เป็นเวลาสองสามชั่วโมงแล้วที่โนอาโกรธเคืองใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสามคน ตอนนี้พวกเขาอยู่ข้างนอกในสวนด้านหลัง เพลิดเพลินกับแสงแดด โนอาดูเหมือนจะสงบลงแล้ว แต่ฉันรู้จักเขาดี เขาเฉียบแหลม สายตาของเขายังคงจับจ้องที่พวกเขาอยู่ พลางพินิจพิเคราะห์ ราวกับว่าเขากำลังรอดูว่าพวกเขาจะทำอะไรผิดพลาดอีกตอนนี้ไอริสกำลังหลับอยู่ในห้องของเธอ และฉันอยู่ในห้องครัวพยายามหยุดพักขอหายใจก่อน แม่กับทราวิสพยายามที่จะอุ้มไอริส แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างหัวใจของฉันไม่เห็นด้วยกับสิ่งนั้นเลยนั่นไม่ใช่เรื่องหลักที่รบกวนฉันด้วยซ้ำ แต่เป็นการไม่คำนึงถึงของเอมม่าที่มีต่อฉันและความรู้สึกของฉัน การดูหมิ่นโดยสิ้นเชิงของเธอในบ้านของตัวฉันเองฉันเข้าใจนะว่าฉันทำผิดตอนที่ฉันนอนกับโรแวน แต่ตอนนี้โรแวนเป็นสามีของฉัน มันไม่ควรรบกวนฉันที่เธอพยายามเข้าใกล้เขา โดยมอบรอยยิ้มที่เขินอายและยั่วยวนให้เขา กวัดแกว่งสะโพกตอนที่เธอเดินผ่านเขา สัมผัสเขาเบา ๆ ตอนที่เธออยู่ใกล้เขา ฉันไม่อยากหึงหวง แต่ฉันหึงฉันโกรธและโมโหกับพฤติกรรมที่โจ่งแจ้งของเธอมาก แน่นอน โรแวนจ้องเธอเขม็งและเดินจากไปเมื่อเขาสังเกตเห็นพฤติกรรมของเธอ แต่ฉันอดคิดไม่ได้ว่าม
“แล้วไงล่ะ?”เขาคว้าแขนเธอไว้แน่นแล้วเขย่าเบา ๆ “แล้วไงเหรอ?” เขาคำรามด้วยความโกรธ “เอวาเป็นภรรยาผมไง ภรรยาของผม และตอนนี้คุณก็เอาแต่ทำตัวหยาบคายไร้มารยาทใส่เธอมาตลอด”“โรแวน” ทราวิสพยายามเข้ามาขัด แต่แม่ก็เข้ามาขวางเอาไว้ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าแม่ทำแบบนั้นด้วยเหตุใด เพราะโดยปกติแม่มักเข้าข้างเอมม่าอยู่เสมอ ความรู้สึกของฉันจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เอมม่ามาก่อนสิ่งอื่นใด ไม่ว่าเธอต้องการอะไรก็ต้องหามาให้“ภรรยาคุณเหรอ?” เอมม่าเย้ยหยัน “มันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าทำตัวอ้อนวอนแย่งคุณไปจากฉันก็เท่านั้น แต่เหมือนว่ามันยังเลวร้ายไม่สาแก่ใจ มันยังหลอกล่อคุณตอนที่ตั้งท้องด้วย คุณเป็นของฉันนะคะ โรแวน ฉันเป็นคนที่คุณรักไม่ใช่เหรอคะ?”ฉันไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรต่อ เพราะฉันเดินออกจากครัวเสียก่อน ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว และฉันก็ไม่อยากได้ยินอะไรอีกต่อไป โดยเฉพาะะหากคำพูดนั้นเป็นประโยคที่บอกว่าเขารักเธอราวกับว่าไม่มีใครรู้ว่าเขารักเธออย่างนั้น แน่นอนตอนนี้เขาดูใส่ใจฉัน เขายังจูบฉันสองสามครั้ง แต่หัวใจยังคงเป็นของเอมม่าอยู่ดี เธอพูดถูก โรแวนเป็นของเธอทั้งใจ ทั้งความคิด และจิตวิญญาณเมื่อมาถึงห้องนอนใหญ่ ฉั
เอมม่าฉันเกลียดทุกวินาทีที่ต้องอยู่ในบ้านของโรแวน ฉันเกลียดที่เห็นเอวาทำตัวราวกับโรแวนยังเป็นสามีตนเองเอาจริงสิ ความจำเสื่อมเนี่ยนะ? ตลกกันไปใหญ่แล้วแต่สิ่งที่น่าเดือดดาลที่สุดคือการที่โรแวนดูแลเอาใจใส่เอวา เขาเป็นของฉันและยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ฉันจะไม่มีวันปล่อยเขาไปเด็ดขาดโรแวนตะคอกใส่หลังจากที่ฉันจูบเขา นั่นทำให้ฉันตกใจจนแทบล้ม โรแวนไม่เคยขึ้นเสียงใส่ฉันมาก่อน มันทำให้ฉันสงสัยว่าเขาตัดใจจากฉันไปแล้วจริง ๆ หรือเปล่า และทำให้ฉันเริ่มคิดว่าเขาอาจตกหลุมรักเอวาเข้าแล้วฉันส่ายหน้าเพื่อปัดความคิดนั้นออกไป มันไม่มีทางเป็นไปได้ ทุกคนต่างบอกฉันว่าเขาเกลียดเธอ ตลอดเก้าปีที่ผ่านมา เขาเอาแต่ทำร้ายเธอเพราะเธอทำให้เราต้องแยกจากกัน แล้วจู่ ๆ เขาจะไปรักเธอได้อย่างไร? มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย“คุณครับ?” คนขับรถเอ่ยถามฉันเงยหน้ามองเขาแล้วเพิ่งรู้ตัวว่ามาถึงบ้านแล้ว ทั้งแม่กับทราวิสก็ลงจากรถไปนานแล้วไม่อยากสาธยายเลยว่าฉันนั้นรู้สึกโกรธทั้งสองคนมากขนาดไหน…ทั้งแม่และทราวิสทำตัวเหมือนลูกหมาที่ขาดความรักเมื่ออยู่ต่อหน้าเอวา พวกเขาเอาแต่โอ๋เธอ ไม่พอยังอยากอุ้มนังเด็กเหลือขอนั่นอีก อย่าให้พูด
“เผื่อแกจะไม่แหกตาดูอะไรเลยนะ โรแวนไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนแกเลย” แม่พูด “แกไม่มีวันเข้าไปขัดขวางแผนการเอาชนะใจเอวาได้หรอก และนี่ก็ถือว่าเป็นการเตือนนะ เราน่ะเอาแต่โอ๋แกจนไม่รู้เลยว่าได้เลี้ยงดูแกจนเสียผู้เสียคนขนาดนี้ แต่วันนี้ก็พอกันซะที แกสามสิบแล้วนะช่วยรู้จักโตบ้างเถอะ”ทั้งทราวิสและฉันต่างมองแม่อย่างตกตะลึง แม่ไม่เคยพูดจาไม่ดีใส่มาก่อนเลยไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อพูดจบ เธอก็เดินออกจากห้อง เราได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอขณะขึ้นบันได ก่อนจะมีเสียงปิดประตูดังลั่นจากระยะไกลฉันหันหน้าไปหาทราวิส เขาเป็นพี่ชายคนโปรด และคอยสนับสนุนฉันในการขัดขวางเอวามาโดยตลอด“บอกฉันมาหน่อยสิว่าไม่ได้คิดเหมือนกันกับแม่น่ะ” ฉันอ้อนวอนด้วยน้ำตาเขาไม่อาจหันหลังให้ฉันได้ ทราวิสเป็นเหมือนเสาหลักใหญ่คอยค้ำจุนความเข้มแข็งของฉันเสมอ ฉันไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรหากเขาหันไปอยู่ฝั่งตรงข้าม“ขอโทษด้วยเอมม่า แต่แม่พูดถูก เธอน่ะโตแล้วนะ มีลูกแล้วก็มีความรับผิดชอบมากมายที่ต้องค่อยแบกรับ แต่ตอนนี้กลับเอาแต่วิ่งไล่ตามผู้ชายที่เขาไม่ได้ต้องการอีกต่อไปแล้ว เธอยังจมปลักอยู่กับอดีต ไม่ยอมลืมตาขึ้นมามองว่าคนอื่นเขาเดินหน้า
คาลวินผมเหนื่อยแทบบ้า เอาจริง ๆ ต้องขอยกย่องคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกคนเลย การเป็นพ่อแม่คนเดียวมันไม่ง่ายเลยสักนิดผมทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมรู้สึกหมดพลัง มันเป็นเช้าที่วุ่นวายสุด ๆ ไหนจะต้องทำงานบ้านทุกอย่างอีก แม้กันเนอร์จะช่วยบ้าง แต่วันนี้ผมต้องพาเขาไปซ้อมฟุตบอลกันเนอร์ไม่อยากไป แล้วลูกชายก็บอกชัดเจน ไม่ใช่ว่าผมบังคับเขาให้เล่นกีฬาที่เขาไม่ชอบนะ แต่เขารู้ว่าวันนี้โนอาจะไม่อยู่เหมือนทุกครั้งผมอธิบายให้เขาเข้าใจว่าทำไม เอวาฟื้นคืนสติแล้วแน่นอนว่าโนอาย่อมอยากอยู่กับผู้เป็นแม่ ผมมั่นใจว่ามันคงเป็นแบบนี้ไปอีกสักพัก เจ้าหนูโนอาคงจะเลิกอ้อนจนกว่าจะมั่นใจว่าเอวาจะไม่ไปไหนกันเนอร์เข้าใจในที่สุดและก็ยอมไปซ้อม แต่มีข้อแม้ว่าผมต้องสัญญาว่าเราต้องหาเวลาไปเยี่ยมน้าเอวาเร็ว ๆ นี้เจ้าลูกชายรู้สึกเศร้าสร้อยเมื่อรู้ว่าเอวา โนอา และไอริสจะไม่กลับมาอยู่ที่บ้านข้าง ๆ เราอีกแล้วความคิดของผมลอยไปถึงเอวา ผมรู้สึกแย่ชะมัดที่ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน ผมเดินหนีเธอไป เพียงเพราะผมรู้สึกเจ็บปวดที่เธอบอกปฏิเสธมา หากคิดดูดี ๆ แล้ว ผมเข้าใจเธอดี หลังจากที่โรแวนทำกับเธอแบบนั้น มันก็คงเป็นเรื่องโง่เง่าหากเธอจะเ
“นายจะหยุดทำไหม?” เธอจ้องมองผมด้วยคำถามมากมายราวกับว่าเธอยังไม่เข้าใจ“นี่คุณยังกล้าตั้งคำถามกับผมอีกอย่างนั้นเหรอ?” ผมตะโกนลั่น รู้สึกหมดอารมณ์กับพฤติกรรมของเธอแล้ว “ออกไป”“ไม่ ฉันไม่ออก จนกว่านายจะบอกว่าฉันทำอะไรลงไป”บ้าเอ๊ย คิดเองบ้างไม่เป็นเลยหรือไง หรือแค่แกล้งโง่เท่านั้น? ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอยังมีหน้ามาถามผมเช่นนั้นอีก เธอไม่สังเกตเห็นจริง ๆ เหรอว่าสิ่งที่เธอทำอยู่มันผิดปกติ? หรือการที่เธอหลอกใช้ผมไม่ผิดปกติ?“คาลวิน” เธอร้องเรียกและเข้ามาจับมือผมเอาไว้ ผมก้าวถอยหลังและจ้องมองเธอผมรู้สึกสมเพชตนเองยิ่งนัก ทำใจเชื่อไม่ลงเลยจริง ๆ ว่าผมจะยอมให้เธอปฏิบัติกับตนเองและกันเนอร์เป็นขยะเช่นนี้อยู่หลายปี“บอกผมมาหน่อยสิ” ผมสูดหายใจเข้าลึก “คุณรักผมไหม?”เธอจ้องมองผมเพียงเสี้ยววิก่อนหันหน้าหนีไป มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บปวดมาก แต่ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับคำถามผมได้ดี“นอกจากความรู้สึกอยากมาก แล้วเคยรู้สึกอะไรอย่างอื่นอีกบ้างไหม?” น้ำเสียงของผมดูเคร่งขรึมและกระด้าง แม้แต่ผมเองยังสัมผัสได้ผมไม่เคยคิดจะตั้งคำถามแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเอ่ยถามตรง ๆ ว่าเธอเคยใส่ใจผมบ้างหรือไม่ ผม
เอวาฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฉันตกใจ อาจจะเป็นความฝัน หรือบางทีอาจเป็นความทรงจำ ฉันไม่แน่ใจ ภาพนั้นพร่ามัวและไม่ชัดเจนฉันค่อย ๆ แกะตัวเองออกจากโรแวนแล้วลุกขึ้นนั่ง มีชื่อหนึ่งที่ดังก้องอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาอีธานเขาเป็นคนที่ฉันรู้จักหรือเปล่า? หรือเป็นคนที่ควรรู้จักใช่ไหม? เขาสำคัญกับฉันอย่างไร? คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมาไม่หยุดในขณะที่ฉันพยายามค้นหาคำตอบว่าเขาคือใครกันแน่แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของเรา มันให้บรรยากาศที่ชวนขนลุก โดยเฉพาะเมื่อฉันเพิ่งตื่นมาด้วยความหวาดผวาจากบางสิ่งในหัว ฉันเปิดไฟเพื่อไล่ความหนาวเย็นและความรู้สึกแปลกประหลาดออกไป“เอวา เป็นอะไรไป?” เสียงงัวเงียของเขาทำให้ฉันหันไปมองเขาดูเย้ายวนเหลือเกิน ดวงตายังดูง่วงงุน ผมยุ่งเหยิง และหน้าอกเปลือยเปล่าทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอไม่หยุด โรแวนช่างดูเหมือนงานศิลป์ชิ้นเอกที่ทั้งเร่าร้อนและหล่อเหลา ไม่มีที่ติใด ๆ เลย“เอวา?” เขาร้องเรียก นั่นทำให้ฉันผละกลับมาจากห้วงความคิดฉันควรจะบอกเขาดีไหม? นี่ก็เข้าวันที่สองสามแล้วนับตั้งแต่ฟื้นคืนสติ ฉันยังรู้สึกว่าเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างจากฉันอยู่
"คุณบอกฉันว่าฉันไม่เคยนอกใจ แล้วเรื่องของผู้ชายที่ชื่ออีธานนี่คืออะไร? ฉันไปลงเอยกับเขาได้ยังไง?"เนื่องจากเรากำลังพูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็อยากได้คำตอบสำหรับคำถามที่ทำให้ฉันแทบจะเสียสติอยู่แล้วเหมือนกันโรแวนไม่ตอบในทันที ฉันเองก็เลือกที่จะเงียบ รอให้เขาเรียบเรียงความคิด ฉันรู้ว่าเขารักไอริส แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอีธานเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากพูดถึงฉันสงสัยว่าอีธานทำอะไรให้โรแวนไม่ชอบเขาขนาดนี้ และทำไมฉันถึงได้ไปมีอะไรกับผู้ชายคนนี้ มันเป็นการแก้แค้นโรแวนที่ไม่รักฉันหรือเปล่า? ไม่มั่นใจว่าแบบไหน? อาจเป็นการไปนอนกับผู้ชายที่เขาไม่ชอบก็ได้ฉันไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ก็เข้าใจว่าความเจ็บปวดและหัวใจที่แตกสลายสามารถผลักดันคนเราให้ทำสิ่งที่ปกติเราไม่ทำได้“ตอนที่เอมม่ากลับมา ผมต้องการกลับไปอยู่กับเธอ” เขาเริ่มพูดคำพูดนั้นทำให้หัวใจฉันเหมือนโดนบีบ ฉันรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นหากเอมม่ากลับมา เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้“ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีนักถ้าเราสองคนจบกับแบบกะทันหัน เราจำเป็นต้องค่อย ๆ ทำให้ลูกเข้าใจว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว คุณก็เห็นด้วยแล้วผมก็เ
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว