนนี้น้ำมนต์เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่สักอย่าง เธอเงียบไปไม่ได้ถามอะไรต่อส่วนฉันเองก็เงียบ ในหัวเริ่มคิดฟุ้งซ่านถึงคุณเหนืออีกครั้ง แต่คิดได้ไม่นานน้ำมนต์
ตอนนี้คุณเหนือคงพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เจอหน้าฉันอีก ต่างกับฉันที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คุณเหนือคนเดิมกลับมา“รินจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ” คุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อีกครั้งเมื่อได้ฟังคำตอบที่หนักแน่นของฉัน“ออกไปจากห้องทำงานของฉัน!!”“ไม่รินไม่ไป”“เธอไม่ไป ?” คุณเหนือไม่รอให้ฉันตอบ พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นฉันไปเอง”“ปะ ไปไหนคะ” ฉันรีบเดินมาดักหน้าประตูห้องไว้ ไม่ยอมให้คุณเหนือเปิดประตูออกไปได้กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของคุณเหนือดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายแถมยังเปิดลำโพงให้ฉันฟัง( ไหนคุณเหนือบอกว่าจะมาหาหนูไงคะ นี่คิดจะเบี้ยวนัดอีกแล้วใช่ไหม เป็นแบบนี้บ่อยๆ มันน่าน้อยใจนะคะ )ปลายสายเป็นผู้หญิง เธอยั่วยวนคุณเหนือเสียงหวาน ฉันที่ได้ยินก็ถึงกับใจสั่น ทำอะไรไม่ถูก รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมเขาถึงเปิดลำโพงให้ฉันได้ฟังด้วย เพราะปลายสายเป็นผู้หญิงนี่เอง( ฉันกำลังจะไป )หมับ! ฉันพุ่งปรี่ไปคว้าแย่งโทรศัพท์มาจากมือของคุณเหนือ แล้วพูดกับปลายสาย( เลิกยุ่งกับผู้ชายของฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยให้เขาไปหาเธอแน่!! )พูดจบฉันก็กดตัดสายพร้อมกับกำโทรศัพท์แน่น ส่วนคุณเหนือตอนนี้เขากำลังมองฉ
ฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่ควรมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้ ฉันควรตามคุณเหนือไปสิพอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบใส่เสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกไปจากห้องทำงานของคุณเหนือ“พี่รุ้งคะ คุณเหนือไปไหนคะ”“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ เมื่อกี้คุณเหนือไม่ได้บอกไว้”เป็นแบบนี้แล้วฉันจะไปตามหาคุณเหนือได้จากที่ไหน ไม่ใช่ว่าเขาไปหาผู้หญิงคนนั้นหรอกเหรอ ผู้หญิงที่โทรมาน่ะฉันได้แต่เดินมานั่งลงบนโต๊ะของตัวเองด้วยความรู้สึกที่มันเจ็บปวดอีกครั้งแต่ไม่นานนักคุณเหนือก็เดินกลับมา ทำให้ฉันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาไม่ได้ไปหาใครแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่กลับมาเร็วขนาดนี้คุณเหนือเดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานของฉัน แล้วพูด“ฉันจะย้ายเธอให้กลับไปฝึกงานที่แผนกเดิม”ด้วยความที่พี่รุ้งนั่งอยู่ตรงนี้ฉันจึงไม่สามารถแย้งอะไรได้มาก“ทะ ทำไมล่ะคะ”“อยู่ตรงนี้มันรกหูรกตาฉัน”ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ อีกครั้ง คุณเหนือให้ฉันย้ายไปแผนกเดิมมันก็ยังดีกว่าเขาไล่ให้ฉันออกไปจากบริษัทเหมือนก่อนหน้านี้“ย้ายไปมามันจะดีเหรอคะคุณเหนือ” พี่รุ้งค้านขึ้นมา แต่คุณเหนือเขาไม่สนใจหรอก แถมยังไม่ตอบแล้วเดินกลับไปในห้องทำงานของตัวเอง“ระ ร
พอคุณเหนือสั่งงานลูกน้องเสร็จเขาก็เดินไปที่ห้องทำงาน ห้องทำงานของคุณเหนือจะอยู่ใกล้ๆ กับห้องรับแขก ฉันจึงรีบเดินตามถึงแม้ว่าตอนนี้จะกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนในสายตาของเขาแล้วก็ตาม#ภายในห้องทำงานคุณเหนือนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่เปิดเอกสารบนโต๊ะ ให้เขาไล่ฉันมันยังดีกว่าเงียบไปแบบนี้“เมื่อคืนคุณเหนือนอนที่ไหนเหรอคะ”พอเห็นว่าคุณเหนือเงียบฉันก็ถามต่ออีก “หิวไหมคะ รินไปทำข้าวต้มมาให้เอาไหม”ฉันกำชายเสื้อตัวเองแน่น การพูดอะไรออกไปแล้วไม่ได้รับคำตอบกลับมันช่างจุกแน่นอกดีจริงๆ“คุณเหนือบอกว่าจะไม่อยู่สามวัน จะไปไหนเหรอคะ”“……” คำตอบที่ได้กลับมาคือความเงียบสงัด ทำเอาฉันไปไม่เป็นเลยจริงๆฉันถามอะไรไปตั้งหลายอย่างแต่คุณเหนือไม่ตอบเลย ความเงียบของเขากำลังทำให้ฉันจะร้องไห้“…พูดกับรินหน่อยได้ไหมคะ” ฉันบอกออกไปอย่างอ้อนวอน ทั้งน้ำเสียงและแววตา“อย่าเงียบไปแบบนี้สิคะ รินไม่ชอบเลย” น้ำเสียงของฉันมันเริ่มสั่นเครือเพราะคุณเหนือไม่ยอมพูดอะไรจริงๆ“ถ้าอย่างนั้น ดะ เดี๋ยวรินไปทำข้าวต้มมาให้ดีกว่านะคะ”“ไม่ต้อง!!”ในที่สุดคุณเหนือก็ยอมปริปากพูดออกมา ถึงแม้จะเป็นคำตอบที่ดูจะรำคาญฉันเอามากๆ แต่พอได้ฟังมันก็ทำให
คุณเหนือเดินมาใกล้ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่ขาอีกข้างของฉันที่มันไม่เจ็บ จากนั้นก็ออกแรงดึง เขาทำแบบนั้นจริงๆ ทำให้ตัวฉันลากไปกับที่นอน ขาพาดลงมาที่ขอบเตียง“คนบ้า!! บอกว่าเจ็บไง” ฉันบอกอีกครั้ง แต่คุณเหนือยังทำเป็นหูทวนลมไม่โต้ตอบอะไร เขานั่งคุกเข่าลงตรงหน้า จากนั้นก็ใช้มือนวดคลึงเท้าข้างที่เจ็บให้“อะ โอ๊ย” ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อถูกนวดคลึงบริเวณที่ปวด จึงร้องออกมา มือกำผ้าปูที่นอนแน่นทำเป็นขรึมใส่ ทั้งที่ความจริงแล้วก็เป็นห่วงใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างนั้นจะมาสนใจนวดเท้าให้ฉันแบบนี้ทำไม“อ๊ะ จะ เจ็บค่ะ เบาๆ สิคะ”สังเกตเห็นว่าขณะที่กำลังนวดอยู่คุณเหนือก็ขบกรามแน่นไปด้วย เขาเป็นอะไรกัน หรือเป็นเพราะเสียงของฉันที่ทำให้เขาต้องอดกลั้นฉันอมยิ้มเมื่อคิดได้แบบนั้น จึงลองส่งเสียงดูอีกครั้ง และมันก็ใช่จริงๆ ด้วย ลมหายใจของคุณเหนือมันเริ่มเป็นจังหวะที่ถี่และรุนแรงขึ้น“อื้อ โอ้ย~ อ๊ะ” ฉันครางออกมาถ้าใครได้ฟังก็คงไม่คิดว่ากำลังนวดเท้าอยู่หรอก คงคิดไปเป็นอื่น“เจ็บจังเลยค่ะคุณเหนือ อื้อ~” ฉันพยายามเต็มที่ทั้งที่ความจริงเวลาเจ็บคงไม่ทำเสียงกระเส่าขนาดนี้“ซี๊ดดด~” ฉันซี๊ดปากแล้วเชิดหน้าขึ้น นี่ฉันข่มความอา
ยังจะถามอีกหรือไง เขาคิดว่าคำพูดที่ตัวเองพ่นออกมานั้นมันน่าฟังนักหรือยังไง ฉันแทบจะร้องไห้ทุกครั้งจริงๆ“ค่ะ รินรับไม่ได้ ทนฟังไม่ได้”“ทำไมไม่ยั่วต่อล่ะ ทำต่อสิฉันอยากจะรู้ว่าผู้หญิงอย่างเธอจะกล้าสักแค่ไหน”“มะ ไม่ค่ะ”“ทำไม” ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ๆ แล้วถามต่อ “กลัว ? หรือเพิ่งคิดได้ว่าได้กับไอ้ติณไปแล้วไม่ควรมาอ่อยผัวเก่าอย่างฉัน”คุณเหนือพูดแบบนี้อีกแล้ว เขาฝังใจเรื่องที่ฉันทำฉันเข้าใจ แต่ฉันไม่ชอบถ้าเขาจะคิดว่าฉันกับคุณติณมีอะไรกัน เพราะคุณเหนือน่าจะรู้ดีว่าฉันไม่ทำแบบนั้นแน่“รินเคยคิดว่าคุณเหนือรู้จักรินดีที่สุด แต่ตอนนี้ไม่เลย”“เธอไปอยู่กับมันขนาดนั้น จะให้ฉันคิดยังไง”“รินไม่ใช่เมียเก่าของคุณเหนือที่ชื่อลดา ที่จะยอมให้เขาทำเรื่องแบบนั้น”“ไม่ใช่แต่ก็ไม่ต่าง สุดท้ายเธอก็เลือกไปกับมัน” คุณเหนือค่อยๆ ลุกขึ้นไปจากตัวของฉันไม่ว่าฉันจะพูดยังไง ในหัวของคุณเหนือก็ยังคิดว่าฉันตกเป็นของคุณติณแล้วอยู่ดีคุณเหนือเดินออกไปจากห้องนอนของฉัน บอกตามตรงว่าฉันท้อเอามากๆ มองไม่ออกถึงอนาคตว่าความรักของเราทั้งคู่มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ฉันอาจจะยังเต็มที่ไม่พอ ง้อได้ไม่มากพอ แต่พอได้ฟังคำพูด