ฉันปิดเครื่องโทรศัพท์เพื่อไม่ให้คุณเหนือโทรตามได้ ตลอดทางที่คุณติณขับรถไปเขาเงียบไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำผู้ชายคนนี้ก็เย็นชาไม่ต่างจากคุณเหนือ ฉันอยากจะรู้เหตุผลที่เขามีปัญหากันจัง#คฤหาสน์หลังใหญ่คุณติณพาฉันเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง ความใหญ่โตคงไม่ต้องพูดถึง“จะให้รินอยู่ที่บ้านหลังนี้เหรอคะ” ฉันถามเมื่อลงจากรถแล้ว“หรือเธออยากจะอยู่คอนโดให้ไอ้เหนือมันมาตาม ?”พอถูกถามแบบนั้นฉันเองก็เงียบ เพราะรู้สึกว่าถ้าได้ไปอยู่ที่คอนโดจริงๆ คงไม่ปลอดภัย“ที่นี่มีเรือนเล็กอีกหลังฉันจะให้เธอไปอยู่ที่เรือนเล็กก็แล้วกัน”“…ค่ะ”“ถ้าไอ้เหนือมันรู้ว่าเธออยู่กับฉันคงจะขาดใจตาย หึ!” เขาเค้นหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่มีความสุข “ตามฉันมาสิ”คุณติณเดินนำไป ส่วนฉันก็รีบเดินตามเขา ในตอนนี้ฉันได้แต่พูดย้ำๆ กับตัวเองในใจว่าคิดถูกแล้วที่หนีมาแบบนี้ เพราะอยู่ต่อไปมันก็มีแต่เจ็บปวดบ้านหลังนี้จะมีเรือนเล็กที่คุณติณว่า เรือนเล็กแยกออกห่างจากตัวบ้านไม่ได้ไกลมาก“นี่กุญแจ ถ้าต้องการอะไรก็โทรมาบอกฉัน ฉันจะให้ลูกน้องจัดการให้” เขายื่นกุญแจบ้านมาให้เมื่อเดินมาหยุดที่หน้าประตู“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยริน”“ฉ
“นี่คุณเหนือไม่รู้อะไรเลยเหรอคะ ?”ผมพุ่งปรี่เข้ามาประชิดตัวเธอแล้วใช้มือบีบปลายคางของเธอไว้แน่น พร้อมกับจ้องเขม็ง“อื้อ คะ คุณเหนือ”“ใครคือคนรักของริน ถ้าเธอคิดจะโกหกฉัน ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”“…….”“ฉันไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อเธอก็โกหกฉันดูสิ ชีวิตของเธอจะได้พังเพราะปาก ฉันช่วยเธอได้ ฉันก็ทำลายเธอได้เหมือนกัน ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของวารินเมียของฉัน คิดหรือไงว่าฉันจะปล่อยเธอให้มายืนหายใจอยู่แบบนี้!!”“มะ ไม่มีค่ะ พะ พี่รินไม่มีใครทั้งนั้นค่ะ” นาลินเธอบอกผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตัวของเธอสั่นระริกๆ เหมือนว่ากำลังกลัวที่ผมพูดเอามากๆ“แล้วทำไมเธอถึงบอกแบบนั้น ?”“……”“ฉันถาม!!”“หนูอยากให้คุณเหนือหันมาสนใจหนูบ้างนี่คะ”“ฉันไม่เคยสนใจเธอ ไม่คิดจะสนใจ เธอไม่มีอะไรที่เทียบกับรินได้สักอย่าง หยุดความคิดของเธอแล้วไปบอกรินซะว่าคืนนั้นเธอตั้งใจทำให้รินเข้าใจผิด”“……”“เธอไม่ควรทำร้ายพี่สาวมากขนาดนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ารินพยายามช่วยเธอทุกอย่าง แต่กลับเนรคุณ”“…….”เธอไม่ได้ตอบอะไร ผมจึงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปลายคาง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินไปขึ้นลิฟต์ลงมาที่ลานจอดรถผมขับรถมาที่บ้านของพราวซึ่งเป็นเพื่อน
