เจาเนี่ยเฟยเดินก้าวออกมา ลี่ฟางเหยาเองก็พร้อมสู้ แต่ทว่านางเห็นบางคนเดินเข้ามา…
“เพี๊ยะ!!”
“ว๊าย!! ฟางเหยา เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เจาเนี่ยเฟยนี่มันจะเกินไปหน่อยหรือไม่”
ฟางเหยาล้มลงทันทีเมื่อถูกเนี่ยเฟยตบ ฟางเหยากัดมุมปากตัวเองเล็กน้อยเพื่อให้มีแผลเลือดออกและหันกลับมาและเริ่มมีน้ำตาปริ่มออกมา
“นี่มันเกินไปหน่อยหรือไม่ นางยังไม่ทันได้เอ่ยว่าผู้ใดเลย”
“แม่นางผู้นั้นร้ายกาจเกินไปแล้ว”
“หรือว่าที่นางไม่อาบน้ำและสกปรกนั่นเป็นความจริง ทำไมถึงโกรธเช่นนั้นเล่า”
“แย่ละ ข้าพักห้องเดียวกับนาง ข้าไปขอเปลี่ยนห้องดีหรือไม่ ข้ารู้สึกขยะแขยง”
“ข้าด้วย ข้าก็ไม่อยากอยู่ วันไหนนางลุกขึ้นมาหาเรื่องข้าจะทำอย่างไร”
ฟางเหยาหันมา น้ำตาไหลราวกับสั่งได้หันมามองหน้าเนี่ยเฟยทั้งๆ ที่เลือดไหลมุมปาก
“ข้าก็แค่ไม่อยากมีเรื่องและจะไปที่อื่น เหตุใดเจ้าต้องลงไม้ลงมือกับข้าเช่นนี้เนี่ยเฟย เจ้า….”
“ฟางเหยาอย่าพึ่งพูด เจ้าหลีกไปนะหากกล้าเข้าใกล้ฟางเหยาอีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า!!”
“แต่ว่า..ข้าก็แค่…ข้าแค่ตบเบาๆ เหตุใด…”
“ตบเบาๆ แล้วนางจะมีแผลเช่นนี้ได้อย่างไร!!”
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่!!”
เสียงดังของบุรุษหนุ่มเดินเข้ามา “หยางเฟิ่งหยวน” เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดไกลๆ แต่แรกแต่เขาอยากดูให้แน่ใจก่อน เมื่อพวกนางเริ่มลงมือเขาจึงขยับเข้ามาใกล้"
“พี่เฟิ่งหยวน….”
“ท่านหญิง ที่นี่ข้าคืออาจารย์หยาง เรียกให้ถูกมิเช่นนั้นข้าจะสั่งให้เจ้าคัดกฎระเบียบสำนักศึกษานี้สองร้อยจบ”
“ข้า…อาจารย์หยางตักเตือนถูกแล้ว ศิษย์ไม่ระวังเองเจ้าค่ะ”
เขาเดินเลยนางมายังฟางเหยาที่มีเป่าเป้ยพยุงขึ้นมา เฟิ่งหยวนเห็นนางเช็ดน้ำตาและแผลที่ริมฝีปากพร้อมกับหันไปมองเจาเนี่ยเฟยที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ
“อาจารย์เจ้าคะ ข้า…ข้ามิได้ตบนางแรงขนาดนั้น”
“มาเรียนวันแรกพวกเจ้าก็ก่อเรื่องแล้วงั้นหรือ”
“นางมาว่าข้าว่า….”
“หุบปาก!! เจ้ายังไม่สำนึกเลยสักนิดงั้นหรือ”
“อาจารย์ ข้า….”
“เนี่ยเฟย พวกเราคุยกันอยู่ดีๆ เป็นเจ้าที่พูดหาเรื่องพวกเราก่อน มาตอนนี้เจ้ายังจะมาเรียกร้องอะไร เจ้าลงมือตบนางจนบาดเจ็บทั้งๆ ที่เจ้าก็รู้ว่านางอ่อนแอมาแต่เด็ก”
อ่อนแองั้นหรือ สายตาของหยางเฟิ่งหยวนมองไปยังฟางเหยาที่พยายามหลบตาเขาแต่เขาก็ยังจ้องนางไม่หยุด
“อาจารย์หยาง เรื่องนี้พวกข้า….”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าพานางไปทำแผลก่อน แล้วพานางมาพบข้าที่หน้าหอคัมภีร์ รวมถึงพวกเจ้าด้วย”
เขามองนางอีกชั่วครู่และเดินไปพร้อมกับข้อสงสัยมากมายแต่ไม่ได้พูดออกมา เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็จริง แม้ว่ามันจะไกลแต่สายตานั่นเขาไม่มีทางมองพลาด เขาแน่ใจว่านางเห็นเขาก่อนหน้าที่จะถูกตบแน่นอน แต่นางเลือกจะเจ็บตัว ทั้งๆ ที่สายตาที่หาเรื่องของลี่ฟางเหยานั้นพร้อมจะฆ่าคนได้ด้วยซ้ำ
“ข้ามองผิดงั้นหรือ หึ เจ้านี่น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ เลยนะลี่ฟางเหยา”
ห้องรักษา
“โอ๊ย เป่าเป้ย นี่เจ้าแน่ใจว่าอยากทำแผลไม่ใช่เพิ่มแผลให้ข้านะ”
“คนดีเจ้าก็อยู่เฉยๆ ก่อนสิ ข้าละอยากฟาดหน้านางกลับสักสองสามที เหตุใดตาเฒ่าหยางนั่นจึงรีบเดินมาเร็วนักนะ เสียดายจริงๆ”
“เจ้าเรียกเขาว่าอะไรนะ ฮ่าๆ เป่าเป้ย เขาอายุยังไม่มากเลยนะ”
“แต่เจ้าดูท่าทีของเขาสิ ทั้งการวางตัว ทั้งทำท่าราวกับเป็นรูปปั้น ก็ไม่เถียงหรอกนะที่หล่อเหลาราวเทพเซียนแต่ก็ไม่ต้องทำท่าคงแก่เรียนขนาดนั้นก็ได้ นี่เขาคงไม่คิดจะทำโทษเจ้าด้วยหรอกนะ”
“เฮ้อ…อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ข้าไปก่อนนะ”
“ข้าไปด้วยสิ ไม่ต้องห่วงข้าจะไปรอเจ้าหน้าห้อง”
“เป่าเป้ยของข้าน่ารักที่สุดเลย”
“ไม่ต้องเลย เจ้านี่นะหาเรื่องเจ็บตัวตั้งแต่วันแรก ตอนนี้ท่านหญิงนั่นจ้องมองเจ้าแล้ว จากนี้พวกเราคงต้องระวังมากขึ้นแล้วละ”
“เฮ้อ…ขอให้ผ่านตาเฒ่าหยางไปได้ก่อนก็แล้วกัน เรื่องอื่นเอาไว้วันหลังเถอะ”
“เจ้าพึ่งท้วงข้าเองนะ ไม่ทันไรก็…”
""ฮ่าๆๆ""
เสียงหัวเราะยังดังอยู่ระหว่างที่พวกนางเดินไปที่หอคัมภีร์ตามคำสั่งที่อาจารย์หยางสั่ง เมื่อถึงด้านหน้าก็พบว่าท่านหญิงจ้าวและพวกของเนี่ยเฟยมารออยู่ก่อนแล้ว
“ข้าละไม่อยากเจอพวกนางเลยจริงๆ”
“ใจเย็นๆ ก่อนเป่าเป้ย เราต้องไม่ก่อเรื่องเพิ่มนะคนดี”
“ข้าละคันไม้คันมือ”
“นิ่งไว้ๆ”
“เฮอะ คนบางคนนี่นอกจากไม่มีมารยาทแล้วยังไม่รู้จักรักษาเวลาเอาเสียเลยนะ”
“เป่าเป้ย เหตุใดข้าถึงได้ยินเสียงสุนัขแว่วมาอีกแล้วเล่า”
“ลี่ฟางเหยา นี่เจ้า!!”
ฟางเหยาหันไปมองและทำหน้าตากวนประสาทเนี่ยเฟยอีกครั้ง และไม่ทันได้ตอบโต้กันนางก็ได้ยินเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยเสียงเหยียดๆ ทุ้มต่ำกว่าเสียงที่แหลมพุ่งของเจาเนี่ยเฟย
“พวกคนชั้นต่ำ!!”
ลี่ฟางเหยาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ท่านหญิงจ้าวลู่อิน ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากนางที่เป็นถึงท่านหญิงที่แต่งตั้งโดยฮ่องเต้ เป่าเป้ยดึงแขนลี่ฟางเหยาที่ตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้าให้นิ่งไว้และเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง
“พวกเจ้ามาครบแล้วหรือยัง”
หยางเฟิ่งหยวนเดินเข้ามาด้านหลัง เขาเองก็สังเกตเห็นฟางเหยาที่สั่นและกัดกรามแน่น มือนั้นกำหมัดแน่นตาเกร็งมองไปยังจ้าวลู่อินราวกับจะทุบให้แหลกคาตา ซึ่งในตอนนี้นางหันไปยิ้มให้กับหยางเฟิ่งหยวนแล้ว
“มาถึงนานแล้วเจ้าค่ะท่านอาจารย์”
“ดี พวกเจ้าถูกลงโทษให้ไปล้างห้องน้ำเจ็ดวัน เริ่มวันนี้เลยไปได้แล้ว”
สีหน้ายิ้มนั้นหุบลงทันที นางเป็นถึงท่านหญิงแต่ถูกสั่งให้ล้างห้องน้ำงั้นหรือ
“แต่ว่า พี่….เอ่อ…อาจารย์เจ้าคะ แล้ว….ลี่ฟางเหยาเล่าเจ้าคะ นางก็ก่อเรื่อง”
“ใช่ นางก็ต้องถูกทำโทษเช่นกัน แต่พวกเจ้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน ดังนั้นโทษนั่นก็สมควรแล้ว ไปกันได้แล้ว”
“พี่เฟิ่งหยวน”
“จ้าวลู่อิน!! ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้งเดียว ที่นี่ข้าเป็นอาจารย์สำนักศึกษา หากว่าเจ้ายังเรียกผิดอีกครั้ง ข้าจำเป็นจะต้องส่งตัวเจ้ากลับ เจ้าเลือกเอาว่าจะถูกทำโทษ หรือกลับไปเก็บของแล้วกลับจวนสกุลจ้าวของเจ้า!!”
“ท่านหญิง ไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ ท่านหญิง”
จ้าวลู่อินหันมามองหน้าของฟางเหยาที่ยังจ้องมองนางเอาเป็นเอาตายอยู่ นางจ้องกลับไปแต่สายตานั้นทำเอานางเริ่มหวาดกลัวจนต้องหลบไปพร้อมกับเนี่ยเฟย
“ส่วนเจ้า ตามข้ามานี่”
เป่าเป้ยยอมปล่อยมือฟางเหยาและยืนรอด้านนอก เขาเดินนำนางเข้ามายังหอคัมภีร์ และเดินไปจนสุดทาง และหันกลับมามองนางอีกครั้ง ฟางเหยาที่ยังไม่คลายอารมณ์โกรธเมื่อครู่ไม่ได้มองหน้าเขา
“เจ้าอยู่ในนี้ คัดคัมภีร์สงบใจไปสองร้อยจบ”
“ข้าอยากกลับบ้าน”
“เสียใจด้วยนะลี่ฟางเหยาเมื่อเจ้าตัดสินใจจะเดินก้าวเข้ามาที่นี่ เจ้าก็เป็นนักเรียนของข้าและจะกลับออกไปได้ก็ต่อเมื่อเจ้าสำเร็จการศึกษาแล้วเท่านั้น”
“เมื่อครู่ท่านยังยอมให้ท่านหญิงผู้นั้นกลับเลยมิใช่หรือ”
“ข้านึกไม่ถึงว่าบุตรีของท่านเสนาบดีจะไร้ความอดทนถึงเพียงนี้ เพียงแค่ถูกต่อว่าหรือดูถูกเพียงนิดก็มิอาจทนได้แล้ว ช่างน่าผิดหวังเสียจริง”ลี่ฟางเหยากำหมัดแน่นหันไปมองหน้าเขา ให้นางไปขัดห้องสุขาดีกว่าจะต้องทนอยู่กับเขาในหอคัมภีร์นี้ อย่างน้อยนางก็จะได้ตะโกนเพื่อระบายความแค้น แต่นี่ต้องมานั่งทนกับเขาในห้อคัมภีร์ที่ห้ามส่งเสียงดังนี่ ไม่ยุติธรรมกับนางเลยสักนิด“เอาล่ะ เริ่มเลยเถอะจะได้ไม่เลิกดึก”นางยังคงยืนอยู่ที่เดิมแม้ว่าสายตาจะมองไปยังโต๊ะที่ต้องนั่งเขียนนั่น นางพยายามเรียนรู้ทุกอย่างที่อาจารย์สอน ก่อนหน้านี้เสนาบดีลี่จ้างอาจารย์มาสอนนางเกือบหมดแล้วแต่พวกเขาปิดบังเอาไว้เพราะเสนาบดีลี่ไม่อยากให้นางต้องเปิดเผยความสามารถนี้ออกไปให้เป็นที่สนใจมากนักเพราะเขาหวงบุตรสาวนั่นเองแต่สิ่งหนึ่งที่บิดานางยังไม่รู้อีกอย่างก็คือ นางคือนักฆ่าอันดับหนึ่งที่ทางการต่างหาตัวแต่ก็มิได้จริงจังนัก เพราะนางจะรับฆ่าเฉพาะคนชั่วที่ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเท่านั้น“เหตุใดท่าน..อาจารย์ต้องมานั่งเฝ้าข้าด้วยเจ้าคะ”“ข้าไม่ได้เฝ้าเจ้า เพียงแค่จะอ่านตำราเท่านั้นพรุ่งนี้ช่วงบ่ายพวกเจ้าจะเข้าเรียนกับข้าเป็นวันแรก”“ท่าน
แต่ละคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนักเมื่อถูกดุด้วยคำพูดที่เด็ดขาด จ้างลู่อินเอ่ยประท้วงเป็นคนแรก“ท่าน เอ่อ อาจารย์เจ้าคะ พวกเราทำผิดอันใดกันแน่เจ้าคะ”“เป่าเป้ย ข้าทนไม่ไหวแล้ว”“ฟางเหยา เจ้าจะทำสิ่งใด”“ขออนุญาตเจ้าค่ะอาจารย์หยาง”หยางเฟิ่งหยวนหันไปมองตามเสียง ลี่ฟางเหยาที่หน้าซีดนั้นมองเขาอย่างขอความเห็นใจ เขาเดินเข้าไปหานาง“เจ้ามีอะไร”“ข้า…ทนไม่ไหว ขออนุญาตไปห้องน้ำสัก…อุ๊บ… อุ๊!!”“ฟางเหยา อาจารย์เจ้าคะ ข้าจะไปเป็นเพื่อนนาง ข้าเองก็หายใจไม่ออกจะแทบจะอาเจียนเช่นกันเจ้าค่ะ”“พวกเจ้ารีบไปเถอะ”ฟางเหยารีบวิ่งออกไปเพราะเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เป่าเป้ยเองก็รีบตามไปติดๆ สุดท้ายพวกนางก็ไปไม่ทัน และยืนอาเจียนอยู่ที่สวนจนแทบหมดแรง“พวกเจ้าเห็นแล้วหรือไม่ว่ามีความผิดใด”“อาจารย์เจ้าคะ ข้าเพียงแค่…”“เริ่มจากเจ้าก่อนจ้าวลู่อิน กลิ่นน้ำหอมของเจ้ารุนแรงมากเกินไป อีกทั้งกฎของสำนักศึกษาห้ามผัดหน้าทาปากจนเกินงาม ที่นี่สอนให้พวกเจ้าเป็นบัณฑิต มิได้สอนให้เป็นนางโลม หากพวกเจ้าไม่เข้าใจก็กลับบ้านพวกเจ้าไปได้เลย พวกเจ้าออกไปได้แล้วหากยังไม่จัดการตัวเองให้เรียบร้อยจากนี้ไม่ต้องมาเข้าเรียนวิชาที่ข้า
“เป่าเป้ย ข้าจะโกรธจริงๆแล้วนะ”“ก็ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้วไปกันเถอะ เสร็จแล้วก็เอาของไปเก็บแล้วไปหาข้าวกินกันเถอะข้าหิวจะตายอยู่แล้ว”พวกนางพากันไปกินข้าวที่ห้องอาหารของสำนักศึกษาซึ่งท่านหญิงจ้าวลู่อินและเจาเนี่ยเฟยนั่งกินอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วเมื่อพวกนางเข้าไปถึง ฟางเหยาและเป่าเป้ยจึงพยายามหาที่นั่งที่ห่างจากพวกนางให้มากที่สุดเพราะไม่อยากมีเรื่อง“ท่านหญิง พวกนางมาแล้ว”“ข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริงแค่ไหน”“เพื่อนของข้าบอกว่าอาจารย์หยางสั่งให้นางเดินตามไปหลังจากพวกเราเดินออกจากห้องมาเจ้าค่ะ เห็นว่านางกับอาจารย์หยางเข้าไปในห้องของอาจารย์หยางสองคน”“นังแพศยาไร้ยางอาย”“ท่านหญิง ท่านจะทำอย่างไรต่อ เข้าไปจัดการนางเลยดีหรือไม่”“ไม่ วิธีของเจ้ามันไม่เคยได้ผล เจ้าก็เห็นผลลัพธ์มิใช่หรือครั้งนี้อยู่เฉยๆไปเถอะ ใช้กำลังไม่ใช้ความคิดเอาชนะคนเช่นนางไม่ได้หรอก ครั้งนี้ให้ข้าจัดการเอง”เจาเนี่ยเฟยนิ่งไปทันที นี่ท่านหญิงราวกับหลอกด่าว่านางไม่มีความคิด ทำสิ่งใดก็พลาดเสมอ จ้าวลู่อินไม่เหมือนนาง แม้ว่าจะไม่เคยออกหน้าให้มีเรื่องแต่ก็เป็นพวกชอบยุให้ผู้อื่นมีเรื่องกันด้วยคำพูดนิ่มๆ ซึ่งพวกนางก็มักจะหลงกลเพราะนางเป
เสียงนั้นทำให้นางชะงักไปทันที นางพลาดแล้ว!!“หยางเฟิ่งหยวน!!”คนตรงหน้าสวมชุดใหม่แล้วและเดินออกมา สีหน้านางตกใจสุดขีดเมื่อเห็นเขา นางเผลอใช้วิชายุทธ์ต่อหน้าเขาไปเสียแล้ว“ท่านมาทำอะไรที่นี่!! …..อาจารย์หยาง”“ข้า…เห็นเจ้าไม่ออกมาเสียที ก็เลย….”เมื่อเขาพูดจบนางก็เริ่มเข้าใจทันที เรื่องก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาเต็มหัวนางทันทีพร้อมกับนางที่หันหน้าหลบตาเขาทันที“เจ้า….เป็นอะไรมากหรือไม่”“อย่าเข้ามา!! ข้า…สบายดี ขอบคุณอาจารย์หยาง ข้าขอตัวก่อน”“เดี๋ยวสิ ข้า…อยากขอโทษเรื่องเมื่อครู่นี้”“ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องขอโทษข้าหรอกเจ้าค่ะ ท่าน….ลืมไปเสียเถอะ”“เจ้า…แน่ใจหรือว่า…”“เอาเป็นว่าข้าไม่เคยพบท่าน ไม่เคยเจอท่านที่นี่ หรือที่ใดทั้งสิ้น ข้าแค่มาเดินเล่นเท่านั้น และตอนนี้ก็หายออกมานานแล้วดังนั้น…..ข้าขอตัวก่อน”ฟางเหยาวิ่งออกจากป่าไผ่ไปโดยเร็ว นางไม่หันกลับมาอีกเลยจนถึงหน้าหอพักที่มีเพื่อนๆนั่งเล่นกันอยู่ เป่าเป้ยเดินมาหานาง“อ้าว เจ้ากลับมาแล้วเหรอ ฟางเหยา นี่เจ้าหนีอะไรมาทำไมหอบเป็นลูกสุนัขเช่นนี้เล่า”“เป่าเป้ย ข้า….ไม่มีอะไร”“เหตุใดวันนี้คนมานั่งด้านนอกกันเยอะขนาดนี้ละ”“พวกเขามีข่าวซุบซิบเร
บัดนี้สายตาของเหล่านักเรียนในห้องต่างหันมามองต้นเหตุของข่าวลือนั่น จ้าวลู่อินเริ่มรู้สึกอับอายและกระอักกระอ่วนแม้ว่าหยางเฟิ่งหยวนจะมิได้ปฏิเสธนางออกมาโดยตรง แต่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่านางกำลังโกหกและคิดไปเองในเรื่องของเขา นางอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว เหตุใดเขาจึงไม่ไว้หน้านางถึงเพียงนี้“พี่เฟิ่งหยวน!!”“ท่านหญิง พวกนางกำลัง…มองท่านอยู่เจ้าค่ะ”“มองอะไรกันงั้นหรือ พวกเจ้าอยากไปกักตัวที่หอคัมภีร์ที่ผีเยอะนั่นหรือ เหตุใดไม่รีบเขียนงานกันเล่า”นักเรียนที่เหลือรีบหันกลับไปเขียนงานของตัวเองแต่เสียงกระซิบนั้นก็ดังไม่ขาดสายจนจ้าวลู่อินนั้นมือสั่นจนแทบจะเขียนสิ่งใดไม่ได้เลย“ท่านหญิง ท่านจะทำเช่นไรต่อเจ้าคะ”“ข้าจะส่งจดหมาย ไปบอกท่านพ่อให้จัดการเขา”“แต่ว่าท่านอ๋อง….จะไม่ตำหนิท่านหรือเจ้าคะที่…..”“หุบปาก!! หากพวกเจ้าได้เรื่องมากกว่านี้จะเป็นเช่นวันนี้งั้นหรือ ข้าต้องไปล้างห้องสุขาแต่นังคนสกุลลี่นั่นทำเพียงอยู่หอคัมภีร์คัดตำรากับพี่เฟิ่งหยวนไม่กี่จบ นางทำให้ข้าอับอาย แค้นนี้ข้าต้องสะสางกับนางแน่”ฟางเหยาเดินออกมาจากหอนอนเพื่อจะไปขอยา นางพบกับอาจารย์จินสั่วเข้าพอดี“เด็กน้อยเจ้าหน้า
เกิดเหตุชุลมุนขึ้นและนักเรียนคนอื่นๆก็วิ่งจนทุกคนเริ่มสงสัย มีเพียงคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องคือจ้าวลู่อินที่อยู่ในหอคัมภีร์เท่านั้นอาจารย์เจิ้นหัวผู้ดูแลกฎของสำนักศึกษาและเป็นอาจารย์ใหญ่เดินมาพร้อมกับหยางเฟิ่งหยวน เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าถึงกับตกใจ “แกะเชือกให้พวกนาง ผู้ใดจะบอกข้าได้บ้างว่าเกิดสิ่งใดขึ้น”“เหยาเหยา เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง!!”ฟางเหยาทำท่าพึ่งตื่นนอนและค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียง ใบหน้านางเริ่มมีสีเลือดแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปเต็มที่ในช่วงบ่าย เฟิ่งหยวนเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อเห็นว่านางดีขึ้นแล้ว“เป่าเป้ย เกิดอะไรขึ้น”ฟางเหยาถามพร้อมกับสีหน้าที่แปลกใจ หยางเฟิ่งหยวนเดินเข้ามาหานางและมองนาง สายตานั่นมองกี่ทีนางก็ไม่ชอบเลย เหมือนว่าเขาจะชอบอ่านใจคน แต่นางป่วยอยู่ เขาคงไม่คิดที่จะสงสัยนางหรอกกระมัง“เจ้าค่อยๆลุก ดีขึ้นหรือยัง”แต่น้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาไถ่ถามทำเอาเป่าเป้ยแอบตกใจเล็กน้อยและค่อนข้างมั่นใจว่าระหว่างทั้งคู่ต้องมีสิ่งใดเกิดขึ้นแน่เพราะเพื่อนรักของนางในตอนนี้หน้าแดงจนผิดสังเกต“ดะ…ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ พะ..พวกนางคือ….”“เจาเนี่ยเฟย กับหงเสี่ยวซี”“พวกนางมาทำอะไรที่นี่ คงไม่
สายตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็งกลางหิมะนั่นมองมาที่นาง แม้ว่าจะกลัวแต่จ้าวลู่อินกลับปิดบังมันแทบจะมิด นอกจากอาการสั่นแล้ว นอกนั้นนางก็ยังทำใจดีสู้เสืออยู่ เมื่อเขาเดินมาใกล้นาง ตัวนางกลับสั่นมากขึ้น“หากเจ้ากล้าปริปากแม้เพียงนิด อย่าว่าแต่ตำแหน่งท่านหญิงของเจ้า แม้แต่ตำแหน่งอ๋องของบิดาเจ้าก็อย่าคิดว่าข้าจะปลดยศคืนไม่ได้ จำเอาไว้ว่าข้า…มิใช่ผู้ที่เจ้าจะมาต่อรองสิ่งใดด้วยได้อย่าให้ข้าหมดความอดทน หากไม่อยากให้สกุลจ้าวของพวกเจ้าต้องสิ้นไปในมือข้า จ้าวลู่อิน!!”เขาเดินจากไปในทันทีโดยมิได้หันมามองนางอีก จ้าวลู่อินทรุดตัวลงกับพื้นทันที พร้อมกับหายใจหอบถี่ นางไม่เคยรู้สึกกลัวตายเท่าวันนี้มาก่อนเลย และไม่เคยพบว่าหยางเฟิ่งหยวนสามารถใช้น้ำเสียงและสายตาที่น่ากลัวนั่นกับนางได้ นี่ไม่ใช่อย่างที่นางคิด นางไม่ได้ตั้งใจจะขัดแย้งกับเขา “เพราะเจ้าคนเดียว ลี่ฟางเหยา”ห้องพักอาจารย์หยาง“กงเย่!!”“ขอรับคุณชาย”“เจ้านำจดหมายนี่ส่งไปให้น้องเก้าและรีบบอกให้เขามาที่ชิงโจว ให้เขาบอกเสด็จพ่อว่าสิ่งที่ต้องการหาอยู่ที่นี่ แต่ข้าต้องการกำลังเสริมถึงจะสามารถค้นหาได้”“แต่ว่าองค์ชาย แล้วทางท่านอ๋อง…”“ไม่ต้องให้เขารู้เรื่
ลี่ฟางเหยาเห็นสายตาของกู้เป่าเป้ยที่ไม่ต่างกับจ้าวลู่อินเท่าใดนักจึงได้รีบเขย่าตัวนางให้มีสติกลับคืนมาอีกครั้ง“เป่าเป้ย เจ้ารู้จักเขางั้นหรือ”“ข้า….รู้จักสิ จิตรกรที่เมืองหลวงเขาเคยเป็นอาจารย์ให้ข้าอยู่สามเดือน”“แล้วเขามีนามว่าอย่างไร?”ห้องโถงใหญ่“อาจารย์ “โม่วตงลี่” จะมาสอนวิชาศิลปะแทนอาจารย์คงเลี่ยงที่พึ่งจะเกษียนออกไป”""คำนับอาจารย์โม่ว""“อาจารย์หล่อเหลามากจริงๆ เขาดูยิ้มง่ายกว่าท่านเซียนหยางนั่นอีก”“ใช่ๆ แม้ท่านเซียนหยางจะหล่อเหลาแต่ก็ดูน่ากลัว อาจารย์โม่วมองดูแล้วเป็นมิตรกว่าเขาเป็นไหนๆ”“แต่เรื่องความหล่อเหลารูปงามก็ต้องยกให้กับท่านเซียนหยางละนะ”ใช่แล้ว พวกนักเรียนต่างพากันเรียกหยางเฟิ่งหยวนว่า “ท่านเซียนหยาง” เพราะความรู้และวิชาที่สอนนั้นล้ำลึกและยากแสนยาก มีนักเรียนน้อยมากที่สอบผ่านการทดสอบของเขา ในชั้นเรียนของพวกนางมีเพียงแค่กู้เป่าเป้ย ลี่ฟางเหยาและนักเรียนที่มาใหม่ของจวนอ๋องเท่านั้นที่พอจะผ่านเกณฑ์ที่เขาสอน “เป่าเป้ย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เหตุใดเจ้าหน้าซีดถึงเพียงนี้”“ข้าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ข้าอยากกลับไปพักแล้ว”“ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง”“อืม”พวกนางเดินออกจ
จวนเสนาบดีเสนาบดีลี่ยื่นถาดที่วางของสองสิ่งเอาไว้ให้กับองค์ชายแปด ร่องรอยของเขาไม่ได้ต่างกับ หยางเฟิ่งหยวนเท่าใดนัก คงผ่านการร้องไห้มาหนักในช่วงสองสามวันมานี้เช่นกันเมื่อรู้ว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวหายไปจากจวนเขาไม่รับแขกและไม่ออกว่าราชการเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่ลี่ฟางเหยาจากไป องค์ชายแปดจึงเดินทางมาพบเขา“นี่คือสิ่งที่นางทิ้งเอาไว้ในห้องก่อนที่นาง….จะจากไปพ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งหยวนหันไปมองสิ่งที่อยู่ในถาด ตราราชลัญจกรของปลอมที่นางชิงมาจากคนร้ายในคืนนั้น และ….มือเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเอื้อมมือไปจับแหวนที่เขาสวมให้นางก่อนหน้านั้น นี่นางคิดจะตัดขาดกับเขาเลยงั้นหรือถึงได้ของสิ่งนี้คืนให้เขา“องค์ชาย…กระหม่อมไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆนางถึงตัดสินใจเช่นนี้”“ท่านเสนาบดี เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง ขอบคุณที่ท่านช่วยเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ข้า นางจะต้องปลอดภัย ข้าส่งคนให้ไปหานางแล้วแม้จะต้องพลิกทั้งแผ่นดินแคว้นฉินเพื่อหาตัวนางข้าก็จะต้องทำ”“ขอบพระทัยองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีลี่คุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายด้วยความปลาบปลื้มที่เขาไม่ทิ้งบุตรสาวของนางแม้ว่านางจะทำเรื่องที่
“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ข้าก็แค่อยากได้คนของข้าคืน นางเป็นคนแย่งองค์ชายของข้าไปเหตุใดข้าต้องปล่อยนางไปด้วยข้าแค่ทำสิ่งที่ถูกต้อง”“หึ สิ่งที่ถูกต้องงั้นหรือ”“จ้าวลู่อิน สิ่งที่ถูกต้องมาโดยตลอดก็คือข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า คนที่ข้ารักและจะแต่งงานด้วยมีเพียงลี่ฟางเหยาผู้เดียว ข้ากับนางหมั้นหมายกันแล้วเหลือเพียงแค่พิธีการและราชโองการจากเสด็จพ่อเท่านั้น ข้าไม่เคยรู้สึกอะไรกับเจ้า ข้าพูดกับเจ้าชัดเจนเกินสิบรอบแล้วแต่เจ้าก็ยังเอาแต่หาเรื่องนาง ครั้งนี้ขออภัยท่านอ๋อง ข้าคงปล่อยนางไปอีกไม่ได้”ท่านอ๋องอับอายจนไม่รู้จะทำเช่นไร การกระทำของนางครั้งนี้เกินให้อภัยดังที่องค์ชายตรัสมาจริงๆ เขาทำได้แค่ก้มลงคำนับและยอมรับเท่านั้น“ท่านพ่อ!! ไม่นะเจ้าคะ ข้า…”“หุบปากของเจ้าเสีย เจ้ายังก่อเรื่องไม่พองั้นหรือ”“ข้า…”“อีกเรื่องที่พวกเจ้าต้องรู้เอาไว้ นางเป็นไส้ศึกที่คอยลอบส่งสารที่พวกเจ้าวางแผนกันให้ศัตรู ผ่านคุณชายต่างสำนักนั่นโดยลอบส่งทางจดหมายมากับสาวใช้”ทุกคนหันไปมองหน้านางอย่างคิดไม่ถึง แต่วิหคอัคคีรู้เพราะเขาเค้นถามเรื่องนี้กับพวกห้วนตู๋และลอบฟังพวกมันคุยกันมาก่อนหน้านี้จึงรู้ดีว่าผู้ใดที่หักหลัง“เ
นางค่อยๆหันไปมองใบหน้าของบุรุษหนุ่ม ที่พึ่งร่วมเตียงเคียงหมอนกันมาเมื่อครู่ สายตาเขาร้องขอให้รับฟังแต่นางในตอนนี้ไม่มีความมั่นใจใดๆกับคนตรงหน้าทั้งสิ้น“นางเรียกท่านว่า….องค์ชายงั้นหรือ”“ฟาง….ฟางเหยาเจ้าต้องฟังข้า ข้าอยากจะบอกเจ้า…อยู่หลายครั้ง…”“ผู้ใดบ้าง….”เขาละล่ำละลักเพราะเกรงว่านางจะโกรธเขา นางตรงหน้าในตอนนี้ไม่ได้ทำให้เขามั่นใจสักนิดว่าจะยอมฟังที่เขาจะอธิบาย“ขะ…ข้า…”“เช่นนั้น แล้วเขาละเป็นผู้ใด”“ตะ..ตงลี่เป็น…น้องชายของข้าองค์ชายเก้า”“หึ…หึหึ องค์ชายสองพระองค์อยู่ที่สำนักศึกษา เช่นนั้น….กู้เป่าเป้ย….”“ชะ…ใช่ นางรู้ แต่ว่าเจ้า….”“พอทีหยางเฟิ่งหยวน ไม่สิ องค์ชายแปด…”จ้าวลู่อินเห็นจังหวะที่นางไม่ทันระวัง นางจับดาบของคนร้ายและพุ่งตัวไปหาทันทีแม้จะรู้ว่านางเป็นผู้ใดแต่นางก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ “นางโจรชั่ว ตายเสียเถอะ”""อย่านะ!!""ดาบนั้นพุ่งไปจะเสียบบริเวณหลังของฟางเหยา แต่แรงพัดจากที่ใดไม่ทราบผลักนางจนกระเด็นไปอย่างแรง เสียงอินทรีคู่ดังระงมบนท้องนภาที่มืดมิดพร้อมกับบุคคลอีกคนหนึ่งที่ลงมายืนด้านหลังของวิหควายุ นางไม่ได้มองเขา นางกับองค์ชายแปดยังคงมองหน้ากันไม่ได้ละสายตาไปไห
ลี่ฟางเหยาคำนับให้เขาและทั้งคู่จึงเริ่มเต้นรำด้วยกัน ท่วงท่าของลี่ฟางเหยานั้นสะกดทุกสายตาดังคาดเพราะความอ่อนช้อยงดงามของการเต้นรำนั้นนางทำได้อย่างไม่มีที่ติ แม้กระทั่งกว้านเหมาเองก็เริ่มลุ่มหลงนางแล้วเช่นกัน“งดงามเกินไปแล้ว พี่แปด”“ข้าต้องรู้สิ”แต่สายตาเขาที่มองไปที่นางยังไม่ดีขึ้นแม้ว่านางจะงดงามราวบุปผาบานสะพรั่งแต่มิใช่มากับชายอื่นเช่นนี้ อย่างไรเรื่องนี้เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี เพลงจบแล้วเมื่อทั้งคู่คำนับให้กัน ฟางเหยาเดินออกไปทันทีแต่กว้านเหมาดึงแขนนางเอาไว้ เฟิ่งหยวนขยับกายทันทีและจะพุ่งตัวออกไป ตงลี่ต้องคอยห้ามไม่ให้เขาทำการบุ่มบ่าม“พี่แปด”“ข้าจะทนอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น”“เขาต้องการยั่วท่าน เหตุใดท่านมองไม่ออกอุบายเช่นนี้..”“ข้าจะฆ่ามัน”“ใจเย็นก่อน”“มันกล้าจับมือนาง”“พี่แปด”ลู่อินนั่งดื่มชาอยู่ด้านหลังโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น นางรู้ว่าอีกไม่นานหยางเฟิ่งหยวนจะทนไม่ไหว ให้กว้านเหมายั่วเขาอีกเพียงนิดเดียว เฟิ่งหยวนคงกลายร่างในห้องโถงนี้เป็นแน่“คุณชายกว้าน ข้าทำตามข้อตกลงแล้ว”“ใช่ ข้ารู้ แต่ว่าพวกเราต้องไปนั่งก่อน การแสดงยังไม่เริ่ม พวกเขาจัดโต๊ะให้ตัวแทนแล้ว ทางนี้”ฟางเห
“คุณชายมีเรื่องใดเชิญกล่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ”“ข้าเพียงอยากหารือกับเจ้าเรื่องการแสดงในอีกสองวันข้างหน้า ที่จริงไม่ควรมาขอร้องเจ้า แต่ว่า…”“อ้อ เช่นนั้นก็ได้ เป็นความลับสินะ ได้สิ เช่นนั้นเราไปทางนั้นกันเจ้าค่ะ สะดวกกว่า”“แม่นางเชิญ…”ฟางเหยาเดินนำเขาไปที่สระบัวที่นางและเป่าเป้ยชอบไปนั่งพักที่นั่น เฟิ่งหยวนหันไปพบเข้าพอดี สายตาของเขาโกรธมากเมื่อเห็นว่าฟางเหยาเดินไปกับบุรุษหนุ่มนั่นตามลำพัง“ตงลี่!!”“อาจารย์หยาง มีสิ่ง…..ตายละวา เป่าเป้ยอยู่ที่ใดกันละนั่น ข้าไปถามเอง”“ไปจัดการที ข้ากำลังติดงานอยู่”“ไม่ต้องห่วง”เขารีบไปทันที สายตาเขาที่มองไปที่ฟางเหยานั้นไม่วางตาจนจ้าวลู่อินมองตามและเห็นว่าเขามองสิ่งใด นางลอบยิ้มแต่ไม่ไปยุ่งกับเขา นางรู้แล้วว่าจะทำเช่นไรต่อดีในอีกสี่วันที่เหลือนี้“ว่าอย่างไรนะ ท่านอยากให้ข้า…”“ใช่ เป็นคู่เต้นให้ข้าในพิธีเปิด สองสถาบันต้องเปิดงานด้วยกัน ข้ายังไม่มีคู่ที่เหมาะสม ก็เลยลองมาขอร้องเจ้าดู หากเจ้าไม่รังเกียจ”“อ่อ นั่น…คือว่าข้า….”“ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องปฏิเสธ คงเพราะอาจารย์ผู้นั้น”“เอ่อ คุณชาย เหตุใดท่านจึง…”“สายตาของพวกท่านไม่ได้เหมือนอาจารย์กับศิษย์ ข
“วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากตอบแทนท่านที่….”“เจ้ามายั่วข้าเช่นนี้ แล้วจะทิ้งข้าแล้วงั้นหรือ”“แต่ท่านสัญญาแล้ว แม้ว่าจะหมั้นหมายแล้ว แต่ท่านจะไม่บังคับข้า ใช่หรือไม่”“เฮ้อ….ก็ได้ ฟางเหยา มานี่สิ”เขาดึงนางเข้ามากอดพร้อมกับห่มผ้าให้ เฟิ่งหยวนจับมือนางขึ้นมาและสวมบางอย่างไปที่นิ้วของนาง เป็นแหวนวงเล็กที่ประดับไพลินสีน้ำเงินเข้มล้อมด้วยอัญมณีสีเงินรอบๆ“นี่คือ….”“ของหมั้น เจ้าสวมมันไว้ ต่อไปจะได้ไม่มีคนมายุ่งกับเจ้า ข้าหวง ไม่อยากให้เจ้าถูกคนอื่นเฝ้ามอง แค่จ้องก็ไม่ได้”“แต่ข้าไม่มีสิ่งใดให้ท่านเลย”“เจ้าดูนี่สิ”เขาชูนิ้วของเขาที่มีแหวนเหมือนกันนี้อีกวงซึ่งเขาสวมอยู่“แหวนคู่รัก”“ไม่ใช่ นี่เป็นแหวนคู่ที่ทำเอาไว้นานแล้ว ท่านแม่ข้าทำให้เพื่อให้ข้ามอบมันแก่หญิงที่จะมาเป็นภรรยา ตอนนี้ข้าถอดออกให้เจ้า นั่นแสดงว่าเจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าแล้วลี่ฟางเหยา”เป็นคำขอแต่งงานที่แม้จะรวบรัดและดูมัดมือชกแต่ก็ซาบซึ้งกินใจจนคนฟังอดน้ำตาไหลไม่ได้จริงๆ ฟางเหยากอดแหวนนั้นเอาไว้พร้อมกับเฟิ่งหยวนที่ดึงนางมากอดเอาไว้พร้อมกับจูบที่หน้าผากนาง“นอนพักเอาแรงสักหน่อยเถอะ อีกสองชั่วยามข้
“นั่นแหละที่น่ากลัว ท่าน…อื้อ…เฟิ่งหยวน อย่านะ ไม่เอาข้ายังไม่พร้อม อ๊าา….”มือของนางถูกเขารัดด้วยสายชุดจนดึงไม่ออกเมื่อเขาเลื่อนตัวลงไปยังกลีบดอกไม้งามที่เขาใช้นิ้วสัมผัสมาหลายวัน มาถึงวันนี้เขาจะลิ้มรสมันอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง“เฟิ่งหยวนอย่านะ ข้า…อ๊าา….”สัมผัสจากลิ้นนั้นช่างต่างจากนิ้วของเขาโดยสิ้นเชิง ฟางเหยาไม่เคยรู้สึกวาบหวามและเสียวซ่านเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ตรงที่ลิ้นเขาสัมผัสราวกับกระตุ้นให้นางต้องการมากขึ้นซึ่งได้ผล นางต้องการเขามากจริงๆ“เฟิ่งหยวน ท่านรังแกข้า…”เขาไม่ตอบนางแต่ลิ้นยังคงวนอยู่ที่ร่องกลีบนั้นอย่างระมัดระวัง นางส่งเสียงครางจนทำให้เขาทนแทบไม่ไหว ร่างที่แอ่นขึ้นรับสัมผัสทำให้เขาแทบบ้าตาย“ฟางเหยา เจ้าสวยงามทุกส่วนเสียจริง ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องเจ้า แม้แต่มองก็ไม่ได้”หากว่าเขาไม่ได้เห็นว่ามีคนสนใจนางมากถึงเพียงนั้นเขาอาจจะไม่หึงนางขนาดนี้จนเร่งเร้านาง แต่เขาก็สัญญากับตัวเองเอาไว้หากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำร้ายนางก่อนเวลาที่สมควร“เฟิ่งหยวน ข้าทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรด อ๊าา….ไม่นะ”เขาจับขานางลอยขึ้นตั้งตรงกับหลัง ลิ้นยังไม่หยุดโลมเลียกลีบดอกไม้ชื้นแฉะตรงหน้า มื
สำนักศึกษาเมื่อวานนี้เป็นวันที่พวกเขาต้อนรับคณะนักเรียนและอาจารย์จากสำนักศึกษาชายที่จะมาร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้กันที่นี่เป็นเวลาสามเดือน ดังนั้นด้านในสำนักศึกษาจึงคึกคักเป็นพิเศษ ลี่ฟางเหยาเดินลงจากรถม้ามายืนที่ด้านหน้าสำนักศึกษาที่นางไม่ได้มาเกือบเจ็ดวัน“คึกคักอย่างที่คิดจริงๆเสียด้วยสินะ”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะอยู่ที่นี่จริงๆ”“ชิงฝู เจ้าไม่เชื่อใจคุณหนูของเจ้าเสียเลยนะ”“แต่ร่างกายของท่านพึ่งจะ….”“เอาน่า เจ้าให้คนเอาของไปเก็บได้แล้ว”“เจ้าค่ะ พวกเจ้าตามข้ามา”ฟางเหยาเดินตามพวกชิงฝูเข้ามา สายตาของนักเรียนจากสำนักศึกษาชายต่างหันมองนางเป็นตาเดียวเพราะไม่เคยเห็นนางมาก่อนหน้านี้และที่สำคัญ นางยังสวยโดดเด่นกว่าผู้ใดในสำนักศึกษานี้อีกด้วย “ดูนั่นๆ ข้าจำได้ว่าเมื่อวานนี้ ไม่เห็นนาง”“มีผู้ที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วยงั้นหรือ”“งดงามราวบุบผา เพียงเจ้าหันมาแม้จันทรายังต้องอาย”“หลีกไปๆ ข้าจะเดินเข้าไปทักนางเสียหน่อย”เสียงฮือฮานั้นทำให้บางคนที่ได้ยินเดินออกมาแต่ลี่ฟางเหยาที่มิได้สนใจผู้ใดกลับเดินมุ่งตรงไปยังหอนอนหญิงโดยที่ไม่ทันได้สังเกตผู้ที่มองนางอยู่เลยสักนิดจนมีเส
"อื้ออ…”เขาเอื้อมไปจูบนางอีกครั้งคราวนี้เขาค่อยๆล้วงเข้าไป มือนางจับแขนเขาเอาไว้แน่นแต่เขาก็ยังดื้อดึงจนล้วงเข้าไปได้สำเร็จร่างของนางแหงนขึ้นเพราะสัมผัสจากนิ้วเย็นๆนั้น นางรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนนภาที่เต็มไปด้วยเมฆเย็นๆ ลิ้นของเขาวนอยู่ที่ยอดอกและเริ่มทำงานประสานกับนิ้วที่ล้วงอยู่ด้านล่างนางต้องรีบใช้นิ้วตัวเองกัดเพื่อกลั้นเสียงแต่เขาดึงมือนางออกและส่งนิ้วเขาอีกข้างเข้าไปแทน“หากจะกัดก็กัดนิ้วข้าแทน อย่าทำร้ายตัวเอง”นางส่ายหน้าไม่ยินยอม แต่เขารู้ดีว่านางต้องอดกลั้นไม่ต่างจากเขา สัมผัสนี้จะค่อยๆรุนแรงและต้องการมากขึ้นเพราะเขารับรู้มันได้จากนิ้วที่เปียกแฉะด้านล่าง นางต้องเรียกร้องมากขึ้นหลังจากนี้และจะร้องดังขึ้น“อื้ออ…อื้อ….”“อีกนิดเดียว ฟางเหยาเจ้าปลดปล่อยออกมาให้หมด เจ้าอย่าได้กลั้น ข้าอยากให้เจ้าต้องการข้าฟางเหยาเจ้าจะต้องเรียกร้องข้าให้มากกว่านี้”ต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเขาก็จะทำ เขาอยากให้นางรู้ว่าเขาก็ต้องการครอบครองนางไม่ต่างกับที่นางต้องการเขาเช่นกันแม้ว่าในวันนี้ทั้งเขาและนางจะอยู่ในฐานะศิษย์อาจารย์ แต่อีกสามเดือนข้างหน้าก็จะไม่ใช่แล้ว “ฟางเหยา เจ้าใกล้แล