คุณเหนือกดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉัน ไม่สิ! แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าจูบ เขากำลังกัดริมฝีปากของฉันอยู่ต่างหาก“อื้อ” ฉันประท้วงในลำคอเพราะความเจ็บที่ถูกเขากัด แต่คุณเหนือกลับไม่ยอมปล่อยริมฝีปากของฉันให้เป็นอิสระร่างของฉันถูกดันมาให้ติดกับรถหรู จากนั้นมือสากก็เริ่มลูบไล้ซุกซนไปตามจุดต่างๆ บนร่างกายของฉันถึงแม้ว่าตรงนี้จะไม่มีใครนอกจากเราสองคน แต่ฉันก็กลัวว่าจะมีใครมาเห็นอยู่ดี จึงพยายามปัดป่ายมือของคุณเหนือที่กำลังบีบเคล้นหน้าอกของฉันอยู่ในตอนนี้หากว่าคุณเหนือยอมปล่อยง่ายๆ ก็คงไม่ใช่เขา ในตอนนี้เม็ดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันกำลังถูกคุณเหนือปลดออกทีละเม็ดๆ อย่างใจเย็น ริมฝีปากที่ถูกกัดอย่างแรงในตอนนี้ฉันเริ่มได้กลิ่นคาวจางๆ ของเลือดที่มุมปากของตัวเองไม่คิดว่าจะถูกเขาทำขนาดนี้ กำลังโกรธฉันอีกแล้วใช่ไหม ถึงได้ทำให้ฉันเจ็บตัวคุณเหนือผละริมฝีปากออก สายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกจ้องมองใบหน้าของฉันครู่ใหญ่โดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาใช้เขี้ยวฟันงับเนินหน้าอก เขากัดแล้วดึง ทำให้ผิวเนื้อบริเวณนั้นแดงช้ำไปหมด อีกทั้งบนเนินหน้าอกของฉันยังมีรอยเขียวช้ำซึ่งเป็นรอยเก่าที่คุณเหนือฝากเอาไว้ และมันยังไ
คุณเหนือมองฉัน ก่อนที่เขาจะตอบกลับว่าที่คู่หมั้น “ใช่ เฮียมากับเธอ”คำตอบของคุณเหนือมันไม่เหมือนกับที่ฉันคิดเอาไว้ ที่คิดไว้คือเขาน่าจะปฏิเสธ เพราะผู้หญิงตรงหน้าคือคู่หมั้น ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่นี่มันว่าที่คู่หมั้นเชียวนะ ไม่กลัวถูกเธอสงสัยหรือไง“อ๋อ ฉันจำเธอได้แล้ว” คุณน้ำมนต์อุทานออกมา แล้วฉีกยิ้มหวานให้ฉัน “เธอคือนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของเฮียนี่เอง”“….ค่ะ” ฉันก้มหน้าตอบ ถึงตอนนี้จะยังไม่ถูกสงสัยอะไร แต่ฉันก็ยังกลัวและรู้สึกผิดมากๆ“นี่อย่าบอกนะคะว่าเฮียกำลังควงเธออยู่”เฮือก!! หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อฉันได้ยินคุณน้ำมนต์เธอถามออกมาแบบนั้น แปลว่าตอนนี้เธอเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหม“มันเกี่ยวอะไรกับเธอ แล้วนี่มากับใคร ?” คุณเหนือถามว่าที่คู่หมั้นดูเหมือนเขาจะไม่ตกใจที่ถูกท้วงแบบนั้น คงจะทำให้เธอเห็นบ่อยแน่ๆ แล้วคุณน้ำมนต์ไม่ว่าอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ“ไม่ต้องถามเปลี่ยนเรื่องเลยค่ะ” คุณน้ำมนต์เธอยกมือขึ้นมากอดอกจ้องหน้าคุณเหนือด้วยท่าทางที่เอาเรื่อง“คะ คือว่าระหว่างฉันกับคุณเหนือไม่ได้มีอะไรอย่างที่คุณคิดเลยค่ะ เราแค่บังเอิญมาเจอกัน” ฉันรีบแก้ตัวให้คุณเหนือและตัวเอง ก่อนที่จะเ
ผิดไหมที่ฉันรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินคำตอบของคุณน้ำมนต์ ที่เธอบอกว่าเธอกับคุณเหนือไม่ได้รักกัน และงานหมั้นเป็นเพียงสิ่งที่ทางผู้ใหญ่จัดการให้ฉันถูกคุณเหนือดึงตัวออกมาจากคุณน้ำมนต์ จึงหันหน้ากลับไปแล้วยิ้มให้คุณน้ำมนต์เล็กน้อย เธอก็โบกมือให้ฉัน ก่อนที่คุณเหนือจะออกแรงกระชากแขนฉันแรงขึ้นอีกนี่เขาไม่พอใจอะไร ทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้ไม่พอใจเลยนะ“รินเจ็บนะคะ” ฉันร้องบอกผู้ชายตัวโตที่เอาแต่ใช้กำลังลากให้ตัวฉันเดินตาม โดยไม่สนใจเลยว่าฉันจะเจ็บหรือเปล่าคุณเหนือหยุดเดิน เขาปล่อยมือออกจากแขนของฉัน และมองฉันด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเดิม ก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านโทรศัพท์ ฉันจึงรีบเดินตามเขาไปทันที“เอารุ่นนี้หนึ่งเครื่องครับ” คุณเหนือชี้ไปที่โทรศัพท์ราคาของมันประมาณห้าหมื่นได้ เป็นราคาที่ฉันไม่อาจจะเอื้อม แต่สำหรับคุณเหนือแล้ว แค่นั้นคงไม่ทำให้เขาหมดตัวได้พนักงานเอาโทรศัพท์มาให้คุณเหนือและให้เขาเช็กเครื่อง แต่เขากลับไม่ทำ แล้วบอกกับฉัน “เช็กเครื่องดูสิ”“…คะ ?”“เร็วๆ”ไม่ได้คำอธิบายอะไรแถมยังถูกเร่งอีก ตัวเองซื้อใช้เองแล้วทำไมต้องใช้ฉันเป็นคนเช็กเครื่องด้วย แถมฉันยังเล่นโทรศัพท์รุ่
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป…วันนี้เป็นวันที่ฉันตื่นเต้นที่สุด และมีเรื่องให้ตื่นเต้นถึงสองเรื่องด้วยกัน ตื่นเต้นที่หนึ่งคือฉันจะได้ขึ้นเครื่ิงบิน ซึ่งตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยได้ขึ้นเครื่ิงบินเลยสักครั้งตื่นเต้นที่สองคือฉันกำลังจะได้ไปเยี่ยมนาลิน น้องสาวของฉันที่ถูกเอาตัวไปรักษาอาการป่วยที่ประเทศอังกฤษคุณเหนือบอกว่าหมอได้ทำการรักษานาลินแล้ว และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นและวิเคราะห์โรคว่าจะหายขาดหรือเปล่า อาจจะได้พักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งถึงสองเดือน เพื่อรอดูอาการฉันเดินขึ้นเครื่องบินตามคุณเหนือ ก็รู้สึกแปลกใจที่เที่ยวบินนี้ไม่มีใครเลย นอกจากคุณเหนือกับฉัน และลูกน้องของเขา“ทำไมถึงไม่มีใครเลยล่ะคะ”คุณเหนือขมวดคิ้วราวกับว่าคำถามของฉันมันทำให้เขารำคาญใจ“ขอโทษที่รินถามอะไรโง่ๆ นะคะ คือรินแค่สงสัย”คุณเหนือเดินผ่านหน้าฉันไปโดยไม่พูดอะไร ฉันจึงรีบเดินตามเขา ถึงแม้จะยังสงสัยว่าทำไมเที่ยวบินนี้ถึงมีแต่เราก็ตามฉันนั่งลงที่นั่งข้างๆ กับคุณเหนือ แต่มีช่องว่างกั้นไว้เป็นทางเดิน เรานั่งหันหน้าเข้าหากัน ที่ต้องนั่งห่างแบบนี้เพราะฉันไม่อยากรบกวนเขา และไม่อยากให้เขารู้สึกรำคาญใจอีกฉันคอยสังเกตท่าทางข
ฉันเงียบไม่ได้พูดอะไร และก็พอเดาสายตาของคุณเหนือออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“เป็นยังไงบ้างอาการป่วยดีขึ้นหรือยัง” ฉันพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบเสียงของฉันทำให้คุณเหนือละสายตาออกจากนาลิน ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา ส่วนนาลินเธอยังมองคุณเหนือไปจนกระทั่งเขานั่งลงบนโซฟา“นาลิน ได้ฟังที่พี่ถามหรือเปล่า” ฉันถามเพื่อเรียกสติน้องสาวอีกครั้ง“อะ อ๋อ ดีขึ้นมากเลยค่ะพี่ริน หลังจากที่ได้รับการรักษาหนูก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ ^_^”“หมอบอกว่าต้องรอดูอาการก่อนนะ” ฉันสำรวจดูเห็นว่านาลินเริ่มดีขึ้นมากจริงๆ เธอมีน้ำมีนวลขึ้นมากกว่าตอนแรก“อยากกินผลไม้ไหม เดี๋ยวพี่จะไปซื้อให้”“ไม่เอาค่ะ หนูยังไม่หิว” นาลินมองคุณเหนืออีกครั้ง “พี่รินจะมาอยู่กี่วันเหรอคะ”“หนึ่งอาทิตย์จ้ะ แต่พี่นอนเฝ้าเธอไม่ได้เพราะหมอห้าม”“หนูอยากให้พี่รินนอนเฝ้าจัง” ถึงแม้เธอจะพูดกับฉัน แต่กลับเอาแต่จับจ้องมองคุณเหนือจนฉันรู้สึกใจคอไม่ดี ที่นาลินแสดงกิริยาแบบนี้ออกมา“นาลิน” ฉันมองน้องสาวด้วยสายตาที่ดุกล่าว ทำให้เธอยิ้มแห้ง แล้วพูดแบบกระซิบกระซาบกับฉัน “นานๆ ทีหนูจะเจอผู้ชายหน้าตาดีๆ นี่นา”คำพูดของนาลิน ทำให้ฉันหยิกเธอเบาๆ ที่คิดเรื่องแบบนี้ท
ฉันตัดสินใจว่าจะขอเขาเรื่องนาลิน ฉันไม่อยากให้น้องสาวต้องเข้ามาติดอยู่ในบ่วงกามอย่างฉัน“น้องสาวของเธอทำไม ?” สายตาเย็นชาตวัดขึ้นมามองใบหน้าของฉันเพื่อรอฟังคำตอบ“อย่ายุ่งกับน้องสาวของรินได้ไหมคะ…”“เธอกล้าขอฉัน ?”“นะ นาลินไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย เธอไม่ควรถูกดึงเข้ามาอยู่ในวงจรแบบที่รินเป็นอยู่ในตอนนี้”นิ้วใหญ่ลากไล้วนไปมาบนพวงแก้มของฉัน ฉันพยายามค้นหาคำตอบจากดวงตาคู่นั้นของเขา แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้“แล้วถ้าน้องสาวของเธอเสนอตัวให้ฉัน เธอจะให้ฉันปฏิเสธ ?”“นาลินยังเด็ก….”“วันนี้น้องสาวของเธอดูท่าจะถูกใจฉันด้วยสิ” คุณเหนือพูดสวนขึ้นมา“…คุณเหนือ”ใบหน้าคมคายก้มลงมา ก่อนที่คุณเหนือจะใช้เขี้ยวฟันงับมาบนเนินหน้าอกของฉันอีกครั้ง“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่กับน้อง ใครจะเด็ดกว่ากัน”“……” คำตอบของคุณเหนือทำให้ฉันผิดหวัง แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“เงียบทำไม”“รินขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นจากตักแกร่ง กำลังจะก้าวขาเดินแต่ถูกรั้งแขนเอาไว้ “ปล่อยค่ะ”ฉันรู้อารมณ์ของตัวเองดีว่าตอนนี้ไม่พอใจเขามากแค่ไหน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมักมาก ฉันไม่อยากให้เรื่องที่กลัวมันเ
ตอนนี้ฉันกลัวเขาจนตัวสั่น แต่ก็ยังอยากจะอธิบายว่าเรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดสงสัย“ฟะ ฟังรินก่อนได้ไหมคะ” ฉันยกมือขึ้นมารั้งมือของคุณเหนือ ที่กำลังบีบปลายคางของฉันอยู่“พูดมาสิ ฉันกำลังฟังเธออยู่” คุณเหนือเอามือออกไป อย่างน้อยเขาก็ยอมฟังและไม่ได้ทำให้ฉันเจ็บตัวไปมากกว่านี้“คุณหมอคนนั้น เขาเป็นหมอที่ดูแลอาการป่วยของน้องสาวริน อีกอย่างเราแค่บังเอิญเจอกันในลิฟต์ ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเหนือคิดเลยนะคะ” ฉันใจเย็นและพูดอธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียด“เธอไม่คิด แต่เหมือนว่ามันจะคิด”“คุณเหนือคะ รินกับเขาเพิ่งเจอกันแค่สองครั้งเองนะคะ”“ฉันจะให้หมอคนอื่นมาดูแลน้องสาวของเธอแทนมัน”คุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินผ่านหน้าฉันไปที่รถ ฉันจึงต้องรีบเดินตามเขาไปวันนี้ไม่มีคนขับรถให้ คุณเหนือเป็นคนขับแถมเขายังขับเร็วมากๆ ฉันอยากจะท้วงให้เขาขับช้ากว่านี้หน่อย แต่ก็ไม่กล้าท้วงอะไรออกไป เพราะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังโกรธ#คอนโดคุณเหนือถอดเสื้อแจ็กเก็ตตัวนอกออก เขาเหวี่ยงมันกระแทกลงพื้นอย่างไม่สนว่าราคาของเสื้อตัวนั้นจะแพงเท่าไหร่ เห็นแบบนั้นฉันจึงรีบเดินไปเก็บให้แต่เมื่อฉันก้มลงเก็บเสื้อ แขนก็ถูกกร
วันต่อมา…ฉันตื่นขึ้นมาข้างกายว่างเปล่า ทั้งที่เมื่อคืนคุณเหนือเขาอุ้มฉันมาทำเรื่องอย่างว่าต่อในห้อง และหลังจากเสร็จบทกามฉันก็หลับไปไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าคุณเหนือกลับห้องของเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แกร็ก! ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ลุกจากเตียง ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาก่อนที่น้ำเสียงทุ้มต่ำจะออกคำสั่ง “ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอต้องไปทำธุระกับฉัน”“แต่รินต้องไปหาน้องที่…”“เธอได้ไปแน่ แต่หลังจากที่ธุระของฉันเสร็จแล้ว” คุณเหนือเดินมาหยุดข้างๆ กับเตียงนอน จากนั้นเขาก็โน้มตัวลงมาใช้สองมือวางค้ำไว้ระหว่างแก้มซ้ายและขวาของฉันสายตาคมกริบจ้องมองใบหน้าฉันอย่างจริงจัง แล้วพูดขึ้น “อย่าคิดว่าเธอจะได้ไปที่โรงพยาบาลนั่นคนเดียวอีก”ฉันได้แต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าพูดเถียงอะไรเมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของคนด้านบนคุณเหนือหยัดตัวตรง จากนั้นเขาก็หันหลังให้ฉันเดินออกไปจากห้อง หลังจากที่คุณเหนือเดินไปแล้ว ฉันจึงรีบลุกขึ้นอาบน้ำและเตรียมตัวเพราะหากชักช้าอาจจะเจอดุได้เมื่อทำธุระเสร็จแล้วคุณเหนือก็ขับรถพาฉันมาทำธุระของเขา ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะพาฉันไปที่ไหน เพราะฉันไม่คุ้นชินกับต่างประเทศ นี