ผมพยักหน้าและเดินตามพวกเขาไป เราเข้าไปในห้องแยกซึ่งพยาบาลทำการฆ่าเชื้อพวกเราก่อนจะมอบชุดกาวน์ทางการแพทย์ ถุงมือ และหน้ากากให้สวมใส่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็ถูกพาไปยังห้องในแผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด เรามองผ่านเตียงที่มีเด็กทารกในตู้อบหลายคนก่อนจะหยุดอยู่ที่เตียงหนึ่งโดยเฉพาะ แมรี่ยิ้มให้เราสอง “โนอา นี่ไง หนูไอริส”เพียงแรกพบ หัวใจก็เหมือนถูกพันธนาการไว้ด้วยนิ้วเล็ก ๆ ของเธอแล้ว เธออาจจะไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขโดยตรง แต่กลับครอบครองหัวใจของผมไปหมดสิ้นไอริสแม้จะตัวเล็ก แต่ก็สวยงาม เธอหลับตาอยู่ทำให้ผมยังมองไม่เห็นสีตา แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งจมูก ริมฝีปาก และเส้นผมที่โผล่พ้นหมวกสีชมพูนั้น มันเหมือนกับเอวาไม่มีผิด เธอคือภาพสะท้อนของแม่เธอชัด ๆหัวใจผมแทบแหลกสลายเมื่อเห็นท่อและสายระโยงระยางพาดผ่านร่างเล็กนี้ หนูน้อยไม่สมควรต้องเจอกับเรื่องนี้ เธอควรจะยังอยู่ในครรภ์ของแม่ที่คอยปกป้องต่างหากไอริสยังมีชีวิตอยู่ใช่ นั่นแหละคือสิ่งสำคัญ“ขออุ้มได้ไหมครับ?” โนอาเอ่ยถามด้วยเสียงเล็กแมรี่พูดถูก โนอากำลังจะกลายเป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยม ความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อไอริสฉายชั
อีธานเมื่อได้รับข่าวจากนักโทษคนหนึ่งว่าเอวาถูกยิง มันรู้สึกราวกับหัวใจถูกทุบด้วยค้อนเหล็ก ทุกสิ่งทุกอย่างภายในตัวได้พังทลายลงเมื่อคนคนนั้นเสริมว่าไม่มีข่าวเพิ่มเติมอีกเลยนอกจากคำเล่าลือว่าเธอคงไม่รอดเพราะไม่มีใครสามารถรอดจากเหตุการณ์ยิงสยองขวัญนั้นได้เลย ยิ่งกว่านั้นครอบครัวของเธอก็เงียบงัน และไม่มีรายงานทางการใด ๆ ออกมาฉันรักเอวาและยิ่งรักลูกมากกว่า การที่รู้ว่าทั้งสองคนอาจจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป มันเกือบทำให้ฉันเสียสติฉันเฝ้ารออยู่ตลอดเวลาอย่างหัวใจแทบหยุดเต้น เฝ้ารอให้พ่อแม่ติดต่อมาเพื่อแจ้งข่าวร้าย ทว่าเมื่อคืนก็ผ่านไปโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ฉันก็มั่นใจว่าข่าวลือเหล่านั้นอาจเป็นความจริง เพราะถ้าไม่ใช่ทำไมถึงยังไม่ได้รับการติดต่อมาเลยล่ะ?ฉันแทบไม่นอนหลับตลอดทั้งคืน ความกังวลและความหวาดกลัวคอยหลอกหลอนทุกขณะ บีบคั้นจิตใจจนแทบจะกลายเป็นคนเสียสติ ความคิดแสนเจ็บปวดวนเวียนอยู่ภายในถึงจุดหนึ่ง ฉันร้องไห้อ้อนวอนต่อพระเจ้า ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย แม้ไม่เคยเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ แต่ในช่วงเวลานั้น ฉันยอมเชื่อในอะไรก็ตามที่สามารถบอกฉันได้ว่าสองแม่ลูกยังมีชีวิตอยู
โรแวนผ่านไปแล้วสามเดือน สามเดือนเต็มตั้งแต่วันที่เอวาถูกยิง และเธอยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมาเลย ทุก ๆ เดือนที่ผ่านไป ความหวังว่าเธอจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เริ่มเลือนรางลงเรื่อย ๆ มันน่าหงุดหงิดจนแทบคลั่ง แต่ก็ไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้เลย ทุกอย่างมันเกินความสามารถของใครจะช่วยได้แล้วหนึ่งเดือนหลังจากอุบัติเหตุ เอวาสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ เธอไม่ต้องใช้เครื่องช่วยอีกต่อไป เพราะปอดสามารถทำงานได้ดีเองตามธรรมชาติ คุณหมอย้ายเธอไปอยู่ในห้องพักปกติ เราทุกคนคิดว่าเธอน่าจะฟื้นขึ้นมาตอนนั้น แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย สองเดือนถัดมา เราก็ยังคงรออยู่“จะให้ผมรอไหมครับ คุณโรแวน?” คนขับรถเอ่ยถามก่อนที่ฉันจะลงจากรถ“ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวฉันไปหาหลังจากเสร็จแล้ว”ผมก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กล่าวคำทักทายอย่างคุ้นเคย เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมกลายเป็นแขกประจำที่นี่ไปแล้วผมพยักหน้าเบา ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ความเหนื่อยล้าสะสมลามไปถึงกระดูก ผมไม่ได้สัมผัสกับความสงบสุขเลยนับตั้งแต่วันนั้น ทุกคืนก็ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิทเลย ได้แต่นอนจ้องเพดานหรือทำงานแทนเนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่
ผมจ้องมองเธอด้วยความสับสน ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรดี “ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ แม่เธอยังไม่ฟื้นเลยครับ”“ดิฉันทราบค่ะ แต่กฎของโรงพยาบาลก็ต้องว่าไปตามกฎ พวกคุณต้องพาเด็กกลับบ้านไม่ว่าคุณเอวาจะฟื้นหรือไม่ก็ตามค่ะ”บ้าชิบ ผมยกมือขึ้นสางผมยุ่งเหยิงด้วยความเครียด “อยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยไม่ได้เหรอครับ?”“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ แต่ไม่ได้ ทางเราอนุญาตให้อยู่ที่นี่ได้ถึงแค่พรุ่งนี้เท่านั้น”ผมพยักหน้าอย่างหนักใจ “ครับ งั้นผมขอไปคุยกับคุณตาคุณยายก่อน”ไม่รอช้า ผมเดินออกจากห้องเด็กอ่อนและมุ่งหน้าไปยังห้องพักของเอวา พอเดินไปถึงประตู ผมกำลังจะเปิดเข้าไป แต่ประตูกลับถูกเปิดจากข้างในก่อน โนรากับธีโอเดินออกมา“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วยพอดีครับ” เสียงของหมอดังขึ้น ทำให้พวกเราทั้งสามคนหันไปมองเขา“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?” ธีโอเอ่ยถาม พร้อมสีหน้าซึ่งแสดงถึงความกังวลชัดเจน“ครับ ผมอยากให้พวกคุณช่วยเลือกทางเลือกให้คุณเอวาครับ โดยปกติ คนไข้มักจะฟื้นจากอาการโคม่าในเวลาประมาณหนึ่งเดือน แต่การที่คุณเอวายังไม่ฟื้นแบบนี้ ทางเราก็อดกังวลใจไม่ได้จนกลัวว่าเธออาจจะไม่มีวันฟื้นน่ะครับ”ความหวาดหวั่นแล่นวาบไปทั่ว
ผมจ้องมองเธอซึ่งไม่มั่นใจเลยว่านี่เป็นความฝันหรือไม่ ดวงตาของเธอไม่สามารถปรับมองเห็นได้ เธอจึงมองสำรวจไปทั่วห้องก่อนกวาดสายตามามองผมในที่สุดผมอาจดูเหมือนเป็นคนโง่เพราะตอนนี้สายตาจับจ้องพร้อมอ้าปากค้างไปเลย ผมรู้ว่าตนเองเฝ้าขอร้องอ้อนวอนแต่ปาฏิหาริย์ ขอร้องให้เธอฟื้นคืนสติ แต่ในตอนที่มันเกิดขึ้น กลับรู้สึกเกินจริงไปมาก“โรแวน? เป็นอะไรไปคะ?” เธอเอ่ยถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสับสน“บ้าเอ๊ย เอวา คุณฟื้นแล้ว!” ผมร้องตะโกนด้วยความดีใจ ซึ่งทำให้เธอสับสนอยู่บ้างผมดึงเธอเข้ามากอดแนบอก มันเป็นความรู้สึกที่ดี มันดีอย่างบ้าคลั่งที่ได้เห็นเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งทุกสิ่งในตัวผมกรีดร้องด้วยความยินดีอย่างล้นหลาม ผมมีความสุข ผมตกตะลึง และผมซาบซึ้งกับปาฏิหาริย์นี้“ทำไมเหรอคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาราวกับถูกกดทับผมผละออกมาเพียงเพื่อจ้องมองเธอ ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าปาฏิหาริย์นี้เกิดขึ้นจริงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ผมแทบจะหมดความอดทนเพราะหมอบอกให้เราล้มเลิกความตั้งใจไป และตอนนี้เธออยู่ตรงนี้ กำลังหายใจ ลืมตา และตื่นเต็มตา มันคือปาฏิหาริย์ที่แท้จริงผมดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้งเ
“อะไรกันเนี่ย เอวา?” ธีโอตวาดกลับในขณะที่ช่วยพยุงโนราลุกขึ้นยืน “ทำไมถึงผลักแม่แบบนั้น”เอวาไม่พูดอะไร เธอเพียงจับหัวตัวเองและเริ่มส่ายมันช้า ๆ ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งนี้ บางอย่างไม่มีเหตุผลเลย ทำไมเธอถึงไม่มีความสุขที่เห็นพ่อแม่ของเธอ? ลึก ๆ แล้วผมรู้คำตอบ แต่ผมปฏิเสธที่จะยอมรับมัน เรียกผมว่าคิดเองเออเองหรืออะไรก็ตามที่คุณต้องการได้เลยแต่ผมไม่ยอมรับ เอวาสุขสบายดี นั่นคือความจริงเดียวที่ผมจะยอมรับ“ทุกคนใจเย็นกันก่อนครับ” คุณหมอเริ่มขึ้น “ผมมั่นใจว่ามีคำอธิบายที่ดีให้ว่าทำไมเอวาถึงตอบสนองในแบบที่เธอทำ มันไม่ค่อยดีเลยที่จะยั่วยุเธอ”เอวาเงยหน้าขึ้น อารมณ์ภายในตัวเธอปั่นป่วน ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อไหล และนั่นคือตอนที่ผมตระหนักได้ว่าเธอไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดบ้าอะไรขึ้นอยู่ เธอสับสนและหวาดหวั่น“ไม่” ธีโอคำรามออกมา “ผมเข้าใจว่าเธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าแต่ผมอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงกำลังทำตัวเป็นคนนิสัยเสียเช่นนั้น”เอวาเมื่อได้ยินคำก่นด่าเหล่านั้น ก็งอตัวลง ผมลุกขึ้นไปนั่งลงบนเตียงและโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดของผม เธอคว้าจับผมไว้แน่นและยึดมั่นไว้ราวกับว่าชีวิตของเธอขึ้นอยู่กับมัน
โนรากับพยาบาลอ้าปากค้าง ในขณะที่พวกเราที่เหลือเพียงมองไปที่เธอด้วยความสะเทือนใจสุดขีด ผมรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เลวร้าย แต่ผมไม่คิดว่าพวกมันจะเลวร้ายขนาดนี้สายตาของเธอกวาดมองใบหน้าของพวกเรา “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่คุณคาดไว้คะ?”“เอวา พวกเราอยู่ในปี 2023 แล้ว” ผมบอกเธอเบา ๆ“พระเจ้า” หมายถึงว่าเอวาจำช่วงสี่ปีที่ผ่านมาในชีวิตของเธอไม่ได้คุณหมอหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไป “ผมต้องจัดเตรียมบางอย่าง พวกเราต้องทำการสแกนสมอง มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พวกเราต้องทำการวินิจฉัยให้ถูกต้อง”เขารีบร้อนออกจากห้องไป โรซาก็เดินตามไปพวกเราถูกทิ้งให้จ้องมองกัน ไม่มีใครรู้ว่าจะต้องตอบสนองอย่างไรหรือคิดอะไร นี่คือเรื่องที่ไม่มีใครสักคนได้เตรียมใจไว้ พวกเราไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ มันน่าสะเทือนใจสุด ๆ“งั้นหนูจำพวกเราไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” โนราถามขึ้นหลังจากผ่านไปสักพักผมรู้สึกสงสารพวกเขามาก พวกเขาผ่านอะไรมามากพอแล้วโดยไม่ต้องเพิ่มเรื่องนี้เข้าไปในรายการ“ฉันขอโทษค่ะ แต่ไม่เลย สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือร้องไห้กับตัวเองจนหลับไป”ธีโอกอดภรรยาของเขาไว้ ผมเห็นได้ว่าสิ่งนี้ทำให้
ผมเคยอ่านเกี่ยวกับหลงลืมเป็นเรื่อง ๆ หรือเลือกที่จะลืม ผมบังเอิญได้อ่านมันตอนที่ผมกำลังค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการบาดเจ็บที่สมอง ผมแค่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเอวา“การเลือกที่จะลืมหมายความว่าเอวาได้ลืมบางเหตุการณ์ในชีวิตของเธอไปและนั่นคือเมื่อสี่ปีก่อน ในบางกรณี เธออาจจะนึกออกถึงความทรงจำทั้งหมดของเธอหรือบางเหตุการณ์ เธอจะจำไม่ได้เลยและจะยังคงอยู่กับความทรงจำที่หายไปนั้นตลอดชีวิตของเธอก็ได้” เขาอธิบายผมเฝ้ามองปฏิกิริยาของทุกคน โนอากับผมคือคนเดียวที่เป็นคนโชคดี เธอจำพวกเราได้แต่จำพวกเขาไม่ได้“งั้นคุณกำลังบอกพวกเราว่าเธออาจจะจำพวกเราไม่ได้เลยใช่ไหมคะ?” เล็ตตี้ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเธอเอามือสางผมตัวเอง แต่มือสั่นอยู่เล็กน้อย ผมรู้ว่าสิ่งนี้มันกระทบจิตใจเธออย่างหนักแค่ไหน พวกเธอเป็นเพื่อนรักกัน แต่กระนั้นคุณหมอชาร์ลกำลังบอกเธอว่าเอวาอาจนึกถึงความทรงจำทั้งหมดที่พวกเธอมีต่อกันไม่ได้เลย“นี่คือเหตุผลว่าทำไมแม่ถึงไม่รู้ว่าไอริสคือใครใช่ไหมครับ?” โนอาพูดออกมาอย่างมั่นใจและเชื่อมั่นเขาอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่และหมอ กระนั้นเขาไม่ได้มีปัญหาในการถามเกี่ยวกับความกังวลของเขาเล
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร