แม่ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หลังจากได้ยินฉันสารภาพออกมา สายตาของเธอบ่งบอกถึงหัวใจที่แตกสลาย สายตาแสนผิดหวังแทบทำให้ฉันล้มทั้งยืนทราวิสซึ่งคอยประคองฉันไว้ปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วราวกับว่าร่างฉันแผดเผาเขา เขาค่อย ๆ ถอยหลังออกไปจนยืนห่างจากฉันหลายฟุตฉันรู้ว่าคนที่เหลือตกใจไม่ต่างกัน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้สำคัญสำหรับฉันเลย ยิ่งเป็นตอนที่ครอบครัวตนเองจ้องมองฉันราวกับว่าไม่รู้จักกันมาก่อน ราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้าอย่างนั้น“บอกแม่มาทีว่าลูกแค่ล้อแม่เล่น” แม่อ้อนวอน “เรื่องที่มีลูกและเก็บซ่อนเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันเป็นเรื่องโกหกใช่ไหมลูก”ฉันต้องการโกหกพวกเขาเพราะให้สายตาที่บอกถึงหัวใจแตกสลายและแสนผิดหวังในตัวฉันจะได้หายไปเสียที แต้รู้ดีว่าฉันไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว มันไม่มีที่ให้หลบซ่อนอีกแล้ว ไม่มีหนทางให้หลบหนีจากความจริงอีกแล้ว“หนูขอโทษค่ะ หนูขอโทษด้วยจริง ๆ” ฉันร้องไห้พร้อมเดินโซซัดโซเซไปหาแม่ “หนูอยากจะบอกใจจะขาดแต่รู้สึกละอายใจขึ้นมา” ฉันเดินไปกุมมือเธอเอาไว้ แต่แม่ก็สะดุ้งและกระชากมือออกไปแล้วนี่คือสิ่งที่ฉันหวาดกลัวมาโดยตลอด เอวาพูดถูก ฉันเป็นลูกสาวแสนสมบูรณ์แบบ ไม่มีมีค
ให้ตายสิ ยากเย็นเหลือเกิน ฉันต้องการหยุด ทว่าเมื่อเดินมาถึงตรงนี้ ฉันรู้ดีกว่าทุกคนไม่ยอมเป็นแน่“อย่างที่เคยบอกไป หลายสิ่งดีขึ้นหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรมากมาย หนูรู้สึกว่ามันพอทนอยู่ จนกระทั่งคืนนั้น แม่โทรมาบอกให้รู้ว่าเอวาคลอดลูกชายออกมา และโรแวนก็ตกหลุมรักเด็กคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น ทุกอย่างก็แตกสลายอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่หนูพยายามเก็บซ่อนเอาไว้ก็เอ่อล้นออกมา” ฉันพยายามสูดหายใจผ่านความเจ็บปวดจากความทรงจำเหล่านั้น แต่ก็ยากเย็นนัก“หนูรู้สึกเจ็บปวดไปหมด แล้วโกรธมากเลยด้วย โกรธที่ตัวเองไม่ยอมตอบตกลงแต่งงานกับโรแวนวันนั้น โกรธที่โรแวนดันเมาไม่ได้สติ แล้วเผลอไปนอนกับเอวา โกรธที่เอวาท้องและแต่งงานกับผู้ชายที่หนูรัก โกรธที่เด็กนั่นมันเกิดมา”ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจออกมา ฉันไม่อยากหันไปรับรู้ว่านั่นมาจากโรแวน ฉันยังคงลำบากใจกับโนอาอยู่เพราะหากทุกสิ่งเป็นไปตามที่คิด โรแวนคงมีลูกกับฉัน ไม่ใช่กับเอวา“หนูอยากทำให้โรแวนเจ็บปวด อยากให้เขาเจ็บเหมือนที่หนูเจ็บ หนูรู้มาตลอดว่าเขาไม่ชอบคาลวินเพราะเขาตามจีบหนูมาตลอด คืนนั้นหนูก็เลยตั้งใจเข้าไปยั่วเขา แต่รู้ด้วยว่าเรื่องนี้ถึงหูโรแวนแน่
โรแวนถอนหายใจออกมาเพราะความรู้สึกไม่สบายใจ “เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีไหม? มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” “ถ้าตอบคำถามทราวิส ใช่ ตอนนั้นหนูยังบริสุทธิ์อยู่… แต่ว่า” ฉันหยุด “หนูบอกคาลวินเรื่องลูก หนูไม่ต้องการเด็กคนนี้ และอยากจะกำจัดออกไป แต่เขาไม่ยอม”“จะไปทำแท้งเหรอ?” แม่ถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความผิดหวังฉันทำได้เพียงพยักหน้ารับ “คาลวินขู่หนูว่าจะเอาไปบอกแม่กับพ่อถ้าหนูยังตั้งใจจะไปทำแท้งอยู่ หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ว่าหนูทำพลาด ก็เลยยอมอุ้มท้องเด็กคนนี้และเขาก็จะยอมปิดปากเงียบ บอกเลยว่ามันเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดเพราะหนูต้องมานั่งแบกท้องอยู่อย่างนั้น แล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่นด้วย”“และตอนนั้นเธอก็หายหน้าหายตาไปเลย” ทราวิสเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ถึงได้ไม่กลับมาเยี่ยมพวกเราบ้าง”ตอนนั้นฉันหาข้ออ้างได้เมื่อท้องฉันโตมากขึ้น คาลวินพาฉันไปอยู่บ้านหลังหนึ่งที่ปู่เขาเป็นเจ้าของ ซึ่งยกให้คาลวินแล้วตอนที่เขาเสียชีวิตไป ตอนนั้นฉันไม่มีความคิดที่จะกลับมาหาโรแวนอีกเลย ฉันอยู่ในสถานที่นั้นจนกระทั่งคลอดลูก“หนูขออนุญาตกับทางโรงเรียนขอเรียนออนไลน์แทน และเพราะว่าหนูทำได้ดีมากโดยตลอด ก็เลยไม่ม
คาลวินผมรอ ผมนั่งรออย่างอดทนให้เธอกลับมา ผมไม่รู้ว่าเธอไปไหน แต่ก็เดาได้ไม่ยาก เธอโกรธ ผมเข้าใจตรงนี้ดีกว่าใครทั้งนั้น ถ้ามีใครที่โกรธและเจ็บปวดกับสิ่งที่เอมม่าทำ ก็คงเป็นผมนี่แหละ เธอทำให้ผมกับกันเนอร์เจ็บปวดอย่างถึงที่สุดจนผมไม่อยากยอมรับผมได้ยินเสียงประตูเปิด แต่ไม่ขยับตัว ผมยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทำอะไรอยู่ที่นี่ ลูกชายของผมอยู่ที่บ้านกับพี่เลี้ยงเด็ก แต่เพราะเหตุผลบางสิ่ง ผมจึงรู้สึกว่าควรอยู่ที่นี่มากกว่าเอวาหยุดชะงักทันทีที่เห็นผม "คาล ฉันไม่ได้คิดว่าคุณยังจะอยู่ที่นี่"ดวงตาของเธอแดงและบวม เห็นได้ชัดว่าเธอร้องไห้มามากขนาดไหน ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอเลยจริง ๆ ผมไม่มีคำพูดที่เหมาะสม"ผมคิดว่านั่งรอคุณดีกว่า" ผมพูดขณะที่เธอนั่งลง "ไปไหนมาเหรอครับ?"ผมพอรู้ว่าเธอไปไหนหลังจากที่รู้ความจริงว่าเอมม่าเป็นแม่ของกันเนอร์ แต่นั่นก็หลายชั่วโมงมาแล้ว ไม่รู้เลยว่าเธอไปไหนต่อ ผมแน่ใจว่าการเผชิญหน้ากับเอมม่าไม่น่าจะกินเวลาถึงสามชั่วโมง“ฉันอยากคิดอะไรนิดหน่อย เลยขับรถไปทั่วค่ะ” เธอเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ให้ตายสิ! มันยากสำหรับฉันมากเลย ไม่ใช่แค่เพราะฉันรักกันเนอร์เหมือนลูกแท้ ๆ นะคะ มันรู้แย่
“ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและเริ่มดูแลตัวมากยิ่งขึ้น จากนั้นผมก็เปลี่ยนไปแบบไม่เหลือเค้าเดิมเลย ผมสุดเหวี่ยงกับชีวิตมหาวิทยาลัยมาก ๆ ทั้งผู้หญิง งานสังสรรค์ และเหล้ายาปลาปิ้ง ชีวิตโคตรจะดี มีผู้หญิงรุมล้อม เต็มไปหมดเลยครับ มีให้เลือกเต็มไปหมดเลย ไม่นานจากนั้นผมก็เริ่มลืมเรื่องเอมม่าไป มันไม่มีประโยชน์เลยที่มานั่งร้องไห้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ต้องการเรา ทั้ง ๆ ที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้”เอวาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ผมรู้ว่าเธอไม่ได้มีช่วงเวลามหาวิทยาลัยที่สนุกแบบนั้น นั่นเป็นเพราะเธอตั้งท้องตอนอายุสิบแปด เธอกลายเป็นทั้งแม่และภรรยา ไม่มีเวลามาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาไร้กังวลได้หรอก อย่างน้อยผมก็ได้สัมผัสประสบการณ์นั้นก่อนที่เอมม่าจะกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง“หลายสิ่งดำเนินไปด้วยดีจนกระทั่งคุณปู่เส้นเลือดในสมองตีบและกลายเป็นอัมพาตไป คุณปู่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เกิดเพราะพ่อแม่ของผมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งคู่ คุณปู่เป็นเหมือนทั้งชีวิตผมเลยก็ว่าได้และไม่รู้ด้วยว่าญาติมิตรคนอื่นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ผมต้องย้ายที่เรียนมาอยู่ใกล้กับบ้านคุณปู่ด้วย เพราะจะได้ดูแลท่านง่ายขึ้น”ดวงตาของเ
ความเป็นจริง ผมกลัวมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมไม่มีประสบการณ์ในการเป็นพ่อเลย สำหรับผมแล้ว การใกล้ชิดเด็ก ๆ ก็ไม่เคยด้วยซ้ำ มันล้นหลามไปหมด แต่ในใจผมก็รู้ดีว่าผมรักลูกคนนี้แล้ว“เธอต้องการทำแท้งครับ และผมก็ไม่ยอมให้ผมเกิดขึ้นแน่ ดังนั้นผมจะพูดขู่เธอไป” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าลำคอตีบตันเพราะความรู้สึกกำลังพรั่งพรูออกมา “ผมเลยพาเธอไปอยู่ที่บ้านคุณปู่และหวังว่าหลายสิ่งจะดีขึ้น หวังว่าเธอจะเรียนรู้คำว่ารักจากลูกและผม แต่ก็คิดผิดไป”“เธอเลวร้ายมากเลยครับ ผมขอพูดตามตรงเลย ตลอดช่วงนั้นเรามีอะไรกันตอนที่เธอมีอารมณ์เสมอ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดพฤติกรรมที่น่าเกลียดกับผมเลย เธอทั้งด่าผม เรียกผมว่าไอ้นู้นบ้างไอ้นี่บ้าง บางครั้งก็ตบตีผมด้วย เธอเอาแต่พูดว่าผมทำลายชีวิตเธอและก็เกลียดผมและลูกมากขนาดไหน”ผมจ้องมองพื้นบ้านและพยายามคิดว่าเธอคงผ่านอะไรมามากมาย เธอทั้งตั้งท้อง อกหัก และยังรักผู้ชายคนอื่นอยู่ เพราะฉะนั้นผมจึงปล่อยให้เธอระบายอารมณ์หงุดหงิดใส่ผม“มันลำบากมากเลยครับ ผมอยากเดินหนีไปหลายครั้ง แต่ก็เห็นแก่ลูกเสมอ บางครั้งผมก็นึกถึงช่วงเวลาที่เธออ่อนหวาน หรือตอนที่เธอร้องไห้อ้อนวอนไม่ให้ผ
เอวาสมองของฉัน ณ ตอนนี้แทบทนรับเรื่องไม่ไหวฉันนั่งอยู่ตรงนี้นับตั้งแต่คาลวินออกไปเกือบชั่วโมงได้แล้ว ฉันขออนุญาตให้โนอาไปค้างที่บ้านเขาและเขาก็ตอบตกลงฉันยังคงพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่เปิดเผยออกมาวันนี้ มันเป็นข้อมูลที่มากเกินไป และฉันยังไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้เลยโทรศัพท์ดังขึ้น วินาทีหนึ่งจากนั้น ฉันคิดจะเมินเฉย แต่ก็ตัดสินใจตรงกันข้ามเพราะอาจเป็นเรื่องด่วนก็ได้ฉันปัดหน้าจอโดยที่ไม่เหลือบลงไปมอง มือหยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแต่ยังไม่พูดอะไรออกไป ภายในจิตใจตอนนี้เป็นสีขาวโพลน ทำได้เพียงนั่งรอให้ปลายสายเริ่มบทสนทนาก่อน“เอวา” เธอถอนหายใจ “ขอบคุณพระเจ้า เป็นไรไหมเนี่ย? ทราวิสเล่าเรื่องวันนี้ให้ฉันฟังหมดแล้วนะ”ทันใดนั้นฉันก็จำเสียงของเพื่อนได้ เล็ตตี้นั่นเอง“ไม่มั่นใจเลย เอาจริง” ฉันตอบไปอย่างแผ่วเบายังไม่เข้าใจเลยว่าเอมม่าถึงได้ใจไม้ไส้ระกำกับคาลวินและหนูกันเนอร์ได้อย่างไร ฉันรุ้ว่าเธอต้องการอุ้มท้องลูกของโรแวน ทว่าไม่เคยคิดเลยว่าจะปฏิเสธเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเพียงเพราะไม่ได้มีสายเลือดของโรแวนไหลเวียนอยู่ ช่างเลวร้ายเสียจริง“ทราวิสบอกว่าเธอเป็นคนที่รู้ความจริงและเป
ฉันกำลังจะพูดบางสิ่งออกมา ทันใดนั้น กริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น“มีคนมาหาน่ะ เล็ตตี้ เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ”ฉันเหนื่อยและอ่อนล้าเต็มที่ทั้งร่างกายและจิตใจ“ได้สิ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อนะ ฉันรู้ว่าวันนี้มันเหนื่อยมากสำหรับเธอ”เราสองต่างบอกลาและวางสายไป ฉันคิดว่าอยากเมินเฉยต่อคนตรงหน้าประตู อย่างที่บอกไปว่าฉันเหนื่อยเหลือเกิน และไม่ต้องการพบใครในตอนนี้ฉันลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าไปเปิดประตูดู “โรแวน คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉันเอ่ยถามด้วยความตกใจฉันประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเชา พูดกันตามตรง ฉันคิดว่าเขาจะคอยอยู่ข้างเอมม่าเพื่อปลอบโยนเธอเสียอีก รู้สึกตกใจเหมือนกันที่เขามาอยู่ตรงนี้แทน“เข้าไปได้ไหม?” เขาเอ่ยถามแทนตอบคำถามฉันฉันอาจสติหลุดหรือเป็นอะไรไปแล้วก็ได้เพราะว่าร่างกายเขยิบออกมาด้านข้างและปล่อยให้เขาเข้าไป โรแวนยิ้มเล็กน้อยขณะก้าวเข้าด้านใน“โนอาหลับแล้วเหรอ?” เขาเอ่ยถาม มือก็ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก“ก็น่าใช่นะ แต่ลูกไม่ได้อยู่นี่หรอก วันนี้ลูกไปนอนค้างที่บ้านของคาลวิน”ฉันเห็นความโกรธในดวงตาโรแวนเมื่อเอ่ยชื่อของคาลวินออกมา ตอนนั้นฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงจะไปต่อยตีกับคาลอีกครั้งหนึ
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะไม่สนใจพวกเขา ผมลุกขึ้นอีกครั้ง คว้าเสื้อโค้ทแล้วออกจากห้องทำงาน ผมรู้ดีว่าคงไม่มีสมาธิทำงานได้ แล้วจะเสียเวลาไปทำไมกันล่ะ?ผมส่งข้อความหาคนขับรถเพื่อให้เตรียมรถไว้ก่อนจะก้าวขึ้นลิฟต์ ไม่กี่นาทีต่อมา ผมก็อยู่ในลานจอดรถใต้ดิน“คุณวู้ดครับ” เขาก้มศีรษะเล็กน้อยขณะเปิดประตูรถให้ผมผมพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปในรถ เขาก็ขึ้นรถและเริ่มขับออกไปผมตัดสินใจเปิดดูข่าวซุบซิบต่าง ๆ เป็นการฆ่าเวลาเกเบรียล วู้ดเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ประกาศลั่นอย่างเป็นทางการ ข่าวจากวงในวู้ด คอร์เปอร์เรชั่นเกเบรียล วู้ด หนุ่มเนื้อหอมตัวท๊อปของเมืองสละโสดขวัญใจมหาชน เกเบรียล วู้ดลั่นระฆังวิวาห์ปิดประมูลความโสดของหนุ่มฮอต เกเบรียล วู้ดสาวคนไหนกันที่เกเบรียล วู้ด สวมแหวนแต่งงานให้กันนะ?เรื่องแล้วเรื่องเล่า บทความพวกนี้มีแต่เรื่องไร้สาระ บางอันก็ดูโง่เง่า บางอันก็มีส่วนจริงอยู่บ้างเมื่อเดินทางถึงบ้าน ผมปิดโทรศัพท์ก่อนลงจากรถ หลังจากกล่าวลาคนขับแล้ว ผมก็เดินตรงไปยังบ้านของตัวเองผมแปลกใจที่เจอฮาร์เปอร์นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น“กลับมาบ้านได้สักทีนะคะ” เธอพูดอย่างเหม่อลอย “เห็นข่าวซุบซิบพว
เกเบรียลผมนั่งมองเอกสารตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า อารมณ์ยังคงเดือดพล่าน โกรธจัด โกรธจนแทบบ้า มิลลี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้กล้าพูดจาหยาบคายใส่ฮาร์เปอร์แบบนั้น?เพราะสมาธิที่เตลิดไปจนหมด ผมลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินวนไปมา สมองผมทำงานเร็วราวกับกำลังวิ่งไปด้วยความเร็วพันไมล์ต่อวินาที ผมพยายามคิดหาวิธีที่แตกต่างไปซึ่งจะทำให้ชีวิตของมิลลี่เป็นนรกบนดินนายโกรธอะไรนักหนา? ตอนที่แต่งงานกับฮาร์เปอร์เมื่อหลายปีก่อน นายเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ามิลลี่เลยเสียงในหัวเยาะหยันผม แต่ผมไม่อยากฟัง เพราะมันพูดถูกจนน่าหงุดหงิด ตอนนั้นผมไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย ผมทำให้เธอเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วอะไรล่ะที่เปลี่ยนไป?ตอนที่ผมลากฮาร์เปอร์มายืนกลางห้องและขู่ทุกคนที่กล้าทำร้ายเธอ ผมเห็นความตกใจและประหลาดใจในดวงตาเธอตอนอยู่ในห้องทำงานของผม เธอมองผมเหมือนกับว่าไม่รู้จักผมอีกต่อไป เหมือนเธอไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงเลือกอยู่ข้างเธอ มันชัดเจนว่าเธอคิดไม่ออกว่าจะคิดกับผมหรือการกระทำของผมอย่างไรผมยกมือลูบหน้าพร้อมถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ผมจะโทษเธอได้อย่างไรล่ะกับปฏิกิริยานั้น ในเมื่ออดีตผมเคยปฏิบัติกับเธออย่างเลว
จากนั้น เขาจับมือฉันพาเดินออกจากห้องไป ก่อนที่ประตูจะปิด ฉันมองเห็นความหวาดกลัวในตาของมิลลี่ ความกลัวนั้นบอกทุกอย่างที่ฉันต้องการรู้ และแน่นอนว่าผลการสอบสวนของเธอคงไม่พูดถึงเธอในทางดีแน่เราขึ้นลิฟต์ไปเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จนเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เกเบรียลพาฉันไปที่ห้องทำงานของเขา"คุณเป็นอะไรไหม?" เขาถามเมื่อเราเข้าไปในห้อง "ผมส่งเรื่องให้ทีมสื่อข่าวสารประกาศเรื่องการแต่งงานของเราแล้ว ผมอยากลงไปหาเพื่อบอกคุณเรื่องนี้ แต่กลับไม่เจอคุณที่ห้องทำงานตัวเอง ผมก็เลยได้เห็นฉากน่ารังเกียจนั้นกับตา"ฉันดึงมือออกจากมือของเขาแล้วจ้องมองกลับไป "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วง""แน่ใจนะ?""แน่ใจค่ะ"เรานั่งอยู่ในความเงียบงันสักพัก ฉันเห็นว่าเขาคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนมีบางอย่างที่ยับยั้งเขาเอาไว้ สายตาที่เขาจ้องมาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันคงกลับบ้านก่อนนะคะ ฉันรู้สึกกังวลมาตลอดทั้งวันเพราะเรื่องลิลลี่" ฉันพูดเบา ๆ ไม่กล้ามองตาเขา"ได้ งานเสร็จเมื่อไหร่ ผมก็จะกลับบ้านเลยเหมือนกัน"ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่ขอบคุณในสิ่งที่เขาทำให้ แต่การกระทำของเข
"ภรรยาเหรอ?" มิลลี่ทวนคำพูดราวกับว่าเธอไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้"ผมพูดไม่ชัดหรือไง?" เกเบรียลถามเสียงเรียบแต่แฝงความคมกริบทั้งห้องเงียบกริบทันที คนที่เคยพึมพำและชี้นิ้วมาที่ฉันตอนนี้ต่างก้มหน้าลงไม่กล้ามองขึ้นมาฉันไม่ได้ต้องการให้เกเบรียลมาสู้แทนฉันเลย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัวและไม่มีความมั่นใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ฉันเปลี่ยนไปมาก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันชอบที่เขาออกมาปกป้องฉันมิลลี่ตัวสั่นเทิ้ม เธอทั้งตัวแข็งทื่อและความกลัวปรากฏชัดบนใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฉันทำงานที่นี่ที่เธอไม่ได้ดูเหมือนผู้หญิงเย่อหยิ่งที่ฉันคุ้นเคยด้วยท่าทางของเธอ คุณอาจคิดว่าเธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ เธอชอบสั่งคนอื่น ทั้งหยาบคายและร้ายกาจ โดยเฉพาะกับผู้หญิง เธอปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนพวกเขาต่ำต้อยกว่าฉันแทบไม่เคยลงไปที่ชั้นอื่น ๆ แต่ถ้าฉันจำเป็นต้องไป มิลลี่จะอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อพูดจาไร้สาระและปฏิบัติต่อฉันเหมือนขยะ"ดิฉันขอโทษค่ะเกเบรียล ดิฉันไม่ทราบว่าเธอเป็นภรรยาของคุณ" เธอกระซิบ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการขอร้องความกดดันรอบตัวเกเบรียลยิ่งหนักขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก ผู้ห
ฉันเพิ่งจะก้าวลงจากรถ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็คว้ามือฉันไว้และกระชากมันอย่างแรง ฉันตกใจกับการกระทำนั้น จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน แล้วก็เจอสายตาที่ลุกวาวของเขา“แหวนอยู่ไหน?” เขาพ่นคำถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด สายตาจ้องมองฉันเขม็งให้ตายเถอะ! อะไรกันเนี่ย?ฉันค่อย ๆ ละสายตาจากเขาไปที่นิ้วมือว่างเปล่าของตัวเอง คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนไหม? แบบที่คุณรู้ว่าคนถามอะไร คุณรู้คำตอบ แต่ก็ยังสับสนอยู่ดี? นั่นแหละ ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้“ฮาร์เปอร์ แหวนคุณอยู่ที่ไหน?” เขาเค้นเสียงถามขณะที่ก้าวลงจากรถฉันมองร่างของเขาที่ลุกออกจากรถ แล้วตอนนี้เขาก็ยืนตระหง่านค้ำหัวฉัน ความน่าเกรงขามของเขาทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกเขาเขย่าตัวฉันเล็กน้อยดึงฉันกลับมาอยู่กับปัจจุบัน“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น” ฉันพึมพำออกมา ยังคงไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้สีหน้าของเขามืดครึ้มขึ้นไปอีก เหมือนคำตอบของฉันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเขาเข้า“เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือคุณไม่ได้ใส่แหวนที่ผมเป็นคนให้ และผมก็อยากรู้ด้วยว่าทำไม” เขาคำรามออกมา ใบหน้าเคร่งเครียดฉันตอบกลับไปแบบโง
ฉันพยายามดึงมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจับมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาไม่จับแน่นจนเจ็บ แต่แน่นพอที่ฉันจะดึงมือออกไม่ได้"ฮาร์เปอร์" เขากระซิบเตือนเมื่อฉันพยายามดึงมือออกอีกครั้งทำไมเขาต้องทำให้มันยากขนาดนี้? ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้เลยเหรอ?"ไม่มีอะไรให้พูดทั้งนั้น" ฉันขู่ฟ่อ ขมวดคิ้วมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาความจริงที่ว่าฉันอ่อนระทวยต่อสัมผัสของเขาก็น่าอายพอแล้ว ตอนนี้เขายังอยากจะทำให้ฉันอายมากขึ้นด้วยการพูดเรื่องนี้ระหว่างทางไปทำงานอีก"ตรงนี้แหละที่คุณคิดผิด" เขาจับเอวฉันแล้วดึงเข้าใกล้ตัว "เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะแยะ"เขากำลังทำอะไรอยู่นะ? เสียสติไปแล้วเหรอ? ตอนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติกับเกเบรียล เพราะเขากำลังทำอะไรที่ดูไม่ใช่เขาเลยเขากำลังปั่นหัวฉันเล่นเหรอ? เป็นแบบนี้ใช่ไหม? เกมสำหรับเขาสินะ"ปล่อยฉันนะ เกเบรียล" ฉันกระซิบอย่างโกรธจัดในใจ ขณะที่ความคิดที่ไม่สบายใจเริ่มจมลึกลงในหัวโธ่! มันยังเจ็บอยู่เลย เจ็บที่เมื่อก่อนเขาไม่ต้องการฉัน แล้วตอนนี้เขากำลังทำเหมือนฉันเป็นของเล่น"ทำไมล่ะ?" เขาถาม ขณะริมฝีปากของเขาใกล้หูฉัน "ผมทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่า? ทำให้คุณเร
ตอนที่เรากำลังจะออกจากบ้าน ฉันควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้วฉันไม่อยากยอมรับ แต่ความรู้สึกดึงดูดที่ฉันมีต่อเกเบรียลยังคงอยู่ มันผ่านมาหลายปีแล้ว เกือบสิบปี แต่เขาใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการเร้าอารมณ์ฉันฉันเกลียดมัน เกลียดเพราะตอนที่ฉันแต่งงานกับเลียม มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าฉันจะรู้สึกตื่นเต้นพอสำหรับเรื่องบนเตียง อย่าเข้าใจผิดนะ เลียมไม่ได้เป็นคู่รักที่แย่ เขาไม่ได้แย่เรื่องเซ็กซ์ แต่ความรู้สึกมีอารมณ์ของฉันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ตอนที่เขาอยากจะนอนด้วยแต่กับเกเบรียล มันไม่ได้ยากเลย แค่สายตาที่ร้อนแรงแวบเดียวพร้อมมือที่หยาบกร้านของเขาแตะผิวกาย ฉันก็เปียกชุ่มเพราะเขา พร้อมให้เขาครอบครอง มันบอกอะไรเกี่ยวกับตัวฉันเหรอ? การที่อดีตสามีไม่ได้สัมผัสด้านนี้ของฉันในขณะที่ผู้ชายที่ทำลายฉันกลับทำได้?หลังจากอาบน้ำเย็นเร็ว ๆ เพื่อล้างความเร่าร้อนและความอับอายออกไป ฉันแต่งตัวและลงไปที่โต๊ะอาหาร ระหว่างที่เรากำลังกินข้าว ฉันพยายามหลีกเลี่ยงสายตาที่เหมือนรู้อะไรของเกเบรียล“พร้อมหรือยังลูก?” ฉันถามลิลลี่ในขณะที่เธอหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เกเบรียลประกาศว่าเขาจะไปส่งลิลลี่ไปโรง
