ฉันกำลังจะพูดบางสิ่งออกมา ทันใดนั้น กริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น“มีคนมาหาน่ะ เล็ตตี้ เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ”ฉันเหนื่อยและอ่อนล้าเต็มที่ทั้งร่างกายและจิตใจ“ได้สิ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อนะ ฉันรู้ว่าวันนี้มันเหนื่อยมากสำหรับเธอ”เราสองต่างบอกลาและวางสายไป ฉันคิดว่าอยากเมินเฉยต่อคนตรงหน้าประตู อย่างที่บอกไปว่าฉันเหนื่อยเหลือเกิน และไม่ต้องการพบใครในตอนนี้ฉันลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าไปเปิดประตูดู “โรแวน คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉันเอ่ยถามด้วยความตกใจฉันประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเชา พูดกันตามตรง ฉันคิดว่าเขาจะคอยอยู่ข้างเอมม่าเพื่อปลอบโยนเธอเสียอีก รู้สึกตกใจเหมือนกันที่เขามาอยู่ตรงนี้แทน“เข้าไปได้ไหม?” เขาเอ่ยถามแทนตอบคำถามฉันฉันอาจสติหลุดหรือเป็นอะไรไปแล้วก็ได้เพราะว่าร่างกายเขยิบออกมาด้านข้างและปล่อยให้เขาเข้าไป โรแวนยิ้มเล็กน้อยขณะก้าวเข้าด้านใน“โนอาหลับแล้วเหรอ?” เขาเอ่ยถาม มือก็ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก“ก็น่าใช่นะ แต่ลูกไม่ได้อยู่นี่หรอก วันนี้ลูกไปนอนค้างที่บ้านของคาลวิน”ฉันเห็นความโกรธในดวงตาโรแวนเมื่อเอ่ยชื่อของคาลวินออกมา ตอนนั้นฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงจะไปต่อยตีกับคาลอีกครั้งหนึ
ฉันมักนึกสงสัยมาตลอดว่าสิ่งที่นักเขียนทั้งหลายมักบอก ‘จูบสามารถขยับโลกทั้งใบได้’ นั่นหมายความว่าอย่างไร นี่สินะความรู้สึกทั้งมวลหลุดลอยออกจากร่างเพราะฉันจับหลังศีรษะโรแวนแน่นและดื่มด่ำกับรสจูบนี้ ราวกับว่านี่ยังตอบสนองฉันไม่พอและปรารถนามากกว่านี้ แม้แต่จูบของอีธานยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ฉันหลงเข้าไปในจูบนี้พร้อมด้วยริมฝีปากเขาที่กำลังกลืนกินฉันอยู่ เป็นฝันที่รอคอยมานานเหลือเกิน ฉันต้องการให้โรแวนจูบฉันและเพรียกหาเช่นนี้ นี้คือสิ่งที่ฉันปราถนามาตลอดทุกครั้งที่เขาออกไปทำงานในทุกเช้า นี่คือสิ่งที่โหยหาทุกครั้งที่เราสอดใส่กัน เราไม่เคยทำเช่นนี้กันเลยไม่ใช่เพราะฉันไม่เคยลอง ทว่าเขากลับไม่เคยต้องการฉันเลย“คุณพยายามทำตัวให้เร่าร้อนแต่ก็ไม่ได้เรื่องเลย ทุกครั้งที่ผมสอดใส่เข้าไปในตัวคุณ คนที่ผมต้องการก็คือเอมม่า ผมจินตนาการว่าใต้ร่างผมคือเอมม่า ทุกครั้งที่ผมเสร็จสม ผมก็เห็นหน้าของเธอ คุณมันไม่ได้พิเศษอะไรเลยแค่ผู้หญิงใจง่าย ผมก็เลยใช้คุณเท่านั้น ผมใช้คุณเป็นเครื่องมือสนองกามเท่านั้น”ประโยคที่โรแวนเคยพูดกระแทกใส่หน้าฉันเมื่อสองสามเดือนก่อนยังสะท้อนอยู่ในหัวฉันราวกับเสียงระฆังดัง ฉันผละออกจ
แสงสว่างจ้าที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันลืมตาตื่นขึ้น แทนที่จะลุกขึ้นในทันที ฉันแค่นอนอยู่บนเตียงสักพักหนึ่งขณะที่ลูบไล้หน้าท้องตัวเองและรู้สึกได้ถึงลูกน้อยกำลังขยับอยู่ในตัวฉันฉันมองไปที่ปฏิทินบนโต๊ะข้างเตียงและตระหนักได้ว่าวันนี้เพิ่งครบหกเดือนของระยะสำคัญแล้ว มันน่ากลัวที่จะมีลูก หนทางทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ฉันมักจะขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอในแต่ละครั้งที่ฉันผ่านระยะสำคัญกับลูกน้อยของฉันเพราะรู้ว่าไม่ใช่เด็กทารกทุกคนที่จะเกิดมาได้ปลอดภัยหลังจากกล่าวคำอธิษฐานขอบคุณเล็ก ๆ น้อยเสร็จ ฉันก็ลุกขึ้นและลงไปชั้นล่าง ฉันสามารถอาบน้ำในภายหลังได้แต่ตอนนี้รู้สึกหิว เพราะด้วยเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ฉันจึงลืมกินอาหารไปเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวานก็ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับโรแวน ฉันยังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะปล่อยเขาจูบฉันแล้วฉันกลับเพลิดเพลินไปกับมันเสียได้มันทำให้ฉันรำคาญมากที่ฉันต้องการมากกว่านี้ ฉันต้องการให้เขาจูบดื่มด่ำยิ่งขึ้น ฉันอยากให้เขาทำมากกว่านี้ ฉันสามารถโทษว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมนได้ แต่รู้ดีว่าฉันกำลังโกหกตัวเองอยู่โรแวนทำฉันเจ็บปวดมามาก แต่ความเป
เอมม่า“ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไง มอลลี่” ฉันบอกเธอ เกือบจะร้องไห้ออกมา “พวกเขาโกรธฉันมากตอนนี้”แม่กับทราวิสไม่ยอมรับสายหรือแม้แต่จะพูดคุยกับฉัน หลังจากความหายนะที่งานเลี้ยงนั่น ฉันก็ยังไม่ได้เจอหรือคุยกับพวกเขาเลยทราวิสเมินเฉยต่อฉัน และแม่ก็ไล่ฉันออกจากบ้านทันทีที่งานเล็ก ๆ นั่นจบลง มันน่าอึดอัดเป็นบ้า ไม่มีใครยอมพูดคุยกับฉันเลยจริง ๆ มันเหมือนกับว่าฉันไม่มีตัวตน นี่คือสิ่งที่เอวารู้สึกในอดีตใช่ไหม? มันยุ่งเหยิงเป็นบ้า“ฉันบอกเธอแล้วว่าให้บอกความจริงกับพวกเขา แต่เธอไม่ฟังเลย” เสียงของมอลลี่นำฉันกลับมาสู่ปัจจุบันเธอพูดถูก ทุกครั้งที่เธอเอ่ยถึงเรื่องนั้น ฉันจะจบมันลงก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ทันทีที่ฉันรู้ถึงการตั้งครรภ์ของตน เธอขอร้องให้ฉันบอกพวกเขาแต่ฉันปฏิเสธ เธอพยายามมาโดยตลอดแปดปีที่ผ่านมานี้ มันไม่เคยได้ผลเพราะฉันไม่เคยฟังเธอเลย บางครั้งฉันจะโกรธเสียด้วยซ้ำ พวกเราจะโต้เถียงกันและจากนั้นก็ลงเอยด้วยการไม่ได้พูดคุยกันอยู่หลายวัน“ฉันรู้” ฉันกระซิบอย่างเหนื่อยล้าฉันนอนไม่หลับเลย เพราะมีเรื่องให้คิดในหัวมากมายจนมันยากสำหรับฉันที่จะพบความสงบสุขและนอนหลับได้“ไม่ เธอไม่เลย
ความคิดนั้นทำให้เกิดความตื่นตระหนกบางอย่างในตัวฉัน ฉันไม่อยากคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันไม่อยากละทิ้งความฝันของฉันที่จะได้อยู่กับโรแวน ฉันเอาแต่นิ่งเงียบราวกับว่ากำลังต่อสู้กับคำพูดของเธอในหัวของตัวเอง“เอมม่า?” เธอเรียกฉันรู้จักมอลลี่ดี เธออยากให้ฉันเห็นด้วย เธออยากให้ฉันบอกว่าฉันจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันไม่ต้องการฉันหลุดจากการต้องตอบเธอมาได้เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา“ฉันต้องไปแล้ว มอลลี่ มีคนอยู่ที่ประตู” ฉันบอกเธอด้วยความรีบร้อนขณะที่ฉันเดินไปยังประตู“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ เอม นี่…”ฉันวางสายก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบประโยคเมื่อเปิดประตู ฉันก็ประหลาดใจที่เจอแม่ของฉันอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เธอไม่ได้ยิ้มแต่ความหวังยังคงพองฟูอยู่ภายในตัวฉันแม่ไม่ได้รอคำเชิญ เธอเพียงแค่เดินเข้ามา“แม่จะพูดสั้น ๆ นะ” เธอเอ่ยขึ้น และความหวังทั้งหมดที่ฉันมีเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้หดตัวและตายไปฉันปิดประตูและเผชิญหน้ากับแม่ เมื่อมองไปที่เธอ ฉันกลั้นน้ำตาไว้เมื่อฉันสังเกตเห็นความเกรี้ยวกราดที่กำลังลุกเต้นอยู่ภายในแววตาของแม่“แม่อยากพบหลานชายของแม่ แม่หวังว่าลูกจะแนะนำเขา
โรแวนเป็นเวลาสองวันแล้วตั้งแต่ความจริงได้เปิดเผยออกมา ผมยังคงตัดใจจากจูบนั้นไม่ได้ ตอนที่ผมก้มหน้าลงเพื่อจูบเอวา ผมคาดไว้ว่าเธอจะผลักผมออกไป หรือเลวร้ายกว่านั้นอาจตบหน้าผม ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าผมรู้สึกประหลาดใจเมื่อเธอปล่อยให้ผมจูบเธอ แต่ความประหลาดใจนั้นกลายเป็นความสุขและความปิติยินดีในไม่ช้าไม่อยากเชื่อเลยว่าผมอยู่มานานขนาดนี้โดยไม่จูบเธอได้ยังไง ริมฝีปากของเธอนุ่มนวลและปากของเธอก็น่าเสพติด ผมสามารถใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการจูบเธอ และผมคงจะมีความสุขมาก อีกครั้งแล้วที่ผมพูดแบบนี้ ผมโคตรจะโง่เง่าเลย ทุกครั้งที่ผมปฏิเสธจูบของเอวาตอนที่พวกเรายังแต่งงานกัน ผมคิดว่าผมกำลังทำโทษเธออยู่ แต่ผมไม่รู้เลยว่าผมกำลังพลาดโอกาสที่จะทำบางอย่างไป ผมมักจะเสียใจเรื่องนี้อยู่เสมอเพราะผมพลาดโอกาสไปมากมายตอนนี้ผมอยู่ในออฟฟิศของตัวเองและไม่สามารถจดจ่อกับเรื่องไร้สาระได้ ผมมีการประชุมทางธุรกิจในอีกสองสามวันข้างหน้า แต่กระนั้นสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของผมก็คือจูบนั้นผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง การจูบเธอแล้วเธอตอบสนองด้วยนั้นคล้ายกับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของการได้รับจูบครั้งแรกจากผู้หญิงคนหนึ่ง
ความหวังทั้งหมดที่ผมมีได้เหี่ยวแห้งตายไป บ้าเอ้ย ผมจะมีโอกาสทำทุกอย่างให้ถูกต้องบ้างไหม? จะเป็นไปได้ไหมที่นะเอาชนะใจเธอคืนมา? “ฉันไม่คิดว่านั่นคือสิ่งเดียวหรอก พวกเราทั้งคู่รู้จักเอวาดี ถ้าเธอไม่ต้องการ เธอจะไม่ยอมให้นายจูบหรอก ฮอร์โมนบ้าบออะไรกัน” เขาพยายามให้กำลังใจผม แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกคล้อยตามเลยจริง ๆประตูถูกเปิดออกและทราวิสก็เดินเข้ามา เขาดูย่ำแย่มาก เขาเดินมาหาและนั่งลงข้างเกบ“นายดูแย่มาก” เกบบอกให้เขารู้ทราวิสเพียงถอนหายใจ “ฉันรู้ ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”เรื่องต่าง ๆ ยุ่งเหยิงไปหมดหลังจากรู้ว่าน้องสาวสุดที่รักของเขามีลูกซึ่งเธอเก็บไว้เป็นความลับถึงแปดปี“เป็นไงบ้างล่ะ?” ผมถาม“แย่น่ะสิ ฉันทนไม่ได้ที่จะอยู่ในห้องเดียวกับเอมม่าตอนนี้ แม่ก็เหมือนกัน อันที่จริงแม่ยื่นคำขาดให้เอมม่า ถ้าเธอสร้างไม่ความสัมพันธ์กับกันเนอร์แม่ก็จะตัดขาดเธอออกจากชีวิต”ทั้งเกบและผมจ้องมองเขาด้วยความตกใจ ผมไม่เคยคิดเลยว่าเคทขู่ที่จะตัดขาดกับเอมม่าได้แม้แต่ตอนที่เอวากับผมยุ่งพัวพันกัน เธอไม่เคยตัดขาดกับเอวา แน่นอนเธอกับเจมส์เมินเฉยต่อเธอ แต่พวกเขาไม่ได้ตัดเธอออกไป“นายพูดจริงหรือเปล
เอวาฉันไม่สามารถเอาโน้ตบ้า ๆ นั่นออกจากหัวได้เลย ฉันเอาแต่คิดเรื่องนี้ฉันอยากจะเชื่อนะว่ามันไม่มีอะไรเลยนอกจากการเล่นพิเรนทร์ แต่ฉันไม่มั่นใจมากนักเพราะรู้สึกแย่ทุกครั้งที่อ่านมันฉันเคยคิดที่จะแจ้งความแต่ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ มันก็แค่กระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง ถ้าหากว่าคาลพูดถูกว่ามันก็แค่เป็นการเล่นพิเรนทร์โง่ ๆ ล่ะ? โทรศัพท์ของดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัว ฉันวางไม้ถูพื้นลงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นชื่อโรแวนกะพริบอยู่ ฉันเกือบจะวางสายแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ“สวัสดี” ฉันบังคับเสียงตัวเองให้ดูไร้อารมณ์“คุณเป็นไงบ้าง?” เขาถาม ฟังดูไม่มั่นใจเล็กน้อยฉันสาบานเลยว่าไม่มีทางคุ้นชินกับโรแวนเวอร์ชั่นนี้ มันไม่เหมือนเขาเลย มันเหมือนว่าเขาตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งและกลายเป็นอีกคน แต่ถ้าเขาได้เปลี่ยนไปอย่างแท้จริงคงจะใช้เวลาสักพักที่จะคุ้นชินกับเขาได้“คุณต้องการอะไรหรือเปล่า?”“อืม ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมจะเดินทางไปทำธุรกิจสักสองสามวันน่ะครับ” เขาแจ้งให้ฉันทราบ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย“โอเคค่ะ งั้นคุณอยากให้ฉันแจ้งให้โนอาทราบใช่ไหม?”โนอาอยู่โรงเรียน เขาจะผิดหวังเพราะเขาไม่ชอบให้
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร