“แล้วอีธานกับฉันก็คบหากันหลายเดือนเลยใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถาม“ใช่”“งั้น ฉันก็ต้องมีอะไรกับกับเขาตลอดช่วงนั้น มันก็เลยเป็นคำตอบเรื่องที่ฉันตั้งท้องสินะ นี่เราไม่ได้ป้องกันตอนมีอะไรกันเหรอ?” ฉันโพล่งเสียงในหัวออกมาจนหมด ฉันครุ่นคิดเรื่องนี้จนลืมไปเสียสนิทว่าโรแวนนั่งอยู่ข้างฉันเขาโอดครวญออกมา คำพูดเหล่านี้ผ่านฟันที่กัดกันแน่น “เอวา ช่วยหยุดพูดถึงผู้ชายคนอื่นกับเรื่องเซ็กซ์พร้อมกัน ๆ ทีเถอะ ผมไม่อยากคิดอะไรมากแล้ว”ฉันเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีมือผู้ชายคนอื่นเข้ามาโอบกอดร่างฉันไว้ ดังนั้นฉันจึงเงียบไป มันยังคงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่ามีผู้ชายคนอื่นที่ได้สัมผัสและลิ้มรสฉัน และมันก็ยากเย็นเช่นกันที่จะยอมรับว่ามีผู้ชายคนอื่นเข้ามาสาดใส่อยู่ในร่างกายฉันเช่นกันฉันสลัดความคิดเหล่านั้นออกไป และกลับมาจดจ่อพลางเอ่ยถามคำถามที่ฉันอยากได้ยินคำตอบมากที่สุด“แล้วคุณล่ะ? คุณมีอะไรกับเอมม่าไหม?”หัวใจของฉันเต้นระรัวด้วยความรู้สึกเจ็บปวดขณธนั่งรอฟังคำตอบจากโรแวนสายตาสีเทาพุ่งตรงเข้ามาหาฉันขณะปากเอ่ยตอบ “ไม่เลย ผมไม่เคยมีอะไรกับเอมม่าเลย ขนาดจูบยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำเพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที
“ผมยังคิดว่าผมน่าจะอยู่บ้านกับคุณและไอริสดีกว่านะ” ผมพูดพลางสวมเสื้ออย่างไม่เต็มใจ ดวงตาสบกับดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยของเอวาผ่านกระจกเธอนั่งอยู่บนเตียงในชุดนอน โนอาไปโรงเรียนแล้ว แม้เจ้าลูกชายจะไม่อยากไปนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือก“คุณต้องไปทำงานนะคะ” เธอยืนยันในขณะที่ลุกขึ้นและเดินมาหาผมมือของเธอลูบเบา ๆ บนหน้าอกผมก่อนจะเริ่มติดกระดุมเสื้อให้ สัมผัสนี้พาผมย้อนกลับไปถึงเมื่อคืนที่ผ่านมารสจูบของเธอยังคงติดอยู่บนริมฝีปากอยู่ ภาพของเธอที่ถูไถตัวเองกับแรงปรารถนาของผมยังคงชัดเจนในความคิด เธอช่างดูสวยงามและเย้ายวนในเวลานั้น จนผมอยากจะฉีกชุดนอนสั้น ๆ นั่นออกแล้วครอบครองเธอจนเราสองไม่มีแรงลุกขึ้นเดินความรู้สึกปรารถนาอันรุนแรงนั้นทำให้ผมตกใจ มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ร้อนแรง และครอบงำอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกกับเธอผมสัมผัสถึงความเปียกชุ่มจากความต้องการของเธอผ่านกางเกงใน และมันต้องใช้ความพยายามทั้งหมดในตัวผมเพื่อหยุดความรู้สึกนี้ผมก็หมายความตามที่พูด ผมจะไม่แตะต้องเธอ จนกว่าหัวใจเธอจะมอบคำว่ารักให้กับผมอีกครั้ง และจนกว่าเธอจะเชื่อว่าผมรักเธอจริง ๆ และไม่มีใครนอกจากเธอ“ก็นั่นแหละ เอวา ผมไม
ผมจ้องกระดาษตรงหน้าด้วยสายตาเบลอ คำที่เขียนอยู่บนกระดาษพร่ามัวจนจับใจความไม่ได้ เพราะสมาธิของผมหลุดลอยไปหมดใจของผมยังคงอยู่กับเอวาที่บ้าน ผมอดไม่ได้ที่จะกังวล แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันดูแลพื้นที่ทั้งบริเวณแต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นล่ะ? แล้วผมไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องเธอนั่นคือความกังวลที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ผมเคยชะล่าใจมาแล้วครั้งหนึ่งนั่นคือตอนที่เธอโดนยิง และผมกลัวจนจับใจว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นอีกเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมพุ่งไปหยิบเอาไว้ แต่ต้องผิดหวังเมื่อเห็นชื่อรีเปอร์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอผมเพิ่งซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้เอวาเมื่อสองสามวันก่อน และหวังว่าสายที่โทรมาจะเป็นเธอผมถอนหายใจแล้วกดรับสาย “มีอะไร?”“ไปกินรังแตนอะไรมาล่ะนั่น?” เสียงของเขาบ่นกลับมาผมยังไม่ชอบไอ้หมอนี่ และเขาเองก็คงเกลียดผมเข้าไส้ แต่เพื่อเอวาและไอริส เราต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องทั้งสอง“นี่แกโทรมาเพราะมีเรื่องสำคัญ หรือแค่จะหาเรื่องฉันกันแน่?” ผมวางกระดาษตรงหน้าลงแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ “ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ จะวางสายแล้วนะ เพราะตอนนี้ไม่อยู่ในอารมณ์จะรับมือกับแก” เขาเงียบไปนานจนผมเกือบคิดว่าเขาวางสายไปแล้ว แต
เอวาตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าฉันคิดถึงสามีมากแค่ไหน เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงตั้งแต่โรแวนออกจากบ้าน แต่ฉันแทบอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเขาเต็มทนทั้งที่ฉันเป็นคนยืนยันให้เขาไปทำงานวันนี้เองแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับเสียใจที่พูดแบบนั้นฉันทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ไม่มากนัก เพราะเทเรซารับหน้าที่ดูแลเรียบร้อยหมดแล้ว ฉันเบื่อจนแทบบ้าเพราะไม่มีอะไรให้ทำ ไอริสก็หลับเกือบตลอดเวลา ส่วนเทเรซาก็ยุ่ง ไม่มีใครให้คุยด้วยเลยฉันลองอบขนมดู แต่ก็ล้มเหลวเหมือนกับตอนทำแพนเค้ก ฉันจำสูตรไม่ได้และยังคำนวณส่วนผสมผิดอีกฉันถอนหายใจพลางหยิบเครื่องเบบี้มอนิเตอร์แล้วเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน ฉันมุ่งตรงไปยังศาลาแสนสวยที่ทำให้ฉันตะลึงตั้งแต่แรกเห็นฉันไม่เคยจำได้ว่าศาลานี้เคยอยู่มาก่อน บางทีมันอาจถูกสร้างขึ้นในช่วงสี่ปีที่ฉันสูญเสียความทรงจำไปความจำเสื่อมนี้เป็นได้ทั้งพรและคำสาป มันเป็นพรเพราะโรแวนเปลี่ยนไปมาก เขากลายเป็นทุกอย่างที่ฉันเคยต้องการ ฉันไม่มีอะไรจะบ่นอีกแล้ว ตอนนี้เราเป็นครอบครัวที่ฉันเคยฝันถึงในที่สุดแต่มันก็เป็นคำสาป เพราะมีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไป หลายสิ่งใหม่หมด หากพูดกันตามจริง ฉ
มันช่างสับสนและน่าหงุดหงิดสิ้นดี ฉันเกลียดที่ต้องฟังเรื่องราวชีวิตตัวเองจากปากคนอื่น มันควรจะเป็นสิ่งที่ฉันจำได้เอง ไม่ใช่ฟังราวกับเป็นนิทานที่ใครสักคนเล่าให้ฟัง“เมื่อกี้เธอบอกว่าเข้ามาในชีวิตฉันหลังจากที่เอมม่ากลับมา แต่เธอเหมือนรู้เรื่องนี้ดี คือมันเป็นไปได้ยังไงคะ เราเจอกันยังไงเหรอคะ?”“ทราวิสกับฉันคบกันอยู่จ้ะ เราสองคนคบหากันได้เกือบ ๆ สองปีแล้ว ที่ฉันรู้เรื่องเธอกับเอมม่าดีขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าทราวิสเล่าให้ฉันฟังน่ะสิ”เรื่องราวยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก ฉันไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้เลย เพราะเท่าที่รู้ทราวิสเกลียดฉันขนาดนั้น ฉันนึกว่าเขาน่าจะเตือนแฟนตัวเองให้เลี่ยงไม่ยุ่งกับฉันเสียด้วยซ้ำแล้วเราสองคนมาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไรล่ะ? ทราวิสเป็นคนที่ฉันไม่ชอบเลย และฉันมั่นใจว่าแฟนเขาก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน เพราะอย่างที่เขาว่ากัน คนประเภทเดียวกันมักจะอยู่ด้วยกัน ถูกไหม?เธอคงเห็นความสงสัยในสายตา เธอจึงเอื้อมมือมาจับมือฉัน“ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยจ้ะ หลังจากที่ทราวิสเล่าเรื่องให้ฟัง ฉันก็พยายามไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากเข้าข้างพวกเขาหรื
เขาเดินกระทืบเท้าอย่างหนักแน่นตรงมาหาเรา เมื่อมาถึงเขากระชากฉันลุกจากเก้าอี้แล้วจูบฉันทันทีปกติฉันไม่เคยรังเกียจจูบของเขาเลย แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป มีบางอย่างในจูบนั้น มันแฝงด้วยความโกรธและความขมขื่นเอาไว้ มันทั้งรุนแรงและบาดลึก ราวกับว่าเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของ หรือพยายามลบชื่อของอีธานออกจากริมฝีปากของฉันฉันยืนนิ่งไม่ตอบสนองต่อจูบของเขา เพราะฉันต้องการคำตอบ และเขาเองก็ขัดจังหวะเล็ตตี้ก่อนที่เธอจะบอกฉันว่าอีธานอยู่ที่ไหนด้วยเมื่อสังเกตเห็นว่าฉันไม่ตอบสนองต่อจูบของเขา เขาก็หยุดและถอยหลังไป ความโกรธในดวงตาสีเทาเข้มยังเดือดพล่าน แต่นั่นไม่ทำให้ฉันหวั่นไหวเลย เพราะตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการคือคำตอบเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก ชายที่สามารถทำสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นคือพาฉันออกจากชีวิตของโรแวน"ฉันต้องการคำตอบ โรแวน ต้องการเดี๋ยวนี้" ฉันพูดเสียงกร้าวพร้อมกับกอดอก "บอกฉันมา อีธานอยู่ที่ไหน"พายุในดวงตาสีเทาเข้มของเขากลับทวีความรุนแรงขึ้นแทบจะเป็นความวุ่นวาย"ผมไม่อยากได้ยินชื่อของมันอีก" เขาคำรามด้วยเสียงต่ำพร้อมกำหมัดแน่น "ผมบอกคุณไปแล้วว่าอะไรสำคัญ
ฉันอุ้มไอริสเอาไว้และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องสมุด หนึ่งในสถานที่ที่ชื่นชอบมากที่สุดในบ้านหลังนี้ ฉันนั่งลงใกล้กับหน้าต่างบ้านใหญ่และถกเสื้อและชุดชั้นในลง ไอริสเข้าใกล้แต่เริ่มดูดนมฉันมองดูลูกสาวดื่มนม ดวงตาสีน้ำเงินกำลังจ้องมองฉันด้วยความสงสัยและความเชื่อใจ ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าไม่มีลูกของฉันคนไหนเลยที่ได้ดวงตาฉันไป ทั้งคู่ได้ดวงตาของพ่อเขาไปกันหมดฉันจ้องมองพลางลูบไล้นิ้วไปตามแก้มนุ่ม พร้อมตั้งคำถามว่าอีธานหน้าตาเป็นเช่นไร ไอริสหน้าเหมือนกันฉันเว้นเพียงแต่ดวงตา ดังนั้นฉันจึงวาดภาพของอีธานออกมาในมโนภาพไม่ได้เลยหลังจากไอริสดื่มนมเสร็จ ฉันก็ลุกขึ้นไล่ลมให้ลูกสาว เธอไม่ใช่เด็กที่เลี้ยงยากเลยเพราะเมื่อเธออิ่ม ก็จะนอนหลับไป แต่ครั้งนี้กลับดูเหมือนจะดื้อดึง เธอร้องไห้งอแงและไม่ยอมนอนฉันเกือบจะยอมแพ้ที่จะปลอบเธออยุ่แล้ว แต่โรแวนกลับเดินเข้ามาสองสามนาทีจากนั้น เขาถอดเสื้อตัวนอกออกและถกแขนเสื้อขึ้น เขาอุ้มไอริสแทนฉันเงียบ ๆ และเด็กน้อยก็พลันเงียบลง“ร้องไห้ทำไม เจ้าหญิงน้อยของพ่อ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มไอริสจ้องมองเขาด้วยความสงสัยและความหลงใหล หากไม่รู้ม
ฉันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังทบทวนคำศัพท์และตัวเลขบางอย่าง หากฉันอยากจะกลับไปสอนอีกครั้ง ฉันก็ต้องเรียนรู้คำศัพท์และตัวเลขใหม่อีกครั้งไอริสกำลังนอนหลับในเปลที่ฉันลากมาจากชั้นบน ฉันไม่ชอบความคิดที่จะทิ้งเธอไว้ในห้องคนเดียวตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงมาอยู่ที่นี่ เธอก็นอนหลับในขณะที่ฉันนั่งทบทวนบทเรียนอีกครั้งหัวของฉันยังคงปั่นป่วนจากสิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอีธานเมื่อวานนี้ ฉันยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาหลอกลวงฉันด้วยวิธีที่โหดร้ายขนาดนั้น และฉันก็ไม่เคยนึกเอะใจสงสัยเลยแม้แต่น้อยในช่วงเวลาหลายเดือนที่เราอยู่ด้วยกันฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เข้าหาเขาตั้งแต่แรก เป็นเพราะเอมม่าเดินทางกลับมาหรือเปล่า และฉันอยากให้โรแวนเห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับเอมม่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับฉันอย่างนั้นเหรอ? หรือเพราะฉันรู้สึกสิ้นหวังและขาดความรักจนหลงรักผู้ชายคนแรกที่สนใจในตัวฉัน?ฉันรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองคิดอะไรถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือสิ่งใดที่กระตุ้นให้ฉันทำเช่นนั้น เว้นเสียแต่ว่าฉันจะได้รับความทรงจำกลับคืนมา ไม่อย่างนั้นฉันคงจะต้องสงสัยเกี่ยวกับแรงจูงใจของการกระทำของฉันตลอดไปเสียงโทรศัพท์ดังข
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว