โรแวนเป็นเวลาสองวันแล้วตั้งแต่ความจริงได้เปิดเผยออกมา ผมยังคงตัดใจจากจูบนั้นไม่ได้ ตอนที่ผมก้มหน้าลงเพื่อจูบเอวา ผมคาดไว้ว่าเธอจะผลักผมออกไป หรือเลวร้ายกว่านั้นอาจตบหน้าผม ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าผมรู้สึกประหลาดใจเมื่อเธอปล่อยให้ผมจูบเธอ แต่ความประหลาดใจนั้นกลายเป็นความสุขและความปิติยินดีในไม่ช้าไม่อยากเชื่อเลยว่าผมอยู่มานานขนาดนี้โดยไม่จูบเธอได้ยังไง ริมฝีปากของเธอนุ่มนวลและปากของเธอก็น่าเสพติด ผมสามารถใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการจูบเธอ และผมคงจะมีความสุขมาก อีกครั้งแล้วที่ผมพูดแบบนี้ ผมโคตรจะโง่เง่าเลย ทุกครั้งที่ผมปฏิเสธจูบของเอวาตอนที่พวกเรายังแต่งงานกัน ผมคิดว่าผมกำลังทำโทษเธออยู่ แต่ผมไม่รู้เลยว่าผมกำลังพลาดโอกาสที่จะทำบางอย่างไป ผมมักจะเสียใจเรื่องนี้อยู่เสมอเพราะผมพลาดโอกาสไปมากมายตอนนี้ผมอยู่ในออฟฟิศของตัวเองและไม่สามารถจดจ่อกับเรื่องไร้สาระได้ ผมมีการประชุมทางธุรกิจในอีกสองสามวันข้างหน้า แต่กระนั้นสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของผมก็คือจูบนั้นผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง การจูบเธอแล้วเธอตอบสนองด้วยนั้นคล้ายกับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของการได้รับจูบครั้งแรกจากผู้หญิงคนหนึ่ง
ความหวังทั้งหมดที่ผมมีได้เหี่ยวแห้งตายไป บ้าเอ้ย ผมจะมีโอกาสทำทุกอย่างให้ถูกต้องบ้างไหม? จะเป็นไปได้ไหมที่นะเอาชนะใจเธอคืนมา? “ฉันไม่คิดว่านั่นคือสิ่งเดียวหรอก พวกเราทั้งคู่รู้จักเอวาดี ถ้าเธอไม่ต้องการ เธอจะไม่ยอมให้นายจูบหรอก ฮอร์โมนบ้าบออะไรกัน” เขาพยายามให้กำลังใจผม แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกคล้อยตามเลยจริง ๆประตูถูกเปิดออกและทราวิสก็เดินเข้ามา เขาดูย่ำแย่มาก เขาเดินมาหาและนั่งลงข้างเกบ“นายดูแย่มาก” เกบบอกให้เขารู้ทราวิสเพียงถอนหายใจ “ฉันรู้ ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”เรื่องต่าง ๆ ยุ่งเหยิงไปหมดหลังจากรู้ว่าน้องสาวสุดที่รักของเขามีลูกซึ่งเธอเก็บไว้เป็นความลับถึงแปดปี“เป็นไงบ้างล่ะ?” ผมถาม“แย่น่ะสิ ฉันทนไม่ได้ที่จะอยู่ในห้องเดียวกับเอมม่าตอนนี้ แม่ก็เหมือนกัน อันที่จริงแม่ยื่นคำขาดให้เอมม่า ถ้าเธอสร้างไม่ความสัมพันธ์กับกันเนอร์แม่ก็จะตัดขาดเธอออกจากชีวิต”ทั้งเกบและผมจ้องมองเขาด้วยความตกใจ ผมไม่เคยคิดเลยว่าเคทขู่ที่จะตัดขาดกับเอมม่าได้แม้แต่ตอนที่เอวากับผมยุ่งพัวพันกัน เธอไม่เคยตัดขาดกับเอวา แน่นอนเธอกับเจมส์เมินเฉยต่อเธอ แต่พวกเขาไม่ได้ตัดเธอออกไป“นายพูดจริงหรือเปล
เอวาฉันไม่สามารถเอาโน้ตบ้า ๆ นั่นออกจากหัวได้เลย ฉันเอาแต่คิดเรื่องนี้ฉันอยากจะเชื่อนะว่ามันไม่มีอะไรเลยนอกจากการเล่นพิเรนทร์ แต่ฉันไม่มั่นใจมากนักเพราะรู้สึกแย่ทุกครั้งที่อ่านมันฉันเคยคิดที่จะแจ้งความแต่ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ มันก็แค่กระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง ถ้าหากว่าคาลพูดถูกว่ามันก็แค่เป็นการเล่นพิเรนทร์โง่ ๆ ล่ะ? โทรศัพท์ของดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัว ฉันวางไม้ถูพื้นลงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นชื่อโรแวนกะพริบอยู่ ฉันเกือบจะวางสายแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ“สวัสดี” ฉันบังคับเสียงตัวเองให้ดูไร้อารมณ์“คุณเป็นไงบ้าง?” เขาถาม ฟังดูไม่มั่นใจเล็กน้อยฉันสาบานเลยว่าไม่มีทางคุ้นชินกับโรแวนเวอร์ชั่นนี้ มันไม่เหมือนเขาเลย มันเหมือนว่าเขาตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งและกลายเป็นอีกคน แต่ถ้าเขาได้เปลี่ยนไปอย่างแท้จริงคงจะใช้เวลาสักพักที่จะคุ้นชินกับเขาได้“คุณต้องการอะไรหรือเปล่า?”“อืม ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมจะเดินทางไปทำธุรกิจสักสองสามวันน่ะครับ” เขาแจ้งให้ฉันทราบ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย“โอเคค่ะ งั้นคุณอยากให้ฉันแจ้งให้โนอาทราบใช่ไหม?”โนอาอยู่โรงเรียน เขาจะผิดหวังเพราะเขาไม่ชอบให้
“มีอะไรคะ? คุณตะโกนเรียกชื่อฉันเหมือนกับว่าโลกจะแตกเลย” ฉันบอกเขาเมื่อฉันตระหนักได้ว่าเขายังคงไม่ได้พูดอะไรสักคำ สายตาของเขาเบิกกว้างขึ้นราวกับว่าเขาเพิ่งค้นพบบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ฉันจ้องมองเขา เขาสวมเสื้อกีฬาแขนยาวกับกางเกงวอร์ม ตอนแรกฉันรู้สึกงงว่าทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่ทำงาน แต่จากนั้นฉันก็จำได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุด“คาลวิน?” ฉันเรียกเขาส่ายหัว “โอ้ โทษทีครับ ผมไม่รู้ว่านี่เร็วเกินไปหรือเปล่า แต่ผมอยากถามคุณบางอย่าง”อย่างแรกโรแวนอยากจะพูดเกี่ยวกับบางอย่าง และตอนนี้คาลวินก็อยากถามฉันบางอย่าง ด้วยการที่เขาแสดงอาการลอกแลก ฉันแค่รู้ว่าฉันอาจไม่ชอบในสิ่งที่เขาพูด“โอเค ว่ามาสิคะ”เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึก“ผมอยากชวนคุณออกเดตน่ะครับ”“ว่าไงนะคะ?” ฉันพูดอึกอัก จ้องมองเขาด้วยตาเบิกกว้างฉันได้ยินเขาถูกหรือเปล่า? มันไม่สามารถเป็นไปได้ ไม่มีทางที่เขาจะขอฉันแบบนั้น พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน“คุณจะไปออกเดตกับผมได้ไหมครับ?” เขาถาม ครั้งนี้ด้วยเสียงที่ชัดเจนกว่าเดิม “ผมรู้ว่ามันอาจจะเร็วเกินไป แต่ผมคิดว่านี่ดีที่สุดแล้ว พวกเราสามารถช่วยกันและกันให้ผ่านพ้นความเจ็บปวดในอดีตได้
“เป็นไง เอวา?”พวกเราไม่ค่อยคุยกัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพียงข้อความครั้งคราว ทั้งหมดนั่นประกอบด้วยการที่เขาแจ้งให้รู้ว่ามีพัสดุที่เขาส่งมาและฉันขอบคุณเขาสำหรับมันฉันรู้มันอันตราย แต่เขาคือคนเดียวที่ฉันสามารถนึกถึงที่จะช่วยเหลือฉันในตอนนี้ ฉันจะไม่โกหก โน้ตที่สองทำให้ฉันตกใจกลัวโดยสิ้นเชิง“ฉันต้องการความช่วยเหลือของคุณ รีเปอร์” ฉันเพียงบอกกล่าว ไม่มีความจำเป็นต้องพูดไร้สาระ เพราะเขาก็ไม่ชอบให้พูดจาอ้อมค้อมใช้เวลาสักพักก่อนที่ในที่สุดฉันจะมีความกล้าที่จะโทรหาเขา ฉันได้พิจารณาว่าฉันควรจะไปหาตำรวจหรือเขาดี สุดท้ายแล้ว เหตุผลก็ชนะ ครั้งสุดท้ายที่ฉันตกอยู่ในอันตราย ตำรวจไม่สามารถช่วยเหลือได้ แต่รีเปอร์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตลอดเวลาฉันให้เหตุผลว่าบางทีเขาอาจจะสามารถช่วยฉันจับใครก็ตามที่ตามล่าฉันได้“โอเค มีอะไรเหรอ” เขาถามอย่างสงสัย บางทีอาจเป็นเพราะฉันไม่เคยขออะไรเขาเลย“ดูเหมือนว่ามีคนตามฉันน่ะ”“โอ้ มันเกี่ยวกับโน้ตที่เธอได้ใช่ไหม?”ฉันตกใจมาก แต่ในเวลาเดียวกัน เห็นไหมล่ะ? นี่คือเหตุผลที่ทำไมฉันคิดว่าเขาจะเป็นคนที่ดีที่สุดที่จะช่วยฉันได้ เขาล้ำหน้าฉันไปหนึ่งก้าว“ใช่” ฉันตอบ “คุณรู
“อย่ากังวลไปเอวา พวกเราจะจับไอ้บ้าคนนี้ ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เขาหรือเธอทำร้ายเธอหรือหลานสาวฉันได้หรอก” เขาให้ความมั่นใจกับฉัน น้ำเสียงของเขาใช้โทนที่นุ่มนวล“ขอบคุณนะ”พวกเราพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่พวกเราจะวางสายฉันยังไม่ได้ลุกจากจุดที่ฉันนั่งอยู่บนโซฟา มีสิ่งที่ต้องทำเป็นล้านในบ้าน แต่กระนั้นฉันไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆ เหลือในตัวฉันเลย อีกอย่างด้วยความคิดและความหวาดกลัวทั้งหมด ฉันไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อได้แม้ว่าจะอยากก็ตามฉันไม่รู้เลยว่านานแค่ไหนที่ฉันอยู่ตรงนั้นก่อนที่จะได้ยินเสียงกุญแจไข จากนั้นประตูหน้าบ้านของฉันก็เปิดออก ฉันหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า แม่กับพ่อเดินจับมือกันเข้ามาฉันยิ้มให้พวกเขา สองคนนั้นรักกันมากจนพวกเขาตัวติดกันตลอดเวลาเป็นส่วนใหญ่ มันน่ารักจริง ๆ“สวัสดีค่ะ” ฉันทักทายพวกเขาขณะที่ฉันลุกขึ้นนั่งแม่นั่งลงข้างฉันในขณะที่พ่อนั่งลงฝั่งตรงข้าม“เช่นกัน ลูก” พ่อพูดขึ้น“สวัสดี ลูกรัก” แม่ทักทายกลับฉันจะไม่มีทางคุ้นชินกับความรักในสายตาของพวกเขาได้เลย มันคือทุกอย่างสำหรับฉัน กับพวกเขา ฉันไม่ต้องสงสัยหรือคาดเดา สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกออกมาหมดแล้ว“มีอะไรให้
ฉันหมกมุ่นอยู่กับกระดาษโน้ตมาเป็นเวลาสองสามวันแล้ว ฉันแค่อยากจะหาตัวให้ได้ว่าคน ๆ นี้เป็นใครเพื่อที่ฉันจะได้เดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างสงบสุขฉันเกลียดตอนนี้ฉันขวัญอ่อนและหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา โนอายังสังเกตเห็นว่าฉันไม่เป็นตัวของตัวเองด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เขาถาม ฉันเพียงบอกเขาว่าฉันโอเคดีทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่าฉันไม่โอเคชีวิตของฉันนั้นเรียบง่ายมากย้อนกลับไปตอนที่ฉันแต่งงานกับโรแวนเมื่อเทียบกับตอนนี้ สิ่งเดียวที่ฉันกังวลคือเขาจะกลับมาทานมื้อเย็นไหม หรือเขาจะรักฉันบ้างไหม ฉันรู้ว่าฉันเคยเจ็บปวดตลอดเวลา แต่ฉันจะเลือกสิ่งนั้นมากกว่าการตายแบบใดก็ตามในเร็ว ๆ นี้ฉันไม่มีช่วงเวลาแห่งความสุขเลยตั้งแต่ที่ฉันหย่ากับโรแวน ความพยายามในการเอาชีวิตของฉันเกิดขึ้นถึงสามครั้ง รถของฉันถูกวางระเบิด บ้านของฉันถูกวางเพลิง และฉันถูกลักพาตัวสองครั้ง หลังจากฉันเห็นด้วยที่จะให้รีเปอร์อยู่ในชีวิตของฉัน ฉันคิดว่าเรื่องต่าง ๆ คงจะเข้าที่เข้าทาง แต่ไม่เลย…ตอนนี้บางคนกำลังตามล่าฉันอยู่ อีกครั้งแล้ว“แม่ครับ ผมไปบ้านกันเนอร์ได้ไหมครับ?” โนอาถามขึ้นมา ทำให้ฉันตกใจกลัวแทบแย่ ฉันพยายามใจเย็นไว้ นี่แหละคือที่ฉันบอกว่
เขาถลึงตามองฉัน แต่ภายในไม่กี่วินาทีสีหน้าของเขาก็อ่อนลง เขาคว้ามือฉัน พลิกมันขึ้น และจูบลงบนฝ่ามือฉันอย่างนุ่มนวล“ผมไม่รู้ว่าผมตกหลุมรักคุณเมื่อไหร่หรือตอนไหน ทั้งหมดที่ผมรู้คือผมรักคุณ เอวา ผมไม่เห็นมันในตอนนั้น ผมถูกครอบงำด้วยความขมขื่นและความโกรธจนไม่รู้ว่าผมได้แต่งงานกับคนที่พิเศษอะไรเช่นนี้ ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา มันยากที่จะอยู่โดยไม่มีคุณ เมื่อเห็นคุณเจ็บปวดหรือถูกทำร้ายมันทำลายผมทุกครั้ง ผมต้องใช้เวลากว่าจะตระหนักได้ว่าผมตกหลุมรักคุณ แต่ผมอยู่ที่นี่ขอร้องให้คุณให้โอกาสผมได้แสดงให้คุณเห็นถึงความรักที่คุณสมควรได้รับจากผมแต่ไม่เคยได้เลย”ฉันดูตกตะลึงไปอย่างแท้จริง ขณะที่เขาลุกจากที่นั่งและคุกเข่าตรงหน้าฉัน ทั้งหมดนี้เหมือนราวกับฝัน มันเหมือนกับว่าฉันอยู่ในโลกที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง“โอ้ โรแวน” ฉันเริ่มพูด โดยพยายามที่จะทำให้สมองทำงาน “คุณไม่ได้รักฉัน คุณไม่เคยรักฉันเลย เอมม่าคือคนที่คุณรักและเป็นรักเดียวเท่านั้น เธอคือคนที่กุมหัวใจคุณไว้ จำได้ไหม? ”ความเจ็บปวดและความเสียใจฉายแวบในดวงตาของเขา ฉันรู้สึกแย่สำหรับเขา แต่ฉันรู้ว่าบางทีเขาเพียงแค่สับสนเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ มันแค
โรแวนดูมีความสุขในตอนนี้ ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาคงกลับไปคบกับเอมม่าอีกครั้ง นั่นน่าจะเป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ จากที่เกเบรียลเคยเล่าให้ฟัง โรแวนเคยเกลียดเอวาแบบสุดใจ เช่นเดียวกับที่เกเบรียลเคยเกลียดฉันสายตาของฉันเลื่อนไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูคุ้น ๆ แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของโรแวนกับเอมม่าก็ได้ ถึงแม้เธอจะดูไม่เหมือนเอมม่าที่ฉันจำได้เลยก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพันธุกรรมที่แปลกประหลาด“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” ฉันถาม“ชื่อไอริส” เกเบรียลตอบ พร้อมกับยืนใกล้ฉันจนทำให้รู้สึกแปลก ๆฉันขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างฉันมองไอริสต่อ เธอเหมือนพลังงานน้อย ๆ ที่สดใส ดวงตาสีฟ้าสวยส่องประกายจนฉันมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากที่ที่ฉันยืนอยู่ เธอไม่เหมือนเอมม่าเลย แต่ถ้าจำไม่ผิด เอมม่ามีดวงตาสีฟ้า ดังนั้นไอริสน่าจะได้มาจากแม่“งั้นโรแวนก็กลับไปคบกับเอมม่าแล้วใช่ไหม” ฉันพูดเบา ๆ “พวกเขากลับไปคบกันตอนไหน แล้วเอวารับมือกับมันยังไง?”ฉันไม่เคยคิดว่าเอมม่าจะเป็นคนไม่ดี เราทุกคนเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่า ในขณะที่เอวากับฉันรุ่นเดียวกันเอมม่าต่
ฉันไม่สามารถหยุดขยับตัวอย่างกระวนกระวายได้เลย ขณะที่ฉันและเกเบรียลเดินตามพ่อแม่ของเขาเข้าไปข้างใน หากพูดตรง ๆ การพูดคุยในออฟฟิศนั้นดีกว่าที่ฉันคาดไว้มาก ฉันไม่แน่ใจว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันไม่ได้คาดว่าจะเจอความสงบแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา?ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเกเบรียลไม่บอกพวกเขาว่าเราเคยแต่งงานกันมาก่อน แม้การแต่งงานของเราจะจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังเรื่องนี้“ไหวไหม?” เสียงของเขาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าสายตาเขาจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันช่างลึกซึ้งเหมือนว่าเขากำลังอ่านฉันจนถึงจิตวิญญาณ ฉันดึงสายตาจากเขาแล้วมองไปข้างหน้าแทน“ไหว แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงส่วนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่กับครอบครัวของเขา บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังคงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาบนผิวของฉันเมื่อตอนที่เขาเกือบจะจูบฉัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมรับความผิดทั้งหมดในความล้มเหลวของความสัม
ขอบคุณพี่ชายของเธอที่ทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และมันก็กลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านเธอ ผมอยากทำร้ายเธอ อยากทำลายเธอและทำให้เธอเจ็บปวดเพราะเธอพรากอิสระไปจากผม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ทันทีว่าการนอกใจจะทำให้เธอเจ็บปวด ผมเลยทำ และผมก็ทำให้เธอรู้ด้วย ผมอยากให้เธอเสียใจที่คิดจะวางกับดักผมและมันได้ผล ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ ผมรู้ว่ามันทำให้ผมเป็นคนเลว แต่การเห็นความเจ็บปวดในตาเธอมันทำให้ผมพอใจ“เวลาผ่านไปก็นานแล้วนะ แล้วลูกไปเจอเธออีกครั้งได้ยังไง?” แม่ถามต่อเมื่อผมไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตของพ่อ“ผมออกตามหาเธอครับ” ผมยักไหล่ “พวกกรรมการบริหารนั่นอยากให้ผมแต่งงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ผมเลยทำแบบนี้”สายตาของแม่หันไปทางฮาร์เปอร์ “แล้วเธอยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ?”ผมสะดุ้งกับคำพูดของแม่ ผมเกลียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับผม ฮาร์เปอร์ยักไหล่ตอบ “เขามีสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็เลยตอบตกลงค่ะ”พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมาทางเรา“หมายถึงอะไร?” พ่อถามด้วยสายตาที่จ้องจับผิด“บริษั
ผมรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะต้องรุนแรงแน่ ๆ ใครล่ะจะไม่ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกบอกว่ามีลูกสะใภ้กับหลานสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนพ่อเริ่มเดินไปเดินมา และผมก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร พ่อพร่ำสอนผมกับโรแวนเสมอ เรารู้เสมอว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเราเองก็คิดแบบเดียวกันเขาน่าจะกำลังสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สงสัยว่าผมตรวจดีเอ็นเอแล้วหรือยังว่าลิลลี่เป็นลูกสาวของผมจริง หรือเปล่า และเขาคงสงสัยด้วยว่าฮาร์เปอร์หลอกล่อหรือวางกับดักอะไรผมหรือเปล่า เขากำลังพยายามคิดถึงทุกแง่มุม“แล้ว…มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ไปมีเมียมีลูกตอนไหนยังไง?” แม่เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาเลื่อนจากผมไปที่ฮาร์เปอร์ ซึ่งกำลังก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบ ๆ เธอดูประหม่าและตื่นตระหนกน ผมรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ อยากปลอบโยนเธอด้วยสัมผัสของผมความรู้สึกที่รุนแรงต่อเธอนั้นทำให้ผมงุนงง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตอนที่เรายังแต่งงานกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ผมถึงอยากทำในสิ่งที่ผมไม่เคยอยากทำมาก่อน?“ตอบแม่สิ เกบ” เสียงเข้มของพ่อทำให้ผมหลุดจากความคิด“เราเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อหลายปีก่อน” ผมเริ่มพู
เกเบรียล“แม่ครับ!” ผมตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งไปหาเธอแม่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะช็อกตอนเห็นลิลลี่ เหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก เธอแค่เห็นตาสีเทาคู่นั้นครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าลิลลี่เป็นหนึ่งในสายเลือดของตระกูลวู้ดผมค่อย ๆ ตบแก้มของแม่เบา ๆ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้น ผมจึงค่อย ๆ สอดแขนข้างหนึ่งใต้บ่า และอีกข้างหนึ่งใต้หัวเข่าของแม่ แล้วยกเธอขึ้นมาวางบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด“พ่อ! โรแวน!” ผมตะโกนเรียกอย่างร้อนรน เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว“คุณย่าจะเป็นอะไรไหมคะ?” ลิลลี่ถามเสียงแผ่วเบาและเปราะบาง “หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือที่คุณย่าเป็นแบบนี้เพราะหนูใช่ไหมคะ?”น้ำตาที่เอ่ออยู่ในดวงตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน ในเวลาไม่นาน ลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผม การเห็นเธอร้องไห้ทำให้ผมเจ็บปวด ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าที่ผมรักลิลลี่ แม้แต่โรแวน ฝาแฝดของผมเอง ก็ยังไม่อาจเทียบได้ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ฮาร์เปอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา“ไม่หรอกจ้ะ ลูกรัก” ฮาร์เปอร์ตอบพร้อมวางผ้าชุบน้ำเย็นลงบนหน้าผากแม่ ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอไปเอาผ้ามาเมื่อไหร่“
เสียงโทรศัพท์ของเกเบรียลทำให้ฉันลุกขึ้นจากที่เดิมที่ลิลลี่ทิ้งฉันไว้ ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนั้นกับฉันได้ ตอนที่เลียมยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยกังวลที่ไม่มีพี่น้อง เธอไม่เคยขอมีพี่น้องด้วยซ้ำ ฉันเลยสงสัยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปแบบนี้กะทันหันฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าทำไมฉันกับเลียมถึงไม่มีลูก ทั้งที่แต่งงานกันมานานขนาดนั้น เรื่องจริงก็คือ เราพยายามแล้ว เลียมอยากมีครอบครัว อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ฉันรู้ว่าเขารักลิลลี่เหมือนลูกแท้ ๆ ของเขา แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นสายเลือดของตัวเองด้วยฉันเองก็อยากจะให้เขามีสิ่งนั้น ฉันอยากขอบคุณเขาที่อยู่เคียงข้างฉันในตอนที่ฉันไม่มีใคร ที่แต่งงานกับฉันและมอบครอบครัวให้กับลิลลี่ การมีลูกให้เขาสักคนไม่ได้เป็นสิ่งที่มากเกินไป และฉันก็ไม่เห็นปัญหาอะไรอย่างที่บอก เราพยายามแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งหนึ่งปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาถึงยอมไปตรวจสุขภาพ ผลปรากฏว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจสลาย เราได้รู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ วันที่เราอยู่ที่คลินิก ฉันเห็นแสงบางอย่างในตัวเขาดับลงไป การรู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นพ่อได้เหมือนทำลา
ลิลลี่มองพวกเราสลับไปมาระหว่างฉันกับพ่อเธอ ฉันเห็นคำถามมากมายในสายตาเธอ ความสงสัยเกี่ยวกับฉันและเกเบรียลอย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่ควรจะรู้สึกดึงดูดใจต่อเกเบรียลอีกหลังจากที่ห่างกันไปหลายปี ฉันเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาจะจบลงไปแล้ว การปฏิบัติที่เขาเคยทำกับฉันเมื่อหลายปีก่อนควรจะฆ่าความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเคยมีต่อเขาแต่ฉันคิดผิด เพราะตอนนี้ฉันกลับมายืนอยู่ตรงนี้ เกือบจะจูบเขา ฉันรู้สึกแย่มากที่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเพียงชั่วขณะ และปล่อยให้ร่างกายพาฉันหลงใหลในตัวเขา“สองคนจะจูบกันเหรอคะ?” ลิลลี่ถามอย่างไร้เดียงสา ฉันอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกจิตใจฉันวุ่นวาย ฉันไม่รู้จะตอบเธออย่างไร ควรจะบอกความจริงเธอไหม? แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็โกหกไม่ได้เมื่อเธอเห็นเต็มสองตา“เอ่อ…เอ่อ...” ฉันพยายามหาคำพูดที่เหมาะสมจะตอบในหัวของฉันยังคิดถึงเรื่องเลียม เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลิลลี่เคยเห็นฉันจูบ ผู้ชายคนเดียวที่เคยอยู่ในชีวิตของเรา ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกว่า ‘ใช่’ เธอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่าเกเบรียลพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเธอ แต่ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เลียมคือพ่อของเธอ
ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ขณะที่ยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก แต่ทุกอย่างพังทลายทันทีเมื่อรสชาติของมันกระแทกลิ้น ฉันถึงกับพ่นมันออกมา.“รสชาติสุดจะทนมาก กระเดือกลงได้ไงคะเนี่ย?” ฉันถามพลางเช็ดปากครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้ยินเกเบรียลหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาทุ้มลึกและเย้ายวนจนทำให้ร่างกายฉันสั่นไหว เสียงหัวเราะแบบที่ทำให้คุณลืมแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง ฉันคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกว่าเสียงหัวเราะของคนอื่นมีเสน่ห์?เขายักไหล่ “มันเป็นรสชาติที่ต้องค่อย ๆ ฝึกถึงจะชอบได้ มันไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนหรอก”ฉันทำได้แค่พยักหน้าเหมือนเสียงหายไป ฉันยังคงตกใจอยู่ที่เกเบรียลหัวเราะ เสียงหัวเราะกลายเป็นรอยยิ้มที่แท้จริง เป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันชวนให้หลงใหลจนฉันเกลียดตัวเองที่เผลอหลงเสน่ห์เขา“เป็นอะไรไหม?” เขาเข้ามาใกล้มากขึ้น “เหมือนตะลึงอะไรอยู่เลย”“คุณยิ้มสวย เสียงหัวเราะก็เพราะ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดจากปาก ฉันรู้สึกอยากต่อยตัวเอง ฉันพูดอะไรออกไป? ทำไมฉันถึงปล่อยคำเหล่านั้นหลุดออกมา? สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการคือให้เขาคิดว่าฉันยังมีใจให้เขา“อะไรนะ?”“เปล่า” ฉันรีบตอบก่อนจะหมุนตัวและ
เมื่อเกเบรียลบอกฉันว่าเราจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาในงานบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เมื่อวานนี้ที่ออฟฟิศวุ่นวายมาก มันชัดเจนเลยว่าเกเบรียลมีพนักงานผู้หญิงหลายคนที่อยากได้เขาไปครอบครอง พูดตามตรงฉันไม่ถือหรอก ช่วยไม่ได้ที่เขาหล่อและเซ็กซี่ขนาดนั้น สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือสายตาอิจฉาและเกลียดชังที่ฉันได้รับจากผู้หญิงพวกนั้นบางคนฉันเคยคิดว่ามิลลี่เป็นคนเดียวที่อยากครองเขาไว้ ฉันคิดผิดแน่นอน นับไม่ถ้วนเลยว่าฉันถูกผู้หญิงหยุดไว้กี่ครั้งตอนที่คริสโตเฟอร์ส่งฉันไปทำงานบางอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงสองคนที่เกเบรียลเคยต่อว่าคือคนที่แพร่ข่าวว่าฉันคือผู้หญิงคนใหม่ของเกเบรียล ฉันเดาว่ามือของเขาที่แตะแผ่นหลังของฉันคงบอกชัดเจนแล้ว ข่าวดีคือพวกเขาทุกคนคิดว่าฉันเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวและเขาจะเบื่อฉันในไม่ช้าพวกเธอรู้สึกว่าควรเตือนฉันว่าอย่าทำตัวสบายเกินไปที่นี่ เพราะเกเบรียลจะเบื่อฉันในไม่กี่สัปดาห์ ฉันสงสัยจังว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อรู้ว่าฉันเป็นภรรยาของเขาตอนห้าโมงเย็น เกเบรียลทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการกลับบ้านมาพร้อมฉัน ตอนนั้นเองที่เขาบอกเรื่องบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ที่บ้