กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังลังเลว่าจะไปหานาลินดีหรือเปล่า ทำให้ฉันหลุดออกจากวังวนความคิดของตัวเองแล้วก้มมองที่เบอร์โทรศัพท์ เป็นเบอร์ของพราวที่โทรเข้ามา ฉันจึงรีบกดรับ( ยัยริน แกหายไปไหนมาแล้วทำไมต้องปิดเครื่อง แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนรีบบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ )พอรับสายพราวก็ยิงคำถามกับฉันยาวเหยียด จนไม่รู้ว่าจะตอบข้อไหนก่อนดี( ฉันแค่อยากพักใจน่ะ ตอนนี้โอเคขึ้นมากแล้วขอโทษด้วยนะที่หายไปแบบนั้น )( แกรู้ไหมว่าคุณเหนือมาตามหาแกที่บ้านของฉันด้วยนะ แต่แปลกเมื่อสามวันก่อนฉันบังเอิญเจอเขาที่xx พอถามว่าเจอแกหรือยังเพราะฉันติดต่อไม่ได้ เขาก็เงียบแล้วรีบเดินหนีไปเลย )คำพูดของพราวมันทำให้ลมหายใจของฉันขาดหายไปบางช่วง ตอนนี้คุณเหนือตัดฉันออกไปแล้วจริงๆ อย่างที่ฉันตัดเขา( ฉันจบกับคุณเหนือแล้วพราว เราจบกันแล้ว )( ริน แกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม )( นาลินส่งข้อความมาบอกฉัน เธอบอกว่าอยากเจอฉันแกว่าฉันควรจะไปเจอดีไหมพราว )( ทำไมถึงอยากเจอล่ะ ที่ทำกับแกมันยังไม่พอใจอีกหรือไง ไม่คิดเลยว่านาลินจะร้ายกับแกขนาดนั้น )( ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน )( แล้วนี่แกจะทำยังไง จะตัดพี่ตัดน้องกับนาลินไปเลยใช่
คำพูดของพราวมันทำให้ฉันคิด ฉันอยากไปหาเขา แต่ในตอนนี้ฉันสามารถทำแบบนั้นได้อย่างนั้นเหรอ ในใจมันนึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าถ้าคุณเหนือเจอหน้าฉันแล้วเขาจะด่าจะไล่ เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาแล้วอีกอย่างในตอนนี้ฉันเลือกอยู่กับคุณติณแล้ว จะหนีผู้ชายคนนั้นได้ยังไง “แต่ฉันหนีเขาไปอยู่กับศัตรู ฉันนี่มันแย่จริงๆ อึก~”“ริน แกเอาแต่โทษตัวเองกับเรื่องที่ตัดสินใจพลาดไปแล้วมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ”“อึก~”“ตอนนี้น่ะ แกควรไปหาคุณเหนือ หยุดร้องไห้สักที”“ฉันไม่กล้า….”“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ทุกอย่างมันจบแค่นี้ แกกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”“…….”ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันควรจะทำยังไงดี ถ้าฉันไปหาคุณเหนือแล้วคุณติณรู้เข้า เขาจะทำอะไรคุณเหนือหรือเปล่า ฉันไม่อยากให้คุณเหนือต้องเจ็บตัวอีก แต่ก็อยากจะไปหาเขา อยากไปปรับความเข้าใจฉันมันโง่ที่เลือกแบบนั้น ถ้าฉันบอกกับคุณเหนือว่าเรื่องในคืนนั้นฉันรู้ความจริงหมดแล้วและพร้อมจะกลับมาเป็นคนรักของเขาเหมือนเดิม คุณเหนือจะช่วยฉันให้หลุดพ้นจากคุณติณได้ใช่ไหม…ในตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของคุณเหนือ เพราะติดต่อเขาไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าคุณเหนือไปทำงานหรือเปล่า ฉั
คำที่คุณเหนือพูดมันทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่มันเต้นเป็นจังหวะที่เจ็บปวด เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขากลับไปเป็นคนเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ที่เราเพิ่งรู้จักกัน สายตาของเขามันว่างเปล่า ไม่เหมือนกับตอนที่เคยบอกรักฉัน“กลับไปซะ!! เธอคงไม่อยากเห็นฉันใจร้ายไปมากกว่านี้”“…รินไม่ไป”“ไม่กลัวผู้ชายของเธอโกรธหรือไง ถ้าไอ้ติณมันรู้ว่าเธอมาที่นี่ คงจะโมโหเธออาจจะเจ็บตัว”“เขาไม่ใช่ผู้ชายของริน ทำไมต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วยคะ”“การที่เธอยอมไปอยู่กับมัน ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมให้มันทำอะไรต่อมิอะไรหรือไง”คุณเหนือใช้สายตาที่เย็นยะเยือกมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าสายตาของคุณเหนือมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง คำพูดของเขามันเหมือนกับกำลังดูถูกฉันอยู่ แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย มันรู้สึกผิดมากขึ้นด้วยซ้ำ “รินไม่ได้…”“กลับไปซะ!!”คุณเหนือจับแขนของฉันอีกครั้ง ก่อนจะกระชากแรงๆ ให้ฉันออกจากห้องนอนของตัวเอง และครั้งนี้มันได้ผล เพราะว่าฉันกำลังเหม่อลอย ไม่ทันได้คว้ามือจับอะไร พอคุณเหนือผลักฉันออกมาจากห้องได้เขาก็จะปิดประตู ฉันจึงรีบเขาแขนไปกันไว้ ทำให้แรงอัดกระแทกของประตูมันอัดมาที่แขนข
ฉันนั่งสงบสติอารมณ์ในรถของน้ำมนต์นานพอสมควรกว่าจะหยุดร้องไห้ได้“ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้” น้ำมนต์ถามขึ้นเมื่อสิ้นเสียงสะอื้นของฉัน“ฉันไม่ดีเอง ฉันทรยศคุณเหนือ”“ทรยศอะไรกัน ?” น้ำมนต์เธอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อฉันบอกไปแบบนั้น“เรื่องคืนนั้น ภาพที่ฉันเห็นมันไม่อาจจะทำใจได้ ฉันเลยตัดสินใจแบบโง่ๆ ด้วยการไปอยู่กับศัตรูของเขา” ฉันบอกปนเสียงสะอื้น “แต่ฉันเพิ่งมารู้จากปากของนาลินว่าคืนนั้นเธอตั้งใจทำให้ฉันกับคุณเหนือเข้าใจผิดกัน”“ศัตรูของเฮีย ?” พอบอกแบบนั้นน้ำมนต์ก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม นี่เธอไม่รู้เรื่องที่คุณเหนือมีศัตรูอย่างนั้นเหรอ“เธอหมายถึงใครอย่างนั้นเหรอริน” น้ำมนต์ถามอีกครั้ง“คุณติณ เขากับคุณเหนือ….”“…พะ พี่ติณเหรอ” จู่ๆ น้ำมนต์ก็ทำตาโตขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของคุณติณ จากนั้นเธอก็ถามต่อ “เธออยู่กับพี่ติณอย่างนั้นเหรอ”“ไม่หรอก ฉันขอเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโด ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเขา”“…….” ตอนนี้น้ำมนต์เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่สักอย่าง เธอเงียบไปไม่ได้ถามอะไรต่อส่วนฉันเองก็เงียบ ในหัวเริ่มคิดฟุ้งซ่านถึงคุณเหนืออีกครั้ง แต่คิดได้ไม่นานน้ำมนต์
ตอนนี้คุณเหนือคงพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เจอหน้าฉันอีก ต่างกับฉันที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คุณเหนือคนเดิมกลับมา“รินจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ” คุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อีกครั้งเมื่อได้ฟังคำตอบที่หนักแน่นของฉัน“ออกไปจากห้องทำงานของฉัน!!”“ไม่รินไม่ไป”“เธอไม่ไป ?” คุณเหนือไม่รอให้ฉันตอบ พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นฉันไปเอง”“ปะ ไปไหนคะ” ฉันรีบเดินมาดักหน้าประตูห้องไว้ ไม่ยอมให้คุณเหนือเปิดประตูออกไปได้กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของคุณเหนือดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายแถมยังเปิดลำโพงให้ฉันฟัง( ไหนคุณเหนือบอกว่าจะมาหาหนูไงคะ นี่คิดจะเบี้ยวนัดอีกแล้วใช่ไหม เป็นแบบนี้บ่อยๆ มันน่าน้อยใจนะคะ )ปลายสายเป็นผู้หญิง เธอยั่วยวนคุณเหนือเสียงหวาน ฉันที่ได้ยินก็ถึงกับใจสั่น ทำอะไรไม่ถูก รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมเขาถึงเปิดลำโพงให้ฉันได้ฟังด้วย เพราะปลายสายเป็นผู้หญิงนี่เอง( ฉันกำลังจะไป )หมับ! ฉันพุ่งปรี่ไปคว้าแย่งโทรศัพท์มาจากมือของคุณเหนือ แล้วพูดกับปลายสาย( เลิกยุ่งกับผู้ชายของฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยให้เขาไปหาเธอแน่!! )พูดจบฉันก็กดตัดสายพร้อมกับกำโทรศัพท์แน่น ส่วนคุณเหนือตอนนี้เขากำลังมองฉ
ฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่ควรมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้ ฉันควรตามคุณเหนือไปสิพอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบใส่เสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกไปจากห้องทำงานของคุณเหนือ“พี่รุ้งคะ คุณเหนือไปไหนคะ”“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ เมื่อกี้คุณเหนือไม่ได้บอกไว้”เป็นแบบนี้แล้วฉันจะไปตามหาคุณเหนือได้จากที่ไหน ไม่ใช่ว่าเขาไปหาผู้หญิงคนนั้นหรอกเหรอ ผู้หญิงที่โทรมาน่ะฉันได้แต่เดินมานั่งลงบนโต๊ะของตัวเองด้วยความรู้สึกที่มันเจ็บปวดอีกครั้งแต่ไม่นานนักคุณเหนือก็เดินกลับมา ทำให้ฉันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาไม่ได้ไปหาใครแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่กลับมาเร็วขนาดนี้คุณเหนือเดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานของฉัน แล้วพูด“ฉันจะย้ายเธอให้กลับไปฝึกงานที่แผนกเดิม”ด้วยความที่พี่รุ้งนั่งอยู่ตรงนี้ฉันจึงไม่สามารถแย้งอะไรได้มาก“ทะ ทำไมล่ะคะ”“อยู่ตรงนี้มันรกหูรกตาฉัน”ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ อีกครั้ง คุณเหนือให้ฉันย้ายไปแผนกเดิมมันก็ยังดีกว่าเขาไล่ให้ฉันออกไปจากบริษัทเหมือนก่อนหน้านี้“ย้ายไปมามันจะดีเหรอคะคุณเหนือ” พี่รุ้งค้านขึ้นมา แต่คุณเหนือเขาไม่สนใจหรอก แถมยังไม่ตอบแล้วเดินกลับไปในห้องทำงานของตัวเอง“ระ ร