ไอ้หิรัญมองหน้าผมพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าผมขว้างโทรศัพท์ทิ้งไปแบบนั้น“มีเรื่องอะไร ?” ไอ้หิรัญถามผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วกัดฟันตอบ “เมียกูอยู่กับไอ้ติณ”“มันลักพาตัวเมียมึงไป ?”ผมส่ายหน้า ไอ้หิรัญจึงมองอย่างสงสัยแล้วถามต่อ “ถ้าไม่ได้ลักพาตัวไป แล้วเมียมึงจะไปอยู่กับมันได้ยังไง ?”“เมียกูเต็มใจไปกับมัน”“เชี้ย! ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”ที่ไอ้หิรัญพูดมาแบบนี้ก็เพราะว่าก่อนหน้าที่จะเจอริน ผมมีผู้หญิงคนหนึ่งที่รัก แต่เธอก็ทรยศผมด้วยการไปกับไอ้ติณผมเคยพูดและถามรินแล้วว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้นใช่ไหม เธอพูดพร้อมสัญญา แต่สุดท้ายเธอก็เลือกหนีผมไปอยู่กับมันการที่เธอหนีไปมันไม่เสียใจเท่ากับการที่ได้รู้ว่าเธออยู่กับใคร“เมื่อไหร่มันจะเลิกจองเวรมึงสักที เรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ”“ถ้ามันเชื่อกูว่าทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ มันคงไม่จองเวรกูถึงทุกวันนี้”เมื่อหลายปีก่อน พ่อของผมกับพ่อของน้ำมนต์และพ่อของไอ้ติณเป็นเพื่อนรักกัน ผม น้ำมนต์ แล้วก็ไอ้ติณโตมาพร้อมกัน เราสามคนสนิทกันมากจนกระทั่งวันที่พ่อของผมกับพ่อของน้ำมนต์และไอ้ติณไปคุยธุรกิจด้วยกันแล้วถูกลอบยิง วันนั้นพ่อของไอ้ติณเสียชีวิตเพราะรถพลิกคว
ฉันมองตามแผ่นหลังของคุณเหนือแล้วเฝ้าถามตัวเองว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันดีกับตัวเองแล้วจริงๆ หรือเปล่า ที่หนีออกมาโดยไม่ฟังเหตุผลอะไรของเขามันคือสิ่งที่ฉันต้องการใช่ไหมจู่ๆ หยดน้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง เขาไม่ควรตามฉันมาที่นี่ เขาไม่ควรมาทำให้ฉันรู้สึกสับสนและเจ็บปวดแบบนี้อีก“เธอร้องไห้ ?”คุณติณหันมามองฉันพร้อมกับปล่อยมือที่โอบเอวฉันออก“ฉันไม่ได้เลือดเย็นแบบคุณ” นี่คือคำตอบที่ฉันบอกเขา“หยุดร้องแล้วกลับไปที่ของเธอซะ”“คุณเหนือรู้แล้วว่าฉันอยู่กับคุณ เขาคงไม่มายุ่งอีก ฉันต้องการไปอยู่ที่อื่น”“ที่อื่น ? เธอหมายถึงที่ไหน หื้ม” ใบหน้าคมคายโน้มลงมา ฉันจึงรีบถอยห่าง“ฉัน….”“ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไปอยู่ที่คอนโด ฉันให้เธอเลือกแค่สองอย่าง”“ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ”“จุ๊ๆ” เขาใช้นิ้ววางลงมาบนริมฝีปากของฉัน “เธอยังมีประโยชน์กับฉัน คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระตอนนี้หรือไงเด็กโง่”“แต่คุณทำเขาขนาดนั้นแล้วนะ คุณยิงเขา ยังไม่สะใจอีกหรือไง”“อย่าพูดเหมือนฉันผิดแบบนั้นสิ ไม่ใช่เพราะเธอเลือกมาอยู่กับฉันหรือไง มันถึงกระเสือกกระสนรนมาหาถึงที่”“……” ใช่! มันเป็นเพราะฉันเอง คำพูดของคุณติณมันยิ่งตอ
กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังลังเลว่าจะไปหานาลินดีหรือเปล่า ทำให้ฉันหลุดออกจากวังวนความคิดของตัวเองแล้วก้มมองที่เบอร์โทรศัพท์ เป็นเบอร์ของพราวที่โทรเข้ามา ฉันจึงรีบกดรับ( ยัยริน แกหายไปไหนมาแล้วทำไมต้องปิดเครื่อง แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนรีบบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ )พอรับสายพราวก็ยิงคำถามกับฉันยาวเหยียด จนไม่รู้ว่าจะตอบข้อไหนก่อนดี( ฉันแค่อยากพักใจน่ะ ตอนนี้โอเคขึ้นมากแล้วขอโทษด้วยนะที่หายไปแบบนั้น )( แกรู้ไหมว่าคุณเหนือมาตามหาแกที่บ้านของฉันด้วยนะ แต่แปลกเมื่อสามวันก่อนฉันบังเอิญเจอเขาที่xx พอถามว่าเจอแกหรือยังเพราะฉันติดต่อไม่ได้ เขาก็เงียบแล้วรีบเดินหนีไปเลย )คำพูดของพราวมันทำให้ลมหายใจของฉันขาดหายไปบางช่วง ตอนนี้คุณเหนือตัดฉันออกไปแล้วจริงๆ อย่างที่ฉันตัดเขา( ฉันจบกับคุณเหนือแล้วพราว เราจบกันแล้ว )( ริน แกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม )( นาลินส่งข้อความมาบอกฉัน เธอบอกว่าอยากเจอฉันแกว่าฉันควรจะไปเจอดีไหมพราว )( ทำไมถึงอยากเจอล่ะ ที่ทำกับแกมันยังไม่พอใจอีกหรือไง ไม่คิดเลยว่านาลินจะร้ายกับแกขนาดนั้น )( ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน )( แล้วนี่แกจะทำยังไง จะตัดพี่ตัดน้องกับนาลินไปเลยใช่
คำพูดของพราวมันทำให้ฉันคิด ฉันอยากไปหาเขา แต่ในตอนนี้ฉันสามารถทำแบบนั้นได้อย่างนั้นเหรอ ในใจมันนึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าถ้าคุณเหนือเจอหน้าฉันแล้วเขาจะด่าจะไล่ เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาแล้วอีกอย่างในตอนนี้ฉันเลือกอยู่กับคุณติณแล้ว จะหนีผู้ชายคนนั้นได้ยังไง “แต่ฉันหนีเขาไปอยู่กับศัตรู ฉันนี่มันแย่จริงๆ อึก~”“ริน แกเอาแต่โทษตัวเองกับเรื่องที่ตัดสินใจพลาดไปแล้วมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ”“อึก~”“ตอนนี้น่ะ แกควรไปหาคุณเหนือ หยุดร้องไห้สักที”“ฉันไม่กล้า….”“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ทุกอย่างมันจบแค่นี้ แกกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”“…….”ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันควรจะทำยังไงดี ถ้าฉันไปหาคุณเหนือแล้วคุณติณรู้เข้า เขาจะทำอะไรคุณเหนือหรือเปล่า ฉันไม่อยากให้คุณเหนือต้องเจ็บตัวอีก แต่ก็อยากจะไปหาเขา อยากไปปรับความเข้าใจฉันมันโง่ที่เลือกแบบนั้น ถ้าฉันบอกกับคุณเหนือว่าเรื่องในคืนนั้นฉันรู้ความจริงหมดแล้วและพร้อมจะกลับมาเป็นคนรักของเขาเหมือนเดิม คุณเหนือจะช่วยฉันให้หลุดพ้นจากคุณติณได้ใช่ไหม…ในตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของคุณเหนือ เพราะติดต่อเขาไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าคุณเหนือไปทำงานหรือเปล่า ฉั
คำที่คุณเหนือพูดมันทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่มันเต้นเป็นจังหวะที่เจ็บปวด เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขากลับไปเป็นคนเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ที่เราเพิ่งรู้จักกัน สายตาของเขามันว่างเปล่า ไม่เหมือนกับตอนที่เคยบอกรักฉัน“กลับไปซะ!! เธอคงไม่อยากเห็นฉันใจร้ายไปมากกว่านี้”“…รินไม่ไป”“ไม่กลัวผู้ชายของเธอโกรธหรือไง ถ้าไอ้ติณมันรู้ว่าเธอมาที่นี่ คงจะโมโหเธออาจจะเจ็บตัว”“เขาไม่ใช่ผู้ชายของริน ทำไมต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วยคะ”“การที่เธอยอมไปอยู่กับมัน ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมให้มันทำอะไรต่อมิอะไรหรือไง”คุณเหนือใช้สายตาที่เย็นยะเยือกมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าสายตาของคุณเหนือมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง คำพูดของเขามันเหมือนกับกำลังดูถูกฉันอยู่ แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย มันรู้สึกผิดมากขึ้นด้วยซ้ำ “รินไม่ได้…”“กลับไปซะ!!”คุณเหนือจับแขนของฉันอีกครั้ง ก่อนจะกระชากแรงๆ ให้ฉันออกจากห้องนอนของตัวเอง และครั้งนี้มันได้ผล เพราะว่าฉันกำลังเหม่อลอย ไม่ทันได้คว้ามือจับอะไร พอคุณเหนือผลักฉันออกมาจากห้องได้เขาก็จะปิดประตู ฉันจึงรีบเขาแขนไปกันไว้ ทำให้แรงอัดกระแทกของประตูมันอัดมาที่แขนข
ฉันนั่งสงบสติอารมณ์ในรถของน้ำมนต์นานพอสมควรกว่าจะหยุดร้องไห้ได้“ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้” น้ำมนต์ถามขึ้นเมื่อสิ้นเสียงสะอื้นของฉัน“ฉันไม่ดีเอง ฉันทรยศคุณเหนือ”“ทรยศอะไรกัน ?” น้ำมนต์เธอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อฉันบอกไปแบบนั้น“เรื่องคืนนั้น ภาพที่ฉันเห็นมันไม่อาจจะทำใจได้ ฉันเลยตัดสินใจแบบโง่ๆ ด้วยการไปอยู่กับศัตรูของเขา” ฉันบอกปนเสียงสะอื้น “แต่ฉันเพิ่งมารู้จากปากของนาลินว่าคืนนั้นเธอตั้งใจทำให้ฉันกับคุณเหนือเข้าใจผิดกัน”“ศัตรูของเฮีย ?” พอบอกแบบนั้นน้ำมนต์ก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม นี่เธอไม่รู้เรื่องที่คุณเหนือมีศัตรูอย่างนั้นเหรอ“เธอหมายถึงใครอย่างนั้นเหรอริน” น้ำมนต์ถามอีกครั้ง“คุณติณ เขากับคุณเหนือ….”“…พะ พี่ติณเหรอ” จู่ๆ น้ำมนต์ก็ทำตาโตขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของคุณติณ จากนั้นเธอก็ถามต่อ “เธออยู่กับพี่ติณอย่างนั้นเหรอ”“ไม่หรอก ฉันขอเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโด ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเขา”“…….” ตอนนี้น้ำมนต์เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่สักอย่าง เธอเงียบไปไม่ได้ถามอะไรต่อส่วนฉันเองก็เงียบ ในหัวเริ่มคิดฟุ้งซ่านถึงคุณเหนืออีกครั้ง แต่คิดได้ไม่นานน้ำมนต์
10 เดือนผ่านไปตอนนี้ฉันกำลังนอนให้นมลูกอยู่ในห้อง พ่อกับแม่เพิ่งมาเยี่ยมแล้วกลับไปนี่เอง ส่วนพี่ติณเขามีประชุมที่บริษัท น้ำอิงลูกสาวของฉันตอนนี้ได้สิบเดือนแล้ว นั่งได้คลานได้ ตอนนี้กำลังหัดเดินแต่ยังเดินเป็นก้าวๆ ไม่ได้ต้องคอยจับ เวลาพูดอะไรเขาก็จะมองๆ พอเข้าใจบ้าง ยิ่งเวลาดื้อแล้วถูกดุนี่นะมองหาพ่อก่อนเลย พอเห็นพ่อก็จะร้องไห้ใหญ่ เอาแต่ใจใช่เล่นเลยแหละตอนนี้น้ำอิงอ้วนจ้ำม่ำมากๆ เลย เพื่อนๆ ของฉันต่างเอ็นดูความจ้ำม่ำจนต้องแวะเวียนกันมาคอยเล่นกับหลานบ่อยๆ พี่ติณก็ติดลูกมากๆ ตั้งแต่คลอดเขาเอางานมาทำที่บ้าน จะเข้าบริษัทก็แค่ตอนมีประชุม แถมพวกผ้าอ้อมของลูกแล้วก็เสื้อผ้าพี่ติณเป็นคนซักเองหมด ฉันมีหน้าที่แค่นอนให้นมลูกอย่างเดียวเลย พอให้นมลูกสาวของฉันก็หลับคาอก ฉันค่อยๆ ประคองตัวลูกอย่างเบามือเอามานอนที่เปล เป็นเปลไกวแบบไฟฟ้าพี่ติณซื้อเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าไกวเองแล้วฉันจะปวดแขน กริ้ง~ พอเอาลูกนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันรู้ได้ทันทีว่าคนที่โทรมาต้องเป็นพี่ติณแน่ๆ “ลูกหลับแล้วค่ะ” พอรับสายฉันก็รีบกระซิบบอก พี่ติณโทรมาแบบวีดีโอคลอ(ขอดูหน้าลูกหน่อย) เป็นแบบนี้ประจำเวลาที่ออกไปบริษัทถึง
#ภายในห้อง ตกดึกตอนนี้พี่ติณเริ่มงอแงหนักขึ้นเพราะว่าฉันไม่ยอมให้ทำเรื่องบนเตียงจริงๆ “ทำเบาๆ แค่เอาถูๆ ก็ได้” พี่ติณล้มมานอนบนตักของฉันแล้วพูดอ้อน “ไม่ค่ะ” “ถูๆ เองไม่เอาใส่เข้าไป”“หนูบอกว่าไม่เอาไง”“จะเอาๆ” “ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องหนูจะงดไปสองเดือนเลยนะคะ” ฉันยื่นคำขาดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทำให้พี่ติณปิดปากเงียบแต่สายตาของเขากำลังมองค้อนฉันอยู่ “ไม่เป็นห่วงลูกเลยหรือไงคะ” “เป็นห่วงแต่พ่อมันก็หิวเป็นเหมือนกัน”“ใช้มือช่วยตัวเองไปก่อนก็ได้”“ไม่ชอบ ชอบทำในตัวเธอมากกว่า” “หนูจะกลับไปอยู่บ้านนะถ้าพี่ติณยังหื่นไม่เข้าเรื่องแบบนี้น่ะ” “ได้ไง แต่งงานกันแล้วนะน้ำมนต์”“ไม่รู้แหละ มันหงุดหงิดนี่คะ” ฉันดันศรีษะของพี่ติณออกจากตักเพื่อแสดงอาการไม่พอใจที่เขานั้นหมกมุ่นเรื่องบนเตียงมากเกินไป “ก็ได้ๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่หมกมุ่น” ฉันหันมองพี่ติณอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ทำได้หรอคะ”“เมียสั่งฉันก็ต้องทำให้ได้”“สามีของหนูน่ารักที่สุดเลยค่ะ ^_^” ฉันยิ้มหวานให้พี่ติณแต่พอจะแตะตัวเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอก “ฉันจะไปห้องพระ”“ไปทำอะไรที่ห้องพระคะ ?” ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นพี่ติณเข้าห้องพระเลยนะ วันนี้
“ผะ ผม….” อาจารย์หนุ่มแสดงอาการกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด “มานี่!!” พี่ติณจ้องฉันเขม็ง ฉันจึงรีบเดินไปหาเขาทันที จากนั้นพี่ติณก็พูดต่อ “ให้เวลาห้าวินาที รีบไปให้พ้นก่อนที่กูจะยิงมึง” สิ้นสุดคำพูดที่ดุดันของพี่ติณอาจารย์หนุ่มก็รีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เขาคงกลัวตายมากๆ “อย่ามองหนูแบบนั้นนะ พี่ติณสั่งให้ลูกน้องหาอาจารย์มาสอน หนูไม่ได้เลือกเองสักหน่อย” ฉันรีบบอกเพราะถูกสายตาเอาผิดของพี่ติณจ้องอยู่ “เธอยอมให้มันอยู่ใกล้” “หนูแค่ไม่เข้าใจที่เขาสอน เขาเลยเดินมาบอก”“แล้วต้องใกล้ขนาดนั้น ? กลิ่นตัวหอม ?” พี่ติณกำลังหาเรื่องฉันอยู่ ไม่คิดจะฟังที่พูดเลยหรือไง นิสัยเดิมอีกแล้ว “แต่หนูก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีนะคะ หนูรู้ว่าตัวเองมีสามีแล้ว” “แล้วตอนมันยืนใกล้ๆ ทำไมไม่ลุกหนี ถ้าฉันไม่มาเห็นเธอจะลุกขึ้นหนีมันหรือเปล่า ?”“การลุกหนีมันเสียมารยาทนะคะ อีกอย่างเขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการลวนลามหนูเลยด้วยซ้ำ”“ฉันไม่ชอบเธอก็รู้”“เปลี่ยนอาจารย์สอนเป็นผู้หญิงให้หมดทุกคนเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายแล้วพี่ติณไม่สบายใจ” “เปลี่ยนแน่!!” ฉันผิดอะไรหรอพี่ติณถึงได้มีท่าทางโกรธมากขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเสีย
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งถึงวันที่สำคัญมากที่สุดของชีวิต เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดอีกวัน วันที่ฉันกับพี่ติณเข้าพิธีแต่งงานกัน เราจัดงานแบบเรียบง่ายเชิญแค่แขกคนสนิท ถึงแม้จะจัดในโรงแรมหรู แต่เราคุยกันแล้วว่าอยากให้บรรยากาศมันอบอุ่นมากกว่ามีคนมากมายพลุกพล่าน ในงานจึงมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นญาติทางฉันและเพื่อนๆ ที่ฉันสนิทเพราะพี่ติณตัวคนเดียว จะมีก็แต่ลูกน้องของเขาที่มาร่วมแสดงความยินดี “เจ้าสาวของฉันทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ” พี่ติณพูดเสียงหวานเมื่อพ่อส่งมอบตัวฉันให้กับเขา “อย่าพูดแบบนั้นสินะหนูเขินนะ” ฉันบิดตัวไปมาเล็กน้อยเพราะความเขินอายเราทั้งคู่เดินไปบนพรมสีขาวสะอาดตา มีคนคอยโปรยกุหลาบตลอดทางที่เดินและมีเพลงคลาสสิคเปิดขึ้นมา บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทุกคนที่มาต่างแสดงความยินดีให้เราทั้งคู่จากใจจริง ทำให้งานวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในตอนนี้ฉันกับพี่ติณเราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะครองคู่กันไปชั่วนิจนิรันดร์…. วันต่อมา ฉันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของพี่ติณเมื่อวานพ่อกับแม่มาส่ง พ่อร้องไห้ด้วย ฉันเองก็ร้องไห้ รู้สึกว่าแทบไม่ได้อยู
พี่ติณมาส่งฉันที่บ้าน แต่คืนนี้เขาไม่ได้นอนที่บ้านฉันหรอกนะ อย่างที่พ่อเคยบอกว่ายังไงหลังแต่งงานเราก็ได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว พ่อกับแม่เรียกฉันกับพี่ติณมาคุยกันที่ห้องรับแขกเพื่อนัดแนะเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงานของเรา“การ์ดเชิญหนูชอบลายนี้ค่ะน่ารักดี เอาแบบนี้นะคะพี่ติณ^_^” “ครับ ^_^” “แล้วสถานที่ล่ะคะ เราจะใช้ที่โรงแรมไหนดี”“แม่กับพ่อเลือกไว้หลายที่เลยลูกลองดูสิ” ฉันกับพี่ติณนั่งดูภาพโรงแรม แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังเลือกกันไม่ได้ว่าจะจัดงานแต่งที่โรงแรมไหนดี มันยังไม่ถูกใจ “จัดที่โรงแรมของผมก็ได้นะครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าห้องรับแขก พอหันไปก็เห็นเฮียเหนือที่ยืนอยู่ “…ไอ้เหนือ” พี่ติณพูดขึ้นมาเบาๆ “ผมผ่านมาก็เลยแวะมาเยี่ยมคุณอาครับ” เฮียเหนือหันมามองฉัน แล้วพูดต่อ “เฮียยินดีด้วยนะ ถึงเจ้าบ่าวจะเป็นมันก็เถอะ” “เป็นกูแล้วทำไม มึงก็รู้มาตั้งแต่แรกว่ากูคิดยังไงกับน้ำมนต์”“เพราะแบบนี้พอมึงรู้ว่ากูถูกจับให้หมั้นกับน้ำมนต์เลยยิ่งโกรธอาละวาดแก้แค้นกู ?”พี่ติณพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูด “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“กูต้องไปคุยด้วย ?”“ตามใจมึง” พูดจบพี่ติณก็เดินไป ส่ว
หลังจากคุยธุระเสร็จคุณธนาก็เดินทางกลับ ส่วนฉันกับพี่ติณก็กลับมาที่ห้องทำงาน แถมเขายังล็อกประตู“ละ ล็อคห้องทำไมคะ เดี๋ยวถ้าเลขามีธุระสำคัญ….” “ฉันกำลังจะทำโทษเด็กขี้อ่อย” พี่ติณพูดสวนขึ้น ทำเอาขนมันลุกซู่“หนูเปล่าอ่อยนะ” “ยิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน แบบนี้เรียกว่าอ่อย” พี่ติณกล่าวหากันหน้าตาเฉย มาโทษว่าฉันอ่อยคุณธนาทั้งที่ในท้องยังมีลูกของเขาอยู่ “แบบนี้พี่ติณยิ้มให้คุณธนาเหมือนกันแปลว่าอ่อยหรือเปล่าคะ ?”“ไม่ต้องมายอกย้อน ฉันเป็นผู้ชายส่วนเธอเป็นผู้หญิง”“หวงไม่เข้าเรื่องเลยค่ะ แบบนี้หนูไม่ชอบ”“ฉันก็ไม่ชอบ!!” จู่ๆ เขาก็มาขึ้นเสียงดังใส่ โอเค!! ฉันผิดมากเลยสินะ “ขึ้นเสียงใส่หนูงั้นหรอ บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้มาเสียงดังใส่” “…..” พอถูกฉันว่าพี่ติณก็เถียงไม่ออก “ถ้าอะไรนิดหน่อยก็เอามาเป็นเรื่องใหญ่เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกนะคะ” “หมายความว่ายังไง ?“ ลมหายใจร้อนผ่าวของพี่ติณถูกพ่นออกมาแรงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน “หมายความว่าหนูจะไม่แต่งงานกับพี่ติณ ถ้ายังเป็นแบบนี้” มันคือความหงุดหงิดส่วนหนึ่งและความที่ฉันอยากจะดัดนิสัยของพี่ติณด้วยอีกส่วนหนึ่ง เขาเอาแต่ขี้หึงไม่ลืมหูลืมตาแบบ
เช้าวันใหม่หลังจากฉันกับพี่ติณตื่นนอนเราก็จับมือกันมาบอกพ่อกับแม่เรื่องที่ฉันตกลงแต่งงานกับพี่ติณแล้ว เฮียเพลิงก็มากินข้าวเช้าที่บ้านด้วยวันนี้เฮียต้องกลับต่างประเทศแล้ว แต่เหมือนเฮียยังมีอะไรที่ค้างคาอยู่ในใจ ดูท่าไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ วันนี้ฉันเข้ามาที่บริษัทกับพี่ติณเพราะไม่อยากนั่งเบื่อๆ รอที่บ้าน ถึงจะตกลงแต่งงานแล้วพ่อก็อยากให้พี่ติณไปๆ มาๆ ที่บ้านมากกว่าจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านเขา พ่อบอกว่าหลังแต่งงานยังไงฉันก็ต้องได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่ติณอยู่แล้ว ตอนนี้จึงอยากให้ฉันอยู่ที่บ้าน “พี่ติณพรุ่งนี้หนูไปเจอเพื่อนๆ นะคะ มีนัดกินข้าวตอนเย็น ^_^” ฉันนั่งคุยแชตกับเพื่อนรอพี่ติณทำงาน เพื่อนๆ มีนัดกินข้าวสังสรรค์กันเป็นงานเล็กๆ ของกลุ่มเราที่นานๆ ครั้งจะมาเจอกันแค่กินข้าวไม่มีแอลกอฮอล์ ฉันต้องขออนุญาตพี่ติณก่อน “ไปกี่โมง ?”“หกโมงเย็นค่ะ”“ไม่ให้ไปด้วย ?” “หนูนัดกับเพื่อนในกลุ่มที่สนิทกัน พี่ติณไปด้วยคนอื่นคงจะเกร็งๆ” “มีพิรุธนะแบบนี้” พี่ติณมองฉันด้วยสายตาที่กำลังจับผิดอยู่“พิรุธอะไรคะอย่ามาหาเรื่องหนูนะ” “จะให้ไปส่งไหมพรุ่งนี้” “เดี๋ยวให้คนขับรถที่บ้านไปส่งก็ได้ค่ะ ^_^” แกร็ก! ป
“เราไปบอกพ่อกับแม่กันนะคะ ^_^” พี่ติณสวมแหวนให้ฉันจากนั้นก็อุ้มฉันขึ้นมาวางที่เตียงทั้งยังใส่แค่ผ้าขนหนูอยู่ “นอนได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยบอกทุกคนก็ได้ ฉันปิดไฟนะ”“แต่หนูยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยนะ ถ้าพี่ติณจะนอนก็นอนก่อนเลยค่ะ แต่งตัวเสร็จเดี๋ยวหนูปิดไฟเอง” ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ถูกพี่ติณกดให้นอนราบกับเตียงเหมือนเดิมพี่ติณขึ้นมาคร่อมจากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมากระซิบบอกข้างๆ ใบหู “ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าก็ได้ เพราะเดี๋ยวเธอก็ได้ถอดมันออกอยู่ดี” “บ่อยเกินไปแล้วนะคะ” พอฉันบอกแบบนั้นพี่ติณก็ขมวดคิ้วถาม “อะไรบ่อย ?”“ก็มีเซ็กส์ไงคะ”“วันนี้เป็นวันดีเธอยอมแต่งงานกับฉัน มันก็ต้องฉลองเป็นธรรมดา”“เจ้าเล่ห์” ฉันพูดค้อน “ขอนะครับ” ไม่พูดเปล่าพี่ติณยังยิ้มหวานอีกด้วย ไม่ใจอ่อนได้ไงล่ะ “ทีตอนอยากได้เนี่ยพูดเพราะจังเลยนะคะ” “พูดแบบนี้ปกติ” พี่ติณพูดพร้อมกับใช้มือค่อยๆ ดึงผ้าขนหนูที่พันตัวฉันออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่ไร้เสื้อผ้าปิดคลุม “ปะ ปิดไฟก่อนสิคะ” ฉันยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองอย่างเขินอายเพราะความสว่างของห้อง “อยากเห็นหน้าเมียชัดๆ”“ไม่เอาค่ะ หนูอาย”“สวยไปทั้งตัวขนาดนี้ทำไมต้องอาย” ปากหวาน
“ตะ แต่หนูยังไม่พูดเรื่องแต่งงานเลยนะคะ”“ในเมื่อลูกเปิดโอกาสให้ตาติณแล้วแม่ว่าการแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยิ่งท้องโตขึ้นเรื่อยๆ คนจะนินทาเอานะลูก”“หนูรู้ค่ะหนูให้โอกาสพี่ติณแต่ยังไม่อภัยให้เขานี่คะ” “ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ให้อภัยฉันอีกหรือไง” พี่ติณถาม “อยากดูๆ ไปก่อนนี่คะ อย่าเร่งหนูสิ เอาไว้คลอดแล้วเราค่อยแต่งงานกันก็ได้”“คลอดแล้วคงไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกลูก ไหนจะยุ่งกับการเลี้ยงลูกอีก”“ไม่เป็นไรครับถ้าน้ำมนต์ยังไม่อยากแต่งผมก็จะไม่บังคับ ตอนนี้ผมคงยังดีไม่พอที่เธอจะเปิดใจมากขนาดนั้น” พี่ติณพูดขัดขึ้นมา ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเขากำลังน้อยใจอยู่ “……..” ฉันได้แต่เงียบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งหรอกนะจะขอแต่งงานทั้งทีทำไมถึงไม่ทำให้โรแมนติกกว่านี้ก็ไม่รู้ ถ้าถูกขอแต่งงานแบบโรแมนติกฉันคงจะตอบตกลงไปแล้วก็ได้ สักครั้งหนึ่งในชีวิตผู้หญิงก็ต้องการอะไรแบบนี้ อยากสัมผัสความรู้สึกที่ถูกคุกเข่าขอแต่งงานบ้าง แต่พี่ติณไม่เคยคุกเข่าขอฉันเลย “ต่อไปนี้ก็ทำตัวให้มันดีๆ ให้สมกับที่จะเข้ามาเป็นลูกเขยบ้านนี้ล่ะ” พ่อพูดกับพี่ติณ“ครับอา ผมขอโทษจริงๆ กับเรื่องที่ผ่านมา”“แล้วนี่ได้คุยปรับความเข้าใจ