วันต่อมา….
“วารินไปกินข้าวกันเถอะ” พี่เอมเอ่ยปากชวนเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ในตอนนี้พนักงานต่างพากันพักเบรกเพื่อไปกินข้าว
“ค่ะ ^_^” ฉันเก็บของเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินตามพี่เอมไป แต่จู่ๆ คุณทิศเหนือก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉัน ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันมีงานจะให้เธอช่วยตรวจสักหน่อย”
“งานอะไรคะคุณเหนือ เดี๋ยวฉันทำให้ก็ได้วารินยังเป็นเด็กฝึกอยู่….”
“ฉันต้องการให้วารินเป็นคนทำ” พูดจบคุณเหนือก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นพี่เอมลงไปกินข้าวก่อนเลยนะคะ ไม่ต้องรอริน”
“ระวังตัวด้วยนะริน”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้ามีอะไรรินจะรีบโทรหาพี่เอมทันที” ฉันยิ้มแห้งๆ ให้พี่เอม ก่อนจะรีบเดินตามคุณเหนือมาที่ห้องทำงาน
#ภายในห้องทำงาน
“ไหนบอกว่าจะให้มาคุยหลังเลิกงานไงคะ”
“พอดีว่าฉันใจร้อน มานั่งนี่สิ” พูดจบคุณเหนือก็ตบลงตรงที่ว่างข้างๆ ตัวเองเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้ฉันไปนั่ง
แน่นอนว่าฉันไม่อาจจะขัดใจเขาได้ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร
เมื่อฉันนั่งลงข้างๆ กับตัวเขาแล้ว คุณเหนือก็เอากระดาษตรงหน้ายื่นมาให้ฉัน
“อ่านซะ”
ฉันขมวดคิ้วเป็นปมอย่างแปลกใจก่อนที่จะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านตามคำสั่ง
ตัวอักษรในกระดาษระบุว่า ตัวฉันเองยินยอมที่จะตกเป็นของเขาตลอดระยะเวลาสองปี ต้องมาหาทุกครั้งในเวลาที่เขาต้องการและห้ามขัดขืนหากเขาต้องการจะทำอะไรบนร่างกายของฉัน
และมีกฎข้อห้ามอีกหลายข้อ คือ ห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา ห้ามพูดสถานะให้ใครรู้ ห้ามถามไม่ว่าจะสงสัยอะไร ห้ามยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหน
กฎพวกนี้มันทำให้ฉันเสียเปรียบทุกอย่าง ฉันค่อยๆ วางกระดาษในมือลง
“สะ สองปีเลยเหรอคะ”
“ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องเซ็น” คุณเหนือทำท่าจะเก็บกระดาษนั้นฉันจึงรีบคว้ามันเอาไว้
“ระ รินก็แค่ถามเองค่ะ”
“แค่เซ็นตรงนี้ เธอจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ” คุณเหนือใช้หัวปากกาเคาะบนกระดาษที่มีลายลักษณ์อักษรว่าฉันจะต้องเป็น ‘ทาสกามอารมณ์’ ของเขาจากนี้ไปอีกสองปี เพื่อแลกกับเงินค่ารักษาพยาบาลของน้องสาวฉันที่กำลังนอนป่วยอยู่
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจที่จะขายความบริสุทธิ์ที่ตัวเองหวงแหนมากที่สุด เพื่อรักษาชีวิตน้องสาวเอาไว้
“คุณเหนือช่วยโอนเงินมาให้รินเพื่อเป็นหลักประกันได้ไหมคะ ว่ารินจะไม่ถูกหลอก”
“หึ!! ได้สิ ถ้าเธอต้องการแบบนั้น” คุณเหนือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยื่นมาให้ฉัน “กดเลขบัญชีของเธอ”
ฉันรับโทรศัพท์มาและกดเลขบัญชีให้เขา เมื่อคุณเหนือรับโทรศัพท์ไปไม่นานก็มีข้อความเด้งเข้ามาในโทรศัพท์ของฉัน เป็นข้อความเงินเข้าจำนวนห้าล้านบาท
“หะ ห้าล้านเลยเหรอคะ แต่ค่ารักษาน้องสาวรินมันสามล้านนะคะ”
“ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่มีใครท้วง เธอนี่มันซื่อจริงๆ นะวาริน”
“…..”
“ทีนี้จะเซ็นได้หรือยัง”
จบคำพูดของคุณเหนือฉันก็เอื้อมมือที่สั่นเทาหยิบปากกาขึ้นมา หากว่าเซ็นไปแล้วชีวิตของฉันจะเป็นยังไง ฉันไม่สามารถจินตนาการได้เลยจริงๆ
ฉันสะบัดความคิดบ้าๆ ออกไปจากหัวก่อนจะเซ็นชื่อลงในใบกระดาษให้มันจบๆ ไป ในเมื่อได้เงินมาแล้วก็ต้องทำตามที่ตัวเองพูด
พรึ่บ! ทันทีที่ฉันลงชื่อบนใบกระดาษร่างของฉันก็ถูกคุณเหนือกดให้นอนราบไปกับโซฟาตัวใหญ่
“คะ คุณเหนือ…” ฉันเบิกตากว้างเมื่อคุณเหนือสอดมือเข้ามาในกระโปรงนักศึกษา แค่นั้นยังไม่พอเขายังดึงกางเกงซับในของฉันออกไปกองไว้ที่พื้นอีกด้วย
“ฉันคิดว่าเธอน่าจะอ่านทุกตัวอักษรในกระดาษนั่นหมดแล้วนะ ทำไมถึงยังขัดขืนหื้ม…”
มือหนาลูบไล้ไปมาบริเวณเรียวขาอ่อนของฉัน เขาค่อยๆ สอดมือเข้ามาในกระโปรงอีกครั้ง นิ้วใหญ่ลากขึ้นลงบนแพนตี้เป็นสิ่งเดียวที่ปิดสิ่งที่ฉันหวงแหนที่สุด
“ตะ ตอนนี้มันไม่เหมาะนะคะ” และฉันก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อคุณเหนือจัดการถอดแพนตี้ตัวจิ๋วของฉันออกแล้วทิ้งมันลงพื้น “คุณเหนือ…”
“ถ้าฉันต้องการเธอห้ามปฏิเสธ” มือหนาจับใบหน้าของฉันให้เงยขึ้น แล้วเอ่ยบอกเสียงเย็น “ถ้าไม่พร้อมก็แค่โอนเงินห้าล้านคืนมาให้ฉันทุกอย่างจะจบ ฉันจะไม่แตะต้องตัวเธอ”
ฉันเม้มปากแน่น เขาคงไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ “ระ รินขอโทษค่ะ ต่อไปนี้รินจะไม่ขัดขืนคุณเหนือไม่ว่าคุณเหนือจะทำอะไร…”
“ดี!!” มือหนาค่อยๆ ปล่อยออกไปจากปลายคางของฉัน พร้อมกับเสียงทุ้มเข้มที่ออกคำสั่ง “อ้าขาออก”
ฉันค่อยๆ ขยับขาอ้าออกจากกันช้าๆ ตามคำสั่ง ถึงแม้ว่าไม่ได้อยากจะทำตามเลยสักนิด
นิ้วใหญ่แตะลงมาบนกลีบกุหลาบของฉันโดยไม่มีอะไรปิดกั้น ทำเอาฉันถึงกับสะดุ้งและรู้สึกอับอายเพราะนี่มันคือครั้งแรกที่ฉันอ้าขาแบบนี้ให้ผู้ชายทั้งที่ไม่อยากจะรู้สึก แต่กลับห้ามตัวเองไม่ได้ เมื่อนิ้วใหญ่ค่อยๆ ขยี้ลงบนติ่งเกสรของฉันเบาๆ“เธอกำลังคบหาอยู่กับผู้ชายคนไหนหรือเปล่า ?”“ไม่ค่ะ อ๊ะ ฉะ ฉันไม่มีแฟน” พอได้ยินคำตอบของฉัน คุณเหนือก็กระตุกยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจ“เรื่องส่งตัวน้องสาวเธอไปรักษาที่ต่างประเทศ ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”“คะ คุณเหนือรู้ได้ยังไง ว่าน้องสาวของรินต้องถูกส่งตัว อื้อ~”เสียงของฉันถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อคุณเหนือก้มหน้าลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งรับ ด้วยความที่ไม่เคยจูบกับชายใดมาก่อน ทำให้ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ได้แต่อยู่นิ่งๆ ให้คุณเหนือเป็นคนทำนิ้วใหญ่ยังคงขยี้ติ่งเกสรของฉันเบาๆ สลับกับลากไล้มันขึ้นลง แปลกที่ฉันเริ่มรู้สึกดีกริ๊ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทำให้คุณเหนือถอนริมฝีปากออกไปจากริมฝีปากของฉัน รวมทั้งนิ้วที่กำลังแตะตรงนั้นของฉันอยู่ก็ถูกดึงออกไปด้วยเมื่อคุณเหนือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับมันก็ทำให้ฉันรู้สึกหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น ก่อนที่จะค่
เรียวขาของฉันถูกจับให้แยกออกจากกัน เผยให้เห็นความสวยงามที่แดงฉ่ำเย้ายวนคนตรงหน้า ก่อนที่นิ้วใหญ่จะแตะลงมาบนติ่งเกสรแล้วขยี้มันอย่างเบามือ“เธอรู้ไหมว่าฉันต้องการเธอมากขนาดไหนวาริน” คุณเหนือกระซิบถามเสียงกระเส่า ทำเอาหัวใจของฉันกระตุกสั่นไหว“อ๊ะ คะ คุณเหนือ ทำตรงนี้ไม่ได้นะคะ” ฉันรีบท้วง เพราะด้านหลังที่ฉันยืนอยู่มันคือกระจกใสบานใหญ่ที่มองเห็นวิวรอบๆ กรุงเทพ“ไม่ว่าฉันจะทำตรงไหนเธอก็ไม่มีสิทธิ์ขัดใจ” คุณเหนือกระซิบบอก “อย่าลืมสิว่าฉันจ่ายเงินให้เธอไปแล้ว เพราะฉะนั้นเธอก็คือสิ่งของของฉัน”สะ สิ่งของ เขาเปรียบฉันเหมือนกับสิ่งของอย่างนั้นเหรอฉันไม่มีเวลาได้คิดอะไรฟุ้งซ่าน มันเริ่มรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้องและแทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่เมื่อถูกนิ้วใหญ่บดขยี้ติ่งเกสรแรงขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของฉันเกร็งกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่าเขาทำแบบนี้แล้วฉันจะหักห้ามความรู้สึกได้ยังไงกัน ยิ่งตอนที่เขาคลึงปลายนิ้วมือกับติ่งกระสันทำเอาฉันเสียวซ่านใจแทบขาดจนเก็บเสียงครางไว้ไม่อยู่“อ๊า อ๊า อ๊าง~”ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยได้สัมผัส แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกริมฝีปากหนาของคุณเหนืองับลงมาบนใบหูของฉัน
วันต่อมา….ฉันมาทำงานที่บริษัทตามปกติในตอนนี้ข้าวของ พวกของใช้เสื้อผ้า ถูกลูกน้องของคุณเหนือย้ายมาไว้ที่คอนโด ส่วนเรื่องส่งตัวน้องสาวของฉันไปรักษาที่ต่างประเทศ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เรื่องค่าใช้จ่ายฉันได้จัดการเรียบร้อยแล้ว เย็นวันนี้ฉันจะไปเยี่ยมนาลินที่โรงพยาบาลฉันเดินมายังโต๊ะทำงานของตัวเองแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อโต๊ะทำงานที่นั่งประจำได้หายไป“อ้าววาริน มองหาโต๊ะทำงานอยู่เหรอจ๊ะ ^_^” พี่เอมถามฉัน“ใช่ค่ะ”“คุณเหนือสั่งให้ย้ายไปอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเขาน่ะ บอกว่าอยากให้วารินเรียนรู้งานกับเลขา”“ยะ อย่างนั้นเหรอคะ…” ฉันตอบไปอย่างงุนงง เขาคิดจะทำอะไรก็ไม่ต้องบอก ไม่ต้องถามฉันเลยหรือยังไงกันฉันเดินมาที่หน้าห้องทำงานของคุณเหนือ เห็นว่ามีโต๊ะทำงานของตัวเองตั้งอยู่จริงๆ“น้องริน คุณเหนือฝากบอกให้เข้าไปพบน่ะจ้ะ” พอฉันเดินมาถึงพี่เลขาก็บอกกับฉันในทันที“…ค่ะ”ฉันค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปภายในห้องทำงานของผู้บริหาร ในตอนนี้คุณเหนือกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงสายตาของฉันโฟกัสไปยังแผ่นหลังกว้างตรงหน้า ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลัง ผู้ชายคนนี้ก็ดูดีไม่มีที่ติจู่ๆ ใบหน้าของฉันมันก็แดงก่ำเมื
#โรงพยาบาลฉันมาเยี่ยมน้องสาวก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศ“พี่ริน หนูกลัว” นาลินรีบบอกเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้ามาในห้องที่เธอนอนพักฟื้นอยู่ฉันก้าวขาเดินมาหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ กับเตียง แล้วกุมมือนาลินเอาไว้“ไม่ต้องกลัว เธอต้องหายเชื่อพี่นะ” พูดแล้วฉันก็ค่อยๆ ยกมือขึ้ลูบหัวนาลิน “พี่จะรอวันที่น้องสาวคนสวยของพี่หายเป็นปกติ ถ้าหายดีแล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่เธออยากจะไป”“….พี่รินสัญญาแล้วนะคะ”“พี่สัญญา ^_^” ฉันฝืนยิ้มทั้งที่ตอนนี้มันอยากจะร้องไห้ออกมาตั้งแต่เล็กจนโตเราสองพี่น้องไม่เคยแยกจากกันไปไหนไกล แต่ครั้งนี้นาลินต้องถูกส่งตัวไปรักษาไกลถึงต่างประเทศ หากฉันมีเงินมากพอและไม่มีหน้าที่อะไรที่ต้องทำก็คงจะตามไปด้วยแต่ฉันต้องอยู่เป็น ‘สิ่งของ’ ที่คุณเหนืออยากจะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้หลังจากเยี่ยมนาลินเสร็จฉันก็มาหาพราว เพื่อนที่สนิทที่สุดของฉัน เรานัดกันมาเดินเล่นที่ห้างหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันร่วมเดือน“ริน ทางนี้” เสียงของพราวเรียกบอกฉันพร้อมกับโบกมือไปมาเพื่อให้ฉันมองเห็นตัวเอง แต่การทำแบบนั้นมันกลับทำให้พราวตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นฉันรีบเดินจ้ำเท้าไปหาเพื่อน เ
คุณเหนือเดินนำฉันมาที่รถของตัวเอง ซึ่งจอดอยู่ตรงที่จ]อดวีไอพี บริเวณนี้จะไม่มีรถของใครจอดอยู่เลยสักคัน“ขึ้นรถ”“ตะ แต่รินเอารถมา…”“ฉันบอกให้เธอขึ้นรถ” คุณเหนือกดเสียงต่ำ ทำให้ฉันรีบเปิดประตูเข้ามานั่งด้านในอย่างว่าง่ายเมื่อฉันเข้ามานั่งด้านในรถ คุณเหนือก็เปิดประตูเข้ามานั่งตรงเบาะคนขับ เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่ออก แล้วถอดมันก่อนจะโยนมันไปไว้ที่เบาะหลัง จากนั้นก็ดึงเน็กไทลงพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อสองสามเม็ดใบหน้าเกรี้ยวกราดหันมาจ้องฉันอย่างเอาเรื่อง “เอาเงินที่ฉันให้มาเลี้ยงผู้ชาย ?”“มะ ไม่ อื้อ…” ไม่ทันที่
ตึกดึก….ฉันอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดนอนที่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสีชมพูอ่อนลายหมีที่คุณเหนือพูดว่าคืนนี้เขาจะมานอนที่นี่มันทำให้จิตใจของฉันเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอย เอาแต่คิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นาๆไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าความหมายของคำพูดคุณเหนือคืออะไร เพราะฉันรู้ ถึงได้คิดหาวิธีว่าจะเอาตัวเองให้รอดพ้นคืนนี้ไปได้ยังไง ฉันยังไม่พร้อม และไม่อยากที่จะเลยเถิดไปถึงขั้นนั้นถึงจะรู้ดีว่าสุดท้ายนี่ก็คือสิ่งที่คุณเหนือต้องการ….“นี่มันคือสิ่งที่ตัวฉันต้องเจอไม่ใช่หรือไง” ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แกร็ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ฉันที่นั่งคิดไม่ตกอยู่บนโซฟาค่อยๆ หันมองที่ประตู เห็นคุณเหนือกำลังเดินเข้ามาภายในห้องหัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นสายตาที่ดุดันคู่นั้นของคุณเหนือจ้องมองมายังใบหน้าของฉัน เหมือนกับว่าฉันไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างไงอย่างงั้น หรือว่ายังหงุดหงิดเรื่องวันนี้อยู่อีกนะ“เธอใส่ชุดนี้รอฉัน ?”“ดะ เดี๋ยวรินไปเอาน้ำมาให้ดื่มนะคะ” ฉันรีบลุกขึ้นแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินไปไกล เสียงเย็นยะเยือกของคุณเหนือก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน “ฉันจะอาบน้ำ ไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอ่
มือหนาเอื้อมมาดึงผ้าปิดตาออกให้ฉัน ทำให้มองเห็นอะไรต่อมิอะไรตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น ร่างกายกำยำของคุณเหนือกำลังโยกเอวเข้าหาร่างบอบบางของฉันอย่างหนักหน่วงเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา กระเซ็นหยดใส่ฉันยามที่เขาอัดกระแทกฉันเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นภาพตรงหน้าแล้วกัดริมฝีปากจนห้อเลือดจากความเจ็บปวดที่ได้รับปัก ปัก ปัก! เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนลง พร้อมๆ กับความปวดร้าวที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ“มองหน้าฉันสิวาริน อ๊า” เสียงทุ้มต่ำออกคำสั่ง ทำให้ฉันต้องจำใจค่อยๆ หันมามองหน้าเขาช้าๆคุณเหนือถอดแก่นกายออกไป มือหนาพลิกร่างของฉันให้นอนคว่ำหน้าลง ก่อนจะจับสะโพกมนโก่งขึ้นจนโค้ง สอดใส่ลำเอ็นอันเขื่องเข้ามาอีกครั้ง แล้วตามด้วยแรงกายที่กระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างป่าเถื่อน“อึก ระ รินเจ็บ คุณเหนือรินไม่ไหวแล้วค่ะ” ฉันเอ่ยปากวิงวอนคุณเหนืออีกครั้ง หวังให้เขาลดความดิบเถื่อนลงบ้าง แต่กลับไม่ได้รับความเห็นใจเลยสักนิด“อ๊า แน่น อ๊า”มือหนาฟาดลงมาบนแก้มก้นของฉันสามสี่ครั้งแล้วบีบเคล้นอย่างหนักหน่วง ขณะเดียวกันกันก็ควบเอวสอบโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่งนี่เป็นครั้งแรกที่ฉั
สายตาของคุณเหนือมันแสดงออกถึงความไม่พอใจที่ฉันถามอะไรแบบนั้นออกไปคุณเหนือเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นก็โอบเอวของฉันแล้วดึงตัวฉันให้แนบชิดติดกับตัวเอง“ทำไมถึงตั้งคำถามโง่ๆ แบบนั้นกับฉัน ?” สายตาคมกริบของคนตรงหน้ากำลังมองฉันอย่างคาดคั้น“ระ รินมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอคะ”“เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน” คุณเหนือย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หน้าที่ของเธอมีแค่นอนแก้ผ้าให้ฉัน…” คุณเหนือเว้นคำพูด แต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่าเขาหมายจะพูดอะไร “อย่าอยากรู้ในสิ่งที่ฉันไม่ต้องการจะพูด เข้าใจที่ฉันบอกใช่ไหม ?”“ขะ เข้าใจแล้วค่ะ”“หวังว่าเธอจะไม่ตั้งคำถามโง่ๆ มากวนใจฉันอีกนะวาริน”“…ค่ะ”มือหนาจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น เพราะฉันเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมองเขา จู่ๆ คุณเหนือก็กดริมฝีปากลงมาบดขยี้จูบอย่างหนักหน่วงฉันที่ตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงรีบดันตัวเขาออก เพราะตรงนี้มันคือลานจอดรถ ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้าจะทำยังไงแต่ยิ่งฉันพยายามผลักเท่าไหร่คุณเหนือก็ยิ่งจูบหนักขึ้น ฉันจึงค่อยๆ หยุดนิ่งปล่อยให้คุณเหนือทำตามใจตัวเอง เมื่อฉันเลิกที่จะขัดขืน คุณเหนือก็ค่อยๆ ปล่อยริมฝีปากของฉันให้เป็นอิสระ“นี่คือบท
ฉันตั้งใจว่าจะไปหาพราวที่บ้านแต่จู่ๆ มันก็หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม และก็ไม่รู้ว่าคุณเหนือมายังไง เขารีบวิ่งมาประคองตัวฉันไว้ ทั้งที่บอกว่าจะออกไปบริษัทแท้ๆ“ไปหาหมอ”“ไม่เอาค่ะ รินไม่ได้เป็นอะไรมาก”“ทำไมถึงไม่ยอมไปหาหมอ เธอเป็นแบบนี้บ่อยเกินไปแล้วนะวาริน”“เดี๋ยวรินกับคุณเหนือก็ต่างคนต่างนอนคนละห้องตั้งหนึ่งเดือน อาการคงจะดีขึ้นค่ะเพราะรินได้พักผ่อนเต็มที่” ฉันพูดในเชิงประชดประชัน“ฝันไปเถอะ! แค่คืนเดียวฉันก็นอนไม่หลับ”“ไม่โกรธรินแล้วเหรอคะ ?” ฉันยิงคำถามใส่คุณเหนือก็ทำหน้างอนๆ นั่นแหละ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “คิดว่าฉันทำได้หรือไง คิดว่าฉันไม่สนใจเธอได้หรือไง”“เมื่อกี้คุณเหนือก็เมินริน”“ฉันน้อยใจเธอต่างหาก แต่เธอแม่งไม่ง้อ” คุณเหนือบอกจากนั้นก็อุ้มตัวฉันขึ้นพาเดินมาที่ห้องรับแขก แล้ววางฉันลงบนโซฟาแปลกเนอะ เมื่อกี้เรายังทำเมินใส่กันแต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถโกรธกันได้นานกว่านี้จริงๆ“ไปหาหมอได้ไหม รู้บ้างไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน” คุณเหนือแสดงความเป็นห่วงออกมาผ่านแววตาของเขา“งั้นหลังจากรับปริญญารินจะไปหาหมอนะคะ”“สัญญา ?”“ค่ะ ^_^” บางทีฉันก็คืดว่าตัวเองอารมณ์แปรปรวนแปลกๆ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ตอนนี้ฉันกับคุณเหนือกำลังนั่งกินข้าวที่บ้านคุณพ่อของคุณเหนือ ที่ผ่านมาฉันได้เจอกับท่านบ่อยๆ จึงทำให้ไม่รู้สึกเกร็งแล้ว“ฉันได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว ฤกษ์ดีที่สุดก็อีกสองเดือน”หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่ฉันใกล้จะได้แต่งงานแล้วหรอเนี่ย“แกก็พาหนูรินไปลองชุดเดี๋ยวต้องสั่งตัดชุดอีกคงใช้เวลานาน ส่วนเรื่องสถานที่ฉันจะจัดการให้เอง”“ครับพ่อ” คุณเหนือตอบก่อนจะหันมายิ้มกริ่มให้ฉัน“แล้วนี่พร้อมจะมีลูกเมื่อไหร่ ฉันว่าทำลูกมันซะตอนนี้เลยก็ดีเหมือนกันนะ ยังไงก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ฉันเองก็อยากเห็นหน้าหลานเร็วๆ”“อะ เอ่อคือเรื่องนั้นริน….”“ยังไม่พร้อมสินะ อืมๆ ฉันเข้าใจว่าการมีลูกมันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็อย่าให้มันนานจนเกินไปแล้วกัน”ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพ่อของคุณเหนือนั้นเข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไร แต่พอหันมองคุณเหนือก็ได้เห็นว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้ายักษ์ใส่ฉันอยู่“กินข้าวสิคะ” ฉันยิ้มแบบกวนๆ ให้คุณเหนือไปหนึ่งกรุบก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อหลังจากกินข้าวเสร็จแล้วฉันกับคุณเหนือก็อยู่คุยเรื่องงานแต่งต่อสักพัก ด้วยความที่ฉันไม่มีญาติที่ไหนแล้วจึงไม่ต้องไปคุยกับผู
วันเวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งในวันที่ฉันฝึกงานจบ จริงๆ ก็ไม่ได้ฝึกงานหรอก นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านซะมากกว่า พอฝึกงานจบแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่รับปริญญา วันนี้ฉันต้องเข้าไปทำธุระที่มหาวิทยาลัยด้วยไม่รู้ว่าคุณเหนือเป็นอะไรพอรู้ว่าฉันจะเข้าไปที่มหาวิทยาลัยก็ออกอาการงอแงบอกว่าจะไปด้วย จะรอที่รถ ซึ่งฉันเองก็นัดกับพราวไว้ว่าจะไปกับพราว“วันนี้รินเช็กตารางงานคุณเหนือกับพี่รุ้งแล้ว มีประชุมตอนเก้าโมงเช้านี่คะ จะไปกับรินได้ยังไง”“ไม่อยากให้ฉันไปด้วยถึงขนาดต้องโทรเช็กตารางงานเลยหรือไง” คุณเหนือชักสีหน้าใส่ฉัน มันใช่เรื่องหรือเปล่าเนี่ย นั่นงานของเขานะ“บอกเหตุผลมาได้ไหมคะว่าทำไมถึงอยากไปกับรินขนาดนั้น”“ก็หวง! อยากไปด้วยกลัวผู้ชายจะมายุ่งกับเมีย” คุณเหนือบอก เขาก้มหน้าลงแล้วทำแก้มป่อง น่าเอ็นดูจริงๆ พ่อคุณ“ให้รินใส่กระโปรงยาวจนถึงตาตุ่มแบบนี้ยังหวงอีกเหรอคะ” ฉันบอกพร้อมกับก้มมองกระโปรงที่ตัวเองใส่ มันยาวจนคลุมตาตุ่มเลยนะ ก็เพราะคุณเหนือนั่นแหละสั่งให้ใส่แบบนี้“เดี๋ยวฉันจะโทรไปเลื่อนประชุม” คุณเหนือทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ฉันจึงรีบค้านไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ แยกแยะหน่อยสิ”“แยกแยะแล้ว จะไป
#ภายในห้องตอนนี้เสื้อผ้าของฉันกับคุณเหนือถูกถอดและโยนทิ้งไว้บนพื้นจนมันกระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง“ให้รินทำให้นะคะ รินอยากทำให้คุณเหนือบ้าง” ฉันพูดอย่างยั่วยวนก่อนจะผลักร่างกำยำลงไปนอนราบกับเตียงฉันคลานเข่ามาขึ้นคร่อมคุณเหนือเอาไว้ พร้อมกับใช้มือกุมแก่นกายใหญ่ที่ค่อยๆ ขยายตัวจนล้นอุ้งมือของฉัน“ทำไมวันนี้เธอถึงอยากทำ ?” คุณเหนือเงยศีรษะขึ้นมาขมวดคิ้วถาม“รินอยากทำให้คุณเหนือติดใจรินไงคะ ^_^”“แค่เธอนอนเฉยๆ ฉันก็แทบจะคลั่งตาย อ๊า~”ฉันใช้มือชักรูดแก่นกายในขณะที่คุณเหนือกำลังพูดอย่างกลั่นแกล้ง นั่นจึงทำให้เขาเผลอร้องครางออกมา“รินยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”“มือเธอกำลังทำให้ฉันหมดแรง ซี๊ด~”“แล้วถ้ารินใช้ปากละคะ”ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวนก่อนจะก้มหน้าลงใช้ริมฝีปากสัมผัสกับแก่นกายใหญ่ รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เริ่มเกร็งของคุณเหนือในตอนที่ฉันตวัดปลายลิ้นเลียหยอกเย้าหัวเห็ดแดงก่ำ“ริน อ๊า~ เธอคิดจะฆ่าฉันหรือไง”“ชอบไหมคะ รินทำเก่งไหม”ฉันเงยหน้าขึ้นถามจากนั้นก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่แค่ลิ้น แต่ฉันใช้ริมฝีปากอุ่นร้อนครอบงำท่อนเนื้อดุ้นใหญ่แล้วอมให้ลึกจนขอบปากแนบชิดกับปลายโคนจากน
ถึงฉันจะเคยพูดว่ายังไม่พร้อม แต่พอมาถูกขอแต่งงานแบบนี้จะปฏิเสธลงได้ยังไงล่ะ คุณเหนือมัดมือชกกันชัดๆ เลย“อยากให้รินตอบตกลงใช่ไหมคะ” ฉันถามคุณเหนือเพราะคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ มันนึกอยากจะแกล้งเขาเล่นๆ“ทำขนาดนี้แล้วยังจะถามอีก”“ถ้าอย่างนั้นคุณเหนือก็ต้องลงไปแช่ในน้ำทะเลห้านาที แล้วรินจะตอบตกลง ^_^”คุณเหนือมองไปที่น้ำในทะเล “ตอนนี้?”“ก็ใช่ไงคะ ตอนนี้ ^_^”“ได้”คุณเหนือเก็บแหวนไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อแล้วเดินดุ่มๆ ไปอย่างไม่ลังเลตอนนี้บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ทะเลตอนกลางคืนนั้นน่ากลัว แต่คุณเหนือกลับทำตามคำสั่งของฉันอย่างไม่คิดลังเลอะไรเลย เป็นแบบนี้ใครจะไม่ใจอ่อนยอมแต่งงานด้วยกันล่ะ“อ่า! น้ำเย็นชะมัด” คุณเหนือพูดขึ้น เขานั่งแช่อยู่ในน้ำอย่างเด็ดเดี่ยว ถึงปากจะบ่นว่าน้ำเย็นก็ตาม“จริงๆ ถ้าคุณเหนือไม่ลงไปแช่ในน้ำทะเลแบบนั้นรินก็คงตอบตกลงอยู่แล้วนะคะ ^_^” ฉันบอก ทำให้ถูกคุณเหนือจ้องเขม็ง“เธอแกล้งฉัน?”“หลอกง่ายเหมือนกันนะเนี่ย”จบคำพูดของฉันคุณเหนือก็ลุกขึ้นมาจากน้ำ เขาเดินตรงมาที่ฉัน“คะ คุณเหนือจะทำอะไรคะ” ฉันถามพร้อมกับถอยหนี รู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้“ไม
หมับ! คุณเหนือรีบเดินตามมาคว้าแขนฉันเอาไว้ จากนั้นก็ก้าวขามาหยุดตรงหน้าของฉัน“ปล่อย! รินจะไปซื้อบิกินี่”“ก็บอกว่าไม่ให้ใส่”“รินจะใส่”“ก็ลองดูว่าซื้อมาแล้วจะได้ใส่หรือเปล่า”ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิด จากนั้นก็เมินหน้าหนีคุณเหนือ คิดว่าจะได้มาพักผ่อนแบบสบายใจ แต่กลับต้องมาหงุดหงิดแบบนี้ทำให้เสียบรรยากาศจริงๆ ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว อยากจะกลับไปกรุงเทพมันตอนนี้เลย“มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉันจะมองผู้ชายหรือผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาไม่ใช่หรือไง”“ค่ะมันไม่แปลก แต่การที่มองแล้วจ้องค้างแบบนั้นจะไม่ให้รินคิดอะไรคงไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าเกิดว่ามีผู้ชายเดินผ่านแล้วรินมองแบบที่คุณเหนือมองผู้หญิงสองคนนั้นล่ะคะ คุณเหนือก็คงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ”“ฉัน….”“ไม่ต้องมาเถียงหรอกค่ะ อีกอย่างผู้หญิงสองคนนั้นก็ส่งตาหวานเชื่อมให้ด้วยนิ หึ!”“โอเคต่อไปนี้ฉันจะไม่มองผู้หญิงคนไหน กลับไปกินข้าวก่อน ฉันหิวจนจะกินเธอได้ทั้งตัวอยู่แล้วนะ” คุณเหนือจับมือฉันหวังจะให้เดินตามตัวเอง แต่ฉันยังทำตัวแข็งทื่ออยู่ไม่ยอมขยับ“ไม่ค่ะ รินไม่กิน!!”“รินเธอจะงอนเอาเป็นเอาตายเลยหรือไง ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่ามองเลยนะ”
เช้าวันต่อมา….ฉันแทบจะลุกจากเตียงไม่ขึ้นเนื่องจากเมื่อคืนถูกทำโทษ กล่องถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วมันถูกทิ้งไว้เกลื่อนห้องไปหมดเลยตอนนี้โชคดีที่คุณเหนือไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยหมดทั้งแพ็กเพราะเขาเห็นใจฉัน แต่ก็หมดไปหลายกล่องเลย“ลุกขึ้นแต่งตัวสิ” คุณเหนือเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วบอกฉัน คิดว่าไปทำงานแล้วซะอีก“ไปไหนคะ รินลุกไม่ไหวหรอก”“ไปพัทยา”“หื้อ ไปทำไมคะ คุณเหนือมีงานที่นั่นเหรอคะ”“เปล่า ฉันจะพาเธอไปพักผ่อน”“ว่างเหรอคะ”“ฉันมีเวลาว่างให้เธอทั้งชีวิต” คุณเหนือบอกเสียงหวานจากนั้นก็เดินมาที่เตียงแล้วอุ้มฉันขึ้น“อื้อ อุ้มรินทำไมคะ”“จะพาไปอาบน้ำ เดินไม่ไหวไม่ใช่หรือไง”ฉันถามคุณเหนือเพราะมันรู้สึกเขิน ส่วนคุณเหนือเขาก็อุ้มฉันมาในห้องน้ำ แถมยังทำตัวน่ารักหวังจะถอดเสื้อออกให้ด้วย ฉันจึงรีบเบรกไว้ เพราะการให้คุณเหนือเห็นเรือนร่างมันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้“เดี๋ยวรินถอดเองค่ะ คุณเหนือไปรอข้างนอกนะคะ”“แต่ฉันอยากถอดให้เธอ” คุณเหนือบอกจากนั้นเขาก็โน้มใบหน้าลงมาจูบที่ต้นคอของฉันนี่อย่าบอกนะว่ากำลังจะเริ่มอีกแล้วน่ะ“หยุดนะคะ รินหมดแรงแล้ว”คุณเหนือหยุดชะงักพร้อมกับค่อยๆ ผละใบหน้าออก “
คุณเหนือแบกตัวของฉันมาที่ห้องนอน เขาไม่ยอมวางฉันลงไม่ว่าจะดิ้นแรงแค่ไหนตุบ! ร่างของฉันถูกโยนลงบนเตียง ย้ำนะคะว่าโยน ถึงเตียงมันจะนิ่มแต่ก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี“ทำไมต้องรุนแรงด้วยล่ะคะ” บอกตามตรงว่ามันเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง คุณเหนือจะวางฉันลงดีๆ ก็ได้นิ ไม่เห็นจำเป็นต้องโยนกันรุนแรงแบบนี้เลย“เธอพูดไม่ฟังเอง”“ก็คุณเหนือนั่นแหละงี่เง่า”“ฉันงี่เง่า ? งี่เง่าตรงไหน”“ก็ตรงที่ขี้น้อยใจเหมือนผู้หญิงไงล่ะคะ”โอเคฉันรู้แหละว่าการทะเลาะกันมันคือปัญหาปกติของชีวิตคู่ แต่ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้สักนิด แต่มันเหลืออดจริงๆคุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เขายกมือขึ้นมาเท้าเอวแล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เหอะ! เขาคิดว่าตัวเองหงุดหงิดเป็นคนเดียวหรือไง“เธอก็เลยประชดฉันด้วยวิธีนี้ว่างั้น ?”“ทำไมไม่ปล่อยให้รินเดินออกไปนอกบ้านล่ะคะ จะได้รู้ว่าประชดหรือเปล่า”“เสื้อชั้นในก็ไม่ใส่ ใส่แค่กางเกงในแบบนี้มั่นใจว่าเธอจะเดินออกไปที่สนามหญ้า”“ค่ะ รินจะไป”“วาริน!!”“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มขู่รินหรอกค่ะ คุณเหนือจะไปไหนก็ไม่บอกรินสักคำ แถมโทรไปไม่รับด้วย”“แต่เธอก็ไม่ควรทำแบบน
ฉันรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องเพื่อมาเอาโทรศัพท์กดโทรออกไปหาคุณเหนือ ไม่ได้จะโทรไปขอบคุณแต่จะโทรไปต่อว่าที่เขาใช้เงินมากมายซื้อของพวกนี้มา( ชอบของที่ฉันซื้อให้หรือเปล่า )พอฉันกดรับสายคุณเหนือก็ถามคำนี้ออกมา เขาดูจะมีความสุขไม่ได้เดือดร้อนที่เสียเงินไปมากมายมหาศาลเลยสักนิด เป็นฉันคนเดียวที่นึกเสียดาย( ไม่ชอบค่ะ )( ถ้าอย่างนั้นเธอชอบแบบไหน เดี๋ยวประชุมเสร็จฉันจะพาไปเลือกใหม่ )แทนที่จะหงุดหงิดหรือโกรธที่ฉันไม่ชอบ แต่คุณเหนือกลับอารมณ์ดีแถมจะพาฉันไม่เลือกใหม่อีกต่างหาก( รินไม่ชอบให้คุณเหนือใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนี้ )( ฟุ่มเฟือยที่ไหนกัน เงินแค่ไม่กี่สิบล้าน )( สะ สิบล้านเลยเหรอคะ )( ห้าสิบกว่าล้าน ) คุณเหนือตอบกลับมาทำให้ฉันแทบจะเป็นลมจนต้องจับขอบเตียงเพื่อพยุงตัวเองเขาพูดออกมาง่ายๆ คำว่าห้าสิบล้าน ไม่รู้สึกเสียดายบ้างหรือไง( ต่อไปนี้ห้ามใช้เงินแบบนี้อีกนะคะ รินอยากให้คุณเหนือเก็บเงินไว้ )( เดือนๆ หนึ่งบริษัทฉันได้กำไรร้อยกว่าล้าน ของพวกนั้นฉันตั้งใจอยากจะซื้อให้ แต่ถ้าเธอไม่ชอบจะเอาไปทิ้งในถังขยะฉันก็ไม่ว่าอะไร )( อย่ามาประชดกันแบบนี้นะคะคุณเหนือ )( ในเมื่อฉันตั้งใจจะให้แต่เธอไม่รับ จ