ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยจบ นางและตงฟางหลีก็ขยับตัวออกไปโดยมีเฮยตั้นเป็นศูนย์กลาง“เฮยตั้น มาทางนี้สิ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กระดิกนิ้วเรียกสายตาของเฮยตั้นเคลื่อนไปมาระหว่างพวกเขาสองคนก่อนจะหาวด้วยท่าทีรังเกียจ“เฮยตั้น เวลาที่จะประจักษ์ต่อมิตรภาพของเรามาถึงแล้ว มาหาข้า แล้วคืนนี้จะให้เจ้านอนบนเตียงของข้าก็ได้
“พระองค์มิทราบหรือ?” เฉียนชิงหยางเองก็ตกตะลึงเช่นกันฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด นางส่ายหัว “เฮยตั้นมีสายเลือดของแมวศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานลู่หรือ?”เรื่องนี้นางยังเคยได้ยินเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ“ใช่แล้ว ท่านอ๋องมีกิจการในหนานลู่ ตอนที่ข้าไปจัดการธุระ เคยเห็นแมวศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานลู่หลายครั้ง”
มันส่งเสียงคำรามต่ำอยู่ในลำคอ สีหน้ายังคงแสดงออกถึงความรังเกียจ“บ่าวลองมาหลายครั้งแล้ว แต่พูดอย่างไรเฮยตั้นก็ไม่ยอมกินเลย” เฟ่ยชุ่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “บางที มันอาจจะไม่ชอบกินปลากระมัง”ก่อนที่จะได้พูดจบ เฮยตั้นก็ยกอุ้งเท้าหน้าขึ้น ดึงปลาแห้งมา กัดคำหนึ่งแล้วกลืนมันลงไปหลังจากกินไปชิ้นหนึ่งแล้ว มันก็
เฮยตั้นไม่พอใจมาก ส่งเสียงร้องเหมียว ๆ เพื่อประท้วงอยู่หลายครั้งมันเหลือบสายตามองตงฟางหลีและฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยความรังเกียจ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนตั่งหญิงงามพลางส่ายหาง จากนั้นขดตัวนอนหลับต่อ“พูดคุยจบแล้วหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางหลีอิจฉาเฮยตั้นก็พูดไม่ออกนางขยับตัวไปด้านข้าง เพื่อให้มีที่ว่าง
เงื่อนไขจำเป็นในการปลุกอวี้เอ๋อร์ได้บรรลุแล้วจะปลุกอวี้เอ๋อร์และทำให้อวี้เอ๋อร์อยู่ในสภาวะตื่นตลอดเวลาได้อย่างไรนั้น นี่ต่างหากถึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด“เจ้ามั่นใจกี่ส่วน?” ตงฟางหลีถาม“หกเจ็ดส่วนเพคะ อย่างมากสุดก็แปดส่วน”“แต่เจ้าเคยบอกกับจีอู๋เยียนว่า มีความมั่นใจถึงเก้าส่วน”“หม่อมฉันล้อเขาเล่น
เมื่อก้าวเข้ามาในเรือนนวล ความหนาวเหน็บสายหนึ่งก็ได้พรั่งพรูเข้ามาเรือนนวลแต่เดิมค่อนข้างอบอุ่น เป็นเพราะเพิ่มเตียงหยกเย็นพันปีหลังหนึ่งเข้าไป ความอบอุ่นทั่วทั้งห้องจึงลดต่ำลงฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่สวมอาภรณ์ตัวบางอยู่ภายในห้อง อดตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้นางกลับห้องมาสวมอาภรณ์ตัวหนา ก่อนมาหยุดต
เป็นวัสดุที่ไม่เคยเห็นมาก่อน“สิ่งนี้ใช้อย่างไร?” เขากล่าว พลางเปิดออกหลังจากเปิดทั้งหมดออกแล้ว ความยืดหยุ่นไม่เลว เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจีอู๋เยียนมุ่นคิ้ว “สิ่งนี้คืออะไร?”ตงฟางหลียืนมองอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าดำคล้ำไปหมด“หากท่านกลัวต้องพิษ ก็ใช้สิ่งนี้ทำเป็นการป้องกันชั้นหนึ่ง เช่นนี้ก็จะไม่ต
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยิบหูฟังแพทย์ขึ้นมา ตรวจการเต้นหัวใจ รวมถึงอาการของอวี้เอ๋อร์เมื่อได้ยินการเต้นหัวใจที่มีเรี่ยวแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียดขั้นตอนตั้งแต่แช่แข็งมาจนถึงฟื้นคืนชีพนี้ ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้งล้วนราวกับกำลังฝันไปล้มล้างความรู้ทางการแพทย์ไปโดยสิ้นเชิงไร้สาระเกินไป และน่า
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได