ถึงเวลาเลิกงาน…
ช่วงนี้ฉันเริ่มรู้สึกไม่อยากมาที่บริษัทบ่อยขึ้น อยากให้เลิกงานเร็วๆ อยากให้ฝึกงานจบเร็วๆ เฮ้อ! “ฝนตกหนักเลยวันนี้” ฉันยืนอยู่ในบริษัทยังไม่ได้ออกไปไหน เพราะตอนนี้ฝนด้านนอกตกหนัก มีพี่ๆ พนักงานหลายคนที่ติดอยู่ในนี้ด้วย ค่อยสบายใจหน่อย ฉันนั่งรอฝนหยุดด้วยการเล่นมือถือไปพลางๆ ตอบแชตนาลินที่ถามว่าฉันจะไปหาเธอเมื่อไหร่ “น้องวารินจ้ะ พี่ไปก่อนนะ” พี่แก้วตาเป็นนุ่นพี่ที่บริษัทเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วยกมือไหว้ แต่!! ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้มีแค่ฉันกับพี่แก้วตาที่เหลืออยู่กันสองคน คะ คนอื่นๆ เขากลับไปตั้วแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งตอนนี้พี่แก้วตาก็กำลังจะกลับแล้ว หลังจากที่พี่แก้วตาเดินออกไป ฉันก็หันมองที่กระจกหน้าต่างบานใหญ่ของตึก ฝนยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เฮ้อ! ทำไมต้องเป็นฉันด้วยนะที่ได้อยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ ฉันลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานว่าจะไปชงโอวันตินดื่มสักหน่อย ในขณะที่กำลังกดน้ำร้อนอยู่ จู่ๆ ขนทั้งตัวมันก็ลุกซู่ ปะ เป็นอะไรกัน ระ หรือว่า ผะ ผี “ชงกาแฟให้ฉันด้วยสิ” “อ่ะ! โอ้ย!” ฉันสะดุ้งตัวโหย่ง เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเข้มเอ่ยขึ้น ด้วยความที่กดน้ำร้อนใส่แก้วอยู่ ความตกใจทำให้น้ำร้อนมันลวกมาโดนมือของฉัน “ซุ่มซ่ามจริงๆ” เสียงทุ้มเข้มที่ดังอยู่ด้านหลังใกล้ๆ กับใบหูของฉันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ฉันจึงค่อยๆ หมุนตัวไปมอง “คะ คุณเหนือ” ฉันอุทานเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะในตอนนี้ใบหน้าของเราทั้งคู่อยู่ใกล้กันเอามากๆ และมันใกล้กันมากเกินไป “ใช่ฉันเอง คิดว่าใครหื้ม” ในขณะที่ถามคุณเหนือก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อีก มันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง มวนท้องแปลกๆ “ปะ เปล่าค่ะ” ฉันค่อยๆ ขยับขามาทางซ้ายเพื่อให้พ้นจากคุณเหนือ แต่!! กลับเขาใช้ฝ่ามือใหญ่โอบเอวเอาไว้อย่างถือวิสาสะ ถึงฉันจะเป็นแค่พนักงาน แล้วเขาคิดว่าจะทำอะไรกับฉันก็ได้อย่างนั้นหรือไง ฉันก็ได้แต่กร่นด่าเขาในใจ ไม่กล้าพูดออกเสียง เพราะว่ากลัวจะถูกไล่ออก ถ้าฝึกงานไม่ผ่านมันก็ยิ่งเสียเวลาอีก “อย่าทำแบบนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า” ฉันเอามือมาแกะมือหนาที่โอบเอวอยู่ออก แต่เขาไม่ยอมปล่อย “มีคนเห็นแล้วยังไง ?” แววตาคู่นั้นบ่งบอกว่าเขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยหากว่ามีใครมาเห็นเข้า ฉันจึงเงียบ “กลับยังไง ?” “รอฝนหยุดก่อนค่ะ” “ให้ฉันไปส่ง…” “อย่าลำบากเลยค่ะ” ฉันยิ้มให้คุณเหนืออย่างสุภาพ แต่ดูท่าคำตอบของฉันมันจะทำให้เขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ “อย่าอวดเก่งกับฉันให้มาก” จากน้ำเสียงเรียบนิ่งกลับกลายเป็นดุดันทันทีเมื่อฉันปฏิเสธ มือหนาปล่อยออกจากเอวของฉัน พร้อมกับออกคำสั่ง “ชงกาแฟ แล้วเอาไปในฉันที่ห้องทำงานด้วย”ฉันจำใจต้องชงกาแฟไปให้คุณเหนือตามคำสั่ง ไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ที่บริษัท แถมตอนนี้ก็ไม่มีใคร ฝนก็ยังตกหนัก ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ หลังจากชงกาแฟเสร็จฉันก็ถือแก้วอย่างระมัดระวังไปยังห้องทำงานของคุณเหนือ เมื่อถึงที่หน้าประตูห้องทำงานของผู้บริหารก็ไม่ลืมที่จะเคาะประตูตามมารยาท แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากคนด้านใน ฉันจึงเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องมีควรจางๆ ของบุหรี่ลอยคลุ้งพร้อมกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของบุหรี่ลอยมาเตะจมูก ทำไมถึงมาสูบบุหรี่ในห้องทำงานแบบนี้กันนะฉันเอาแก้วกาแฟวางลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้าของคุณเหนือ ก่อนจะบอกเขา “ขะ ขอตัวก่อนนะคะ” “อยู่กับฉันสองต่อสองทีไร ทำไมเธอถึงดูรีบร้อนอยากจะหนีหน้าจังหื้ม ?” น้ำเสียงของเขา สายตาของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่เลย “กะ ก็หมดธุระแล้วนี่คะ จะให้รินอยู่ต่อทำไม…”“นั่นสิ! อยู่ต่อทำไม ?”“คุณเหนือคะ อย่าทำให้รินลำบากใจไปมากกว่านี้เลยค่ะ” ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้ดีว่าการขัดความต้องการของผู้ชายตรงหน้าคงทำให้เขาไม่พอใจ แถมเขายังเป็นเจ้าของบริษัทที่จ่ายเงินให้ฉันทุกเดือนอีกต่างหาก แต่ฉันไม่อยากให้เขามองฉันเป็นอื่น อยากให้เขามองฉัน
หลังจากคุยกับหมอ ฉันก็แอบมาร้องไห้ในห้องน้ำเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ ฉันไม่มีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นมาได้เพียงเวลาแค่ไม่กี่วันหรอก มันมากเกินไป มากเกินกว่าความสามารถของฉัน ฉันไม่อยากต้องมาเห็นน้องสาวของตัวเองจากไปแบบนี้ เธอเพิ่งอายุสิบเก้าปี ยังต้องมีอนาคตที่สดใส ทำไมกัน ทำไมต้องเป็นน้องสาวของฉัน ทำไมความโชคร้ายถึงมาเกิดขึ้นกับเรา 30 นาทีผ่านไป… ฉันพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำเพื่อไปหานาลิน ตอนนี้นาลินหลับอยู่ นอกจากใบหน้าที่ซีดเผือดแล้ว ตัวของเธอเองก็เริ่มซีด พอเห็นน้องสาวที่อยู่ในสภาพนี้น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้มันก็เริ่มจะไหลออกมาอีกครั้ง “พี่ริน…” เสียงแหบแห้งของนาลินเอ่ยขึ้น มันเบามากซะจนฉันแทบจะไม่ได้ยิน ฉันก้มหน้าลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้น้ำตาไม่ไหลออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้องสาว “หนูคงไม่รอดแล้วใช่มั้ยพี่ริน…” คำถามของน้องสาวทำให้ฉันถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ในที่สุดหยดน้ำใสๆ มันก็ไหลลงมาอาบพวงแก้มทั้งสองข้าง“อย่าพูดแบบนี้สินาลิน เธอต้องรอด อย่าทิ้งพี่ไปไหนนะ” “หนูรู้ว่าพี่รินทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษาหนู แต่คง
หลังจากที่ฉันพูดคำนั้นออกไปบรรยากาศภายในห้องก็เงียบสนิท คุณเหนือไม่ได้เอ่ยคำใดออกมานอกจากมองหน้าฉันนิ่งๆ หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นรัว ถ้าชีวิตของฉันมันมีทางเลือกมากกว่านี้ ก็คงไม่ต้องแบกหน้ามาเสนอตัวให้เขา คงไม่ต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง “หึ!! ทำไมจู่ๆ เธอถึงได้เปลี่ยนใจ” คุณเหนือถามขึ้นทำลายความเงียบ “น้องสาวของรินกำลังแย่ คุณเหนือช่วยน้องรินด้วยนะคะ ถ้าคุณเหนืออยากให้รินทำอะไร รินยอมหมดทุกอย่าง ขะ ขอแค่น้องสาวของรินหาย…”คุณเหนือลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วก้าวขาเดินมาหยุดตรงหน้าของฉัน มือหนาช้อนปลายคางของฉันขึ้นไปสบตากับตัวเอง สายตาเย็นชาคู่นั้นมันทำให้ฉันวูบไหวไปชั่วขณะ“ถ้าฉันอยากทำอะไรเธอจะยอมทุกอย่างจริงๆ ใช่มั้ยหื้ม…” ใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขา “….ค่ะ ทุกอย่าง” คุณเหนือดันร่างของฉันให้เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนมาชนกับโต๊ะทำงาน มือหนาทั้งสองข้างจับสะโพกของฉันแล้วออกแรงยกตัวฉันขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง “คะ คุณเหนือ…” ฉันรีบดันอกแกร่งเอาไว้เมื่อคุณเหนือโน้มใบหน้าลงมาหวังจะจูบ จากนั้นฉันก็เบือนหน้าหนี“เธอบอกฉันเองว่ายอมทุกอย่าง”“…ไม่ใช่ตอ
วันต่อมา….“วารินไปกินข้าวกันเถอะ” พี่เอมเอ่ยปากชวนเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ในตอนนี้พนักงานต่างพากันพักเบรกเพื่อไปกินข้าว“ค่ะ ^_^” ฉันเก็บของเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินตามพี่เอมไป แต่จู่ๆ คุณทิศเหนือก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉัน ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่“ฉันมีงานจะให้เธอช่วยตรวจสักหน่อย”“งานอะไรคะคุณเหนือ เดี๋ยวฉันทำให้ก็ได้วารินยังเป็นเด็กฝึกอยู่….”“ฉันต้องการให้วารินเป็นคนทำ” พูดจบคุณเหนือก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง“ถ้าอย่างนั้นพี่เอมลงไปกินข้าวก่อนเลยนะคะ ไม่ต้องรอริน”“ระวังตัวด้วยนะริน”“ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้ามีอะไรรินจะรีบโทรหาพี่เอมทันที” ฉันยิ้มแห้งๆ ให้พี่เอม ก่อนจะรีบเดินตามคุณเหนือมาที่ห้องทำงาน#ภายในห้องทำงาน“ไหนบอกว่าจะให้มาคุยหลังเลิกงานไงคะ”“พอดีว่าฉันใจร้อน มานั่งนี่สิ” พูดจบคุณเหนือก็ตบลงตรงที่ว่างข้างๆ ตัวเองเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้ฉันไปนั่งแน่นอนว่าฉันไม่อาจจะขัดใจเขาได้ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรเมื่อฉันนั่งลงข้างๆ กับตัวเขาแล้ว คุณเหนือก็เอากระดาษตรงหน้ายื่นมาให้ฉัน“อ่านซะ”ฉันขมวดคิ้วเป็นปมอย่างแปลกใจก่อนที่จะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ
นิ้วใหญ่แตะลงมาบนกลีบกุหลาบของฉันโดยไม่มีอะไรปิดกั้น ทำเอาฉันถึงกับสะดุ้งและรู้สึกอับอายเพราะนี่มันคือครั้งแรกที่ฉันอ้าขาแบบนี้ให้ผู้ชายทั้งที่ไม่อยากจะรู้สึก แต่กลับห้ามตัวเองไม่ได้ เมื่อนิ้วใหญ่ค่อยๆ ขยี้ลงบนติ่งเกสรของฉันเบาๆ“เธอกำลังคบหาอยู่กับผู้ชายคนไหนหรือเปล่า ?”“ไม่ค่ะ อ๊ะ ฉะ ฉันไม่มีแฟน” พอได้ยินคำตอบของฉัน คุณเหนือก็กระตุกยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจ“เรื่องส่งตัวน้องสาวเธอไปรักษาที่ต่างประเทศ ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”“คะ คุณเหนือรู้ได้ยังไง ว่าน้องสาวของรินต้องถูกส่งตัว อื้อ~”เสียงของฉันถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อคุณเหนือก้มหน้าลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งรับ ด้วยความที่ไม่เคยจูบกับชายใดมาก่อน ทำให้ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ได้แต่อยู่นิ่งๆ ให้คุณเหนือเป็นคนทำนิ้วใหญ่ยังคงขยี้ติ่งเกสรของฉันเบาๆ สลับกับลากไล้มันขึ้นลง แปลกที่ฉันเริ่มรู้สึกดีกริ๊ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทำให้คุณเหนือถอนริมฝีปากออกไปจากริมฝีปากของฉัน รวมทั้งนิ้วที่กำลังแตะตรงนั้นของฉันอยู่ก็ถูกดึงออกไปด้วยเมื่อคุณเหนือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับมันก็ทำให้ฉันรู้สึกหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น ก่อนที่จะค่
เรียวขาของฉันถูกจับให้แยกออกจากกัน เผยให้เห็นความสวยงามที่แดงฉ่ำเย้ายวนคนตรงหน้า ก่อนที่นิ้วใหญ่จะแตะลงมาบนติ่งเกสรแล้วขยี้มันอย่างเบามือ“เธอรู้ไหมว่าฉันต้องการเธอมากขนาดไหนวาริน” คุณเหนือกระซิบถามเสียงกระเส่า ทำเอาหัวใจของฉันกระตุกสั่นไหว“อ๊ะ คะ คุณเหนือ ทำตรงนี้ไม่ได้นะคะ” ฉันรีบท้วง เพราะด้านหลังที่ฉันยืนอยู่มันคือกระจกใสบานใหญ่ที่มองเห็นวิวรอบๆ กรุงเทพ“ไม่ว่าฉันจะทำตรงไหนเธอก็ไม่มีสิทธิ์ขัดใจ” คุณเหนือกระซิบบอก “อย่าลืมสิว่าฉันจ่ายเงินให้เธอไปแล้ว เพราะฉะนั้นเธอก็คือสิ่งของของฉัน”สะ สิ่งของ เขาเปรียบฉันเหมือนกับสิ่งของอย่างนั้นเหรอฉันไม่มีเวลาได้คิดอะไรฟุ้งซ่าน มันเริ่มรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้องและแทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่เมื่อถูกนิ้วใหญ่บดขยี้ติ่งเกสรแรงขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของฉันเกร็งกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่าเขาทำแบบนี้แล้วฉันจะหักห้ามความรู้สึกได้ยังไงกัน ยิ่งตอนที่เขาคลึงปลายนิ้วมือกับติ่งกระสันทำเอาฉันเสียวซ่านใจแทบขาดจนเก็บเสียงครางไว้ไม่อยู่“อ๊า อ๊า อ๊าง~”ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยได้สัมผัส แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกริมฝีปากหนาของคุณเหนืองับลงมาบนใบหูของฉัน
วันต่อมา….ฉันมาทำงานที่บริษัทตามปกติในตอนนี้ข้าวของ พวกของใช้เสื้อผ้า ถูกลูกน้องของคุณเหนือย้ายมาไว้ที่คอนโด ส่วนเรื่องส่งตัวน้องสาวของฉันไปรักษาที่ต่างประเทศ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เรื่องค่าใช้จ่ายฉันได้จัดการเรียบร้อยแล้ว เย็นวันนี้ฉันจะไปเยี่ยมนาลินที่โรงพยาบาลฉันเดินมายังโต๊ะทำงานของตัวเองแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อโต๊ะทำงานที่นั่งประจำได้หายไป“อ้าววาริน มองหาโต๊ะทำงานอยู่เหรอจ๊ะ ^_^” พี่เอมถามฉัน“ใช่ค่ะ”“คุณเหนือสั่งให้ย้ายไปอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเขาน่ะ บอกว่าอยากให้วารินเรียนรู้งานกับเลขา”“ยะ อย่างนั้นเหรอคะ…” ฉันตอบไปอย่างงุนงง เขาคิดจะทำอะไรก็ไม่ต้องบอก ไม่ต้องถามฉันเลยหรือยังไงกันฉันเดินมาที่หน้าห้องทำงานของคุณเหนือ เห็นว่ามีโต๊ะทำงานของตัวเองตั้งอยู่จริงๆ“น้องริน คุณเหนือฝากบอกให้เข้าไปพบน่ะจ้ะ” พอฉันเดินมาถึงพี่เลขาก็บอกกับฉันในทันที“…ค่ะ”ฉันค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปภายในห้องทำงานของผู้บริหาร ในตอนนี้คุณเหนือกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงสายตาของฉันโฟกัสไปยังแผ่นหลังกว้างตรงหน้า ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลัง ผู้ชายคนนี้ก็ดูดีไม่มีที่ติจู่ๆ ใบหน้าของฉันมันก็แดงก่ำเมื
#โรงพยาบาลฉันมาเยี่ยมน้องสาวก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศ“พี่ริน หนูกลัว” นาลินรีบบอกเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้ามาในห้องที่เธอนอนพักฟื้นอยู่ฉันก้าวขาเดินมาหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ กับเตียง แล้วกุมมือนาลินเอาไว้“ไม่ต้องกลัว เธอต้องหายเชื่อพี่นะ” พูดแล้วฉันก็ค่อยๆ ยกมือขึ้ลูบหัวนาลิน “พี่จะรอวันที่น้องสาวคนสวยของพี่หายเป็นปกติ ถ้าหายดีแล้วพี่สัญญาว่าจะพาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่เธออยากจะไป”“….พี่รินสัญญาแล้วนะคะ”“พี่สัญญา ^_^” ฉันฝืนยิ้มทั้งที่ตอนนี้มันอยากจะร้องไห้ออกมาตั้งแต่เล็กจนโตเราสองพี่น้องไม่เคยแยกจากกันไปไหนไกล แต่ครั้งนี้นาลินต้องถูกส่งตัวไปรักษาไกลถึงต่างประเทศ หากฉันมีเงินมากพอและไม่มีหน้าที่อะไรที่ต้องทำก็คงจะตามไปด้วยแต่ฉันต้องอยู่เป็น ‘สิ่งของ’ ที่คุณเหนืออยากจะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้หลังจากเยี่ยมนาลินเสร็จฉันก็มาหาพราว เพื่อนที่สนิทที่สุดของฉัน เรานัดกันมาเดินเล่นที่ห้างหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันร่วมเดือน“ริน ทางนี้” เสียงของพราวเรียกบอกฉันพร้อมกับโบกมือไปมาเพื่อให้ฉันมองเห็นตัวเอง แต่การทำแบบนั้นมันกลับทำให้พราวตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นฉันรีบเดินจ้ำเท้าไปหาเพื่อน เ