พอคุณเหนือสั่งงานลูกน้องเสร็จเขาก็เดินไปที่ห้องทำงาน ห้องทำงานของคุณเหนือจะอยู่ใกล้ๆ กับห้องรับแขก ฉันจึงรีบเดินตามถึงแม้ว่าตอนนี้จะกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนในสายตาของเขาแล้วก็ตาม#ภายในห้องทำงานคุณเหนือนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่เปิดเอกสารบนโต๊ะ ให้เขาไล่ฉันมันยังดีกว่าเงียบไปแบบนี้“เมื่อคืนคุณเหนือนอนที่ไหนเหรอคะ”พอเห็นว่าคุณเหนือเงียบฉันก็ถามต่ออีก “หิวไหมคะ รินไปทำข้าวต้มมาให้เอาไหม”ฉันกำชายเสื้อตัวเองแน่น การพูดอะไรออกไปแล้วไม่ได้รับคำตอบกลับมันช่างจุกแน่นอกดีจริงๆ“คุณเหนือบอกว่าจะไม่อยู่สามวัน จะไปไหนเหรอคะ”“……” คำตอบที่ได้กลับมาคือความเงียบสงัด ทำเอาฉันไปไม่เป็นเลยจริงๆฉันถามอะไรไปตั้งหลายอย่างแต่คุณเหนือไม่ตอบเลย ความเงียบของเขากำลังทำให้ฉันจะร้องไห้“…พูดกับรินหน่อยได้ไหมคะ” ฉันบอกออกไปอย่างอ้อนวอน ทั้งน้ำเสียงและแววตา“อย่าเงียบไปแบบนี้สิคะ รินไม่ชอบเลย” น้ำเสียงของฉันมันเริ่มสั่นเครือเพราะคุณเหนือไม่ยอมพูดอะไรจริงๆ“ถ้าอย่างนั้น ดะ เดี๋ยวรินไปทำข้าวต้มมาให้ดีกว่านะคะ”“ไม่ต้อง!!”ในที่สุดคุณเหนือก็ยอมปริปากพูดออกมา ถึงแม้จะเป็นคำตอบที่ดูจะรำคาญฉันเอามากๆ แต่พอได้ฟังมันก็ทำให
คุณเหนือเดินมาใกล้ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่ขาอีกข้างของฉันที่มันไม่เจ็บ จากนั้นก็ออกแรงดึง เขาทำแบบนั้นจริงๆ ทำให้ตัวฉันลากไปกับที่นอน ขาพาดลงมาที่ขอบเตียง“คนบ้า!! บอกว่าเจ็บไง” ฉันบอกอีกครั้ง แต่คุณเหนือยังทำเป็นหูทวนลมไม่โต้ตอบอะไร เขานั่งคุกเข่าลงตรงหน้า จากนั้นก็ใช้มือนวดคลึงเท้าข้างที่เจ็บให้“อะ โอ๊ย” ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อถูกนวดคลึงบริเวณที่ปวด จึงร้องออกมา มือกำผ้าปูที่นอนแน่นทำเป็นขรึมใส่ ทั้งที่ความจริงแล้วก็เป็นห่วงใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างนั้นจะมาสนใจนวดเท้าให้ฉันแบบนี้ทำไม“อ๊ะ จะ เจ็บค่ะ เบาๆ สิคะ”สังเกตเห็นว่าขณะที่กำลังนวดอยู่คุณเหนือก็ขบกรามแน่นไปด้วย เขาเป็นอะไรกัน หรือเป็นเพราะเสียงของฉันที่ทำให้เขาต้องอดกลั้นฉันอมยิ้มเมื่อคิดได้แบบนั้น จึงลองส่งเสียงดูอีกครั้ง และมันก็ใช่จริงๆ ด้วย ลมหายใจของคุณเหนือมันเริ่มเป็นจังหวะที่ถี่และรุนแรงขึ้น“อื้อ โอ้ย~ อ๊ะ” ฉันครางออกมาถ้าใครได้ฟังก็คงไม่คิดว่ากำลังนวดเท้าอยู่หรอก คงคิดไปเป็นอื่น“เจ็บจังเลยค่ะคุณเหนือ อื้อ~” ฉันพยายามเต็มที่ทั้งที่ความจริงเวลาเจ็บคงไม่ทำเสียงกระเส่าขนาดนี้“ซี๊ดดด~” ฉันซี๊ดปากแล้วเชิดหน้าขึ้น นี่ฉันข่มความอา