ความเป็นจริง ผมกลัวมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมไม่มีประสบการณ์ในการเป็นพ่อเลย สำหรับผมแล้ว การใกล้ชิดเด็ก ๆ ก็ไม่เคยด้วยซ้ำ มันล้นหลามไปหมด แต่ในใจผมก็รู้ดีว่าผมรักลูกคนนี้แล้ว“เธอต้องการทำแท้งครับ และผมก็ไม่ยอมให้ผมเกิดขึ้นแน่ ดังนั้นผมจะพูดขู่เธอไป” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าลำคอตีบตันเพราะความรู้สึกกำลังพรั่งพรูออกมา “ผมเลยพาเธอไปอยู่ที่บ้านคุณปู่และหวังว่าหลายสิ่งจะดีขึ้น หวังว่าเธอจะเรียนรู้คำว่ารักจากลูกและผม แต่ก็คิดผิดไป”“เธอเลวร้ายมากเลยครับ ผมขอพูดตามตรงเลย ตลอดช่วงนั้นเรามีอะไรกันตอนที่เธอมีอารมณ์เสมอ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดพฤติกรรมที่น่าเกลียดกับผมเลย เธอทั้งด่าผม เรียกผมว่าไอ้นู้นบ้างไอ้นี่บ้าง บางครั้งก็ตบตีผมด้วย เธอเอาแต่พูดว่าผมทำลายชีวิตเธอและก็เกลียดผมและลูกมากขนาดไหน”ผมจ้องมองพื้นบ้านและพยายามคิดว่าเธอคงผ่านอะไรมามากมาย เธอทั้งตั้งท้อง อกหัก และยังรักผู้ชายคนอื่นอยู่ เพราะฉะนั้นผมจึงปล่อยให้เธอระบายอารมณ์หงุดหงิดใส่ผม“มันลำบากมากเลยครับ ผมอยากเดินหนีไปหลายครั้ง แต่ก็เห็นแก่ลูกเสมอ บางครั้งผมก็นึกถึงช่วงเวลาที่เธออ่อนหวาน หรือตอนที่เธอร้องไห้อ้อนวอนไม่ให้ผ
เอวาสมองของฉัน ณ ตอนนี้แทบทนรับเรื่องไม่ไหวฉันนั่งอยู่ตรงนี้นับตั้งแต่คาลวินออกไปเกือบชั่วโมงได้แล้ว ฉันขออนุญาตให้โนอาไปค้างที่บ้านเขาและเขาก็ตอบตกลงฉันยังคงพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่เปิดเผยออกมาวันนี้ มันเป็นข้อมูลที่มากเกินไป และฉันยังไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้เลยโทรศัพท์ดังขึ้น วินาทีหนึ่งจากนั้น ฉันคิดจะเมินเฉย แต่ก็ตัดสินใจตรงกันข้ามเพราะอาจเป็นเรื่องด่วนก็ได้ฉันปัดหน้าจอโดยที่ไม่เหลือบลงไปมอง มือหยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแต่ยังไม่พูดอะไรออกไป ภายในจิตใจตอนนี้เป็นสีขาวโพลน ทำได้เพียงนั่งรอให้ปลายสายเริ่มบทสนทนาก่อน“เอวา” เธอถอนหายใจ “ขอบคุณพระเจ้า เป็นไรไหมเนี่ย? ทราวิสเล่าเรื่องวันนี้ให้ฉันฟังหมดแล้วนะ”ทันใดนั้นฉันก็จำเสียงของเพื่อนได้ เล็ตตี้นั่นเอง“ไม่มั่นใจเลย เอาจริง” ฉันตอบไปอย่างแผ่วเบายังไม่เข้าใจเลยว่าเอมม่าถึงได้ใจไม้ไส้ระกำกับคาลวินและหนูกันเนอร์ได้อย่างไร ฉันรุ้ว่าเธอต้องการอุ้มท้องลูกของโรแวน ทว่าไม่เคยคิดเลยว่าจะปฏิเสธเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเพียงเพราะไม่ได้มีสายเลือดของโรแวนไหลเวียนอยู่ ช่างเลวร้ายเสียจริง“ทราวิสบอกว่าเธอเป็นคนที่รู้ความจริงและเป
ฉันกำลังจะพูดบางสิ่งออกมา ทันใดนั้น กริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น“มีคนมาหาน่ะ เล็ตตี้ เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ”ฉันเหนื่อยและอ่อนล้าเต็มที่ทั้งร่างกายและจิตใจ“ได้สิ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อนะ ฉันรู้ว่าวันนี้มันเหนื่อยมากสำหรับเธอ”เราสองต่างบอกลาและวางสายไป ฉันคิดว่าอยากเมินเฉยต่อคนตรงหน้าประตู อย่างที่บอกไปว่าฉันเหนื่อยเหลือเกิน และไม่ต้องการพบใครในตอนนี้ฉันลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าไปเปิดประตูดู “โรแวน คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉันเอ่ยถามด้วยความตกใจฉันประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเชา พูดกันตามตรง ฉันคิดว่าเขาจะคอยอยู่ข้างเอมม่าเพื่อปลอบโยนเธอเสียอีก รู้สึกตกใจเหมือนกันที่เขามาอยู่ตรงนี้แทน“เข้าไปได้ไหม?” เขาเอ่ยถามแทนตอบคำถามฉันฉันอาจสติหลุดหรือเป็นอะไรไปแล้วก็ได้เพราะว่าร่างกายเขยิบออกมาด้านข้างและปล่อยให้เขาเข้าไป โรแวนยิ้มเล็กน้อยขณะก้าวเข้าด้านใน“โนอาหลับแล้วเหรอ?” เขาเอ่ยถาม มือก็ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก“ก็น่าใช่นะ แต่ลูกไม่ได้อยู่นี่หรอก วันนี้ลูกไปนอนค้างที่บ้านของคาลวิน”ฉันเห็นความโกรธในดวงตาโรแวนเมื่อเอ่ยชื่อของคาลวินออกมา ตอนนั้นฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงจะไปต่อยตีกับคาลอีกครั้งหนึ
ฉันมักนึกสงสัยมาตลอดว่าสิ่งที่นักเขียนทั้งหลายมักบอก ‘จูบสามารถขยับโลกทั้งใบได้’ นั่นหมายความว่าอย่างไร นี่สินะความรู้สึกทั้งมวลหลุดลอยออกจากร่างเพราะฉันจับหลังศีรษะโรแวนแน่นและดื่มด่ำกับรสจูบนี้ ราวกับว่านี่ยังตอบสนองฉันไม่พอและปรารถนามากกว่านี้ แม้แต่จูบของอีธานยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ฉันหลงเข้าไปในจูบนี้พร้อมด้วยริมฝีปากเขาที่กำลังกลืนกินฉันอยู่ เป็นฝันที่รอคอยมานานเหลือเกิน ฉันต้องการให้โรแวนจูบฉันและเพรียกหาเช่นนี้ นี้คือสิ่งที่ฉันปราถนามาตลอดทุกครั้งที่เขาออกไปทำงานในทุกเช้า นี่คือสิ่งที่โหยหาทุกครั้งที่เราสอดใส่กัน เราไม่เคยทำเช่นนี้กันเลยไม่ใช่เพราะฉันไม่เคยลอง ทว่าเขากลับไม่เคยต้องการฉันเลย“คุณพยายามทำตัวให้เร่าร้อนแต่ก็ไม่ได้เรื่องเลย ทุกครั้งที่ผมสอดใส่เข้าไปในตัวคุณ คนที่ผมต้องการก็คือเอมม่า ผมจินตนาการว่าใต้ร่างผมคือเอมม่า ทุกครั้งที่ผมเสร็จสม ผมก็เห็นหน้าของเธอ คุณมันไม่ได้พิเศษอะไรเลยแค่ผู้หญิงใจง่าย ผมก็เลยใช้คุณเท่านั้น ผมใช้คุณเป็นเครื่องมือสนองกามเท่านั้น”ประโยคที่โรแวนเคยพูดกระแทกใส่หน้าฉันเมื่อสองสามเดือนก่อนยังสะท้อนอยู่ในหัวฉันราวกับเสียงระฆังดัง ฉันผละออกจ
แสงสว่างจ้าที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันลืมตาตื่นขึ้น แทนที่จะลุกขึ้นในทันที ฉันแค่นอนอยู่บนเตียงสักพักหนึ่งขณะที่ลูบไล้หน้าท้องตัวเองและรู้สึกได้ถึงลูกน้อยกำลังขยับอยู่ในตัวฉันฉันมองไปที่ปฏิทินบนโต๊ะข้างเตียงและตระหนักได้ว่าวันนี้เพิ่งครบหกเดือนของระยะสำคัญแล้ว มันน่ากลัวที่จะมีลูก หนทางทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ฉันมักจะขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอในแต่ละครั้งที่ฉันผ่านระยะสำคัญกับลูกน้อยของฉันเพราะรู้ว่าไม่ใช่เด็กทารกทุกคนที่จะเกิดมาได้ปลอดภัยหลังจากกล่าวคำอธิษฐานขอบคุณเล็ก ๆ น้อยเสร็จ ฉันก็ลุกขึ้นและลงไปชั้นล่าง ฉันสามารถอาบน้ำในภายหลังได้แต่ตอนนี้รู้สึกหิว เพราะด้วยเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ฉันจึงลืมกินอาหารไปเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวานก็ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับโรแวน ฉันยังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะปล่อยเขาจูบฉันแล้วฉันกลับเพลิดเพลินไปกับมันเสียได้มันทำให้ฉันรำคาญมากที่ฉันต้องการมากกว่านี้ ฉันต้องการให้เขาจูบดื่มด่ำยิ่งขึ้น ฉันอยากให้เขาทำมากกว่านี้ ฉันสามารถโทษว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมนได้ แต่รู้ดีว่าฉันกำลังโกหกตัวเองอยู่โรแวนทำฉันเจ็บปวดมามาก แต่ความเป
เอมม่า“ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไง มอลลี่” ฉันบอกเธอ เกือบจะร้องไห้ออกมา “พวกเขาโกรธฉันมากตอนนี้”แม่กับทราวิสไม่ยอมรับสายหรือแม้แต่จะพูดคุยกับฉัน หลังจากความหายนะที่งานเลี้ยงนั่น ฉันก็ยังไม่ได้เจอหรือคุยกับพวกเขาเลยทราวิสเมินเฉยต่อฉัน และแม่ก็ไล่ฉันออกจากบ้านทันทีที่งานเล็ก ๆ นั่นจบลง มันน่าอึดอัดเป็นบ้า ไม่มีใครยอมพูดคุยกับฉันเลยจริง ๆ มันเหมือนกับว่าฉันไม่มีตัวตน นี่คือสิ่งที่เอวารู้สึกในอดีตใช่ไหม? มันยุ่งเหยิงเป็นบ้า“ฉันบอกเธอแล้วว่าให้บอกความจริงกับพวกเขา แต่เธอไม่ฟังเลย” เสียงของมอลลี่นำฉันกลับมาสู่ปัจจุบันเธอพูดถูก ทุกครั้งที่เธอเอ่ยถึงเรื่องนั้น ฉันจะจบมันลงก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ทันทีที่ฉันรู้ถึงการตั้งครรภ์ของตน เธอขอร้องให้ฉันบอกพวกเขาแต่ฉันปฏิเสธ เธอพยายามมาโดยตลอดแปดปีที่ผ่านมานี้ มันไม่เคยได้ผลเพราะฉันไม่เคยฟังเธอเลย บางครั้งฉันจะโกรธเสียด้วยซ้ำ พวกเราจะโต้เถียงกันและจากนั้นก็ลงเอยด้วยการไม่ได้พูดคุยกันอยู่หลายวัน“ฉันรู้” ฉันกระซิบอย่างเหนื่อยล้าฉันนอนไม่หลับเลย เพราะมีเรื่องให้คิดในหัวมากมายจนมันยากสำหรับฉันที่จะพบความสงบสุขและนอนหลับได้“ไม่ เธอไม่เลย
ความคิดนั้นทำให้เกิดความตื่นตระหนกบางอย่างในตัวฉัน ฉันไม่อยากคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันไม่อยากละทิ้งความฝันของฉันที่จะได้อยู่กับโรแวน ฉันเอาแต่นิ่งเงียบราวกับว่ากำลังต่อสู้กับคำพูดของเธอในหัวของตัวเอง“เอมม่า?” เธอเรียกฉันรู้จักมอลลี่ดี เธออยากให้ฉันเห็นด้วย เธออยากให้ฉันบอกว่าฉันจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันไม่ต้องการฉันหลุดจากการต้องตอบเธอมาได้เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา“ฉันต้องไปแล้ว มอลลี่ มีคนอยู่ที่ประตู” ฉันบอกเธอด้วยความรีบร้อนขณะที่ฉันเดินไปยังประตู“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ เอม นี่…”ฉันวางสายก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบประโยคเมื่อเปิดประตู ฉันก็ประหลาดใจที่เจอแม่ของฉันอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เธอไม่ได้ยิ้มแต่ความหวังยังคงพองฟูอยู่ภายในตัวฉันแม่ไม่ได้รอคำเชิญ เธอเพียงแค่เดินเข้ามา“แม่จะพูดสั้น ๆ นะ” เธอเอ่ยขึ้น และความหวังทั้งหมดที่ฉันมีเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้หดตัวและตายไปฉันปิดประตูและเผชิญหน้ากับแม่ เมื่อมองไปที่เธอ ฉันกลั้นน้ำตาไว้เมื่อฉันสังเกตเห็นความเกรี้ยวกราดที่กำลังลุกเต้นอยู่ภายในแววตาของแม่“แม่อยากพบหลานชายของแม่ แม่หวังว่าลูกจะแนะนำเขา
โรแวนเป็นเวลาสองวันแล้วตั้งแต่ความจริงได้เปิดเผยออกมา ผมยังคงตัดใจจากจูบนั้นไม่ได้ ตอนที่ผมก้มหน้าลงเพื่อจูบเอวา ผมคาดไว้ว่าเธอจะผลักผมออกไป หรือเลวร้ายกว่านั้นอาจตบหน้าผม ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าผมรู้สึกประหลาดใจเมื่อเธอปล่อยให้ผมจูบเธอ แต่ความประหลาดใจนั้นกลายเป็นความสุขและความปิติยินดีในไม่ช้าไม่อยากเชื่อเลยว่าผมอยู่มานานขนาดนี้โดยไม่จูบเธอได้ยังไง ริมฝีปากของเธอนุ่มนวลและปากของเธอก็น่าเสพติด ผมสามารถใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการจูบเธอ และผมคงจะมีความสุขมาก อีกครั้งแล้วที่ผมพูดแบบนี้ ผมโคตรจะโง่เง่าเลย ทุกครั้งที่ผมปฏิเสธจูบของเอวาตอนที่พวกเรายังแต่งงานกัน ผมคิดว่าผมกำลังทำโทษเธออยู่ แต่ผมไม่รู้เลยว่าผมกำลังพลาดโอกาสที่จะทำบางอย่างไป ผมมักจะเสียใจเรื่องนี้อยู่เสมอเพราะผมพลาดโอกาสไปมากมายตอนนี้ผมอยู่ในออฟฟิศของตัวเองและไม่สามารถจดจ่อกับเรื่องไร้สาระได้ ผมมีการประชุมทางธุรกิจในอีกสองสามวันข้างหน้า แต่กระนั้นสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของผมก็คือจูบนั้นผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง การจูบเธอแล้วเธอตอบสนองด้วยนั้นคล้ายกับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของการได้รับจูบครั้งแรกจากผู้หญิงคนหนึ่ง
โรแวนดูมีความสุขในตอนนี้ ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาคงกลับไปคบกับเอมม่าอีกครั้ง นั่นน่าจะเป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ จากที่เกเบรียลเคยเล่าให้ฟัง โรแวนเคยเกลียดเอวาแบบสุดใจ เช่นเดียวกับที่เกเบรียลเคยเกลียดฉันสายตาของฉันเลื่อนไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูคุ้น ๆ แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของโรแวนกับเอมม่าก็ได้ ถึงแม้เธอจะดูไม่เหมือนเอมม่าที่ฉันจำได้เลยก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพันธุกรรมที่แปลกประหลาด“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” ฉันถาม“ชื่อไอริส” เกเบรียลตอบ พร้อมกับยืนใกล้ฉันจนทำให้รู้สึกแปลก ๆฉันขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างฉันมองไอริสต่อ เธอเหมือนพลังงานน้อย ๆ ที่สดใส ดวงตาสีฟ้าสวยส่องประกายจนฉันมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากที่ที่ฉันยืนอยู่ เธอไม่เหมือนเอมม่าเลย แต่ถ้าจำไม่ผิด เอมม่ามีดวงตาสีฟ้า ดังนั้นไอริสน่าจะได้มาจากแม่“งั้นโรแวนก็กลับไปคบกับเอมม่าแล้วใช่ไหม” ฉันพูดเบา ๆ “พวกเขากลับไปคบกันตอนไหน แล้วเอวารับมือกับมันยังไง?”ฉันไม่เคยคิดว่าเอมม่าจะเป็นคนไม่ดี เราทุกคนเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่า ในขณะที่เอวากับฉันรุ่นเดียวกันเอมม่าต่
ฉันไม่สามารถหยุดขยับตัวอย่างกระวนกระวายได้เลย ขณะที่ฉันและเกเบรียลเดินตามพ่อแม่ของเขาเข้าไปข้างใน หากพูดตรง ๆ การพูดคุยในออฟฟิศนั้นดีกว่าที่ฉันคาดไว้มาก ฉันไม่แน่ใจว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันไม่ได้คาดว่าจะเจอความสงบแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา?ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเกเบรียลไม่บอกพวกเขาว่าเราเคยแต่งงานกันมาก่อน แม้การแต่งงานของเราจะจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังเรื่องนี้“ไหวไหม?” เสียงของเขาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าสายตาเขาจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันช่างลึกซึ้งเหมือนว่าเขากำลังอ่านฉันจนถึงจิตวิญญาณ ฉันดึงสายตาจากเขาแล้วมองไปข้างหน้าแทน“ไหว แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงส่วนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่กับครอบครัวของเขา บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังคงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาบนผิวของฉันเมื่อตอนที่เขาเกือบจะจูบฉัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมรับความผิดทั้งหมดในความล้มเหลวของความสัม
ขอบคุณพี่ชายของเธอที่ทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และมันก็กลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านเธอ ผมอยากทำร้ายเธอ อยากทำลายเธอและทำให้เธอเจ็บปวดเพราะเธอพรากอิสระไปจากผม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ทันทีว่าการนอกใจจะทำให้เธอเจ็บปวด ผมเลยทำ และผมก็ทำให้เธอรู้ด้วย ผมอยากให้เธอเสียใจที่คิดจะวางกับดักผมและมันได้ผล ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ ผมรู้ว่ามันทำให้ผมเป็นคนเลว แต่การเห็นความเจ็บปวดในตาเธอมันทำให้ผมพอใจ“เวลาผ่านไปก็นานแล้วนะ แล้วลูกไปเจอเธออีกครั้งได้ยังไง?” แม่ถามต่อเมื่อผมไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตของพ่อ“ผมออกตามหาเธอครับ” ผมยักไหล่ “พวกกรรมการบริหารนั่นอยากให้ผมแต่งงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ผมเลยทำแบบนี้”สายตาของแม่หันไปทางฮาร์เปอร์ “แล้วเธอยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ?”ผมสะดุ้งกับคำพูดของแม่ ผมเกลียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับผม ฮาร์เปอร์ยักไหล่ตอบ “เขามีสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็เลยตอบตกลงค่ะ”พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมาทางเรา“หมายถึงอะไร?” พ่อถามด้วยสายตาที่จ้องจับผิด“บริษั
ผมรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะต้องรุนแรงแน่ ๆ ใครล่ะจะไม่ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกบอกว่ามีลูกสะใภ้กับหลานสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนพ่อเริ่มเดินไปเดินมา และผมก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร พ่อพร่ำสอนผมกับโรแวนเสมอ เรารู้เสมอว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเราเองก็คิดแบบเดียวกันเขาน่าจะกำลังสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สงสัยว่าผมตรวจดีเอ็นเอแล้วหรือยังว่าลิลลี่เป็นลูกสาวของผมจริง หรือเปล่า และเขาคงสงสัยด้วยว่าฮาร์เปอร์หลอกล่อหรือวางกับดักอะไรผมหรือเปล่า เขากำลังพยายามคิดถึงทุกแง่มุม“แล้ว…มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ไปมีเมียมีลูกตอนไหนยังไง?” แม่เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาเลื่อนจากผมไปที่ฮาร์เปอร์ ซึ่งกำลังก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบ ๆ เธอดูประหม่าและตื่นตระหนกน ผมรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ อยากปลอบโยนเธอด้วยสัมผัสของผมความรู้สึกที่รุนแรงต่อเธอนั้นทำให้ผมงุนงง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตอนที่เรายังแต่งงานกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ผมถึงอยากทำในสิ่งที่ผมไม่เคยอยากทำมาก่อน?“ตอบแม่สิ เกบ” เสียงเข้มของพ่อทำให้ผมหลุดจากความคิด“เราเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อหลายปีก่อน” ผมเริ่มพู
เกเบรียล“แม่ครับ!” ผมตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งไปหาเธอแม่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะช็อกตอนเห็นลิลลี่ เหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก เธอแค่เห็นตาสีเทาคู่นั้นครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าลิลลี่เป็นหนึ่งในสายเลือดของตระกูลวู้ดผมค่อย ๆ ตบแก้มของแม่เบา ๆ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้น ผมจึงค่อย ๆ สอดแขนข้างหนึ่งใต้บ่า และอีกข้างหนึ่งใต้หัวเข่าของแม่ แล้วยกเธอขึ้นมาวางบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด“พ่อ! โรแวน!” ผมตะโกนเรียกอย่างร้อนรน เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว“คุณย่าจะเป็นอะไรไหมคะ?” ลิลลี่ถามเสียงแผ่วเบาและเปราะบาง “หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือที่คุณย่าเป็นแบบนี้เพราะหนูใช่ไหมคะ?”น้ำตาที่เอ่ออยู่ในดวงตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน ในเวลาไม่นาน ลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผม การเห็นเธอร้องไห้ทำให้ผมเจ็บปวด ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าที่ผมรักลิลลี่ แม้แต่โรแวน ฝาแฝดของผมเอง ก็ยังไม่อาจเทียบได้ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ฮาร์เปอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา“ไม่หรอกจ้ะ ลูกรัก” ฮาร์เปอร์ตอบพร้อมวางผ้าชุบน้ำเย็นลงบนหน้าผากแม่ ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอไปเอาผ้ามาเมื่อไหร่“
เสียงโทรศัพท์ของเกเบรียลทำให้ฉันลุกขึ้นจากที่เดิมที่ลิลลี่ทิ้งฉันไว้ ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนั้นกับฉันได้ ตอนที่เลียมยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยกังวลที่ไม่มีพี่น้อง เธอไม่เคยขอมีพี่น้องด้วยซ้ำ ฉันเลยสงสัยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปแบบนี้กะทันหันฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าทำไมฉันกับเลียมถึงไม่มีลูก ทั้งที่แต่งงานกันมานานขนาดนั้น เรื่องจริงก็คือ เราพยายามแล้ว เลียมอยากมีครอบครัว อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ฉันรู้ว่าเขารักลิลลี่เหมือนลูกแท้ ๆ ของเขา แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นสายเลือดของตัวเองด้วยฉันเองก็อยากจะให้เขามีสิ่งนั้น ฉันอยากขอบคุณเขาที่อยู่เคียงข้างฉันในตอนที่ฉันไม่มีใคร ที่แต่งงานกับฉันและมอบครอบครัวให้กับลิลลี่ การมีลูกให้เขาสักคนไม่ได้เป็นสิ่งที่มากเกินไป และฉันก็ไม่เห็นปัญหาอะไรอย่างที่บอก เราพยายามแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งหนึ่งปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาถึงยอมไปตรวจสุขภาพ ผลปรากฏว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจสลาย เราได้รู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ วันที่เราอยู่ที่คลินิก ฉันเห็นแสงบางอย่างในตัวเขาดับลงไป การรู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นพ่อได้เหมือนทำลา
ลิลลี่มองพวกเราสลับไปมาระหว่างฉันกับพ่อเธอ ฉันเห็นคำถามมากมายในสายตาเธอ ความสงสัยเกี่ยวกับฉันและเกเบรียลอย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่ควรจะรู้สึกดึงดูดใจต่อเกเบรียลอีกหลังจากที่ห่างกันไปหลายปี ฉันเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาจะจบลงไปแล้ว การปฏิบัติที่เขาเคยทำกับฉันเมื่อหลายปีก่อนควรจะฆ่าความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเคยมีต่อเขาแต่ฉันคิดผิด เพราะตอนนี้ฉันกลับมายืนอยู่ตรงนี้ เกือบจะจูบเขา ฉันรู้สึกแย่มากที่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเพียงชั่วขณะ และปล่อยให้ร่างกายพาฉันหลงใหลในตัวเขา“สองคนจะจูบกันเหรอคะ?” ลิลลี่ถามอย่างไร้เดียงสา ฉันอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกจิตใจฉันวุ่นวาย ฉันไม่รู้จะตอบเธออย่างไร ควรจะบอกความจริงเธอไหม? แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็โกหกไม่ได้เมื่อเธอเห็นเต็มสองตา“เอ่อ…เอ่อ...” ฉันพยายามหาคำพูดที่เหมาะสมจะตอบในหัวของฉันยังคิดถึงเรื่องเลียม เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลิลลี่เคยเห็นฉันจูบ ผู้ชายคนเดียวที่เคยอยู่ในชีวิตของเรา ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกว่า ‘ใช่’ เธอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่าเกเบรียลพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเธอ แต่ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เลียมคือพ่อของเธอ
ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ขณะที่ยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก แต่ทุกอย่างพังทลายทันทีเมื่อรสชาติของมันกระแทกลิ้น ฉันถึงกับพ่นมันออกมา.“รสชาติสุดจะทนมาก กระเดือกลงได้ไงคะเนี่ย?” ฉันถามพลางเช็ดปากครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้ยินเกเบรียลหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาทุ้มลึกและเย้ายวนจนทำให้ร่างกายฉันสั่นไหว เสียงหัวเราะแบบที่ทำให้คุณลืมแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง ฉันคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกว่าเสียงหัวเราะของคนอื่นมีเสน่ห์?เขายักไหล่ “มันเป็นรสชาติที่ต้องค่อย ๆ ฝึกถึงจะชอบได้ มันไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนหรอก”ฉันทำได้แค่พยักหน้าเหมือนเสียงหายไป ฉันยังคงตกใจอยู่ที่เกเบรียลหัวเราะ เสียงหัวเราะกลายเป็นรอยยิ้มที่แท้จริง เป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันชวนให้หลงใหลจนฉันเกลียดตัวเองที่เผลอหลงเสน่ห์เขา“เป็นอะไรไหม?” เขาเข้ามาใกล้มากขึ้น “เหมือนตะลึงอะไรอยู่เลย”“คุณยิ้มสวย เสียงหัวเราะก็เพราะ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดจากปาก ฉันรู้สึกอยากต่อยตัวเอง ฉันพูดอะไรออกไป? ทำไมฉันถึงปล่อยคำเหล่านั้นหลุดออกมา? สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการคือให้เขาคิดว่าฉันยังมีใจให้เขา“อะไรนะ?”“เปล่า” ฉันรีบตอบก่อนจะหมุนตัวและ
เมื่อเกเบรียลบอกฉันว่าเราจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาในงานบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เมื่อวานนี้ที่ออฟฟิศวุ่นวายมาก มันชัดเจนเลยว่าเกเบรียลมีพนักงานผู้หญิงหลายคนที่อยากได้เขาไปครอบครอง พูดตามตรงฉันไม่ถือหรอก ช่วยไม่ได้ที่เขาหล่อและเซ็กซี่ขนาดนั้น สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือสายตาอิจฉาและเกลียดชังที่ฉันได้รับจากผู้หญิงพวกนั้นบางคนฉันเคยคิดว่ามิลลี่เป็นคนเดียวที่อยากครองเขาไว้ ฉันคิดผิดแน่นอน นับไม่ถ้วนเลยว่าฉันถูกผู้หญิงหยุดไว้กี่ครั้งตอนที่คริสโตเฟอร์ส่งฉันไปทำงานบางอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงสองคนที่เกเบรียลเคยต่อว่าคือคนที่แพร่ข่าวว่าฉันคือผู้หญิงคนใหม่ของเกเบรียล ฉันเดาว่ามือของเขาที่แตะแผ่นหลังของฉันคงบอกชัดเจนแล้ว ข่าวดีคือพวกเขาทุกคนคิดว่าฉันเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวและเขาจะเบื่อฉันในไม่ช้าพวกเธอรู้สึกว่าควรเตือนฉันว่าอย่าทำตัวสบายเกินไปที่นี่ เพราะเกเบรียลจะเบื่อฉันในไม่กี่สัปดาห์ ฉันสงสัยจังว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อรู้ว่าฉันเป็นภรรยาของเขาตอนห้าโมงเย็น เกเบรียลทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการกลับบ้านมาพร้อมฉัน ตอนนั้นเองที่เขาบอกเรื่องบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ที่บ้