คุณเหนือเร่งกระแทกสะโพกสอบทำให้เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วบริเวณห้องน้ำ“อ๊า ชอบไหม” คุณเหนือกระซิบถามข้างๆ กับใบหูของฉัน แต่ไร้ซึ่งการตอบกลับ ฉันไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เพราะในตอนนี้มันเจ็บจนพูดไม่ออกมือหนาบีบเคล้นหน้าอกของฉัน คุณเหนือซุกใบหน้าลงมาตะโบมดูนดุนหน้าอกทั้งสองเต้าอย่างหื่นกระหายปัก ปัก ปัก! ฉันจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความเจ็บปวด“อื้ม~” เสียงคำรามออกมาเบาๆ ของคุณเหนือดังขึ้นมาเป็นระยะๆเขาอัดกระแทกเอวสอบส่งท่อนเอ็นเข้ามาในร่างกายของฉันอย่างดิบเถื่อน ผ่านไปประมาณเกือบสิบนาที ร่างของฉันก็ถูกจับให้หันหน้าชนกับผนังห้องน้ำ จากนั้นแก่นกายลำใหญ่ก็ถูกสอดใส่เข้ามาในช่องทางคับแคบอีกครั้งปัก ปัก ปัก ปัก! คุณเหนือกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาในร่องแคบของฉันอย่างหนักหน่วง จนฉันแทบจะไม่มีแรงยืนอยู่แล้ว“คะ คุณเหนือ บะ เบาๆ หน่อยได้ไหมคะ” ฉันร้องขอออกไปด้วยน้ำเสียงที่มันกระท่อนกระแท่นขาดหาย เพราะการที่ถูกอัดกระแทกทำให้พูดไม่ได้ศัพท์คุณเหนือไม่ได้ตอบอะไร เขาเร่งจังหวะสะโพกให้รุนแรงขึ้น ราวกับว่าชอบที่ได้ยินเสียงที่ทรมานของฉันแบบนี้ริมฝีปากหนาพรมจูบลงมาทั่วบริเวณแผ่นหลังของฉ
วันนี้ทั้งวันฉันเอาแต่คิดไม่ตก ที่คุณเหนือบอกจะไปวันเกิดเพื่อนกับฉัน ถ้าเขารู้ว่าฉันโกหกต้องแย่แน่ๆหรือว่าฉันควรจะโทรไปบอกพราวว่าไม่ได้ไปแล้ว“เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ทำให้พี่รุ้งที่นั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมามอง“เป็นอะไรหรือเปล่าริน ?” พี่รุ้งถาม“ปะ เปล่าค่ะ”“พี่คิดว่าคุณเหนือพูดอะไรให้ไม่สบายใจซะอีก”“มะ ไม่ๆ ค่ะ คุณเหนือไม่ได้พูดอะไร”#เลิกงานฉันรีบลงจากตึกบริษัท ทำเหมือนลืมว่าคุณเหนือบอกว่าจะไปด้วย แบบนี้มันคงดีกว่าให้เขาไปเห็นว่าฉันโกหกจริงๆ ฉันกับพี่เพชรมันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น แต่คุณเหนือยืนยันชัดเจนว่าห้ามฉันยุ่งกับผู้ชายคนไหนไม่รู้ว่าทำไมถึงตั้งกฎอะไรแบบนี้กัน ทำเหมือนว่าโลกใบนี้มีแค่ผู้หญิงอย่างนั้นแหละ เขาน่าจะเข้าใจบ้างว่าฉันเองก็มีเพื่อน มีพี่คนรู้จักที่เป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นชู้อะไรแบบที่กล่าวหาสักหน่อย“รีบร้อนจังเลยนะ ฉันคงไม่ได้คิดไปเองว่าเธอกำลังคิดจะหนี”เฮือก!! ขนอ่อนบริเวณแผ่นหลังของฉันมันลุกซู่เมื่อได้ยินเสียงอำมหิตที่คุ้นเคยท้วงขึ้นมาฉันค่อยๆ หมุนตัวหันกลับมามองทางด้านหลังของตัวเอง เห็นคุณเหนือกำลังยืนกอดอกจ้องหน้าฉันตาเขม็งอยู่“คือริน รินคิดว่าคุณเหนือพู
คุณเหนือกดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉัน ไม่สิ! แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าจูบ เขากำลังกัดริมฝีปากของฉันอยู่ต่างหาก“อื้อ” ฉันประท้วงในลำคอเพราะความเจ็บที่ถูกเขากัด แต่คุณเหนือกลับไม่ยอมปล่อยริมฝีปากของฉันให้เป็นอิสระร่างของฉันถูกดันมาให้ติดกับรถหรู จากนั้นมือสากก็เริ่มลูบไล้ซุกซนไปตามจุดต่างๆ บนร่างกายของฉันถึงแม้ว่าตรงนี้จะไม่มีใครนอกจากเราสองคน แต่ฉันก็กลัวว่าจะมีใครมาเห็นอยู่ดี จึงพยายามปัดป่ายมือของคุณเหนือที่กำลังบีบเคล้นหน้าอกของฉันอยู่ในตอนนี้หากว่าคุณเหนือยอมปล่อยง่ายๆ ก็คงไม่ใช่เขา ในตอนนี้เม็ดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันกำลังถูกคุณเหนือปลดออกทีละเม็ดๆ อย่างใจเย็น ริมฝีปากที่ถูกกัดอย่างแรงในตอนนี้ฉันเริ่มได้กลิ่นคาวจางๆ ของเลือดที่มุมปากของตัวเองไม่คิดว่าจะถูกเขาทำขนาดนี้ กำลังโกรธฉันอีกแล้วใช่ไหม ถึงได้ทำให้ฉันเจ็บตัวคุณเหนือผละริมฝีปากออก สายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกจ้องมองใบหน้าของฉันครู่ใหญ่โดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาใช้เขี้ยวฟันงับเนินหน้าอก เขากัดแล้วดึง ทำให้ผิวเนื้อบริเวณนั้นแดงช้ำไปหมด อีกทั้งบนเนินหน้าอกของฉันยังมีรอยเขียวช้ำซึ่งเป็นรอยเก่าที่คุณเหนือฝากเอาไว้ และมันยังไ
คุณเหนือมองฉัน ก่อนที่เขาจะตอบกลับว่าที่คู่หมั้น “ใช่ เฮียมากับเธอ”คำตอบของคุณเหนือมันไม่เหมือนกับที่ฉันคิดเอาไว้ ที่คิดไว้คือเขาน่าจะปฏิเสธ เพราะผู้หญิงตรงหน้าคือคู่หมั้น ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่นี่มันว่าที่คู่หมั้นเชียวนะ ไม่กลัวถูกเธอสงสัยหรือไง“อ๋อ ฉันจำเธอได้แล้ว” คุณน้ำมนต์อุทานออกมา แล้วฉีกยิ้มหวานให้ฉัน “เธอคือนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของเฮียนี่เอง”“….ค่ะ” ฉันก้มหน้าตอบ ถึงตอนนี้จะยังไม่ถูกสงสัยอะไร แต่ฉันก็ยังกลัวและรู้สึกผิดมากๆ“นี่อย่าบอกนะคะว่าเฮียกำลังควงเธออยู่”เฮือก!! หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อฉันได้ยินคุณน้ำมนต์เธอถามออกมาแบบนั้น แปลว่าตอนนี้เธอเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหม“มันเกี่ยวอะไรกับเธอ แล้วนี่มากับใคร ?” คุณเหนือถามว่าที่คู่หมั้นดูเหมือนเขาจะไม่ตกใจที่ถูกท้วงแบบนั้น คงจะทำให้เธอเห็นบ่อยแน่ๆ แล้วคุณน้ำมนต์ไม่ว่าอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ“ไม่ต้องถามเปลี่ยนเรื่องเลยค่ะ” คุณน้ำมนต์เธอยกมือขึ้นมากอดอกจ้องหน้าคุณเหนือด้วยท่าทางที่เอาเรื่อง“คะ คือว่าระหว่างฉันกับคุณเหนือไม่ได้มีอะไรอย่างที่คุณคิดเลยค่ะ เราแค่บังเอิญมาเจอกัน” ฉันรีบแก้ตัวให้คุณเหนือและตัวเอง ก่อนที่จะเ
ผิดไหมที่ฉันรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินคำตอบของคุณน้ำมนต์ ที่เธอบอกว่าเธอกับคุณเหนือไม่ได้รักกัน และงานหมั้นเป็นเพียงสิ่งที่ทางผู้ใหญ่จัดการให้ฉันถูกคุณเหนือดึงตัวออกมาจากคุณน้ำมนต์ จึงหันหน้ากลับไปแล้วยิ้มให้คุณน้ำมนต์เล็กน้อย เธอก็โบกมือให้ฉัน ก่อนที่คุณเหนือจะออกแรงกระชากแขนฉันแรงขึ้นอีกนี่เขาไม่พอใจอะไร ทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้ไม่พอใจเลยนะ“รินเจ็บนะคะ” ฉันร้องบอกผู้ชายตัวโตที่เอาแต่ใช้กำลังลากให้ตัวฉันเดินตาม โดยไม่สนใจเลยว่าฉันจะเจ็บหรือเปล่าคุณเหนือหยุดเดิน เขาปล่อยมือออกจากแขนของฉัน และมองฉันด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเดิม ก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านโทรศัพท์ ฉันจึงรีบเดินตามเขาไปทันที“เอารุ่นนี้หนึ่งเครื่องครับ” คุณเหนือชี้ไปที่โทรศัพท์ราคาของมันประมาณห้าหมื่นได้ เป็นราคาที่ฉันไม่อาจจะเอื้อม แต่สำหรับคุณเหนือแล้ว แค่นั้นคงไม่ทำให้เขาหมดตัวได้พนักงานเอาโทรศัพท์มาให้คุณเหนือและให้เขาเช็กเครื่อง แต่เขากลับไม่ทำ แล้วบอกกับฉัน “เช็กเครื่องดูสิ”“…คะ ?”“เร็วๆ”ไม่ได้คำอธิบายอะไรแถมยังถูกเร่งอีก ตัวเองซื้อใช้เองแล้วทำไมต้องใช้ฉันเป็นคนเช็กเครื่องด้วย แถมฉันยังเล่นโทรศัพท์รุ่
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป…วันนี้เป็นวันที่ฉันตื่นเต้นที่สุด และมีเรื่องให้ตื่นเต้นถึงสองเรื่องด้วยกัน ตื่นเต้นที่หนึ่งคือฉันจะได้ขึ้นเครื่ิงบิน ซึ่งตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยได้ขึ้นเครื่ิงบินเลยสักครั้งตื่นเต้นที่สองคือฉันกำลังจะได้ไปเยี่ยมนาลิน น้องสาวของฉันที่ถูกเอาตัวไปรักษาอาการป่วยที่ประเทศอังกฤษคุณเหนือบอกว่าหมอได้ทำการรักษานาลินแล้ว และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นและวิเคราะห์โรคว่าจะหายขาดหรือเปล่า อาจจะได้พักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งถึงสองเดือน เพื่อรอดูอาการฉันเดินขึ้นเครื่องบินตามคุณเหนือ ก็รู้สึกแปลกใจที่เที่ยวบินนี้ไม่มีใครเลย นอกจากคุณเหนือกับฉัน และลูกน้องของเขา“ทำไมถึงไม่มีใครเลยล่ะคะ”คุณเหนือขมวดคิ้วราวกับว่าคำถามของฉันมันทำให้เขารำคาญใจ“ขอโทษที่รินถามอะไรโง่ๆ นะคะ คือรินแค่สงสัย”คุณเหนือเดินผ่านหน้าฉันไปโดยไม่พูดอะไร ฉันจึงรีบเดินตามเขา ถึงแม้จะยังสงสัยว่าทำไมเที่ยวบินนี้ถึงมีแต่เราก็ตามฉันนั่งลงที่นั่งข้างๆ กับคุณเหนือ แต่มีช่องว่างกั้นไว้เป็นทางเดิน เรานั่งหันหน้าเข้าหากัน ที่ต้องนั่งห่างแบบนี้เพราะฉันไม่อยากรบกวนเขา และไม่อยากให้เขารู้สึกรำคาญใจอีกฉันคอยสังเกตท่าทางข
ฉันเงียบไม่ได้พูดอะไร และก็พอเดาสายตาของคุณเหนือออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“เป็นยังไงบ้างอาการป่วยดีขึ้นหรือยัง” ฉันพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบเสียงของฉันทำให้คุณเหนือละสายตาออกจากนาลิน ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา ส่วนนาลินเธอยังมองคุณเหนือไปจนกระทั่งเขานั่งลงบนโซฟา“นาลิน ได้ฟังที่พี่ถามหรือเปล่า” ฉันถามเพื่อเรียกสติน้องสาวอีกครั้ง“อะ อ๋อ ดีขึ้นมากเลยค่ะพี่ริน หลังจากที่ได้รับการรักษาหนูก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ ^_^”“หมอบอกว่าต้องรอดูอาการก่อนนะ” ฉันสำรวจดูเห็นว่านาลินเริ่มดีขึ้นมากจริงๆ เธอมีน้ำมีนวลขึ้นมากกว่าตอนแรก“อยากกินผลไม้ไหม เดี๋ยวพี่จะไปซื้อให้”“ไม่เอาค่ะ หนูยังไม่หิว” นาลินมองคุณเหนืออีกครั้ง “พี่รินจะมาอยู่กี่วันเหรอคะ”“หนึ่งอาทิตย์จ้ะ แต่พี่นอนเฝ้าเธอไม่ได้เพราะหมอห้าม”“หนูอยากให้พี่รินนอนเฝ้าจัง” ถึงแม้เธอจะพูดกับฉัน แต่กลับเอาแต่จับจ้องมองคุณเหนือจนฉันรู้สึกใจคอไม่ดี ที่นาลินแสดงกิริยาแบบนี้ออกมา“นาลิน” ฉันมองน้องสาวด้วยสายตาที่ดุกล่าว ทำให้เธอยิ้มแห้ง แล้วพูดแบบกระซิบกระซาบกับฉัน “นานๆ ทีหนูจะเจอผู้ชายหน้าตาดีๆ นี่นา”คำพูดของนาลิน ทำให้ฉันหยิกเธอเบาๆ ที่คิดเรื่องแบบนี้ท
ฉันตัดสินใจว่าจะขอเขาเรื่องนาลิน ฉันไม่อยากให้น้องสาวต้องเข้ามาติดอยู่ในบ่วงกามอย่างฉัน“น้องสาวของเธอทำไม ?” สายตาเย็นชาตวัดขึ้นมามองใบหน้าของฉันเพื่อรอฟังคำตอบ“อย่ายุ่งกับน้องสาวของรินได้ไหมคะ…”“เธอกล้าขอฉัน ?”“นะ นาลินไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย เธอไม่ควรถูกดึงเข้ามาอยู่ในวงจรแบบที่รินเป็นอยู่ในตอนนี้”นิ้วใหญ่ลากไล้วนไปมาบนพวงแก้มของฉัน ฉันพยายามค้นหาคำตอบจากดวงตาคู่นั้นของเขา แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้“แล้วถ้าน้องสาวของเธอเสนอตัวให้ฉัน เธอจะให้ฉันปฏิเสธ ?”“นาลินยังเด็ก….”“วันนี้น้องสาวของเธอดูท่าจะถูกใจฉันด้วยสิ” คุณเหนือพูดสวนขึ้นมา“…คุณเหนือ”ใบหน้าคมคายก้มลงมา ก่อนที่คุณเหนือจะใช้เขี้ยวฟันงับมาบนเนินหน้าอกของฉันอีกครั้ง“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่กับน้อง ใครจะเด็ดกว่ากัน”“……” คำตอบของคุณเหนือทำให้ฉันผิดหวัง แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“เงียบทำไม”“รินขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นจากตักแกร่ง กำลังจะก้าวขาเดินแต่ถูกรั้งแขนเอาไว้ “ปล่อยค่ะ”ฉันรู้อารมณ์ของตัวเองดีว่าตอนนี้ไม่พอใจเขามากแค่ไหน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมักมาก ฉันไม่อยากให้เรื่องที่กลัวมันเ