ฮาร์เปอร์ฉันลุกออกจากเตียงด้วยความรู้สึกเหมือนโดนรถบรรทุกเหยียบ ฉันแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืนซึ่งบอกได้จากความเฉื่อยชาและเชื่องช้าในเช้านี้เมื่อมองไปที่โทรศัพท์ ฉันเห็นว่ามันเลยตีห้ามาเล็กน้อย ฉันรู้ว่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้ เลยลุกขึ้นมาแทน เกเบรียลเคยบอกว่าเขามีห้องยิม ฉันเลยหยิบกางเกงเลกกิ้งกับสปอร์ตบราใส่ แล้วออกจากห้องวันนี้เป็นวันที่ยาวนานแน่นอน เพราะวันนี้วันจันทร์และเป็นวันแรกที่ลิลลี่จะไปโรงเรียน ฉันอยากจะเป็นคนพาเธอไปเอง เธอดูประหม่าเล็กน้อยตอนเข้านอน แต่พยายามทำเหมือนไม่เป็นอะไรสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจคือการรู้ว่าโนอาจะอยู่กับเธอ เธอบอกฉันว่าโนอาสัญญาว่าจะพาเธอไปรู้จักเพื่อน ๆ ของเขา มัโนอาน่ารักและใจดีมาก เห็นชัดเลยว่าโนอาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี และจากความอ่อนโยนของเอวาที่มีต่อฉัน ฉันก็ไม่แปลกใจเลยฉันเดินผ่านทางเดินที่ยังมืดพยายามหาทางไปยิม ฉันจำได้ว่าเกเบรียลบอกว่ายิมอยู่ชั้นบนสุด ฉันจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นระหว่างทาง ฉันเดินผ่านห้องของเกเบรียล และหยุดอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ อย่าเพิ่งมองฉันแบบนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงหยุด มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันหยุดยืนอยู่ตรงนั้น
คาลวิน"มาทำบ้าอะไรที่บ้านผม เอมม่า!" ผมพูดผ่านไรฟันกันเนอร์กับผมกำลังวุ่นวายกับการทาสีห้องลูกชายอยู่ ก่อนที่เสียงกริ่งประตูจะดังขึ้น สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดคือให้เขาได้ยินเสียงผมตะโกนแล้ววิ่งลงมาดูเห็นผู้หญิงสารเลวคนนี้ผมจ้องมองเธออย่างเคืองขุ่น ขณะที่ความโกรธเริ่มคุกรุ่นขึ้นในตัว ผมกำหมัดแน่น และกรามก็ขบกันแน่นเพื่อพยายามหยุดตัวเองไม่ให้ระเบิดออกไป"ฉัน... ฉัน..." เธอพูดไม่จบประโยคและมันยิ่งทำให้ผมโกรธมากขึ้นให้ตายเถอะ! ผมเดินออกจากบ้านและปิดประตูตามหลังตัวเอง ผมต้องไล่เธอออกไป"ผมถามอยู่ไม่ได้ยินเหรอไง เอมม่า!" ผมตะคอกพร้อมจับลูกบิดประตูแน่นเหมือนคีมเพื่อทำให้ตัวเองสงบลงหลังจากทุกอย่างที่เธอทำกับผมและกันเนอร์ ตอนนี้เธอยังมีหน้ามาอยู่ที่ประตูบ้านผมได้อีกเหรอ?ความเจ็บปวดและการโดนทรมานเกือบสิบปี เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าผมจะลืมมันง่าย ๆ? ผมจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วทำเป็นเหมือนว่าเธอไม่ได้ขยี้หัวใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อีกเหรอ? ทำเป็นเหมือนเธอไม่ได้เอาจิตวิญญาณของผมใส่เครื่องบดเนื้อแล้วบดมันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างนั้นเหรอ?มันเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนถึงตอนนี้