เอวาตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าฉันคิดถึงสามีมากแค่ไหน เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงตั้งแต่โรแวนออกจากบ้าน แต่ฉันแทบอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเขาเต็มทนทั้งที่ฉันเป็นคนยืนยันให้เขาไปทำงานวันนี้เองแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับเสียใจที่พูดแบบนั้นฉันทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ไม่มากนัก เพราะเทเรซารับหน้าที่ดูแลเรียบร้อยหมดแล้ว ฉันเบื่อจนแทบบ้าเพราะไม่มีอะไรให้ทำ ไอริสก็หลับเกือบตลอดเวลา ส่วนเทเรซาก็ยุ่ง ไม่มีใครให้คุยด้วยเลยฉันลองอบขนมดู แต่ก็ล้มเหลวเหมือนกับตอนทำแพนเค้ก ฉันจำสูตรไม่ได้และยังคำนวณส่วนผสมผิดอีกฉันถอนหายใจพลางหยิบเครื่องเบบี้มอนิเตอร์แล้วเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน ฉันมุ่งตรงไปยังศาลาแสนสวยที่ทำให้ฉันตะลึงตั้งแต่แรกเห็นฉันไม่เคยจำได้ว่าศาลานี้เคยอยู่มาก่อน บางทีมันอาจถูกสร้างขึ้นในช่วงสี่ปีที่ฉันสูญเสียความทรงจำไปความจำเสื่อมนี้เป็นได้ทั้งพรและคำสาป มันเป็นพรเพราะโรแวนเปลี่ยนไปมาก เขากลายเป็นทุกอย่างที่ฉันเคยต้องการ ฉันไม่มีอะไรจะบ่นอีกแล้ว ตอนนี้เราเป็นครอบครัวที่ฉันเคยฝันถึงในที่สุดแต่มันก็เป็นคำสาป เพราะมีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไป หลายสิ่งใหม่หมด หากพูดกันตามจริง ฉ
มันช่างสับสนและน่าหงุดหงิดสิ้นดี ฉันเกลียดที่ต้องฟังเรื่องราวชีวิตตัวเองจากปากคนอื่น มันควรจะเป็นสิ่งที่ฉันจำได้เอง ไม่ใช่ฟังราวกับเป็นนิทานที่ใครสักคนเล่าให้ฟัง“เมื่อกี้เธอบอกว่าเข้ามาในชีวิตฉันหลังจากที่เอมม่ากลับมา แต่เธอเหมือนรู้เรื่องนี้ดี คือมันเป็นไปได้ยังไงคะ เราเจอกันยังไงเหรอคะ?”“ทราวิสกับฉันคบกันอยู่จ้ะ เราสองคนคบหากันได้เกือบ ๆ สองปีแล้ว ที่ฉันรู้เรื่องเธอกับเอมม่าดีขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าทราวิสเล่าให้ฉันฟังน่ะสิ”เรื่องราวยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก ฉันไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้เลย เพราะเท่าที่รู้ทราวิสเกลียดฉันขนาดนั้น ฉันนึกว่าเขาน่าจะเตือนแฟนตัวเองให้เลี่ยงไม่ยุ่งกับฉันเสียด้วยซ้ำแล้วเราสองคนมาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไรล่ะ? ทราวิสเป็นคนที่ฉันไม่ชอบเลย และฉันมั่นใจว่าแฟนเขาก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน เพราะอย่างที่เขาว่ากัน คนประเภทเดียวกันมักจะอยู่ด้วยกัน ถูกไหม?เธอคงเห็นความสงสัยในสายตา เธอจึงเอื้อมมือมาจับมือฉัน“ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยจ้ะ หลังจากที่ทราวิสเล่าเรื่องให้ฟัง ฉันก็พยายามไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากเข้าข้างพวกเขาหรื
เขาเดินกระทืบเท้าอย่างหนักแน่นตรงมาหาเรา เมื่อมาถึงเขากระชากฉันลุกจากเก้าอี้แล้วจูบฉันทันทีปกติฉันไม่เคยรังเกียจจูบของเขาเลย แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป มีบางอย่างในจูบนั้น มันแฝงด้วยความโกรธและความขมขื่นเอาไว้ มันทั้งรุนแรงและบาดลึก ราวกับว่าเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของ หรือพยายามลบชื่อของอีธานออกจากริมฝีปากของฉันฉันยืนนิ่งไม่ตอบสนองต่อจูบของเขา เพราะฉันต้องการคำตอบ และเขาเองก็ขัดจังหวะเล็ตตี้ก่อนที่เธอจะบอกฉันว่าอีธานอยู่ที่ไหนด้วยเมื่อสังเกตเห็นว่าฉันไม่ตอบสนองต่อจูบของเขา เขาก็หยุดและถอยหลังไป ความโกรธในดวงตาสีเทาเข้มยังเดือดพล่าน แต่นั่นไม่ทำให้ฉันหวั่นไหวเลย เพราะตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการคือคำตอบเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก ชายที่สามารถทำสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นคือพาฉันออกจากชีวิตของโรแวน"ฉันต้องการคำตอบ โรแวน ต้องการเดี๋ยวนี้" ฉันพูดเสียงกร้าวพร้อมกับกอดอก "บอกฉันมา อีธานอยู่ที่ไหน"พายุในดวงตาสีเทาเข้มของเขากลับทวีความรุนแรงขึ้นแทบจะเป็นความวุ่นวาย"ผมไม่อยากได้ยินชื่อของมันอีก" เขาคำรามด้วยเสียงต่ำพร้อมกำหมัดแน่น "ผมบอกคุณไปแล้วว่าอะไรสำคัญ
ฉันอุ้มไอริสเอาไว้และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องสมุด หนึ่งในสถานที่ที่ชื่นชอบมากที่สุดในบ้านหลังนี้ ฉันนั่งลงใกล้กับหน้าต่างบ้านใหญ่และถกเสื้อและชุดชั้นในลง ไอริสเข้าใกล้แต่เริ่มดูดนมฉันมองดูลูกสาวดื่มนม ดวงตาสีน้ำเงินกำลังจ้องมองฉันด้วยความสงสัยและความเชื่อใจ ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าไม่มีลูกของฉันคนไหนเลยที่ได้ดวงตาฉันไป ทั้งคู่ได้ดวงตาของพ่อเขาไปกันหมดฉันจ้องมองพลางลูบไล้นิ้วไปตามแก้มนุ่ม พร้อมตั้งคำถามว่าอีธานหน้าตาเป็นเช่นไร ไอริสหน้าเหมือนกันฉันเว้นเพียงแต่ดวงตา ดังนั้นฉันจึงวาดภาพของอีธานออกมาในมโนภาพไม่ได้เลยหลังจากไอริสดื่มนมเสร็จ ฉันก็ลุกขึ้นไล่ลมให้ลูกสาว เธอไม่ใช่เด็กที่เลี้ยงยากเลยเพราะเมื่อเธออิ่ม ก็จะนอนหลับไป แต่ครั้งนี้กลับดูเหมือนจะดื้อดึง เธอร้องไห้งอแงและไม่ยอมนอนฉันเกือบจะยอมแพ้ที่จะปลอบเธออยุ่แล้ว แต่โรแวนกลับเดินเข้ามาสองสามนาทีจากนั้น เขาถอดเสื้อตัวนอกออกและถกแขนเสื้อขึ้น เขาอุ้มไอริสแทนฉันเงียบ ๆ และเด็กน้อยก็พลันเงียบลง“ร้องไห้ทำไม เจ้าหญิงน้อยของพ่อ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มไอริสจ้องมองเขาด้วยความสงสัยและความหลงใหล หากไม่รู้ม
ฉันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังทบทวนคำศัพท์และตัวเลขบางอย่าง หากฉันอยากจะกลับไปสอนอีกครั้ง ฉันก็ต้องเรียนรู้คำศัพท์และตัวเลขใหม่อีกครั้งไอริสกำลังนอนหลับในเปลที่ฉันลากมาจากชั้นบน ฉันไม่ชอบความคิดที่จะทิ้งเธอไว้ในห้องคนเดียวตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงมาอยู่ที่นี่ เธอก็นอนหลับในขณะที่ฉันนั่งทบทวนบทเรียนอีกครั้งหัวของฉันยังคงปั่นป่วนจากสิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอีธานเมื่อวานนี้ ฉันยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาหลอกลวงฉันด้วยวิธีที่โหดร้ายขนาดนั้น และฉันก็ไม่เคยนึกเอะใจสงสัยเลยแม้แต่น้อยในช่วงเวลาหลายเดือนที่เราอยู่ด้วยกันฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เข้าหาเขาตั้งแต่แรก เป็นเพราะเอมม่าเดินทางกลับมาหรือเปล่า และฉันอยากให้โรแวนเห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับเอมม่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับฉันอย่างนั้นเหรอ? หรือเพราะฉันรู้สึกสิ้นหวังและขาดความรักจนหลงรักผู้ชายคนแรกที่สนใจในตัวฉัน?ฉันรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองคิดอะไรถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือสิ่งใดที่กระตุ้นให้ฉันทำเช่นนั้น เว้นเสียแต่ว่าฉันจะได้รับความทรงจำกลับคืนมา ไม่อย่างนั้นฉันคงจะต้องสงสัยเกี่ยวกับแรงจูงใจของการกระทำของฉันตลอดไปเสียงโทรศัพท์ดังข
โนรากับธีโอมาถึงราวครึ่งชั่วโมงต่อมา อย่างที่ฉันบอก ฉันไม่เคยออกไปข้างนอกตั้งแต่การเดินทางสั้น ๆ จากโรงพยาบาลคราวนั้นฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นว่าเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน สี่ปีนั้นยาวนานมากสำหรับเมืองที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับเมืองนี้ที่คงจะไม่มีทางคงอยู่เหมือนเดิมเมื่อเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ฉันลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นและเปิดประตู“ลูกกับไอริสพร้อมรึยังจ๊ะ?” โนราถามเธอตื่นเต้นมากเช่นเดียวกับฉัน ฉันให้พวกเขาทั้งสองกอดฉัน การได้อยู่ในอ้อมแขนของพวกเขามันรู้สึกวิเศษและคุ้นเคยมาก เหมือนมันคือบางสิ่งที่ฉันได้รับจากพวกเขามาโดยตลอด“ค่ะ ให้หนูไปรับเธอมานะคะ”ฉันหันหลังกลับและมุ่งกลับไปยังห้องนั่งเล่น โดยอุ้มลูกสาวของฉันขึ้นมา ฉันกล่าวลาอย่างเร่งรีบกับเทเรซา จากนั้นก็ออกจากบ้านไปฉันกำลังจะเข้าไปในรถของพวกเขาในขณะที่บอดี้การ์ดหยุดฉันไว้“ขอโทษครับ คุณผู้หญิง แต่ผมไม่สามารถปล่อยให้คุณไปได้” เขาพูด ทำให้ความตื่นเต้นนั้นลดลงในทันทีฉันไม่รู้ชื่อของเขา แม้ว่าฉันเห็นเขามาสองสามครั้งแล้วในขณะที่เขาเดินลาดตระเวนในบริเวณนั้น“ทำไมล่ะ?” “ผมแค่ทำตามคำสั่งครับ” เขาตอบอย่างนุ่มนว
โรแวนผมยังคงไม่สามารถนำคำพูดของเล็ตตี้ออกจากหัวได้ ตอนที่ผมกลับบ้านมาเร็วในวันนั้น ผมคาดหวังว่าจะใช้เวลากับเอวาตามลำพัง สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือได้ยินเล็ตตี้กำลังบอกเอวาว่าเธอได้ตกหลุมรักกับอีธานความเจ็บปวดที่มากมายในหัวใจของผมแทบจะทำให้ผมไร้สติ แม้ว่าผมเกลียดความสัมพันธ์ที่เอวามีต่ออีธาน แต่ผมมักจะคิดเสมอว่ามันเป็นเพียงความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น นั่นคือมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการมีเซ็กส์ ความจริงที่ว่าเธอได้ตกหลุมรักกับเขานั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าการได้รู้ว่าเธอได้นอนกับเขาเสียอีก มันเกือบจะฆ่าผมที่รู้ว่าเธอเริ่มเห็นอนาคตกับผู้ชายคนนั้นผมปกปิดความเจ็บปวดของผมด้วยความโกรธ ผมไม่รู้ว่าจะบอกเธอยังไงว่าความเป็นไปได้ที่เธอมีความรู้สึกเศษเสี้ยวของความรักต่ออีธานได้ทำลายจิตวิญญาณของผมจนไม่มีชิ้นดี มันเจ็บปวดมากเกินไปสำหรับผมที่จะพูดมันออกมาได้‘ถ้าหากว่า’ คอยแต่วนเล่นในหัวของผม โดยไม่ยอมให้ผมมีจิตใจที่สงบลงได้เลย ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีธานไม่ได้กลับกลายเป็นคนเลว เธอจะอยู่กับเขาในตอนนี้หรือไม่? ความรักที่เธอมีให้ผมจะถูกแทนที่ด้วยความรักที่มีต่ออีธานไหม? เธอจะตัดใจจากผมได้โดยสิ
“มีอะไรเหรอ?” เกบถามในขณะที่ผมลุกขึ้นผมไม่สามารถคิดได้ชัดเจน พวกเขาควรจะดูแลเอวา แล้วทำไมเธอถึงอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ? นี่คือเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่อยากให้เธอออกจากบ้าน ผมไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น แต่ผมรู้ว่าเธอจะปลอดภัยกว่าที่บ้าน“ธีโอเพิ่งบอกฉันว่าเอวาถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาล” ผมกัดฟันตอบผมโกรธมากและเป็นกังวลในเวลาเดียวกัน ผมทนไม่ได้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ในตอนที่ผมเพิ่งได้เธอกลับคืนมา“มา ฉันจะขับรถให้เอง”ผมแค่พยักหน้าก่อนจะมุ่งหน้าออกไป“ยกเลิกการประชุมทั้งหมดของผมซะ” ผมบอกเลขาของผมในขณะที่เดินตรงไปที่ลิฟต์ท่าทางของผมต้องสื่อบางอย่างแน่เพราะคนเหล่านั้นที่อยู่ในโถงทางเดินต่างก็ก้าวหลบทางของผม พวกเขาแยกออกไปเหมือนกับทะเลแหวกหัวใจของผมเต้นรัวกระหน่ำในขณะที่เกบกับผมขึ้นลิฟต์ไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน ผมไม่สามารถหยุดภาพที่เธอถูกเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลในครั้งสุดท้ายเล่นวนในหัวของผมเหมือนกับเทปที่พังได้เลยความหวาดกลัวครอบงำผมในขณะที่จิตใจของผมเลือกที่จะจดจ่อกับทุกสิ่งที่อาจผิดพลาดได้ ผมต้องการเห็นเธอ ต้องการรู้ว่าเธอโอเคดีพวกเราเข้าไปในรถและเกบก็ขับรถออกไปในทันที“พวกเราเค
“สวัสดี” ไม่รู้เพราะอะไร ฉันถึงพูดออกมาเสียงแปลก ๆการได้เจอกับเอวาตัวต่อตัวแบบนี้ มันเหมือนกับการได้เจอคนที่เราแอบชอบมาตลอด จู่ ๆ ฉันก็เหงื่อซึมและรู้สึกประหม่าเธอไม่ตอบอะไรแต่กลับดึงฉันเข้าไปกอดแน่น กอดนั้นอบอุ่น ราวกับได้กอดตุ๊กตาหมีนุ่ม ๆ“ยินดีที่ได้เจออย่างเป็นทางการนะ ฮาร์เปอร์ ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเราจ๊ะ” เธอกระซิบก่อนจะผละออกไปเกเบรียลพาฉันเดินไปยังพื้นที่จัดเลี้ยงกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายบนโต๊ะ เขาจัดที่นั่งให้ฉันนั่งอยู่ข้าง ๆเขาจะรู้ไหมว่าฉันมีเหตุผลที่ไม่อยากอยู่ใกล้เขา?ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารกัน“แล้วนี่ฮาร์เปอร์ หนูทำงานอะไรล่ะ?” แม่ของเกเบรียลถามฉันกลืนน้ำลายเมื่อทุกสายตาหันมาที่ฉัน ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่คนสนใจฉันแบบนี้“นักออกแบบภายในค่ะ” ฉันตอบโดยพยายามไม่หลบตาถ้ามีสิ่งหนึ่งที่แม่ฉันสอนฉันก็คือการสบตาสำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในโลกแบบเรา คนรวยและมีอิทธิพลมองว่าการหลบสายตาเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ แม่ปลูกฝังให้พวกเราไม่มีวันแสดงความอ่อนแอนั้นออกมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม“พอดีเลย” เอวาพูดเสริม “ฉันอยากปรับเปลี่ยน
“เขาแต่งงานกับเอวาเหรอ?” ฉันถามด้วยความตกใจ“ก็ใช่น่ะสิ” เกเบรียลตอบก่อนจะหรี่ตาใส่ฉัน “ทำไมคุณถึงดูตกใจกับเรื่องนี้ขนาดนั้น?”ฉันยักไหล่พร้อมตอบ “ก็คงเพราะฉันตกใจจริง ๆ”และฉันตกใจจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ไม่เคยแม้แต่นิดเดียว จากที่ฉันจำได้ โรแวนเกลียดเอวามาก แล้วเขาลงเอยกับเธอได้ยังไง? อะไรทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากขนาดนี้จนเขามีความสุขสุด ๆ แบบนี้?โรแวนที่ฉันจำได้เป็นคนอารมณ์ร้าย ขมขื่น และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขามีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา และแทบไม่ยิ้มเลย ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากเขานอนกับเอวาและเลิกกับเอมม่าโรแวนคนใหม่ที่ฉันเห็นนี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เขาอยู่กับเอมม่า ตอนนั้นใบหน้าของเขาจะสดใสขึ้นทันทีที่เห็นเธอหรืออยู่ใกล้เธอ เขายิ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับว่าแค่การมีเอมม่าอยู่ในชีวิตก็ทำให้เขามีความสุขด้วยเหตุนี้ คุณคงเข้าใจว่าทำไมฉันถึงสงสัยว่าเอวาเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขขนาดนี้ เว้นแต่มีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปในช่วงที่ฉันไม่อยู่ หรือพวกเขาแค่ตัดสินใจอยู่ด้วยกันเพราะเห็นแก่ความสุขลูก ๆ“ไม่ดีเลยนะที่ไปตัดสินคนอื่นแบบนั้น” เสียงของเกเบรียลดึงฉันอ
โรแวนดูมีความสุขในตอนนี้ ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาคงกลับไปคบกับเอมม่าอีกครั้ง นั่นน่าจะเป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ จากที่เกเบรียลเคยเล่าให้ฟัง โรแวนเคยเกลียดเอวาแบบสุดใจ เช่นเดียวกับที่เกเบรียลเคยเกลียดฉันสายตาของฉันเลื่อนไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูคุ้น ๆ แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของโรแวนกับเอมม่าก็ได้ ถึงแม้เธอจะดูไม่เหมือนเอมม่าที่ฉันจำได้เลยก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพันธุกรรมที่แปลกประหลาด“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” ฉันถาม“ชื่อไอริส” เกเบรียลตอบ พร้อมกับยืนใกล้ฉันจนทำให้รู้สึกแปลก ๆฉันขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างฉันมองไอริสต่อ เธอเหมือนพลังงานน้อย ๆ ที่สดใส ดวงตาสีฟ้าสวยส่องประกายจนฉันมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากที่ที่ฉันยืนอยู่ เธอไม่เหมือนเอมม่าเลย แต่ถ้าจำไม่ผิด เอมม่ามีดวงตาสีฟ้า ดังนั้นไอริสน่าจะได้มาจากแม่“งั้นโรแวนก็กลับไปคบกับเอมม่าแล้วใช่ไหม” ฉันพูดเบา ๆ “พวกเขากลับไปคบกันตอนไหน แล้วเอวารับมือกับมันยังไง?”ฉันไม่เคยคิดว่าเอมม่าจะเป็นคนไม่ดี เราทุกคนเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่า ในขณะที่เอวากับฉันรุ่นเดียวกันเอมม่าต่
ฉันไม่สามารถหยุดขยับตัวอย่างกระวนกระวายได้เลย ขณะที่ฉันและเกเบรียลเดินตามพ่อแม่ของเขาเข้าไปข้างใน หากพูดตรง ๆ การพูดคุยในออฟฟิศนั้นดีกว่าที่ฉันคาดไว้มาก ฉันไม่แน่ใจว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันไม่ได้คาดว่าจะเจอความสงบแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา?ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเกเบรียลไม่บอกพวกเขาว่าเราเคยแต่งงานกันมาก่อน แม้การแต่งงานของเราจะจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังเรื่องนี้“ไหวไหม?” เสียงของเขาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าสายตาเขาจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันช่างลึกซึ้งเหมือนว่าเขากำลังอ่านฉันจนถึงจิตวิญญาณ ฉันดึงสายตาจากเขาแล้วมองไปข้างหน้าแทน“ไหว แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงส่วนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่กับครอบครัวของเขา บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังคงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาบนผิวของฉันเมื่อตอนที่เขาเกือบจะจูบฉัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมรับความผิดทั้งหมดในความล้มเหลวของความสัม
ขอบคุณพี่ชายของเธอที่ทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และมันก็กลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านเธอ ผมอยากทำร้ายเธอ อยากทำลายเธอและทำให้เธอเจ็บปวดเพราะเธอพรากอิสระไปจากผม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ทันทีว่าการนอกใจจะทำให้เธอเจ็บปวด ผมเลยทำ และผมก็ทำให้เธอรู้ด้วย ผมอยากให้เธอเสียใจที่คิดจะวางกับดักผมและมันได้ผล ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ ผมรู้ว่ามันทำให้ผมเป็นคนเลว แต่การเห็นความเจ็บปวดในตาเธอมันทำให้ผมพอใจ“เวลาผ่านไปก็นานแล้วนะ แล้วลูกไปเจอเธออีกครั้งได้ยังไง?” แม่ถามต่อเมื่อผมไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตของพ่อ“ผมออกตามหาเธอครับ” ผมยักไหล่ “พวกกรรมการบริหารนั่นอยากให้ผมแต่งงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ผมเลยทำแบบนี้”สายตาของแม่หันไปทางฮาร์เปอร์ “แล้วเธอยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ?”ผมสะดุ้งกับคำพูดของแม่ ผมเกลียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับผม ฮาร์เปอร์ยักไหล่ตอบ “เขามีสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็เลยตอบตกลงค่ะ”พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมาทางเรา“หมายถึงอะไร?” พ่อถามด้วยสายตาที่จ้องจับผิด“บริษั
ผมรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะต้องรุนแรงแน่ ๆ ใครล่ะจะไม่ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกบอกว่ามีลูกสะใภ้กับหลานสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนพ่อเริ่มเดินไปเดินมา และผมก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร พ่อพร่ำสอนผมกับโรแวนเสมอ เรารู้เสมอว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเราเองก็คิดแบบเดียวกันเขาน่าจะกำลังสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สงสัยว่าผมตรวจดีเอ็นเอแล้วหรือยังว่าลิลลี่เป็นลูกสาวของผมจริง หรือเปล่า และเขาคงสงสัยด้วยว่าฮาร์เปอร์หลอกล่อหรือวางกับดักอะไรผมหรือเปล่า เขากำลังพยายามคิดถึงทุกแง่มุม“แล้ว…มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ไปมีเมียมีลูกตอนไหนยังไง?” แม่เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาเลื่อนจากผมไปที่ฮาร์เปอร์ ซึ่งกำลังก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบ ๆ เธอดูประหม่าและตื่นตระหนกน ผมรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ อยากปลอบโยนเธอด้วยสัมผัสของผมความรู้สึกที่รุนแรงต่อเธอนั้นทำให้ผมงุนงง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตอนที่เรายังแต่งงานกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ผมถึงอยากทำในสิ่งที่ผมไม่เคยอยากทำมาก่อน?“ตอบแม่สิ เกบ” เสียงเข้มของพ่อทำให้ผมหลุดจากความคิด“เราเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อหลายปีก่อน” ผมเริ่มพู
เกเบรียล“แม่ครับ!” ผมตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งไปหาเธอแม่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะช็อกตอนเห็นลิลลี่ เหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก เธอแค่เห็นตาสีเทาคู่นั้นครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าลิลลี่เป็นหนึ่งในสายเลือดของตระกูลวู้ดผมค่อย ๆ ตบแก้มของแม่เบา ๆ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้น ผมจึงค่อย ๆ สอดแขนข้างหนึ่งใต้บ่า และอีกข้างหนึ่งใต้หัวเข่าของแม่ แล้วยกเธอขึ้นมาวางบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด“พ่อ! โรแวน!” ผมตะโกนเรียกอย่างร้อนรน เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว“คุณย่าจะเป็นอะไรไหมคะ?” ลิลลี่ถามเสียงแผ่วเบาและเปราะบาง “หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือที่คุณย่าเป็นแบบนี้เพราะหนูใช่ไหมคะ?”น้ำตาที่เอ่ออยู่ในดวงตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน ในเวลาไม่นาน ลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผม การเห็นเธอร้องไห้ทำให้ผมเจ็บปวด ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าที่ผมรักลิลลี่ แม้แต่โรแวน ฝาแฝดของผมเอง ก็ยังไม่อาจเทียบได้ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ฮาร์เปอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา“ไม่หรอกจ้ะ ลูกรัก” ฮาร์เปอร์ตอบพร้อมวางผ้าชุบน้ำเย็นลงบนหน้าผากแม่ ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอไปเอาผ้ามาเมื่อไหร่“
เสียงโทรศัพท์ของเกเบรียลทำให้ฉันลุกขึ้นจากที่เดิมที่ลิลลี่ทิ้งฉันไว้ ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนั้นกับฉันได้ ตอนที่เลียมยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยกังวลที่ไม่มีพี่น้อง เธอไม่เคยขอมีพี่น้องด้วยซ้ำ ฉันเลยสงสัยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปแบบนี้กะทันหันฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าทำไมฉันกับเลียมถึงไม่มีลูก ทั้งที่แต่งงานกันมานานขนาดนั้น เรื่องจริงก็คือ เราพยายามแล้ว เลียมอยากมีครอบครัว อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ฉันรู้ว่าเขารักลิลลี่เหมือนลูกแท้ ๆ ของเขา แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นสายเลือดของตัวเองด้วยฉันเองก็อยากจะให้เขามีสิ่งนั้น ฉันอยากขอบคุณเขาที่อยู่เคียงข้างฉันในตอนที่ฉันไม่มีใคร ที่แต่งงานกับฉันและมอบครอบครัวให้กับลิลลี่ การมีลูกให้เขาสักคนไม่ได้เป็นสิ่งที่มากเกินไป และฉันก็ไม่เห็นปัญหาอะไรอย่างที่บอก เราพยายามแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งหนึ่งปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาถึงยอมไปตรวจสุขภาพ ผลปรากฏว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจสลาย เราได้รู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ วันที่เราอยู่ที่คลินิก ฉันเห็นแสงบางอย่างในตัวเขาดับลงไป การรู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นพ่อได้เหมือนทำลา
ลิลลี่มองพวกเราสลับไปมาระหว่างฉันกับพ่อเธอ ฉันเห็นคำถามมากมายในสายตาเธอ ความสงสัยเกี่ยวกับฉันและเกเบรียลอย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่ควรจะรู้สึกดึงดูดใจต่อเกเบรียลอีกหลังจากที่ห่างกันไปหลายปี ฉันเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาจะจบลงไปแล้ว การปฏิบัติที่เขาเคยทำกับฉันเมื่อหลายปีก่อนควรจะฆ่าความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเคยมีต่อเขาแต่ฉันคิดผิด เพราะตอนนี้ฉันกลับมายืนอยู่ตรงนี้ เกือบจะจูบเขา ฉันรู้สึกแย่มากที่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเพียงชั่วขณะ และปล่อยให้ร่างกายพาฉันหลงใหลในตัวเขา“สองคนจะจูบกันเหรอคะ?” ลิลลี่ถามอย่างไร้เดียงสา ฉันอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกจิตใจฉันวุ่นวาย ฉันไม่รู้จะตอบเธออย่างไร ควรจะบอกความจริงเธอไหม? แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็โกหกไม่ได้เมื่อเธอเห็นเต็มสองตา“เอ่อ…เอ่อ...” ฉันพยายามหาคำพูดที่เหมาะสมจะตอบในหัวของฉันยังคิดถึงเรื่องเลียม เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลิลลี่เคยเห็นฉันจูบ ผู้ชายคนเดียวที่เคยอยู่ในชีวิตของเรา ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกว่า ‘ใช่’ เธอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่าเกเบรียลพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเธอ แต่ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เลียมคือพ่อของเธอ