โรแวนผมยังคงไม่สามารถนำคำพูดของเล็ตตี้ออกจากหัวได้ ตอนที่ผมกลับบ้านมาเร็วในวันนั้น ผมคาดหวังว่าจะใช้เวลากับเอวาตามลำพัง สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือได้ยินเล็ตตี้กำลังบอกเอวาว่าเธอได้ตกหลุมรักกับอีธานความเจ็บปวดที่มากมายในหัวใจของผมแทบจะทำให้ผมไร้สติ แม้ว่าผมเกลียดความสัมพันธ์ที่เอวามีต่ออีธาน แต่ผมมักจะคิดเสมอว่ามันเป็นเพียงความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น นั่นคือมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการมีเซ็กส์ ความจริงที่ว่าเธอได้ตกหลุมรักกับเขานั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าการได้รู้ว่าเธอได้นอนกับเขาเสียอีก มันเกือบจะฆ่าผมที่รู้ว่าเธอเริ่มเห็นอนาคตกับผู้ชายคนนั้นผมปกปิดความเจ็บปวดของผมด้วยความโกรธ ผมไม่รู้ว่าจะบอกเธอยังไงว่าความเป็นไปได้ที่เธอมีความรู้สึกเศษเสี้ยวของความรักต่ออีธานได้ทำลายจิตวิญญาณของผมจนไม่มีชิ้นดี มันเจ็บปวดมากเกินไปสำหรับผมที่จะพูดมันออกมาได้‘ถ้าหากว่า’ คอยแต่วนเล่นในหัวของผม โดยไม่ยอมให้ผมมีจิตใจที่สงบลงได้เลย ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีธานไม่ได้กลับกลายเป็นคนเลว เธอจะอยู่กับเขาในตอนนี้หรือไม่? ความรักที่เธอมีให้ผมจะถูกแทนที่ด้วยความรักที่มีต่ออีธานไหม? เธอจะตัดใจจากผมได้โดยสิ
“มีอะไรเหรอ?” เกบถามในขณะที่ผมลุกขึ้นผมไม่สามารถคิดได้ชัดเจน พวกเขาควรจะดูแลเอวา แล้วทำไมเธอถึงอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ? นี่คือเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่อยากให้เธอออกจากบ้าน ผมไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น แต่ผมรู้ว่าเธอจะปลอดภัยกว่าที่บ้าน“ธีโอเพิ่งบอกฉันว่าเอวาถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาล” ผมกัดฟันตอบผมโกรธมากและเป็นกังวลในเวลาเดียวกัน ผมทนไม่ได้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ในตอนที่ผมเพิ่งได้เธอกลับคืนมา“มา ฉันจะขับรถให้เอง”ผมแค่พยักหน้าก่อนจะมุ่งหน้าออกไป“ยกเลิกการประชุมทั้งหมดของผมซะ” ผมบอกเลขาของผมในขณะที่เดินตรงไปที่ลิฟต์ท่าทางของผมต้องสื่อบางอย่างแน่เพราะคนเหล่านั้นที่อยู่ในโถงทางเดินต่างก็ก้าวหลบทางของผม พวกเขาแยกออกไปเหมือนกับทะเลแหวกหัวใจของผมเต้นรัวกระหน่ำในขณะที่เกบกับผมขึ้นลิฟต์ไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน ผมไม่สามารถหยุดภาพที่เธอถูกเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลในครั้งสุดท้ายเล่นวนในหัวของผมเหมือนกับเทปที่พังได้เลยความหวาดกลัวครอบงำผมในขณะที่จิตใจของผมเลือกที่จะจดจ่อกับทุกสิ่งที่อาจผิดพลาดได้ ผมต้องการเห็นเธอ ต้องการรู้ว่าเธอโอเคดีพวกเราเข้าไปในรถและเกบก็ขับรถออกไปในทันที“พวกเราเค
“เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน?” ผมหันไปหาพวกเขาและคำรามออกมาในขณะที่พยายามเบาเสียงไว้ “ผมเชื่อใจคุณให้ดูแลเธอ”“พวกเราทำ” ธีโอตอบกลับ “ฉันไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น เธอขอตัวไปห้องน้ำ ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเราเห็นเอมม่ามุ่งหน้ามาทางพวกเราด้วยท่าทางลนลาน เธอคือคนที่บอกพวกเราว่าเอวาล้มลงในห้องน้ำ”โนราพูดต่อจากสิ่งที่สามีของเธอหยุดไว้ “พวกเราไม่มีเวลาถามเธอถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือทำไมเธอถึงอยู่ในห้องน้ำกับเอวา ความกังวลหลักของเราในตอนนั้นคือการพาเอวาไปที่โรงพยาบาล”“แล้วเอมม่าอยู่ไหนล่ะครับ?” เกบถาม“พวกเราไม่รู้ เราไม่เห็นเธอเลยตั้งแต่เธอบอกพวกเราเกี่ยวกับเอวา”ความโกรธของผมกำลังพุ่งขึ้น ผมอยากจะต่อยอะไรสักอย่างหรือบางคนจริง ๆ และในขณะนั้นเอง คุณหมอของเอวาก็เดินออกมา“ตอนที่ผมให้เอวาออกจากโรงพยาบาลผมหวังว่าคุณจะดูแลเธออย่างดีนะโรแวน” เขาเริ่มพูดด้วยการว่ากล่าวผม “สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือการได้รับเธอกลับมาอยู่ในความดูแลของผมในสองสัปดาห์หลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลไป”ผมจ้องพ่อแม่ของเธอเขม็งก่อนจะหันไปหาเขาอีกครั้ง“เธอเป็นไงบ้างครับ?”“คงตัวแล้วในตอนนี้ เธอยังคงหมดสติอยู่แต่เธออาจจะตื่นขึ้นมาในอีกสอง
ผมบอกไปแล้วหรือยังว่าผมโมโหแค่ไหน? ผมพลุ่งพล่านไปด้วยความโกรธ มันน่าแปลกที่ควันไม่ได้ออกมาจากจมูกและหูของผมเหมือนในการ์ตูนที่ผมเคยดูเมื่อมาถึงที่รถ ผมก็เข้าไป สตาร์ตเครื่องและขับออกไปจากลานจอดรถผมไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ธีโอกับโนราเล่าให้ผมฟัง ผมแค่ไม่รู้ว่าทำไมเอมม่าถึงไม่ยอมเข้าใจว่ามันจบลงแล้วระหว่างพวกเรา นั่นคือผมสุดจะทนกับเธอแล้วผมรู้ว่าผมให้ความหวังเธอตอนที่ผมขอโอกาสหลังการหย่าของผม แต่ผมทำให้มันชัดเจนในภายหลังแล้วว่าความสัมพันธ์ของเราจะไม่ไปไหน นั่นคือผมไม่อยากอยู่กับเธอผมจะรับทุกอย่างที่เธอโถมปาใส่ผมเองและค่อย ๆ จัดการมันเพราะความสัมพันธ์ในอดีตของเรา แน่นอนว่าผมพยายามทำให้เอวาหึงหวงและเอะอะโวยวาย แต่สิ่งที่ผมจะไม่ทนคือการที่เธอทำร้ายเอวา นั่นคือเส้นที่เธอไม่ควรข้ามโทรศัพท์ของผมดังขึ้น แต่ผมไม่สนใจมัน ผมอยู่ในภารกิจอยู่ และไม่มีอะไรจะขัดขวางผมได้จนกว่าผมจะทำให้มันสำเร็จลุล่วงผมขับรถไปเหมือนคนบ้า บางทีอาจจะฝ่าฝืนกฏจราจรทั้งหมด แต่ผมไม่สน แม้ว่าผมจะถูกเรียกให้จอด ผมจะหาทางออกให้ได้ภายในไม่กี่วินาที ผมคือโรแวน วู้ด ครอบครัวของผมและผมเป็นเจ้าของเมืองนี้เมื่อผมม
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร ฉันแค่เรียกพ่อแม่ของเธอเพราะเธอหมดสติไปในขณะที่อยู่ในห้องน้ำ” เธอพยายามสงบสติอารมณ์ลง แต่ผมได้ยินการสั่นในน้ำเสียงของเธอ“งั้นเหรอ?”“ค่ะ เธอล้มลงและมันแค่รู้สึกไม่ถูกต้องที่จะทิ้งเธอไว้ที่นั่นดังนั้นฉันจึงเรียกพ่อแม่ของเธอมา”ผมรู้จักเอมม่ามานาน เธออาจจะเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่ได้มากนัก ผมบอกได้ง่าย ๆ เลยว่าเธอกำลังโกหกผมอยู่“ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วทำไมเอวาถึงมีแผลด้านหลังศีรษะล่ะ?”เธอพยายามแกะมือของผมออกจากกรามของเธอ แต่ผมจับมันไว้แน่น ผมกำลังทำให้เธอเจ็บแต่ผมไม่สนเลยจริง ๆ เพราะเธอทำร้ายผู้หญิงของผม“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร ฉันแค่พบเธออยู่ที่นั่น นอนอยู่กับพื้น” เธอพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง แต่สายตาของเธอทรยศตัวเอง“แล้วคุณไปทำอะไรในร้านอาหารเดียวกันกับเธอ?” ผมต้องรู้เห็นภาพรวมทั้งหมดนี่คือการวางแผนไว้หรือเปล่า? หรือมันคือบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน“คริสตินกับฉันนัดทานข้าวกันค่ะ” เธอพูดตะกุกตะกัก “พวกเราไม่รู้ว่าเอวาและพ่อแม่ของเธอจะมาทานข้าวที่นั่นเหมือนกัน”เธอพยายามปกปิดการกระทำผิด ๆ ของเธอไว้ได้ไม่ดีเลยจริง ๆเมื่อกล่าวถึงคริสตินและรู้
เอมม่าฉันขาอ่อนและทรุดตัวลงกับพื้น ฉันยังคงตกใจอยู่ ยังไม่สามารถเชื่อได้ว่าผู้ชายคนที่ฉันรักจะทำกับฉันโหดร้ายขนาดนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนังตัวดีนั่นฉันเคยเห็นด้านที่โหดเหี้ยมของโรแวนมาก่อน มันไม่ได้รุนแรงเหมือนตอนนี้ แต่มันยังคงเป็นบางสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ฉันเคยคิดว่ามันน่ารักดี แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยนึกฝันมาก่อน คือวันหนึ่งฉันจะได้รับความกราดเกรี้ยวของเขากรามของฉันเจ็บปวดไปหมด เช่นเดียวกับคางและหนังศีรษะของฉันเขาเย็นชาและใจร้ายมาก ดวงตาของเขามักจะมีความรักเสมอ แต่วันนี้ฉันไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความเกลียดและรังเกียจในดวงตานั้นในสายตาของเขา ฉันเห็นความตาย และฉันแค่รู้ว่าถ้าเขาทำอย่างที่ตั้งใจ ฉันยอมหายไปจากโลกนี้เสียดีกว่าฉันพยายามคิดว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง แต่ก็ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยโรแวนเกลียดฉันและไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน คาลวินไม่อยากเอาฉันเข้าไปเกี่ยวและเขาก็ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเช่นกัน ฉันมีพวกเขาทั้งคู่อยู่ในกำมือแต่ตอนนี้ฉันกลับไม่มีใครเลย“เธอคิดบ้าอะไรอยู่ เอมม่า?” ทราวิสตะคอกใส่ฉัน “ฉันบอกเธอแล้วว่าอยู่ให้ห่างจากเอวากับโรแวนซะ ฉันบอกแล้วว่าเขารักเอวา แล
โรแวนผมรีบกลับไปที่โรงพยาบาล ความโกรธของผมยังไม่สงบลง มันยังคงยากที่จะเชื่อว่าเอมม่าจะทำตัวต่ำ ๆแบบนั้น ที่เธอจะทำร้ายเอวาเพียงเพราะผมไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้วทำไมมันถึงยากสำหรับเธอที่จะเข้าใจเรื่องนั้น? ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับว่าผมไม่ได้รักเธออีกต่อไปแล้ว?ยิ่งผมคิดเกี่ยวกับมันมากขึ้นเท่าไร ผมก็ยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผมจับพวงมาลัยไว้แน่นจนทำให้มันยากที่จะบังคับทิศทางรถ ผมบังคับให้ตัวเองคลายการจับแล้วจดจ่อไปที่รอยยิ้มที่สวยงามของเอวา สิ่งสุดท้ายที่พวกเราต้องการคือผมเกิดอุบัติเหตุผมขับรถต่อไปในขณะที่ความคิดถาโถมในใจ ผมยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอมม่า เธอเคยเป็นคนจิตใจดี มันคือหนึ่งในเหตุผลที่ผมตกหลุมรักเธอ เธอคือนางฟ้าที่มีจิตใจบริสุทธิ์ดั่งทองคำเมื่อมองเธอในตอนนี้ ผมยังคงไม่สามารถเชื่อได้ว่าเธอคือผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ผมเคยตกหลุมรักอย่างบ้าคลั่ง ผู้หญิงที่ผมเคยตกหลุมรักเมื่อตอนที่ผมยังเด็กไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วผู้หญิงที่ผมตกหลุมรักจะไม่ร้ายกาจขนาดที่จะทำร้ายคนอื่นได้ เธอจะไม่อำมหิตจนเมินเฉยและผลักไสไล่ส่งลูกชายของเธอไป เธอจะไม่โหดร้ายพอที่จะคุกคามลูกชายของผมหรือโกหก
“เธอคือคนที่ทำร้ายเอวา…เธอผลักเอวาในขณะที่พวกเธออยู่ในห้องน้ำ และเอวากระแทกกับผนัง นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเอวาถึงเลือดออก ผมยังคาดเดาเช่นกันว่ามันคือเหตุผลที่ทำไมเธอถึงหมดสติไป” โทนเสียงของผมแข็งกร้าวขึ้นเมื่อผมนึกถึงสิ่งที่เอมม่าสารภาพมันทำให้ผมอยากจะเอามือคว้าคอของเธอและบีบคอเธอให้ตายไปซะ“นังเด็กเหลือขอนั่น” ธีโอร้องออกมาอย่างเกรี้ยวกราด“นายทำยังไงกับเรื่องนี้? ฉันหวังว่านายจะไม่ปล่อยเธอลอยนวลไปนะ”“ไม่ต้องกังวลครับ ผมได้จัดการไปแล้ว” รอยยิ้มเผยบนริมฝีปากของผม เอมม่าจะต้องคิดทบทวนเกี่ยวกับการทำร้ายเอวาอีกครั้ง“คุณวู้ดคะ”พวกเราทั้งหมดหันไปทางเสียงของพยาบาล“คุณเอวาตื่นแล้วค่ะ”พวกเราต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผมกลัวว่าเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาพ่อแม่ของเธอลุกขึ้นยืน“พวกเราไปพบเธอได้ไหมคะ?” โนราถามอย่างร้อนรน“อาจจะอีกครู่หนึ่งนะคะ” เธอพูด พลางหันมาหาผม “เธอถามหาคุณค่ะ”ผมพยักหน้าและตามพยาบาลไปขณะที่เธอนำผมไปห้องของเอวา หลังจากเปิดประตูและให้ผมเข้าไปข้างใน เธอก็จากไปผมเดินไปที่เตียงของเธอช้า ๆ ผมสังเกตเห็นว่าแม้ว่าเธอดูเซื่องซึม เธอยังดูวิตกกังวลเช่นกัน เหมือนเธอเป็นกังวลเก
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร
“เอานี่ไปสิ” เขาสั่งพลางยื่นแบล็คการ์ดของเขาให้ฉันฉันมองบัตรนั้นอย่างลังเล “โรแวน…”“เอาไปเถอะ เอวา ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว หมายความว่าทุกอย่างที่ผมมีก็เป็นของคุณ คุณอาจจะมีเงิน แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้มัน”ฉันขมวดคิ้วด้วยความสับสน สายตาของฉันเลื่อนไปที่เขา ฉันไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรที่บอกว่า ‘ฉันมีเงิน’ ฉันไม่มีเวลาซักถามเขา และฉันจะไม่เถียง เพราะจากแววตาที่เขามองมาที่ฉัน ฉันรู้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจ “โอเค” ฉันพึมพำพลางรับบัตร “ขอบคุณนะ”ฉันไม่ได้คิดจะใช้บัตรใบนั้นหรอก แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้ หลังจากบอกลากัน ฉันก็ออกจากบ้าน เราตัดสินใจใช้รถหนึ่งคัน บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงขับรถพาเราไปที่ห้างสรรพสินค้าฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะห้ามใจไม่อยู่ ไม่นานเราก็มาถึง และหลังจากจอดรถเราก็ตรงไปที่ร้านค้าทันที โดยมีบอริสเดินตามอยู่ข้างหลัง“ว่าแต่เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ” เล็ตตี้ถามขณะเราเข้าไปในร้านแบรนด์หรูแห่งหนึ่งฉันมองร้านด้วยความกังวล รู้สึกตกตะลึงกับป้ายราคา“เล็ตตี้ ฉันไม่คิดว่าจะซื้ออะไรที่นี่ได้หรอก” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงแหลม “ราคาที่นี่ทำฉันหัวใจวายได้เลย”พว
“ได้สิ แน่นอน”หลังจากนั้นเขาก็วางสาย ฉันถอนหายใจ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เขาไม่ได้หาทางออกให้ ในตอนนี้ฉันคิดว่าจะรับข้อเสนอของโครินหรือไม่ก็พาไอริสไปด้วยแทน ซึ่งคงปวดหัวไม่น้อย การไปช้อปปิ้งกับลูกมักจะเป็นแบบนั้นฉันถือโทรศัพท์แล้วเดินลงไปชั้นล่าง ไอริสยังหลับอยู่ ส่วนโครินกับเล็ตตี้กำลังคุยกัน ขนมที่เทเรซาเอามาให้ก็เกือบจะหมดแล้ว“แล้วเขาว่าไงบ้าง” เล็ตตี้ถามหลังจากกลืนคุกกี้ลงคอฉันตอบพร้อมยักไหล่ “ไม่มีอะไรมาก เขาแค่บอกให้ฉันรอให้เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาก่อน” ฉันนั่งลงและหยิบคุกกี้ขึ้นมา ฉันเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อยจนเกือบร้องครางออกมา เทเรซาบอกฉันว่าเธอใช้สูตรลับที่สืบทอดมาจากคุณย่าทวดของเธอ ฉันเองยังพยายามโน้มน้าวให้เธอแบ่งปันสูตรที่ว่านั้นให้เลย“บ้าจริง เทเรซาสร้างความฟินด้วยอาหารเก่งชะมัด... นี่มันอร่อยสุด ๆ เลย” โครินชมขณะที่หยิบคุกกี้ขึ้นมาอีกชิ้นฉันได้แต่ยิ้มเพราะรู้ว่าเธอพูดถูก โนอาหลงใหลคุ้กกี้ของเธอมาก ฉันก็เช่นกัน โรแวนไม่ชอบของหวานเท่าไร แต่เขาเคยลองกินครั้งหนึ่งและก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อย ถ้าเทเรซาคิดจะทำธุรกิจคุกกี้ เธอต้องขายได้แน่นอน เธอทำได้อร่อยถึงขั้นนั้นเชียวล
“นี่เอาจริงเหรอ” เล็ตตี้ถามด้วยความตกตะลึง“ใช่” ฉันตอบ “วันนี้ฉันค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัว แต่ไม่มีอะไรที่เหมาะจะใส่ออกเดตเลย แม้แต่เดรสสั้นสีดำเล็ก ๆ สักตัวก็ยังไม่มี” พูดตามตรงว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าแปลกใจ ฉันจำความทรงจำครั้งหนึ่งกับอีธานได้ เราไปเดตกันและฉันมีชุดเดรสสีแดงรัดรูปตัวหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันคิดจะใส่มันหรอก แต่ตอนนี้มันหายไปจากตู้เสื้อผ้า ฉันมีแค่กางเกงยีนส์กับเดรสฤดูร้อนไม่กี่ตัวเท่านั้น“ไม่ต้องกังวลหรอก เพื่อนรัก เราจะช่วยเธอเอง... จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าเราควรไปช้อปปิ้งกัน” โครินพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงฟังดูน่าสนุก แต่ฉันอดกังวลเกี่ยวกับไอริสไม่ได้ ฉันไม่อยากพาเธอไปด้วยเพราะเรารู้กันดีว่าการช้อปปิ้งมันทั้งยาวนานและเหนื่อยล้า แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่เช่นกัน“ไม่รู้สิ” ฉันพึมพำพลางกัดริมฝีปากไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจเทเรซา แต่ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจที่จะทิ้งเธอไว้กับหล่อน มันคงไม่เป็นไรถ้าโนอาหรือโรแวนอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่“เกี่ยวกับเรื่องไอริสงั้นเหรอ?” เล็ตตี้ถามขณะมองลึกเข้ามาในดวงตาฉันแทนที่จะตอบ ฉันแค่พยักหน้า ฉันอยากไปช้อปปิ้งจริง ๆ ฉันถูกขังอย
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง” โครินถามพร้อมมองพวกเราอย่างต้องการคำตอบ“ก่อนอื่นเลย เธอต้องการเขาไหม” ฉันถามด้วยความอยากรู้นั่นคือคำถามแรกที่เธอต้องถามตัวเอง เราทำอะไรต่อไม่ได้เลยจนกว่าเธอจะตอบคำถามนั้น “ฉันหลงใหลเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าควรยุ่งเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า ตำรวจยังคงตามล่าเขาอยู่ และฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลังและทำลายทุกอย่างที่ฉันทุ่มเทมา” ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยตอบฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร รีเปอร์ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอาชญากร ซึ่งหมายความว่าการยุ่งเกี่ยวกับเขาจะมีผลร้ายแรง ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้เป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้น ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นลุงของไอริส แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นอันตรายและตำรวจก็กำลังต้องการตัวเขา“ฉันคิดว่าเธอควรลองดูนะ ฟันเขาสักครั้งแล้วค่อยตัดสินใจ” เล็ตตี้บอกเธอ ฉันกำลังจะขัดจังหวะเธอเพราะคิดว่าเธอเสียสติ แต่เธอตัดบทฉันเสียก่อน “ฟังฉันก่อนน่า เราทั้งคู่รู้ว่าเอวาไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครโดยไม่ลืมหูลืมหา ยกเว้นอีธานล่ะนะ เธอเป็นคนที่ดูคนเก่งทีเดียว”“แม้แต่กับอีธาน เราก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนดี เขาแค่ยอมให้คว