“เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน?” ผมหันไปหาพวกเขาและคำรามออกมาในขณะที่พยายามเบาเสียงไว้ “ผมเชื่อใจคุณให้ดูแลเธอ”“พวกเราทำ” ธีโอตอบกลับ “ฉันไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น เธอขอตัวไปห้องน้ำ ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเราเห็นเอมม่ามุ่งหน้ามาทางพวกเราด้วยท่าทางลนลาน เธอคือคนที่บอกพวกเราว่าเอวาล้มลงในห้องน้ำ”โนราพูดต่อจากสิ่งที่สามีของเธอหยุดไว้ “พวกเราไม่มีเวลาถามเธอถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือทำไมเธอถึงอยู่ในห้องน้ำกับเอวา ความกังวลหลักของเราในตอนนั้นคือการพาเอวาไปที่โรงพยาบาล”“แล้วเอมม่าอยู่ไหนล่ะครับ?” เกบถาม“พวกเราไม่รู้ เราไม่เห็นเธอเลยตั้งแต่เธอบอกพวกเราเกี่ยวกับเอวา”ความโกรธของผมกำลังพุ่งขึ้น ผมอยากจะต่อยอะไรสักอย่างหรือบางคนจริง ๆ และในขณะนั้นเอง คุณหมอของเอวาก็เดินออกมา“ตอนที่ผมให้เอวาออกจากโรงพยาบาลผมหวังว่าคุณจะดูแลเธออย่างดีนะโรแวน” เขาเริ่มพูดด้วยการว่ากล่าวผม “สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือการได้รับเธอกลับมาอยู่ในความดูแลของผมในสองสัปดาห์หลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลไป”ผมจ้องพ่อแม่ของเธอเขม็งก่อนจะหันไปหาเขาอีกครั้ง“เธอเป็นไงบ้างครับ?”“คงตัวแล้วในตอนนี้ เธอยังคงหมดสติอยู่แต่เธออาจจะตื่นขึ้นมาในอีกสอง
ผมบอกไปแล้วหรือยังว่าผมโมโหแค่ไหน? ผมพลุ่งพล่านไปด้วยความโกรธ มันน่าแปลกที่ควันไม่ได้ออกมาจากจมูกและหูของผมเหมือนในการ์ตูนที่ผมเคยดูเมื่อมาถึงที่รถ ผมก็เข้าไป สตาร์ตเครื่องและขับออกไปจากลานจอดรถผมไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ธีโอกับโนราเล่าให้ผมฟัง ผมแค่ไม่รู้ว่าทำไมเอมม่าถึงไม่ยอมเข้าใจว่ามันจบลงแล้วระหว่างพวกเรา นั่นคือผมสุดจะทนกับเธอแล้วผมรู้ว่าผมให้ความหวังเธอตอนที่ผมขอโอกาสหลังการหย่าของผม แต่ผมทำให้มันชัดเจนในภายหลังแล้วว่าความสัมพันธ์ของเราจะไม่ไปไหน นั่นคือผมไม่อยากอยู่กับเธอผมจะรับทุกอย่างที่เธอโถมปาใส่ผมเองและค่อย ๆ จัดการมันเพราะความสัมพันธ์ในอดีตของเรา แน่นอนว่าผมพยายามทำให้เอวาหึงหวงและเอะอะโวยวาย แต่สิ่งที่ผมจะไม่ทนคือการที่เธอทำร้ายเอวา นั่นคือเส้นที่เธอไม่ควรข้ามโทรศัพท์ของผมดังขึ้น แต่ผมไม่สนใจมัน ผมอยู่ในภารกิจอยู่ และไม่มีอะไรจะขัดขวางผมได้จนกว่าผมจะทำให้มันสำเร็จลุล่วงผมขับรถไปเหมือนคนบ้า บางทีอาจจะฝ่าฝืนกฏจราจรทั้งหมด แต่ผมไม่สน แม้ว่าผมจะถูกเรียกให้จอด ผมจะหาทางออกให้ได้ภายในไม่กี่วินาที ผมคือโรแวน วู้ด ครอบครัวของผมและผมเป็นเจ้าของเมืองนี้เมื่อผมม
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร ฉันแค่เรียกพ่อแม่ของเธอเพราะเธอหมดสติไปในขณะที่อยู่ในห้องน้ำ” เธอพยายามสงบสติอารมณ์ลง แต่ผมได้ยินการสั่นในน้ำเสียงของเธอ“งั้นเหรอ?”“ค่ะ เธอล้มลงและมันแค่รู้สึกไม่ถูกต้องที่จะทิ้งเธอไว้ที่นั่นดังนั้นฉันจึงเรียกพ่อแม่ของเธอมา”ผมรู้จักเอมม่ามานาน เธออาจจะเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่ได้มากนัก ผมบอกได้ง่าย ๆ เลยว่าเธอกำลังโกหกผมอยู่“ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วทำไมเอวาถึงมีแผลด้านหลังศีรษะล่ะ?”เธอพยายามแกะมือของผมออกจากกรามของเธอ แต่ผมจับมันไว้แน่น ผมกำลังทำให้เธอเจ็บแต่ผมไม่สนเลยจริง ๆ เพราะเธอทำร้ายผู้หญิงของผม“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร ฉันแค่พบเธออยู่ที่นั่น นอนอยู่กับพื้น” เธอพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง แต่สายตาของเธอทรยศตัวเอง“แล้วคุณไปทำอะไรในร้านอาหารเดียวกันกับเธอ?” ผมต้องรู้เห็นภาพรวมทั้งหมดนี่คือการวางแผนไว้หรือเปล่า? หรือมันคือบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน“คริสตินกับฉันนัดทานข้าวกันค่ะ” เธอพูดตะกุกตะกัก “พวกเราไม่รู้ว่าเอวาและพ่อแม่ของเธอจะมาทานข้าวที่นั่นเหมือนกัน”เธอพยายามปกปิดการกระทำผิด ๆ ของเธอไว้ได้ไม่ดีเลยจริง ๆเมื่อกล่าวถึงคริสตินและรู้
เอมม่าฉันขาอ่อนและทรุดตัวลงกับพื้น ฉันยังคงตกใจอยู่ ยังไม่สามารถเชื่อได้ว่าผู้ชายคนที่ฉันรักจะทำกับฉันโหดร้ายขนาดนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนังตัวดีนั่นฉันเคยเห็นด้านที่โหดเหี้ยมของโรแวนมาก่อน มันไม่ได้รุนแรงเหมือนตอนนี้ แต่มันยังคงเป็นบางสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ฉันเคยคิดว่ามันน่ารักดี แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยนึกฝันมาก่อน คือวันหนึ่งฉันจะได้รับความกราดเกรี้ยวของเขากรามของฉันเจ็บปวดไปหมด เช่นเดียวกับคางและหนังศีรษะของฉันเขาเย็นชาและใจร้ายมาก ดวงตาของเขามักจะมีความรักเสมอ แต่วันนี้ฉันไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความเกลียดและรังเกียจในดวงตานั้นในสายตาของเขา ฉันเห็นความตาย และฉันแค่รู้ว่าถ้าเขาทำอย่างที่ตั้งใจ ฉันยอมหายไปจากโลกนี้เสียดีกว่าฉันพยายามคิดว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง แต่ก็ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยโรแวนเกลียดฉันและไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน คาลวินไม่อยากเอาฉันเข้าไปเกี่ยวและเขาก็ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเช่นกัน ฉันมีพวกเขาทั้งคู่อยู่ในกำมือแต่ตอนนี้ฉันกลับไม่มีใครเลย“เธอคิดบ้าอะไรอยู่ เอมม่า?” ทราวิสตะคอกใส่ฉัน “ฉันบอกเธอแล้วว่าอยู่ให้ห่างจากเอวากับโรแวนซะ ฉันบอกแล้วว่าเขารักเอวา แล
โรแวนผมรีบกลับไปที่โรงพยาบาล ความโกรธของผมยังไม่สงบลง มันยังคงยากที่จะเชื่อว่าเอมม่าจะทำตัวต่ำ ๆแบบนั้น ที่เธอจะทำร้ายเอวาเพียงเพราะผมไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้วทำไมมันถึงยากสำหรับเธอที่จะเข้าใจเรื่องนั้น? ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับว่าผมไม่ได้รักเธออีกต่อไปแล้ว?ยิ่งผมคิดเกี่ยวกับมันมากขึ้นเท่าไร ผมก็ยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผมจับพวงมาลัยไว้แน่นจนทำให้มันยากที่จะบังคับทิศทางรถ ผมบังคับให้ตัวเองคลายการจับแล้วจดจ่อไปที่รอยยิ้มที่สวยงามของเอวา สิ่งสุดท้ายที่พวกเราต้องการคือผมเกิดอุบัติเหตุผมขับรถต่อไปในขณะที่ความคิดถาโถมในใจ ผมยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอมม่า เธอเคยเป็นคนจิตใจดี มันคือหนึ่งในเหตุผลที่ผมตกหลุมรักเธอ เธอคือนางฟ้าที่มีจิตใจบริสุทธิ์ดั่งทองคำเมื่อมองเธอในตอนนี้ ผมยังคงไม่สามารถเชื่อได้ว่าเธอคือผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ผมเคยตกหลุมรักอย่างบ้าคลั่ง ผู้หญิงที่ผมเคยตกหลุมรักเมื่อตอนที่ผมยังเด็กไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วผู้หญิงที่ผมตกหลุมรักจะไม่ร้ายกาจขนาดที่จะทำร้ายคนอื่นได้ เธอจะไม่อำมหิตจนเมินเฉยและผลักไสไล่ส่งลูกชายของเธอไป เธอจะไม่โหดร้ายพอที่จะคุกคามลูกชายของผมหรือโกหก
“เธอคือคนที่ทำร้ายเอวา…เธอผลักเอวาในขณะที่พวกเธออยู่ในห้องน้ำ และเอวากระแทกกับผนัง นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเอวาถึงเลือดออก ผมยังคาดเดาเช่นกันว่ามันคือเหตุผลที่ทำไมเธอถึงหมดสติไป” โทนเสียงของผมแข็งกร้าวขึ้นเมื่อผมนึกถึงสิ่งที่เอมม่าสารภาพมันทำให้ผมอยากจะเอามือคว้าคอของเธอและบีบคอเธอให้ตายไปซะ“นังเด็กเหลือขอนั่น” ธีโอร้องออกมาอย่างเกรี้ยวกราด“นายทำยังไงกับเรื่องนี้? ฉันหวังว่านายจะไม่ปล่อยเธอลอยนวลไปนะ”“ไม่ต้องกังวลครับ ผมได้จัดการไปแล้ว” รอยยิ้มเผยบนริมฝีปากของผม เอมม่าจะต้องคิดทบทวนเกี่ยวกับการทำร้ายเอวาอีกครั้ง“คุณวู้ดคะ”พวกเราทั้งหมดหันไปทางเสียงของพยาบาล“คุณเอวาตื่นแล้วค่ะ”พวกเราต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผมกลัวว่าเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาพ่อแม่ของเธอลุกขึ้นยืน“พวกเราไปพบเธอได้ไหมคะ?” โนราถามอย่างร้อนรน“อาจจะอีกครู่หนึ่งนะคะ” เธอพูด พลางหันมาหาผม “เธอถามหาคุณค่ะ”ผมพยักหน้าและตามพยาบาลไปขณะที่เธอนำผมไปห้องของเอวา หลังจากเปิดประตูและให้ผมเข้าไปข้างใน เธอก็จากไปผมเดินไปที่เตียงของเธอช้า ๆ ผมสังเกตเห็นว่าแม้ว่าเธอดูเซื่องซึม เธอยังดูวิตกกังวลเช่นกัน เหมือนเธอเป็นกังวลเก
เอวาราว ๆ หนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่ฉันออกจากโรงพยาบาล ทุกสิ่งเป็นไปได้ด้วยดี ฉันยังคงความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยว่าทุกอย่างจะจบลงไม่ได้เอมม่าไม่ผิดในวันนั้น โรแวนเป็นของเธอมาโดยตลอด แน่นอนเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินสิ่งของใด แต่เอมม่าได้ยึดครองหัวใจของเขามาตลอด ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ฉันไม่มีวันเข้าใจได้เลยฉันเคยถามตัวเองว่าอะไรที่ทำให้เธอพิเศษออกไป ฉันสงสัยว่าเธอได้ความรักและความซื่อสัตย์เช่นนั้นจากผู้ชายที่น่าเกรงขามเช่นโรแวนได้ยังไง มันเคยรบกวนฉัน เคยทำให้ฉันรำคาญ ในขณะที่เธอได้ด้านที่อ่อนโยนของเขาไป ฉันกลับได้ความใจร้ายของเขาและด้านที่น่าเกลียดของเขาตอนนี้เหตุการณ์พลิกผันไป และฉันไม่ละอายที่จะบอกว่าฉันไม่ได้ไว้วางใจการพลิกผันของเหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงของหัวใจนี้เลยฉันเห็นความอ่อนโยนและความรักใคร่ในสายตาของเขาที่มีต่อฉัน เขามองฉันราวกับว่าฉันเป็นที่ต้องการมาโดยตลอด แต่ฉันกลับมีความรู้สึกจ้องจับผิดว่าบางสิ่งนั้นไม่ถูกต้องจริง ๆฉันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่? ก่อนที่ฉันถูกยิงหรือเปล่า? หรือหลังจากนั้น? ความคิดในการสูญเสียฉันไปทำให้เขาได้สติกลับคืนมาหรือเป
ฉันอยู่ในครัวกำลังไตร่ตรองว่าจะทำยังไงเกี่ยวกับปัญหาของเอมม่า ทราวิสจากไปแล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหลังจากที่เขาขอร้องอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ก็สี่โมงเย็นแล้ว และฉันคาดหวังว่าโนอาจะกลับมาบ้านได้ทุกเมื่อในตอนนี้ โรแวนจะกลับตอนห้าหรือหกโมงเย็น ดังนั้นฉันยังคงมีเวลาคิดเอมม่ากับฉันไม่เคยเข้ากันได้เลยจริง ๆ ส่วนใหญ่เพราะฉันอิจฉาที่เธอได้ผู้ชายที่ฉันต้องการไป เธอมักจะเมินเฉยต่อฉันเป็นส่วนใหญ่และทำตัวเหมือนฉันไม่มีตัวตน ครั้งเดียวที่เธอรุนแรงและเป็นปรปักษ์ต่อฉันคือหลังจากเธอรู้ว่าโรแวนกับฉันนอนด้วยกันแต่ฉันไม่โทษเธอ เพราะฉันคงจะตอบสนองในแบบเดียว ดังนั้นฉันจึงไม่ได้มีความแค้นต่อวิธีที่เธอปฏิบัติกับฉันหลังจากเธอรู้ความจริง แม้ว่าเอมม่าคนใหม่นี้แตกต่างไป เอาตามตรงฉันก็ไม่เข้าใจว่าความปวดใจของเธอทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้หรือว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นระหว่างทางส่วนทราวิส ในทางตรงกันข้าม มักจะเป็นปรปักษ์อยู่เสมอ คำพูดเยาะเย้ยของเขาและสายตาที่โกรธและรังเกียจของเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะพยายามเป็นพิเศษเพื่อทำร้ายจิตใจของฉันยังไงทั้งหมดนี้ทำให้ฉันสงสัยว่าฉันควรช่วยเขาดีหรือไม่ ฉันหมายถึงเขามีสิทธิ์ด้วยเหรอที
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว