“มีบางสิ่งที่ผมอยากจะให้คุณดู” โรแวนบอกฉันขณะที่เขาเดินเข้ามาในห้องนอนสำหรับแขกฉันป้อนนมให้ไอริสเสร็จแล้ว และตอนนี้เธอก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ฉันดึงเต้านมออกมาจากปากของเธอและปิดไว้เบา ๆ อย่างรวดเร็ว โรแวนเป็นสามีของฉัน เขาเห็นฉันเปลือยกายมาเป็นร้อย ๆ ครั้งได้แล้ว แต่กระนั้นสิ่งนี้รู้สึกแตกต่างไปด้วยเหตุผลบางอย่าง โดยเฉพาะด้วยสายตาของเขาที่เล็งอยู่บนหน้าอกของฉัน“พวกมันคล้ำกว่าที่ผมจำได้” เขาพึมพำ แทบจะไม่ได้ยิน“อะไรนะคะ?” “หัวนมของคุณ” ฉันหัวเราะเบา ๆ อย่างประหม่าแต่ไม่ได้พูดอะไร นี่คือครั้งแรกที่โรแวนเคยพูดอะไรแบบนี้เกี่ยวกับร่างกายของฉัน ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหรือตอบสนองกับเรื่องนั้นยังไงดีแม้แต่ในโอกาสที่หายากในตอนที่พวกเรามีเซ็กส์กัน เขาก็จัดการแยกตัวออกจากกระบวนการนี้โดยสิ้นเชิง คุณเห็นในนิยายโรแมนติกที่ตัวละครหลักชายหลงใหลบูชาในร่างกายของตัวละครหลักหญิงไหม? หรือตอนที่เขาพูดถึงว่าร่างกายของเธอเซ็กซี่แค่ไหน? ฉันไม่เคยได้รับสิ่งนั้นหลังจากที่โรแวนกับฉันแต่งงานกันเลยมันไม่ได้แย่และอย่างน้อยฉันก็ปล่อยไป แม้ว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ฉันแค่ต้องการมากกว่านี้เสมอ เข้าใจ
ฉันเดินเข้าไปข้างใน พรมให้ความรู้สึกนุ่มสบายมาก มันเหมือนคุณกำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆฉันค่อย ๆ วางไอริสในแปลก่อนจะหยิบกล้องวงจรปิดสำหรับเด็กขึ้นมา“ขอบคุณนะคะมันมีความหมายกับฉันมาก ๆ”เขายิ้ม โรแวนดูดีมากจริง ๆ แต่เมื่อเขายิ้มหรือหัวเราะ มันทำให้ความเซ็กซี่เร้าใจของเขาเพิ่มขึ้นไปอีกระดับฉันจ้องมองเขาอย่างหลงใหล เขาไม่เคยยิ้มให้ฉันเลย และตอนนี้ฉันเพียงแค่อยากจะซึมซับสิ่งนี้ไว้“มาเถอะ ผมคิดว่าถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณคิดถึงอาหารที่บ้าน” เขายื่นมือมาให้ฉัน ฉันวางมือลงบนมือของเขาอย่างลังเลฉันรู้สึกได้ถึงประกายไฟเพียงจากการสัมผัสเขา รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจจนเสียวสันหลังวาบขึ้นมา และฉันไม่สามารถพูดได้ว่าฉันเกลียดมันพวกเราลงไปชั้นล่างและพบว่าโนอาอยู่ที่นั่นแล้ว เขากำลังก้มหน้าก้มตาทานข้าวของเขาอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ฉันนั่งลงและเริ่มตักข้าว โรแวนกำลังจะทำแบบเดียวกันตอนที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมา เขาจ้องไปที่โทรศัพท์ของเขาก่อนจะรับสาย“ขอตัวนะครับ” เขาบอกพวกเราก่อนจะลุกขึ้นจากไปก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้อง ฉันได้ยินเขาเอ่ยชื่อใครบางคน ชื่อรีเปอร์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย บางทีอาจเ
“งั้นก็บอกเธอสิแต่บอกด้วยมารยาทที่ดี โอเคไหม?”“โอเคครับ” เขากลับไปทานข้าวต่อ และไม่นานเขาก็ทานเสร็จ เขาลุกไปจากโต๊ะและบอกฉันว่าเขาจะไปอาบน้ำก่อนที่เขาจะเข้านอนไม่กี่นาทีต่อมา ฉันก็ทานข้าวของฉันเสร็จ ฉันรู้สึกล้ามากและฉันแค่อยากจะนอน ฉันลุกขึ้นในขณะที่โรแวนกลับมาพอดี“คุณทานเสร็จแล้วเหรอครับ?” เขาถามในขณะที่นั่งลง“ค่ะ…ฉันอยากจะไปดูไอริสก่อน จากนั้นก็เข้านอน”“ครับแล้วผมจะตามไปในอีกไม่ช้า”ฉันพยักหน้าและเดินไปที่ห้องนอนใหญ่ ซึ่งอยู่ข้างห้องของไอริส หลังจากแน่ใจว่าเธอนอนหลับดีแล้ว ฉันจึงมุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเองเมื่อตัดสินใจที่จะแช่ร่างกายที่เมื่อยล้าของฉันก่อน ฉันจึงอาบน้ำในอ่าง ฉันลงไปแช่และเหม่อลอยคิดไปเรื่องอื่น ทุกอย่างน่าสับสนมึนงงมากตั้งแต่ที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันอยากจะเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ฉันอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าบางสิ่งนั้นไม่ถูกต้องพฤติกรรมของโรแวนอยู่เหนือกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง อย่างเช่นเขาเปลี่ยนไปเมื่อไหร่กัน? แล้วฉันจะสามารถเชื่อใจในการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ในตัวเขาได้ไหม หรือฉันถูกกำหนดให้เศร้าโศกใจยิ่งกว่าที่ฉันเป็นอยู่แล้วหรือเป
ฉันตื่นขึ้นมานอนเหยียดยาวอยู่บนตัวโรแวน แขนของเขาโอบรอบเอวฉันไว้แน่น และครึ่งตัวของร่างกายฉันอยู่บนตัวของเขาฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจากอกของเขา นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งใหม่สำหรับเรา ตำแหน่งที่สนิทสนมของเราที่แสดงออกมาให้เห็น คุณจะคิดว่าพวกเรากำลังมีความรักแต่มีเพียงฉันเท่านั้นที่รู้ความจริง ใช่ มีความรักในการแต่งงานของเราแต่มันเป็นรักข้างเดียวฉันลุกขึ้นช้า ๆ ฉันไม่อยากปลุกให้เขาตื่น ฉันต้องการเวลาให้กับตัวเอง เวลาที่จะพยายามตามให้ทันถึงอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับฉัน ฉันรู้สึกเหมือนว่าชีวิตของฉันถูกกลับหัวกลับหางตั้งแต่ที่ฉันตื่นขึ้นมาจากอาการโคม่าเป็นเวลาสองวันแล้ว แต่สองวันเหล่านั้นเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปมาอย่างฉับพลัน ตอนนี้ฉันกำลังซวนเซจากการเปลี่ยนแปลง ไม่แน่ใจเลยจริง ๆ ว่าฉันควรจะเชื่อในสายตาของฉันหรือหัวใจของฉันดีฉันเห็นขวดนมวางอยู่โต๊ะข้างเตียงของเขาไอริสตื่นขึ้นมาประมาณสามครั้งได้ สองครั้งแรก ฉันป้อนนมเธอ ครั้งสุดท้ายฉันจำได้ว่าเขาบอกให้ฉันกลับไปนอนและเขาจะดูแลเธอเอง ฉันเหนื่อยมากดังนั้นฉันจึงไม่โต้แย้งใด ๆฉันเขย่งเท้าออกไปจากห้อง โดยสวมชุดคลุมอาบน้ำ ฉันไปเช็คดูไอริสกับโนอาก่
ฉันพยายามคิด แต่ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลย เอมม่ากลับมาแล้วใช่ไหม? แล้วนั่นจะเป็นไปได้ยังไง?ตอนเธอจากไป เธอสาบานไว้ว่าเธอจะไม่มีวันกลับมา แม่ พ่อ และทราวิสเคยไปเยี่ยมเธอ แต่เธอไม่เคยกลับมาบ้านเลย ไม่แม้แต่สำหรับวันหยุดด้วยซ้ำความจริงแล้ว ครอบครัวของฉันเคยไปใช้เวลาช่วงวันหยุดคริสต์มาสกับเธอ ฉันไม่เคยได้รับเชิญเลย ก่อนที่โนอาจะโตพอที่จะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ฉันมักจะใช้เวลาช่วงคริสต์มาสตามลำพัง ในขณะที่ครอบครัวของฉันไปอยู่กับเอมม่า โรแวนและโนอาจะใช้เวลากับครอบครัวของเขาและฉันไม่ได้รับเชิญเช่นกันการได้เห็นเธอที่นี่ในบ้านของฉันมันน่าตกใจสุด ๆ เขาเคยบอกฉันว่าถ้าเขามีโอกาส เขาจะกลับไปหาเอมม่าในทันที มันทำให้ฉันสับสนมากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเธอกลับมาแล้ว แล้วทำไมโรแวนถึงจูบฉันล่ะ? ทำไมเขาถึงยังอยู่กับฉัน?ฉันก้าวถอยออกมาจากเขา เขาสบถออกมา แม้ว่าฉันไม่รู้ก็ตามว่ามันเป็นเพราะฉันก้าวออกไปจากเขาหรือเป็นเพราะเอมม่าเห็นเราจูบกันฉันยังคงจ้องมองเอมม่าอย่างเงียบ ๆ พลางโอบแขนตัวเองไว้ พยายามที่จะต้านความทุกข์และความเจ็บปวดที่ฉันได้ทนไว้ในช่วงระหว่างการแต่งงานของฉันกับโรแวนแน่นอน ฉันอาจจะทำให้เธอเจ็บปวดตอนท
พวกเราไม่แม้แต่จะสังเกตด้วยซ้ำว่าเขาเข้ามาร่วมในห้อง เขาเอนตัวพิงอยู่กับขอบประตูพร้อมกับเอามือกอดอกไว้ ซึ่งทำให้กล้ามของเขานูนขึ้นมา เขาสวมเสื้อยืดคอวีสีขาวและกางเกงยีนส์สีดำ ผมของเขายังคงเปียกอยู่และเขาไม่ได้สวมรองเท้า“พ่อหมายถึงว่าเหมือนกับพวกวัวหรือสัตว์อื่น ๆ เหล่านั้นที่ผมเห็นในฟาร์มใช่ไหมครับ” โนอาถาม สายตาของเขาจับจ้องจากฉันไปที่ไอริสจากนั้นก็ไปที่พ่อของเขาไอริสนอนอยู่ในอ้อมแขนของฉันอย่างพอใจหลังจากการเรอออกมา โดยไม่รู้เลยว่าเรากำลังพูดถึงเธอและวิธีการป้อนนมเธออยู่“ใช้จ้า แบบนั้นแหละ” ฉันตอบด้วยรอยยิ้มสายตาของเขาเหม่อลอยไปครู่หนึ่งก่อนจะหรี่ลงด้วยความไม่ชอบ“นั่นมันน่าขยะแขยงจริง ๆ” เขาพูด พลางถอยหลังไปจากฉันราวกับว่าฉันน่ารังเกียจ “ผมคิดว่าน้องคงจะอยากดูดจากขวดนมของเธอมากกว่านะครับ”สายตาของเขาขยับเปลี่ยนจากหน้าอกของฉันไปที่ไอริส“แล้วถ้าแม่ไม่อยู่ล่ะครับ? งั้นจะเกิดอะไรขึ้น? พวกเราใช้นมผงเหมือนที่ผมเห็นพยาบาลทำได้ไหม?”“ไม่มีนมผงอีกต่อไป น้ำนมแม่นั้นดีต่อน้องถ้าแม่ไม่อยู่ แม่ก็จะปั๊มน้ำนมไว้ให้น้องดังนั้นใครก็ตามที่อยู่กับน้องก็จะได้ป้อนน้องได้ไงจ๊ะ”ท่าทางที่น่าร
“พูดอะไรบ้างสิ เอวา” ทราวิสพูดด้วยโทนเสียงที่เกือบจะอ้อนวอนฉันเพียงจ้องมองเขา ฉันไม่มั่นใจจริง ๆ ว่าจะรู้สึกยังไง พ่อกับฉันไม่เคยเข้ากันได้ดีเลย โดยเฉพาะหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างโรแวน เอมม่าและฉัน ฉันไม่เคยหวังว่าเขาจะตายเลย แต่ฉันก็ไม่สามารถพูดได้จริง ๆ เช่นกันว่าฉันเศร้านั่นจะทำให้ฉันเป็นคนเลวหรือเปล่า? ผู้ชายที่ฉันรู้จักในฐานะพ่อของฉันมาตลอดทั้งชีวิตได้ตายจากไปแล้ว กระนั้นฉันกลับไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าอะไรแบบนั้นเลย?“ฉันไม่รู้จะพูดอะไร” ฉันพึมพำ ไม่ได้บอกพวกเขาอะไรเลยนอกจากความจริงโรแวนนำทางฉันและช่วยให้ฉันนั่งลง พวกเรานั่งตรงกันข้ามกับทั้งสามคนที่ควรจะเป็นสมาชิกในครอบครัวของฉันฉันมองพวกเขา จากนั้นก็ส่ายหัวด้วยความสับสน ฉันเคยรู้สึกต่อพวกเขามากมาย แม้จะมีความโหดร้ายของพวกเขา แต่ความรักของฉันสำหรับพวกเขาไม่ใช่บางสิ่งที่ฉันจะสามารถปิดซ่อนได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ที่ซึ่งความรักของฉันเคยมีอยู่ต่อพวกเขากลับว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกใด ๆต่อพวกเขาเลยทั้งนั้นมันทำให้ฉันสงสัยว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอะไรต่อพวกเขาอีกต่อไป? ฉันมองโร
“ก็เหมือนที่ฉันถูกบอกในหลาย ๆ ครั้ง ว่าเธอไม่ใช่ครอบครัวของฉัน ดังนั้นเขาก็ไม่ใช่พ่อของฉัน แม้ว่าความเป็นจริงผู้ชายคนนั้นปฏิบัติต่อฉันเหมือนสิ่งที่น่าขยะแขยงก็ตาม แต่ฉันไม่เคยหวังให้เขามีอันตรายใด ๆ และนอกจากนี้เขาก็น่าจะสืบก่อนจะที่จะทำสัญญากับพวกนั้นสิ”“ดังนั้นเธอจะบอกว่ามันเป็นความผิดของเขาที่เขาตายงั้นเหรอ?” ทราวิสถามระหว่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันฉันยักไหล่ “นายคาดหวังบ้าอะไรล่ะ นายคงไม่ได้ทรยศองค์กรอาชญากรรมและคาดหวังว่าจะเดินจากไปอย่างมีความสุขหรอกนะ”“แม่ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกจะพูดแบบนั้น” แม่กระซิบ พลางกลั้นน้ำตาไว้“แล้วฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าพวกคุณมาอยู่ที่นี่ คุณมาทำอะไรที่นี่กัน ฉันคงคาดหวังว่าคุณทั้งสามกำลังภาวนาถึงความตายที่เจ็บปวดของฉันมากกว่า” ฉันโต้กลับด้วยความขมขื่นในโทนเสียงของฉันฉันประหลาดใจกับคำพูดที่ออกมาจากปากของฉัน นี่ไม่ใช่ฉันเลยจริง ๆ มันเหมือนกับคนอื่นได้ควบคุมร่างกายของฉันไว้ทั้งหมด ฉันไม่สามารถหยุดคำพูดร้ายกาจที่จะออกมาจากปากของฉันได้เลยเอมม่าลุกขึ้นด้วยความโกรธเล็กน้อย เนื่องจากหงุดหงิดและหาทางออกไม่เจอ “ฉันบอกแล้ว ฉันพยายามเตือนแล้วไง เธอยังคงเป็น
“สวัสดี” ไม่รู้เพราะอะไร ฉันถึงพูดออกมาเสียงแปลก ๆการได้เจอกับเอวาตัวต่อตัวแบบนี้ มันเหมือนกับการได้เจอคนที่เราแอบชอบมาตลอด จู่ ๆ ฉันก็เหงื่อซึมและรู้สึกประหม่าเธอไม่ตอบอะไรแต่กลับดึงฉันเข้าไปกอดแน่น กอดนั้นอบอุ่น ราวกับได้กอดตุ๊กตาหมีนุ่ม ๆ“ยินดีที่ได้เจออย่างเป็นทางการนะ ฮาร์เปอร์ ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเราจ๊ะ” เธอกระซิบก่อนจะผละออกไปเกเบรียลพาฉันเดินไปยังพื้นที่จัดเลี้ยงกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายบนโต๊ะ เขาจัดที่นั่งให้ฉันนั่งอยู่ข้าง ๆเขาจะรู้ไหมว่าฉันมีเหตุผลที่ไม่อยากอยู่ใกล้เขา?ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารกัน“แล้วนี่ฮาร์เปอร์ หนูทำงานอะไรล่ะ?” แม่ของเกเบรียลถามฉันกลืนน้ำลายเมื่อทุกสายตาหันมาที่ฉัน ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่คนสนใจฉันแบบนี้“นักออกแบบภายในค่ะ” ฉันตอบโดยพยายามไม่หลบตาถ้ามีสิ่งหนึ่งที่แม่ฉันสอนฉันก็คือการสบตาสำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในโลกแบบเรา คนรวยและมีอิทธิพลมองว่าการหลบสายตาเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ แม่ปลูกฝังให้พวกเราไม่มีวันแสดงความอ่อนแอนั้นออกมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม“พอดีเลย” เอวาพูดเสริม “ฉันอยากปรับเปลี่ยน
“เขาแต่งงานกับเอวาเหรอ?” ฉันถามด้วยความตกใจ“ก็ใช่น่ะสิ” เกเบรียลตอบก่อนจะหรี่ตาใส่ฉัน “ทำไมคุณถึงดูตกใจกับเรื่องนี้ขนาดนั้น?”ฉันยักไหล่พร้อมตอบ “ก็คงเพราะฉันตกใจจริง ๆ”และฉันตกใจจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ไม่เคยแม้แต่นิดเดียว จากที่ฉันจำได้ โรแวนเกลียดเอวามาก แล้วเขาลงเอยกับเธอได้ยังไง? อะไรทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากขนาดนี้จนเขามีความสุขสุด ๆ แบบนี้?โรแวนที่ฉันจำได้เป็นคนอารมณ์ร้าย ขมขื่น และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขามีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา และแทบไม่ยิ้มเลย ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากเขานอนกับเอวาและเลิกกับเอมม่าโรแวนคนใหม่ที่ฉันเห็นนี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เขาอยู่กับเอมม่า ตอนนั้นใบหน้าของเขาจะสดใสขึ้นทันทีที่เห็นเธอหรืออยู่ใกล้เธอ เขายิ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับว่าแค่การมีเอมม่าอยู่ในชีวิตก็ทำให้เขามีความสุขด้วยเหตุนี้ คุณคงเข้าใจว่าทำไมฉันถึงสงสัยว่าเอวาเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขขนาดนี้ เว้นแต่มีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปในช่วงที่ฉันไม่อยู่ หรือพวกเขาแค่ตัดสินใจอยู่ด้วยกันเพราะเห็นแก่ความสุขลูก ๆ“ไม่ดีเลยนะที่ไปตัดสินคนอื่นแบบนั้น” เสียงของเกเบรียลดึงฉันอ
โรแวนดูมีความสุขในตอนนี้ ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาคงกลับไปคบกับเอมม่าอีกครั้ง นั่นน่าจะเป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ จากที่เกเบรียลเคยเล่าให้ฟัง โรแวนเคยเกลียดเอวาแบบสุดใจ เช่นเดียวกับที่เกเบรียลเคยเกลียดฉันสายตาของฉันเลื่อนไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูคุ้น ๆ แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของโรแวนกับเอมม่าก็ได้ ถึงแม้เธอจะดูไม่เหมือนเอมม่าที่ฉันจำได้เลยก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพันธุกรรมที่แปลกประหลาด“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” ฉันถาม“ชื่อไอริส” เกเบรียลตอบ พร้อมกับยืนใกล้ฉันจนทำให้รู้สึกแปลก ๆฉันขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างฉันมองไอริสต่อ เธอเหมือนพลังงานน้อย ๆ ที่สดใส ดวงตาสีฟ้าสวยส่องประกายจนฉันมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากที่ที่ฉันยืนอยู่ เธอไม่เหมือนเอมม่าเลย แต่ถ้าจำไม่ผิด เอมม่ามีดวงตาสีฟ้า ดังนั้นไอริสน่าจะได้มาจากแม่“งั้นโรแวนก็กลับไปคบกับเอมม่าแล้วใช่ไหม” ฉันพูดเบา ๆ “พวกเขากลับไปคบกันตอนไหน แล้วเอวารับมือกับมันยังไง?”ฉันไม่เคยคิดว่าเอมม่าจะเป็นคนไม่ดี เราทุกคนเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่า ในขณะที่เอวากับฉันรุ่นเดียวกันเอมม่าต่
ฉันไม่สามารถหยุดขยับตัวอย่างกระวนกระวายได้เลย ขณะที่ฉันและเกเบรียลเดินตามพ่อแม่ของเขาเข้าไปข้างใน หากพูดตรง ๆ การพูดคุยในออฟฟิศนั้นดีกว่าที่ฉันคาดไว้มาก ฉันไม่แน่ใจว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันไม่ได้คาดว่าจะเจอความสงบแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา?ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเกเบรียลไม่บอกพวกเขาว่าเราเคยแต่งงานกันมาก่อน แม้การแต่งงานของเราจะจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังเรื่องนี้“ไหวไหม?” เสียงของเขาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าสายตาเขาจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันช่างลึกซึ้งเหมือนว่าเขากำลังอ่านฉันจนถึงจิตวิญญาณ ฉันดึงสายตาจากเขาแล้วมองไปข้างหน้าแทน“ไหว แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงส่วนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่กับครอบครัวของเขา บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังคงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาบนผิวของฉันเมื่อตอนที่เขาเกือบจะจูบฉัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมรับความผิดทั้งหมดในความล้มเหลวของความสัม
ขอบคุณพี่ชายของเธอที่ทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และมันก็กลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านเธอ ผมอยากทำร้ายเธอ อยากทำลายเธอและทำให้เธอเจ็บปวดเพราะเธอพรากอิสระไปจากผม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ทันทีว่าการนอกใจจะทำให้เธอเจ็บปวด ผมเลยทำ และผมก็ทำให้เธอรู้ด้วย ผมอยากให้เธอเสียใจที่คิดจะวางกับดักผมและมันได้ผล ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ ผมรู้ว่ามันทำให้ผมเป็นคนเลว แต่การเห็นความเจ็บปวดในตาเธอมันทำให้ผมพอใจ“เวลาผ่านไปก็นานแล้วนะ แล้วลูกไปเจอเธออีกครั้งได้ยังไง?” แม่ถามต่อเมื่อผมไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตของพ่อ“ผมออกตามหาเธอครับ” ผมยักไหล่ “พวกกรรมการบริหารนั่นอยากให้ผมแต่งงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ผมเลยทำแบบนี้”สายตาของแม่หันไปทางฮาร์เปอร์ “แล้วเธอยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ?”ผมสะดุ้งกับคำพูดของแม่ ผมเกลียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับผม ฮาร์เปอร์ยักไหล่ตอบ “เขามีสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็เลยตอบตกลงค่ะ”พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมาทางเรา“หมายถึงอะไร?” พ่อถามด้วยสายตาที่จ้องจับผิด“บริษั
ผมรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะต้องรุนแรงแน่ ๆ ใครล่ะจะไม่ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกบอกว่ามีลูกสะใภ้กับหลานสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนพ่อเริ่มเดินไปเดินมา และผมก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร พ่อพร่ำสอนผมกับโรแวนเสมอ เรารู้เสมอว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเราเองก็คิดแบบเดียวกันเขาน่าจะกำลังสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สงสัยว่าผมตรวจดีเอ็นเอแล้วหรือยังว่าลิลลี่เป็นลูกสาวของผมจริง หรือเปล่า และเขาคงสงสัยด้วยว่าฮาร์เปอร์หลอกล่อหรือวางกับดักอะไรผมหรือเปล่า เขากำลังพยายามคิดถึงทุกแง่มุม“แล้ว…มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ไปมีเมียมีลูกตอนไหนยังไง?” แม่เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาเลื่อนจากผมไปที่ฮาร์เปอร์ ซึ่งกำลังก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบ ๆ เธอดูประหม่าและตื่นตระหนกน ผมรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ อยากปลอบโยนเธอด้วยสัมผัสของผมความรู้สึกที่รุนแรงต่อเธอนั้นทำให้ผมงุนงง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตอนที่เรายังแต่งงานกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ผมถึงอยากทำในสิ่งที่ผมไม่เคยอยากทำมาก่อน?“ตอบแม่สิ เกบ” เสียงเข้มของพ่อทำให้ผมหลุดจากความคิด“เราเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อหลายปีก่อน” ผมเริ่มพู
เกเบรียล“แม่ครับ!” ผมตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งไปหาเธอแม่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะช็อกตอนเห็นลิลลี่ เหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก เธอแค่เห็นตาสีเทาคู่นั้นครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าลิลลี่เป็นหนึ่งในสายเลือดของตระกูลวู้ดผมค่อย ๆ ตบแก้มของแม่เบา ๆ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้น ผมจึงค่อย ๆ สอดแขนข้างหนึ่งใต้บ่า และอีกข้างหนึ่งใต้หัวเข่าของแม่ แล้วยกเธอขึ้นมาวางบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด“พ่อ! โรแวน!” ผมตะโกนเรียกอย่างร้อนรน เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว“คุณย่าจะเป็นอะไรไหมคะ?” ลิลลี่ถามเสียงแผ่วเบาและเปราะบาง “หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือที่คุณย่าเป็นแบบนี้เพราะหนูใช่ไหมคะ?”น้ำตาที่เอ่ออยู่ในดวงตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน ในเวลาไม่นาน ลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผม การเห็นเธอร้องไห้ทำให้ผมเจ็บปวด ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าที่ผมรักลิลลี่ แม้แต่โรแวน ฝาแฝดของผมเอง ก็ยังไม่อาจเทียบได้ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ฮาร์เปอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา“ไม่หรอกจ้ะ ลูกรัก” ฮาร์เปอร์ตอบพร้อมวางผ้าชุบน้ำเย็นลงบนหน้าผากแม่ ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอไปเอาผ้ามาเมื่อไหร่“
เสียงโทรศัพท์ของเกเบรียลทำให้ฉันลุกขึ้นจากที่เดิมที่ลิลลี่ทิ้งฉันไว้ ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนั้นกับฉันได้ ตอนที่เลียมยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยกังวลที่ไม่มีพี่น้อง เธอไม่เคยขอมีพี่น้องด้วยซ้ำ ฉันเลยสงสัยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปแบบนี้กะทันหันฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าทำไมฉันกับเลียมถึงไม่มีลูก ทั้งที่แต่งงานกันมานานขนาดนั้น เรื่องจริงก็คือ เราพยายามแล้ว เลียมอยากมีครอบครัว อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ฉันรู้ว่าเขารักลิลลี่เหมือนลูกแท้ ๆ ของเขา แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นสายเลือดของตัวเองด้วยฉันเองก็อยากจะให้เขามีสิ่งนั้น ฉันอยากขอบคุณเขาที่อยู่เคียงข้างฉันในตอนที่ฉันไม่มีใคร ที่แต่งงานกับฉันและมอบครอบครัวให้กับลิลลี่ การมีลูกให้เขาสักคนไม่ได้เป็นสิ่งที่มากเกินไป และฉันก็ไม่เห็นปัญหาอะไรอย่างที่บอก เราพยายามแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งหนึ่งปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาถึงยอมไปตรวจสุขภาพ ผลปรากฏว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจสลาย เราได้รู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ วันที่เราอยู่ที่คลินิก ฉันเห็นแสงบางอย่างในตัวเขาดับลงไป การรู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นพ่อได้เหมือนทำลา
ลิลลี่มองพวกเราสลับไปมาระหว่างฉันกับพ่อเธอ ฉันเห็นคำถามมากมายในสายตาเธอ ความสงสัยเกี่ยวกับฉันและเกเบรียลอย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่ควรจะรู้สึกดึงดูดใจต่อเกเบรียลอีกหลังจากที่ห่างกันไปหลายปี ฉันเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาจะจบลงไปแล้ว การปฏิบัติที่เขาเคยทำกับฉันเมื่อหลายปีก่อนควรจะฆ่าความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเคยมีต่อเขาแต่ฉันคิดผิด เพราะตอนนี้ฉันกลับมายืนอยู่ตรงนี้ เกือบจะจูบเขา ฉันรู้สึกแย่มากที่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเพียงชั่วขณะ และปล่อยให้ร่างกายพาฉันหลงใหลในตัวเขา“สองคนจะจูบกันเหรอคะ?” ลิลลี่ถามอย่างไร้เดียงสา ฉันอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกจิตใจฉันวุ่นวาย ฉันไม่รู้จะตอบเธออย่างไร ควรจะบอกความจริงเธอไหม? แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็โกหกไม่ได้เมื่อเธอเห็นเต็มสองตา“เอ่อ…เอ่อ...” ฉันพยายามหาคำพูดที่เหมาะสมจะตอบในหัวของฉันยังคิดถึงเรื่องเลียม เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลิลลี่เคยเห็นฉันจูบ ผู้ชายคนเดียวที่เคยอยู่ในชีวิตของเรา ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกว่า ‘ใช่’ เธอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่าเกเบรียลพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเธอ แต่ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เลียมคือพ่อของเธอ