#โรงพยาบาล
ฉันมาเยี่ยมน้องสาวก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศ
“พี่ริน หนูกลัว” นาลินรีบบอกเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้ามาในห้องที่เธอนอนพักฟื้นอยู่
ฉันก้าวขาเดินมาหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ กับเตียง แล้วกุมมือนาลินเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว เธอต้องหายเชื่อพี่นะ” พูดแล้วฉันก็ค่อยๆ ยกมือขึ้ลูบหัวนาลิน “พี่จะรอวันที่น้องสาวคนสวยของพี่หายเป็นปกติ ถ้าหายดีแล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่เธออยากจะไป”
“….พี่รินสัญญาแล้วนะคะ”
“พี่สัญญา ^_^” ฉันฝืนยิ้มทั้งที่ตอนนี้มันอยากจะร้องไห้ออกมา
ตั้งแต่เล็กจนโตเราสองพี่น้องไม่เคยแยกจากกันไปไหนไกล แต่ครั้งนี้นาลินต้องถูกส่งตัวไปรักษาไกลถึงต่างประเทศ หากฉันมีเงินมากพอและไม่มีหน้าที่อะไรที่ต้องทำก็คงจะตามไปด้วย
แต่ฉันต้องอยู่เป็น ‘สิ่งของ’ ที่คุณเหนืออยากจะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้
หลังจากเยี่ยมนาลินเสร็จฉันก็มาหาพราว เพื่อนที่สนิทที่สุดของฉัน เรานัดกันมาเดินเล่นที่ห้างหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันร่วมเดือน
“ริน ทางนี้” เสียงของพราวเรียกบอกฉันพร้อมกับโบกมือไปมาเพื่อให้ฉันมองเห็นตัวเอง แต่การทำแบบนั้นมันกลับทำให้พราวตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น
ฉันรีบเดินจ้ำเท้าไปหาเพื่อน เพราะพราวเอาแต่เรียกชื่อฉันเสียงดัง ทำให้คนที่เดินผ่านไปมามองกันหมดแล้ว
“ยัยพราวพอแล้ว ฉันรู้แล้วว่าแกยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ” ฉันรีบท้วงขึ้น ทำให้พราวเอามือที่โบกไปมาลง “โทษทีแก ^_^”
“พี่เพชรสวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้พี่เพชรพี่ชายของพราวเรารู้จักกันดี เวลาออกมาจากบ้านพี่เพชรก็จะตามมาคุมทุกครั้ง ไม่ใช่เพราะอยากมาหรอกนะ แต่เป็นคำสั่งของพ่อ พ่อของพราวหวงลูกสาวมาก
“ไปหาอะไรกินกันเถอะท้องร้องแล้ว” พราวบอกพร้อมกับเอามือลูบท้องของตัวเองไปมา
“กินอะไรดี วันนี้เดี๋ยวพี่จ่าย” พี่เพชรบอก
“แหมๆ พอเห็นเพื่อนน้องเนี่ยกลายเป็นพ่อบุญทุ่มขึ้นมาทันทีเลยนะคะ”
“ยัยตัวแสบ! หุบปาก” พี่เพชรหันมายิ้มให้ฉัน “น้องรินจะกินอะไรดีครับ ^_^”
“น้องรินจะกินอะไรดีครับ” พราวทำเสียงเล็กเสียงน้อยพูดล้อเลียนคำถามของพี่เพชร
ฉันเห็นสองพี่น้องพูดล้อกันก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วก็ทำให้คิดถึงนาลินที่กำลังป่วยอยู่
#ณ ร้านชาบู
เราเลือกที่จะกินชาบู เพราะราคาที่ไม่แพงด้วยแล้วก็มีให้เลือกกินได้หลายอย่าง คุ้มสุดๆ
ระหว่างที่กินเราสามคนก็คุยกันไปด้วยเรื่องงาน พี่เพชรทำงานพนักงานบริษัทเดียวกับพราว นี่คืออีกเหตุผลที่พราวได้ฝึกงานคนละบริษัทกับฉัน เพราะพ่อของเธอบังคับให้ไปฝึกบริษัทที่พี่เพรชทำงานอยู่ จะได้ช่วยดูพราวไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง
“เดี๋ยวฉันมานะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน” พราวบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ
“แล้วนี่นาลินเป็นยังไงบ้าง” พี่เพชรถาม
“ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศ”
พอฉันบอกแบบนั้นพี่เพชรก็ตาโตขึ้นมาทันที “ค่ารักษาคงจะแพงน่าดู”
“โรงพยาบาลช่วยออกด้วยน่ะค่ะ รินเลยได้จ่ายเพิ่มไม่เยอะเท่าไหร่” ฉันเลือกที่จะโกหกออกไป เพราะไม่กล้าที่จะพูดความจริง
พูดจบฉันก็หันหน้ามองอะไรไปเรื่อย สายตาไปโฟกัสเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูคุ้นตากำลังเดินมากับลูกน้องสามคน
“…คุณเหนือ” ฉันอุทานออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป็นคุณเหนือ เขามาที่ห้างทำไมกัน
ฉันมองคุณเหนือที่กำลังเดินอยู่ แต่ก็ต้องรีบก้มหน้าลงพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่มันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เมื่อคุณเหนือหยุดเดินแล้วมองมาทางฉัน
“เป็นอะไรหรือเปล่าริน”
“ปะ เปล่าค่ะ”
“มีอะไรติดผมน่ะ เดี๋ยวพี่เอาออกให้นะอยู่นิ่งๆ” พี่เพชรพี่นั่งฝั่งตรงข้ามเอื้อมมือมาหยิบอะไรบางอย่างที่ติดผมฉันออกให้
“…ขอบคุณค่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นขอบคุณพี่เพชร และมองด้านข้างตัวเองนอกกระจกใสบานใหญ่เพื่อดูว่าคุณเหนือยังอยู่หรือเปล่า
ขะ เขายังอยู่ และยังคงยืนมองฉัน
คุณเหนือเคยพูดว่าห้ามฉันยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหน และถึงพี่เพชรจะเป็นพี่ชายของพราว แต่จากที่เขามองมาเห็นเรานั่งอยู่สองคนอาจจะเข้าใจผิดได้
ฉันต้องรีบไปอธิบาย ไม่อย่างนั้นนาลินอาจจะไม่ถูกส่งตัวไปรักษาถ้าเกิดว่าฉันทำให้คุณเหนือไม่พอใจ
“ฝากบอกพราวด้วยนะคะว่ารินขอตัวกลับก่อน” พูดจบฉันก็ลุกขึ้น แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกพี่เพชรรั้งแขนเอาไว้
“เดี๋ยวสิริน จะรีบไปไหน”
“ระ รินมีธุระด่วนน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ไว้คราวหน้าให้รินเป็นคนเลี้ยงพี่เพชรนะคะ”
ฉันรีบเดินออกมาจากร้านชาบู ตรงไปหาคุณเหนือ ซึ่งเขาก็ยังมองฉันอย่างไม่ละสายตา
เมื่อฉันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคุณเหนือ ตอนนี้เนื้อตัวมันสั่นเทาเพราะกลัวสายตาของเขาที่กำลังจ้องฉันอย่างดุดัน
“คือรินมากิน….”
“ตามฉันมา” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ก่อนที่ร่างหนาของคุณเหนือจะเดินนำฉันไป
คุณเหนือเดินนำฉันมาที่รถของตัวเอง ซึ่งจอดอยู่ตรงที่จ]อดวีไอพี บริเวณนี้จะไม่มีรถของใครจอดอยู่เลยสักคัน“ขึ้นรถ”“ตะ แต่รินเอารถมา…”“ฉันบอกให้เธอขึ้นรถ” คุณเหนือกดเสียงต่ำ ทำให้ฉันรีบเปิดประตูเข้ามานั่งด้านในอย่างว่าง่ายเมื่อฉันเข้ามานั่งด้านในรถ คุณเหนือก็เปิดประตูเข้ามานั่งตรงเบาะคนขับ เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่ออก แล้วถอดมันก่อนจะโยนมันไปไว้ที่เบาะหลัง จากนั้นก็ดึงเน็กไทลงพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อสองสามเม็ดใบหน้าเกรี้ยวกราดหันมาจ้องฉันอย่างเอาเรื่อง “เอาเงินที่ฉันให้มาเลี้ยงผู้ชาย ?”“มะ ไม่ อื้อ…” ไม่ทันที่
ตึกดึก….ฉันอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดนอนที่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสีชมพูอ่อนลายหมีที่คุณเหนือพูดว่าคืนนี้เขาจะมานอนที่นี่มันทำให้จิตใจของฉันเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอย เอาแต่คิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นาๆไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าความหมายของคำพูดคุณเหนือคืออะไร เพราะฉันรู้ ถึงได้คิดหาวิธีว่าจะเอาตัวเองให้รอดพ้นคืนนี้ไปได้ยังไง ฉันยังไม่พร้อม และไม่อยากที่จะเลยเถิดไปถึงขั้นนั้นถึงจะรู้ดีว่าสุดท้ายนี่ก็คือสิ่งที่คุณเหนือต้องการ….“นี่มันคือสิ่งที่ตัวฉันต้องเจอไม่ใช่หรือไง” ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แกร็ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ฉันที่นั่งคิดไม่ตกอยู่บนโซฟาค่อยๆ หันมองที่ประตู เห็นคุณเหนือกำลังเดินเข้ามาภายในห้องหัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นสายตาที่ดุดันคู่นั้นของคุณเหนือจ้องมองมายังใบหน้าของฉัน เหมือนกับว่าฉันไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างไงอย่างงั้น หรือว่ายังหงุดหงิดเรื่องวันนี้อยู่อีกนะ“เธอใส่ชุดนี้รอฉัน ?”“ดะ เดี๋ยวรินไปเอาน้ำมาให้ดื่มนะคะ” ฉันรีบลุกขึ้นแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินไปไกล เสียงเย็นยะเยือกของคุณเหนือก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน “ฉันจะอาบน้ำ ไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอ่
มือหนาเอื้อมมาดึงผ้าปิดตาออกให้ฉัน ทำให้มองเห็นอะไรต่อมิอะไรตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น ร่างกายกำยำของคุณเหนือกำลังโยกเอวเข้าหาร่างบอบบางของฉันอย่างหนักหน่วงเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา กระเซ็นหยดใส่ฉันยามที่เขาอัดกระแทกฉันเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นภาพตรงหน้าแล้วกัดริมฝีปากจนห้อเลือดจากความเจ็บปวดที่ได้รับปัก ปัก ปัก! เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนลง พร้อมๆ กับความปวดร้าวที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ“มองหน้าฉันสิวาริน อ๊า” เสียงทุ้มต่ำออกคำสั่ง ทำให้ฉันต้องจำใจค่อยๆ หันมามองหน้าเขาช้าๆคุณเหนือถอดแก่นกายออกไป มือหนาพลิกร่างของฉันให้นอนคว่ำหน้าลง ก่อนจะจับสะโพกมนโก่งขึ้นจนโค้ง สอดใส่ลำเอ็นอันเขื่องเข้ามาอีกครั้ง แล้วตามด้วยแรงกายที่กระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างป่าเถื่อน“อึก ระ รินเจ็บ คุณเหนือรินไม่ไหวแล้วค่ะ” ฉันเอ่ยปากวิงวอนคุณเหนืออีกครั้ง หวังให้เขาลดความดิบเถื่อนลงบ้าง แต่กลับไม่ได้รับความเห็นใจเลยสักนิด“อ๊า แน่น อ๊า”มือหนาฟาดลงมาบนแก้มก้นของฉันสามสี่ครั้งแล้วบีบเคล้นอย่างหนักหน่วง ขณะเดียวกันกันก็ควบเอวสอบโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่งนี่เป็นครั้งแรกที่ฉั
สายตาของคุณเหนือมันแสดงออกถึงความไม่พอใจที่ฉันถามอะไรแบบนั้นออกไปคุณเหนือเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นก็โอบเอวของฉันแล้วดึงตัวฉันให้แนบชิดติดกับตัวเอง“ทำไมถึงตั้งคำถามโง่ๆ แบบนั้นกับฉัน ?” สายตาคมกริบของคนตรงหน้ากำลังมองฉันอย่างคาดคั้น“ระ รินมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอคะ”“เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน” คุณเหนือย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หน้าที่ของเธอมีแค่นอนแก้ผ้าให้ฉัน…” คุณเหนือเว้นคำพูด แต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่าเขาหมายจะพูดอะไร “อย่าอยากรู้ในสิ่งที่ฉันไม่ต้องการจะพูด เข้าใจที่ฉันบอกใช่ไหม ?”“ขะ เข้าใจแล้วค่ะ”“หวังว่าเธอจะไม่ตั้งคำถามโง่ๆ มากวนใจฉันอีกนะวาริน”“…ค่ะ”มือหนาจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น เพราะฉันเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมองเขา จู่ๆ คุณเหนือก็กดริมฝีปากลงมาบดขยี้จูบอย่างหนักหน่วงฉันที่ตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงรีบดันตัวเขาออก เพราะตรงนี้มันคือลานจอดรถ ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้าจะทำยังไงแต่ยิ่งฉันพยายามผลักเท่าไหร่คุณเหนือก็ยิ่งจูบหนักขึ้น ฉันจึงค่อยๆ หยุดนิ่งปล่อยให้คุณเหนือทำตามใจตัวเอง เมื่อฉันเลิกที่จะขัดขืน คุณเหนือก็ค่อยๆ ปล่อยริมฝีปากของฉันให้เป็นอิสระ“นี่คือบท
ฉันจำใจต้องนั่งลงที่เดิมเพื่อรอ รอให้คุณเหนือเป็นคนอนุญาตให้กลับได้ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ฉันเอาแต่คิดถึงหน้านาลิน น้องสาวของฉัน จึงทำให้มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างคนไร้ค่าแบบนี้“คุณเหนือทำไมถึงไม่ค่อยพูดเลยล่ะคะ” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างกายของคุณเหนือเธอถามขึ้นมา“ฉันไม่ค่อยชอบการพูดคุยกับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่” คำตอบของคุณเหนือช่างร้ายกาจ ถ้าหากว่าฉันเป็นผู้หญิงคนนั้นคงจะหน้าชาไปแล้ว“แล้วทำยังไงแป้งถึงจะไม่ถูกคุณเหนือมองว่าเป็นผู้หญิงแปลกหน้าล่ะคะ” เธอถามอย่างยั่วยวน พร้อมกับใช้มือลูบไล้ไปตามแผงอกแกร่งหมับ!! จู่ๆ คุณเหนือก็หันมา คว้ามือมาโอบเอวฉัน ก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างของฉันถลาเข้ามาแนบชิดกับตัวเอง“คะ คุณเหนือ” ฉันดันแผงอกแกร่งเอาไว้เมื่อคุณเหนือเอี้ยวใบหน้าคมคายลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของฉันจนปลายจมูกของเราทั้งคู่มันจรดกัน“อยู่นิ่งๆ” คุณเหนือกดเสียงต่ำบอก ฉันจึงนั่งนิ่งๆ ตามคำสั่งของเขาริมฝีปากหนากดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉันในทันที เขาบดขยี้ราวกับเสือที่กำลังฉีกชิ้นเนื้อของเหยื่อ ทำให้ริมฝีปากของฉันมันชาหนึบไปหมดและที่สำคัญตรงนี้ยังมีคนอื่นอยู่ เขาทำแบบนี้ทำไมไม่นานคุณเหนือก็ผละริมฝ
คุณเหนือเร่งกระแทกสะโพกสอบทำให้เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วบริเวณห้องน้ำ“อ๊า ชอบไหม” คุณเหนือกระซิบถามข้างๆ กับใบหูของฉัน แต่ไร้ซึ่งการตอบกลับ ฉันไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เพราะในตอนนี้มันเจ็บจนพูดไม่ออกมือหนาบีบเคล้นหน้าอกของฉัน คุณเหนือซุกใบหน้าลงมาตะโบมดูนดุนหน้าอกทั้งสองเต้าอย่างหื่นกระหายปัก ปัก ปัก! ฉันจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความเจ็บปวด“อื้ม~” เสียงคำรามออกมาเบาๆ ของคุณเหนือดังขึ้นมาเป็นระยะๆเขาอัดกระแทกเอวสอบส่งท่อนเอ็นเข้ามาในร่างกายของฉันอย่างดิบเถื่อน ผ่านไปประมาณเกือบสิบนาที ร่างของฉันก็ถูกจับให้หันหน้าชนกับผนังห้องน้ำ จากนั้นแก่นกายลำใหญ่ก็ถูกสอดใส่เข้ามาในช่องทางคับแคบอีกครั้งปัก ปัก ปัก ปัก! คุณเหนือกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาในร่องแคบของฉันอย่างหนักหน่วง จนฉันแทบจะไม่มีแรงยืนอยู่แล้ว“คะ คุณเหนือ บะ เบาๆ หน่อยได้ไหมคะ” ฉันร้องขอออกไปด้วยน้ำเสียงที่มันกระท่อนกระแท่นขาดหาย เพราะการที่ถูกอัดกระแทกทำให้พูดไม่ได้ศัพท์คุณเหนือไม่ได้ตอบอะไร เขาเร่งจังหวะสะโพกให้รุนแรงขึ้น ราวกับว่าชอบที่ได้ยินเสียงที่ทรมานของฉันแบบนี้ริมฝีปากหนาพรมจูบลงมาทั่วบริเวณแผ่นหลังของฉ
วันนี้ทั้งวันฉันเอาแต่คิดไม่ตก ที่คุณเหนือบอกจะไปวันเกิดเพื่อนกับฉัน ถ้าเขารู้ว่าฉันโกหกต้องแย่แน่ๆหรือว่าฉันควรจะโทรไปบอกพราวว่าไม่ได้ไปแล้ว“เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ทำให้พี่รุ้งที่นั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมามอง“เป็นอะไรหรือเปล่าริน ?” พี่รุ้งถาม“ปะ เปล่าค่ะ”“พี่คิดว่าคุณเหนือพูดอะไรให้ไม่สบายใจซะอีก”“มะ ไม่ๆ ค่ะ คุณเหนือไม่ได้พูดอะไร”#เลิกงานฉันรีบลงจากตึกบริษัท ทำเหมือนลืมว่าคุณเหนือบอกว่าจะไปด้วย แบบนี้มันคงดีกว่าให้เขาไปเห็นว่าฉันโกหกจริงๆ ฉันกับพี่เพชรมันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น แต่คุณเหนือยืนยันชัดเจนว่าห้ามฉันยุ่งกับผู้ชายคนไหนไม่รู้ว่าทำไมถึงตั้งกฎอะไรแบบนี้กัน ทำเหมือนว่าโลกใบนี้มีแค่ผู้หญิงอย่างนั้นแหละ เขาน่าจะเข้าใจบ้างว่าฉันเองก็มีเพื่อน มีพี่คนรู้จักที่เป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นชู้อะไรแบบที่กล่าวหาสักหน่อย“รีบร้อนจังเลยนะ ฉันคงไม่ได้คิดไปเองว่าเธอกำลังคิดจะหนี”เฮือก!! ขนอ่อนบริเวณแผ่นหลังของฉันมันลุกซู่เมื่อได้ยินเสียงอำมหิตที่คุ้นเคยท้วงขึ้นมาฉันค่อยๆ หมุนตัวหันกลับมามองทางด้านหลังของตัวเอง เห็นคุณเหนือกำลังยืนกอดอกจ้องหน้าฉันตาเขม็งอยู่“คือริน รินคิดว่าคุณเหนือพู
คุณเหนือกดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉัน ไม่สิ! แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าจูบ เขากำลังกัดริมฝีปากของฉันอยู่ต่างหาก“อื้อ” ฉันประท้วงในลำคอเพราะความเจ็บที่ถูกเขากัด แต่คุณเหนือกลับไม่ยอมปล่อยริมฝีปากของฉันให้เป็นอิสระร่างของฉันถูกดันมาให้ติดกับรถหรู จากนั้นมือสากก็เริ่มลูบไล้ซุกซนไปตามจุดต่างๆ บนร่างกายของฉันถึงแม้ว่าตรงนี้จะไม่มีใครนอกจากเราสองคน แต่ฉันก็กลัวว่าจะมีใครมาเห็นอยู่ดี จึงพยายามปัดป่ายมือของคุณเหนือที่กำลังบีบเคล้นหน้าอกของฉันอยู่ในตอนนี้หากว่าคุณเหนือยอมปล่อยง่ายๆ ก็คงไม่ใช่เขา ในตอนนี้เม็ดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันกำลังถูกคุณเหนือปลดออกทีละเม็ดๆ อย่างใจเย็น ริมฝีปากที่ถูกกัดอย่างแรงในตอนนี้ฉันเริ่มได้กลิ่นคาวจางๆ ของเลือดที่มุมปากของตัวเองไม่คิดว่าจะถูกเขาทำขนาดนี้ กำลังโกรธฉันอีกแล้วใช่ไหม ถึงได้ทำให้ฉันเจ็บตัวคุณเหนือผละริมฝีปากออก สายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกจ้องมองใบหน้าของฉันครู่ใหญ่โดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาใช้เขี้ยวฟันงับเนินหน้าอก เขากัดแล้วดึง ทำให้ผิวเนื้อบริเวณนั้นแดงช้ำไปหมด อีกทั้งบนเนินหน้าอกของฉันยังมีรอยเขียวช้ำซึ่งเป็นรอยเก่าที่คุณเหนือฝากเอาไว้ และมันยังไ