"คุณหมอบอกว่าไม่แน่ใจเลยลูก เราทำได้แค่รอและภาวนา" ผมตัดสินใจพูดความจริงถ้าผมโกหก แล้วพระเจ้ากลับเล่นตลกจนเกิดเอวาไม่ฟื้นขึ้นมา โนอาอาจเกลียดผมไปตลอดชีวิตเพราะหลอกว่าแม่เขาสบายดีก็ได้โนอาไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่จ้องหน้าผมสักพักแล้วก้มมองพื้น หลังจากความเงียบครู่ใหญ่ ผมก็หันไปพูดกับคนอื่น ๆ"วันนี้เราเยี่ยมเขาเอวากันไม่ได้แล้ว ผมว่าทุกคนกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาวันพรุ่งนี้นะครับ"“ไม่” โครินและเล็ตตี้พูดขึ้นพร้อมกัน ตามมาด้วยโนราและธีโอผมพยายามเกลี้ยกล่อมว่าจะส่งข่าวบอกพวกเขาทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครยอมใจอ่อนกันเลย สุดท้ายทุกคนก็ตัดสินใจอยู่ต่อ เว้นแต่เอมม่า คาลวิน เคท และพ่อแม่ของผมพ่อแม่ผมยอมกลับบ้านก็เพราะว่าผมไม่อยากให้โนอาอยู่ที่โรงพยาบาล และต้องมีคนดูแลเด็กน้อยด้วย ส่วนคาลวินเห็นด้วยเพราะเจ้าหนูกันเนอร์เริ่มง่วงแล้ว แม้จะเห็นความกังวลในแววตาของเด็กคนนั้นก็ตามเมื่อทั้งหมดกลับออกไป เกเบรียลก็มานั่งข้างผม พวกเรานั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งไบรอันมาถึง“ขอโทษที่ผมมาช้านะครับ เราต้องสอบสวนพยานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่คุณเอวาถูกยิง ผมเสียใจจริง ๆ ก
“เอมม่าจะทำอะไรแบบนั้นได้เหรอ ไม่มีทางหรอก” ทราวิสเอ่ยปกป้องน้องสาวแน่นอนเขาอาจจะโกรธเธอ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงเป็นน้องสาวสุดน่ารักอยู่ดี และเขาจะปกป้องเธอด้วยทุกสิ่งที่เขามี“นี่พ่อหนุ่ม ในสายงานนี้ ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น” ไบรอันกล่าวเรียบ ๆจากนั้นเขาหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาและเริ่มจดบางอย่างลงไป ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนเงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา“แต่มองกันจริง ๆ เอมม่าไม่มีทางทำร้ายเอวาแน่นอน จริงอยู่ที่เธอกับเอวาไม่ถูกกัน แต่ไม่มีทางทำร้ายเอวาไปได้” ทราวิสยืนยัน ขณะที่คนอื่นยังคงเงียบผมเองอยากเชื่อว่าเอมม่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ก็ไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้ว ผู้หญิงที่กลับมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ไม่ใช่คนเดียวกับผู้หญิงที่จากไปเมื่อหลายปีก่อนเธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเกลียดชังต่อเอวา ซึ่งนั่นมากเสียจนเธอเคยพูดข่มขู่เด็กคนหนึ่งและกุเรื่องโกหกเพียงเพื่อจะทำให้เอวาเดือดร้อน“ผมไม่ได้บอกว่าเธอเป็นคนทำ แค่บอกว่าเป็นผู้ต้องสงสัย” ไบรอันชี้แจง “ความโกรธและความเกลียดชังเป็นแรงจูงใจที่รุนแรงมากพอที่จะทำให้ใครบางคนฆ่าอีกคนเพื่อเป็นการแก้แค้น อีกอย่างนี่ดูไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เหตุการ
ความโกรธของผมเริ่มเดือดพล่านอยู่ภายใน ผมรู้ว่าสิ่งที่ไบรอันพูดหมายถึงอะไร แต่ผมยังไม่ตัดเจ้ารีเปอร์ออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยเป็นอันขาดจะบ้าหรือไง ให้ตายสิ หมอนั่นเคยลักพาตัวเอวาไป ไม่มีใครเสียสติพอทำอะไรแบบนั้นหรอกหากไม่มีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นอยู่ อีกทั้งคำพูดของไบรอันมันก็ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด หากไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บจริง ๆ ทำไมมันต้องลักพาตัวไปแล้วบังคับให้ผมตัดสินใจด้วยล่ะ?“ไอ้เวรนี่ มาทำอะไรที่นี่วะ?” ผมคำรามใส่ทันทีสายตาของมันกวาดมองผ่านตัวผมไปยังคนอื่นในห้อง ทุกคนลุกขึ้นยืนในท่าพร้อมป้องกันตัว แต่ดูเหมือนสิ่งนั้นจะไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อยสิ่งหนึ่งที่ทำให้รีเปอร์อันตรายจนเกินจะรับมือได้ ก็คือมันเป็นคนวิกลจริตเต็มขั้น แน่นอนว่าผมเองก็เย็นชา แต่เจ้ารีเปอร์นั่นไปไกลกว่านั้นมาก มันเป็นทั้งรังเกียจสังคมและจิตวิปริตรวมอยู่ในตัวเดียวเหมือนของขวัญสุดอันตรายที่ถูกพันด้วยริบบิ้นน่าเกลียดและร้ายกาจ“ก็มาหาเอวาสิ ไม่งั้นคิดว่าฉันจะมาที่นี่ทำไม? ให้มาดูแกทำหน้าเศร้า ๆ หรือไง?” เขาพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ผมกัดฟันแน่นพยายามสะกดกลั้นตัวเองไม่ให้เริ่มเรื่องวิวาทในโรงพย
“ฟังจากที่แกพูดแล้ว ดูเหมือนว่าแกวนเวียนอยู่รอบตัวลูกสาวฉันสินะ” "จะว่าวนเวียนก็ไม่เชิง...เราติดต่อกันอยู่" มันเริ่มต้นจากนั้นจึงเริ่มเล่าทุกอย่าง มันเล่าถึงแผนการในวันที่ลักพาตัวเอวา รวมถึงการที่มันไปหาเธอหลังจากนั้นเพื่อขอร้องให้ได้มีตัวตนในชีวิตของเด็กที่กำลังจะเกิด เอวาผู้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ยอมรับมันไว้ในชีวิตแม้ว่าสักวันอาจพาเธอไปสู่ความยุ่งยาก“แกรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าถ้าตำรวจรู้ว่าแกติดต่อกับเอวาอยู่ เธอจะเกิดปัญหาแน่? โครินถาม“เป็นห่วงไม่เข้าท่านะ ฉันก็มีแผนการที่ดูเข้าท่าอยู่แล้วเหมือนกัน” มันเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม“ในเมื่อแกบอกว่าติดต่อกันอยู่ เอวาเคยพูดถึงเรื่องอะไรบ้างไหม? อย่างรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือโดนคุกคามอยู่แบบนี้? อะไรก็ได้ทั้งนั้น” ผมขอร้องมัน เราจำเป็นต้องมีข้อมูลบางอย่างเพื่อเริ่มต้นการแกะรอยเจ้ารีเปอร์เล่าเกี่ยวกับจดหมายที่เอวาได้รับครั้งแรก และยังมีอีกสองฉบับที่ตามมา มันบอกว่าจดหมายฉบับสุดท้ายมาถึงเธอเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เธอถูกยิงความรู้สึกบางอย่างที่ไม่น่าพิศมัยพลันตีตื้นขึ้นในใจเมื่อคิดว่าเธอไปหาเจ้ารีปเปอร์แทนที
ผมจ้องมองลูกชายตนเองและรู้สึกภูมิใจในตัวเขาเหลือเกิน รวมถึงสายสัมพันธ์ที่เจ้าตัวน้อยมีต่อแม่ของเขาด้วย ไม่มีใครเลย แม้แต่เพื่อนสนิทหรือพ่อแม่ของเธอ ที่รู้ชื่อที่เธอเลือกไว้ แต่กลับบอกโนอา“ดีมากเลยจ้ะ” แมรี่พูดพร้อมรอยยิ้มที่ส่งให้โนอา “หนูเริ่มต้นการเป็นพี่ชายที่น่ารักได้ดีมาก”โนอาเพียงแค่พยักหน้า จากนั้นก็เงยหน้ามองมาที่ฉัน“ก็มีอยู่วันหนึ่ง เราอยู่บนเตียงในห้องแม่กัน กำลังกินไอศกรีมกันอยู่ด้วยเพราะว่าแม่บอกว่าอยากกินมาก ๆ นะเลยแหละครับ ผมก็เลยถามแม่ว่าตั้งชื่อว่าอะไรดี แล้วจากนั้นเราสองคนก็ค้นชื่อกันอยู่ตั้งหลายชั่วโมงจนในที่สุดก็ได้มีสองชื่อครับ เราสองคนหัวเราะเพราะรู้สึกสนุกกันมาก ๆ เลย”น้ำตาลูกชายเริ่มคลอเบ้าตาอีกครั้ง ผมจึงดึงเขาเข้ามากอดไว้ใกล้ ๆ มันเจ็บลึกถึงหัวใจที่ต้องเห็นเขาเสียใจ เห็นเขาเจ็บปวด ผมอยากจะช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจบ้าง แต่กลับไร้พลังใด ๆ จะช่วย“แม่จะดีขึ้นเมื่อไหร่ครับ? ผมคิดถึงแม่มาก” เขาพูดพร้อมกับร้องไห้ออกมาผมนิ่งเงียบเพราะแม้แต่หมอก็ยังไม่รู้ว่าเอวาจะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า ผมเองก็จนปัญญาจะหาคำตอบเช่นกัน แมรี่ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับสายตาของโนอา เธอค่
ผมพยักหน้าและเดินตามพวกเขาไป เราเข้าไปในห้องแยกซึ่งพยาบาลทำการฆ่าเชื้อพวกเราก่อนจะมอบชุดกาวน์ทางการแพทย์ ถุงมือ และหน้ากากให้สวมใส่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็ถูกพาไปยังห้องในแผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด เรามองผ่านเตียงที่มีเด็กทารกในตู้อบหลายคนก่อนจะหยุดอยู่ที่เตียงหนึ่งโดยเฉพาะ แมรี่ยิ้มให้เราสอง “โนอา นี่ไง หนูไอริส”เพียงแรกพบ หัวใจก็เหมือนถูกพันธนาการไว้ด้วยนิ้วเล็ก ๆ ของเธอแล้ว เธออาจจะไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขโดยตรง แต่กลับครอบครองหัวใจของผมไปหมดสิ้นไอริสแม้จะตัวเล็ก แต่ก็สวยงาม เธอหลับตาอยู่ทำให้ผมยังมองไม่เห็นสีตา แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งจมูก ริมฝีปาก และเส้นผมที่โผล่พ้นหมวกสีชมพูนั้น มันเหมือนกับเอวาไม่มีผิด เธอคือภาพสะท้อนของแม่เธอชัด ๆหัวใจผมแทบแหลกสลายเมื่อเห็นท่อและสายระโยงระยางพาดผ่านร่างเล็กนี้ หนูน้อยไม่สมควรต้องเจอกับเรื่องนี้ เธอควรจะยังอยู่ในครรภ์ของแม่ที่คอยปกป้องต่างหากไอริสยังมีชีวิตอยู่ใช่ นั่นแหละคือสิ่งสำคัญ“ขออุ้มได้ไหมครับ?” โนอาเอ่ยถามด้วยเสียงเล็กแมรี่พูดถูก โนอากำลังจะกลายเป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยม ความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อไอริสฉายชั
อีธานเมื่อได้รับข่าวจากนักโทษคนหนึ่งว่าเอวาถูกยิง มันรู้สึกราวกับหัวใจถูกทุบด้วยค้อนเหล็ก ทุกสิ่งทุกอย่างภายในตัวได้พังทลายลงเมื่อคนคนนั้นเสริมว่าไม่มีข่าวเพิ่มเติมอีกเลยนอกจากคำเล่าลือว่าเธอคงไม่รอดเพราะไม่มีใครสามารถรอดจากเหตุการณ์ยิงสยองขวัญนั้นได้เลย ยิ่งกว่านั้นครอบครัวของเธอก็เงียบงัน และไม่มีรายงานทางการใด ๆ ออกมาฉันรักเอวาและยิ่งรักลูกมากกว่า การที่รู้ว่าทั้งสองคนอาจจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป มันเกือบทำให้ฉันเสียสติฉันเฝ้ารออยู่ตลอดเวลาอย่างหัวใจแทบหยุดเต้น เฝ้ารอให้พ่อแม่ติดต่อมาเพื่อแจ้งข่าวร้าย ทว่าเมื่อคืนก็ผ่านไปโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ฉันก็มั่นใจว่าข่าวลือเหล่านั้นอาจเป็นความจริง เพราะถ้าไม่ใช่ทำไมถึงยังไม่ได้รับการติดต่อมาเลยล่ะ?ฉันแทบไม่นอนหลับตลอดทั้งคืน ความกังวลและความหวาดกลัวคอยหลอกหลอนทุกขณะ บีบคั้นจิตใจจนแทบจะกลายเป็นคนเสียสติ ความคิดแสนเจ็บปวดวนเวียนอยู่ภายในถึงจุดหนึ่ง ฉันร้องไห้อ้อนวอนต่อพระเจ้า ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย แม้ไม่เคยเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ แต่ในช่วงเวลานั้น ฉันยอมเชื่อในอะไรก็ตามที่สามารถบอกฉันได้ว่าสองแม่ลูกยังมีชีวิตอยู
โรแวนผ่านไปแล้วสามเดือน สามเดือนเต็มตั้งแต่วันที่เอวาถูกยิง และเธอยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมาเลย ทุก ๆ เดือนที่ผ่านไป ความหวังว่าเธอจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เริ่มเลือนรางลงเรื่อย ๆ มันน่าหงุดหงิดจนแทบคลั่ง แต่ก็ไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้เลย ทุกอย่างมันเกินความสามารถของใครจะช่วยได้แล้วหนึ่งเดือนหลังจากอุบัติเหตุ เอวาสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ เธอไม่ต้องใช้เครื่องช่วยอีกต่อไป เพราะปอดสามารถทำงานได้ดีเองตามธรรมชาติ คุณหมอย้ายเธอไปอยู่ในห้องพักปกติ เราทุกคนคิดว่าเธอน่าจะฟื้นขึ้นมาตอนนั้น แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย สองเดือนถัดมา เราก็ยังคงรออยู่“จะให้ผมรอไหมครับ คุณโรแวน?” คนขับรถเอ่ยถามก่อนที่ฉันจะลงจากรถ“ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวฉันไปหาหลังจากเสร็จแล้ว”ผมก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กล่าวคำทักทายอย่างคุ้นเคย เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมกลายเป็นแขกประจำที่นี่ไปแล้วผมพยักหน้าเบา ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ความเหนื่อยล้าสะสมลามไปถึงกระดูก ผมไม่ได้สัมผัสกับความสงบสุขเลยนับตั้งแต่วันนั้น ทุกคืนก็ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิทเลย ได้แต่นอนจ้องเพดานหรือทำงานแทนเนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร