มันช่างสับสนและน่าหงุดหงิดสิ้นดี ฉันเกลียดที่ต้องฟังเรื่องราวชีวิตตัวเองจากปากคนอื่น มันควรจะเป็นสิ่งที่ฉันจำได้เอง ไม่ใช่ฟังราวกับเป็นนิทานที่ใครสักคนเล่าให้ฟัง“เมื่อกี้เธอบอกว่าเข้ามาในชีวิตฉันหลังจากที่เอมม่ากลับมา แต่เธอเหมือนรู้เรื่องนี้ดี คือมันเป็นไปได้ยังไงคะ เราเจอกันยังไงเหรอคะ?”“ทราวิสกับฉันคบกันอยู่จ้ะ เราสองคนคบหากันได้เกือบ ๆ สองปีแล้ว ที่ฉันรู้เรื่องเธอกับเอมม่าดีขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าทราวิสเล่าให้ฉันฟังน่ะสิ”เรื่องราวยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก ฉันไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้เลย เพราะเท่าที่รู้ทราวิสเกลียดฉันขนาดนั้น ฉันนึกว่าเขาน่าจะเตือนแฟนตัวเองให้เลี่ยงไม่ยุ่งกับฉันเสียด้วยซ้ำแล้วเราสองคนมาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไรล่ะ? ทราวิสเป็นคนที่ฉันไม่ชอบเลย และฉันมั่นใจว่าแฟนเขาก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน เพราะอย่างที่เขาว่ากัน คนประเภทเดียวกันมักจะอยู่ด้วยกัน ถูกไหม?เธอคงเห็นความสงสัยในสายตา เธอจึงเอื้อมมือมาจับมือฉัน“ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยจ้ะ หลังจากที่ทราวิสเล่าเรื่องให้ฟัง ฉันก็พยายามไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากเข้าข้างพวกเขาหรื
เขาเดินกระทืบเท้าอย่างหนักแน่นตรงมาหาเรา เมื่อมาถึงเขากระชากฉันลุกจากเก้าอี้แล้วจูบฉันทันทีปกติฉันไม่เคยรังเกียจจูบของเขาเลย แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป มีบางอย่างในจูบนั้น มันแฝงด้วยความโกรธและความขมขื่นเอาไว้ มันทั้งรุนแรงและบาดลึก ราวกับว่าเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของ หรือพยายามลบชื่อของอีธานออกจากริมฝีปากของฉันฉันยืนนิ่งไม่ตอบสนองต่อจูบของเขา เพราะฉันต้องการคำตอบ และเขาเองก็ขัดจังหวะเล็ตตี้ก่อนที่เธอจะบอกฉันว่าอีธานอยู่ที่ไหนด้วยเมื่อสังเกตเห็นว่าฉันไม่ตอบสนองต่อจูบของเขา เขาก็หยุดและถอยหลังไป ความโกรธในดวงตาสีเทาเข้มยังเดือดพล่าน แต่นั่นไม่ทำให้ฉันหวั่นไหวเลย เพราะตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการคือคำตอบเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก ชายที่สามารถทำสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นคือพาฉันออกจากชีวิตของโรแวน"ฉันต้องการคำตอบ โรแวน ต้องการเดี๋ยวนี้" ฉันพูดเสียงกร้าวพร้อมกับกอดอก "บอกฉันมา อีธานอยู่ที่ไหน"พายุในดวงตาสีเทาเข้มของเขากลับทวีความรุนแรงขึ้นแทบจะเป็นความวุ่นวาย"ผมไม่อยากได้ยินชื่อของมันอีก" เขาคำรามด้วยเสียงต่ำพร้อมกำหมัดแน่น "ผมบอกคุณไปแล้วว่าอะไรสำคัญ
ฉันอุ้มไอริสเอาไว้และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องสมุด หนึ่งในสถานที่ที่ชื่นชอบมากที่สุดในบ้านหลังนี้ ฉันนั่งลงใกล้กับหน้าต่างบ้านใหญ่และถกเสื้อและชุดชั้นในลง ไอริสเข้าใกล้แต่เริ่มดูดนมฉันมองดูลูกสาวดื่มนม ดวงตาสีน้ำเงินกำลังจ้องมองฉันด้วยความสงสัยและความเชื่อใจ ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าไม่มีลูกของฉันคนไหนเลยที่ได้ดวงตาฉันไป ทั้งคู่ได้ดวงตาของพ่อเขาไปกันหมดฉันจ้องมองพลางลูบไล้นิ้วไปตามแก้มนุ่ม พร้อมตั้งคำถามว่าอีธานหน้าตาเป็นเช่นไร ไอริสหน้าเหมือนกันฉันเว้นเพียงแต่ดวงตา ดังนั้นฉันจึงวาดภาพของอีธานออกมาในมโนภาพไม่ได้เลยหลังจากไอริสดื่มนมเสร็จ ฉันก็ลุกขึ้นไล่ลมให้ลูกสาว เธอไม่ใช่เด็กที่เลี้ยงยากเลยเพราะเมื่อเธออิ่ม ก็จะนอนหลับไป แต่ครั้งนี้กลับดูเหมือนจะดื้อดึง เธอร้องไห้งอแงและไม่ยอมนอนฉันเกือบจะยอมแพ้ที่จะปลอบเธออยุ่แล้ว แต่โรแวนกลับเดินเข้ามาสองสามนาทีจากนั้น เขาถอดเสื้อตัวนอกออกและถกแขนเสื้อขึ้น เขาอุ้มไอริสแทนฉันเงียบ ๆ และเด็กน้อยก็พลันเงียบลง“ร้องไห้ทำไม เจ้าหญิงน้อยของพ่อ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มไอริสจ้องมองเขาด้วยความสงสัยและความหลงใหล หากไม่รู้ม
ฉันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังทบทวนคำศัพท์และตัวเลขบางอย่าง หากฉันอยากจะกลับไปสอนอีกครั้ง ฉันก็ต้องเรียนรู้คำศัพท์และตัวเลขใหม่อีกครั้งไอริสกำลังนอนหลับในเปลที่ฉันลากมาจากชั้นบน ฉันไม่ชอบความคิดที่จะทิ้งเธอไว้ในห้องคนเดียวตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงมาอยู่ที่นี่ เธอก็นอนหลับในขณะที่ฉันนั่งทบทวนบทเรียนอีกครั้งหัวของฉันยังคงปั่นป่วนจากสิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอีธานเมื่อวานนี้ ฉันยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาหลอกลวงฉันด้วยวิธีที่โหดร้ายขนาดนั้น และฉันก็ไม่เคยนึกเอะใจสงสัยเลยแม้แต่น้อยในช่วงเวลาหลายเดือนที่เราอยู่ด้วยกันฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เข้าหาเขาตั้งแต่แรก เป็นเพราะเอมม่าเดินทางกลับมาหรือเปล่า และฉันอยากให้โรแวนเห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับเอมม่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับฉันอย่างนั้นเหรอ? หรือเพราะฉันรู้สึกสิ้นหวังและขาดความรักจนหลงรักผู้ชายคนแรกที่สนใจในตัวฉัน?ฉันรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองคิดอะไรถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือสิ่งใดที่กระตุ้นให้ฉันทำเช่นนั้น เว้นเสียแต่ว่าฉันจะได้รับความทรงจำกลับคืนมา ไม่อย่างนั้นฉันคงจะต้องสงสัยเกี่ยวกับแรงจูงใจของการกระทำของฉันตลอดไปเสียงโทรศัพท์ดังข
โนรากับธีโอมาถึงราวครึ่งชั่วโมงต่อมา อย่างที่ฉันบอก ฉันไม่เคยออกไปข้างนอกตั้งแต่การเดินทางสั้น ๆ จากโรงพยาบาลคราวนั้นฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นว่าเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน สี่ปีนั้นยาวนานมากสำหรับเมืองที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับเมืองนี้ที่คงจะไม่มีทางคงอยู่เหมือนเดิมเมื่อเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ฉันลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นและเปิดประตู“ลูกกับไอริสพร้อมรึยังจ๊ะ?” โนราถามเธอตื่นเต้นมากเช่นเดียวกับฉัน ฉันให้พวกเขาทั้งสองกอดฉัน การได้อยู่ในอ้อมแขนของพวกเขามันรู้สึกวิเศษและคุ้นเคยมาก เหมือนมันคือบางสิ่งที่ฉันได้รับจากพวกเขามาโดยตลอด“ค่ะ ให้หนูไปรับเธอมานะคะ”ฉันหันหลังกลับและมุ่งกลับไปยังห้องนั่งเล่น โดยอุ้มลูกสาวของฉันขึ้นมา ฉันกล่าวลาอย่างเร่งรีบกับเทเรซา จากนั้นก็ออกจากบ้านไปฉันกำลังจะเข้าไปในรถของพวกเขาในขณะที่บอดี้การ์ดหยุดฉันไว้“ขอโทษครับ คุณผู้หญิง แต่ผมไม่สามารถปล่อยให้คุณไปได้” เขาพูด ทำให้ความตื่นเต้นนั้นลดลงในทันทีฉันไม่รู้ชื่อของเขา แม้ว่าฉันเห็นเขามาสองสามครั้งแล้วในขณะที่เขาเดินลาดตระเวนในบริเวณนั้น“ทำไมล่ะ?” “ผมแค่ทำตามคำสั่งครับ” เขาตอบอย่างนุ่มนว
โรแวนผมยังคงไม่สามารถนำคำพูดของเล็ตตี้ออกจากหัวได้ ตอนที่ผมกลับบ้านมาเร็วในวันนั้น ผมคาดหวังว่าจะใช้เวลากับเอวาตามลำพัง สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือได้ยินเล็ตตี้กำลังบอกเอวาว่าเธอได้ตกหลุมรักกับอีธานความเจ็บปวดที่มากมายในหัวใจของผมแทบจะทำให้ผมไร้สติ แม้ว่าผมเกลียดความสัมพันธ์ที่เอวามีต่ออีธาน แต่ผมมักจะคิดเสมอว่ามันเป็นเพียงความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น นั่นคือมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการมีเซ็กส์ ความจริงที่ว่าเธอได้ตกหลุมรักกับเขานั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าการได้รู้ว่าเธอได้นอนกับเขาเสียอีก มันเกือบจะฆ่าผมที่รู้ว่าเธอเริ่มเห็นอนาคตกับผู้ชายคนนั้นผมปกปิดความเจ็บปวดของผมด้วยความโกรธ ผมไม่รู้ว่าจะบอกเธอยังไงว่าความเป็นไปได้ที่เธอมีความรู้สึกเศษเสี้ยวของความรักต่ออีธานได้ทำลายจิตวิญญาณของผมจนไม่มีชิ้นดี มันเจ็บปวดมากเกินไปสำหรับผมที่จะพูดมันออกมาได้‘ถ้าหากว่า’ คอยแต่วนเล่นในหัวของผม โดยไม่ยอมให้ผมมีจิตใจที่สงบลงได้เลย ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีธานไม่ได้กลับกลายเป็นคนเลว เธอจะอยู่กับเขาในตอนนี้หรือไม่? ความรักที่เธอมีให้ผมจะถูกแทนที่ด้วยความรักที่มีต่ออีธานไหม? เธอจะตัดใจจากผมได้โดยสิ
“มีอะไรเหรอ?” เกบถามในขณะที่ผมลุกขึ้นผมไม่สามารถคิดได้ชัดเจน พวกเขาควรจะดูแลเอวา แล้วทำไมเธอถึงอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ? นี่คือเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่อยากให้เธอออกจากบ้าน ผมไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น แต่ผมรู้ว่าเธอจะปลอดภัยกว่าที่บ้าน“ธีโอเพิ่งบอกฉันว่าเอวาถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาล” ผมกัดฟันตอบผมโกรธมากและเป็นกังวลในเวลาเดียวกัน ผมทนไม่ได้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ในตอนที่ผมเพิ่งได้เธอกลับคืนมา“มา ฉันจะขับรถให้เอง”ผมแค่พยักหน้าก่อนจะมุ่งหน้าออกไป“ยกเลิกการประชุมทั้งหมดของผมซะ” ผมบอกเลขาของผมในขณะที่เดินตรงไปที่ลิฟต์ท่าทางของผมต้องสื่อบางอย่างแน่เพราะคนเหล่านั้นที่อยู่ในโถงทางเดินต่างก็ก้าวหลบทางของผม พวกเขาแยกออกไปเหมือนกับทะเลแหวกหัวใจของผมเต้นรัวกระหน่ำในขณะที่เกบกับผมขึ้นลิฟต์ไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน ผมไม่สามารถหยุดภาพที่เธอถูกเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลในครั้งสุดท้ายเล่นวนในหัวของผมเหมือนกับเทปที่พังได้เลยความหวาดกลัวครอบงำผมในขณะที่จิตใจของผมเลือกที่จะจดจ่อกับทุกสิ่งที่อาจผิดพลาดได้ ผมต้องการเห็นเธอ ต้องการรู้ว่าเธอโอเคดีพวกเราเข้าไปในรถและเกบก็ขับรถออกไปในทันที“พวกเราเค
“เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน?” ผมหันไปหาพวกเขาและคำรามออกมาในขณะที่พยายามเบาเสียงไว้ “ผมเชื่อใจคุณให้ดูแลเธอ”“พวกเราทำ” ธีโอตอบกลับ “ฉันไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น เธอขอตัวไปห้องน้ำ ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเราเห็นเอมม่ามุ่งหน้ามาทางพวกเราด้วยท่าทางลนลาน เธอคือคนที่บอกพวกเราว่าเอวาล้มลงในห้องน้ำ”โนราพูดต่อจากสิ่งที่สามีของเธอหยุดไว้ “พวกเราไม่มีเวลาถามเธอถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือทำไมเธอถึงอยู่ในห้องน้ำกับเอวา ความกังวลหลักของเราในตอนนั้นคือการพาเอวาไปที่โรงพยาบาล”“แล้วเอมม่าอยู่ไหนล่ะครับ?” เกบถาม“พวกเราไม่รู้ เราไม่เห็นเธอเลยตั้งแต่เธอบอกพวกเราเกี่ยวกับเอวา”ความโกรธของผมกำลังพุ่งขึ้น ผมอยากจะต่อยอะไรสักอย่างหรือบางคนจริง ๆ และในขณะนั้นเอง คุณหมอของเอวาก็เดินออกมา“ตอนที่ผมให้เอวาออกจากโรงพยาบาลผมหวังว่าคุณจะดูแลเธออย่างดีนะโรแวน” เขาเริ่มพูดด้วยการว่ากล่าวผม “สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือการได้รับเธอกลับมาอยู่ในความดูแลของผมในสองสัปดาห์หลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลไป”ผมจ้องพ่อแม่ของเธอเขม็งก่อนจะหันไปหาเขาอีกครั้ง“เธอเป็นไงบ้างครับ?”“คงตัวแล้วในตอนนี้ เธอยังคงหมดสติอยู่แต่เธออาจจะตื่นขึ้นมาในอีกสอง
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร