หนาว!น้ำเย็นจัดที่ไหลเข้าจมูกและลำคอนั้น ทำเอาไม่สามารถหายใจได้ในทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกได้ว่า ศีรษะของนางกำลังถูกใครบางคนกดเอาไว้ทำให้มิอาจลุกออกมาจากน้ำเย็นได้ในระหว่างที่นางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายผ่านคลื่นน้ำที่กระจายไปมาได้ใน
“เฮ้อ พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาหา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาท่านอ๋องสามในความทรงจำของเจ้าของเดิมนั้น เป็นบุรุษเจ้าชู้โดยแท้ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมทั้งเป่าผมให้แห้งอย่างลวก ๆเดิมทีร่างกายนี้ยังอ่อนแอมากนัก แม้ว่าจักจะอาบน้ำต้มยาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกไปแล้วก
“ยังมิเหมาะที่จะด่วนสรุปในตอนนี้?” นัยน์ตาของท่านอ๋องสามพลันฉายแววเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยหางตา “มีคนเห็นว่าเจ้าเตะเสวี่ยเอ๋อร์ลงไป เจ้ายังกล้าที่จะปฏิเสธอีกหรือ?”“หม่อมฉันมิเคยคิดที่จะปฏิเสธเพคะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางยืนตัวตรง ทั้งน้ำเสียงและนัยน์ตาที่สื่อออกมาหาได้มีท่าที
สีหน้าของท่านอ๋องสามพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทีฉุนเฉียวในทันที ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่หลับตาลง ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมานั้น พลันกลายเป็นไอหมอกสีขาวขุ่นในทันที พลางจางหายไปในอากาศอย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะดึงสติของตนเองกลับคืนมา นอนคว่ำตัวลงพร้อมทั้งห่มผ้าคลุมตัว แสร้งว่าตนเองกำลังหลับอยู่ ตั้งสติกลับคืนมา พร้อมด้วยประตูห้อง ที่ถูกคนผู้หนึ่งเตะออกพลันพัดพาลมหนาวให้เข้ามาในทันที ทำให้ห้องที่เย็นอยู่แล้วนั้น ทำเอาอุณหภูมิลดลงไปอีกสองสามองศา“นางช่างโชคดีเสี
สีหน้าของเฟ่ยชุ่ยมีความซับซ้อน “พระนาง ท่านอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ หู่พั่วนางมิได้มีเจตนา นางก็แค่ปากเสียเท่านั้นเพคะ...”“ไม่ต้องพูดแล้ว จะดีหรือเลวข้าสามารถแยกแยะได้ คนเช่นนั้น ข้าไม่ต้องการ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลง “นำยามาให้ข้าเถิด”“บ่าวช่วยทาให้เพคะ” เฟ่ยชุ่ยถอนหายใจ รู้สึกเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง “เด
หงเย้าคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะปรากฏตัวขึ้น จึงเก็บแส้ เอ่ยอย่างฝืนยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นพระชายา อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องรบกวนให้ท่านเสด็จออกมาด้วยพระองค์เอง? พระนางโปรดวางใจเพคะ สาวใช้ของท่านไม่เชื่อฟัง บ่าวได้ช่วยท่านสั่งสอนนางไปแล้วเรียบร้อยแล้วเพคะ”“ขอบใจในความหวังดีของเจ้า” ฉินเหยี่ยนเย่
พวกองครักษ์สีหน้าค่อนข้างแย่เรื่องราวถูกพระชายาทรงกล่าวออกมาเช่นนี้ หากเรื่องใหญ่ขึ้นมา พวกเขาทั้งหลายคงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก ยังจะพลอยเดือดร้อนไปถึงท่านอ๋องเจ็ดอีกด้วยพวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง เอ่ยแสดงความขอโทษ “พระชายา ได้โปรดอย่าทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมยอมทำตามคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”พวกเขาหยิบไม้โบย
เงื่อนไขจำเป็นในการปลุกอวี้เอ๋อร์ได้บรรลุแล้วจะปลุกอวี้เอ๋อร์และทำให้อวี้เอ๋อร์อยู่ในสภาวะตื่นตลอดเวลาได้อย่างไรนั้น นี่ต่างหากถึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด“เจ้ามั่นใจกี่ส่วน?” ตงฟางหลีถาม“หกเจ็ดส่วนเพคะ อย่างมากสุดก็แปดส่วน”“แต่เจ้าเคยบอกกับจีอู๋เยียนว่า มีความมั่นใจถึงเก้าส่วน”“หม่อมฉันล้อเขาเล่น
เฮยตั้นไม่พอใจมาก ส่งเสียงร้องเหมียว ๆ เพื่อประท้วงอยู่หลายครั้งมันเหลือบสายตามองตงฟางหลีและฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยความรังเกียจ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนตั่งหญิงงามพลางส่ายหาง จากนั้นขดตัวนอนหลับต่อ“พูดคุยจบแล้วหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางหลีอิจฉาเฮยตั้นก็พูดไม่ออกนางขยับตัวไปด้านข้าง เพื่อให้มีที่ว่าง
มันส่งเสียงคำรามต่ำอยู่ในลำคอ สีหน้ายังคงแสดงออกถึงความรังเกียจ“บ่าวลองมาหลายครั้งแล้ว แต่พูดอย่างไรเฮยตั้นก็ไม่ยอมกินเลย” เฟ่ยชุ่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “บางที มันอาจจะไม่ชอบกินปลากระมัง”ก่อนที่จะได้พูดจบ เฮยตั้นก็ยกอุ้งเท้าหน้าขึ้น ดึงปลาแห้งมา กัดคำหนึ่งแล้วกลืนมันลงไปหลังจากกินไปชิ้นหนึ่งแล้ว มันก็
“พระองค์มิทราบหรือ?” เฉียนชิงหยางเองก็ตกตะลึงเช่นกันฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด นางส่ายหัว “เฮยตั้นมีสายเลือดของแมวศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานลู่หรือ?”เรื่องนี้นางยังเคยได้ยินเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ“ใช่แล้ว ท่านอ๋องมีกิจการในหนานลู่ ตอนที่ข้าไปจัดการธุระ เคยเห็นแมวศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานลู่หลายครั้ง”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยจบ นางและตงฟางหลีก็ขยับตัวออกไปโดยมีเฮยตั้นเป็นศูนย์กลาง“เฮยตั้น มาทางนี้สิ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กระดิกนิ้วเรียกสายตาของเฮยตั้นเคลื่อนไปมาระหว่างพวกเขาสองคนก่อนจะหาวด้วยท่าทีรังเกียจ“เฮยตั้น เวลาที่จะประจักษ์ต่อมิตรภาพของเรามาถึงแล้ว มาหาข้า แล้วคืนนี้จะให้เจ้านอนบนเตียงของข้าก็ได้
น้าเฟิ่งเฉิงไม่อยู่มีเพียงน้าหญิงหลินซู่ซู่เท่านั้นที่ออกมาต้อนรับพวกเขาเนื่องจากไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องของเฟิ่งเหลียนอีกต่อไป และไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเฟิ่งเหลียนจะถูกลักแย่งตัวไป หลินซู่ซู่จึงสบายใจมากขึ้น สีหน้าสีตาก็ดูดีขึ้นกว่าครั้งก่อนไม่รู้กี่เท่าจึงปฏิบัติต่อฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างกระตือรือร
แสงนี้มีความเย็นยะเยือกเล็กน้อยฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้ว่าตนเหยียบกับระเบิดเข้าให้แล้ว และรีบปิดปากทันที“ก็ได้” ตงฟางหลีคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้ายัยหนูขอเช่นนี้ ข้าควรเชื่อฟังเจ้า แต่ข้าจะไม่ร้องเพลงเปล่า ๆ หรอกนะ เจ้าต้องให้สิ่งตอบแทนข้ามิใช่หรือ?”“หม่อมฉันไม่มีเงิน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตอบ“ไยในหั
ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ในมุมของฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงสามารถมองเห็นจวนที่หมิ่นจูอาศัยอยู่ได้อย่างชัดเจน รวมถึงทิวทัศน์ในลานเรือนของบ้านใกล้เรือนเคียงได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนที่พี่หกคลานเข้าไปในลานเรือนของเพื่อนบ้านผ่านช่องสุนัขลอด และถูกหญิงสาวร่างกำยำล่ำสันเพื่อนบ้านคนนั้นพาตัวไป ทุกอย่างอยู่ในสายตาข
เจ้าของเสียงแหบพร่านี้ เป็นผู้หญิงร่างใหญ่…และแข็งแกร่งหากบอกว่ามู่เยี่ยสืบทอดสายเลือดจากเป่ยลู่ จึงมีรูปร่างสูงใหญ่ทว่าหญิงสาวตรงหน้า รูปร่างเตี้ยกว่ามู่เยี่ยครึ่งศีรษะ ร่างกายกลับกว้างกว่ามู่เยี่ยเกือบสองเท่านางยืนอยู่ตรงนั้นราวเนินเขา ครั้นเอื้อนเอ่ยวาจาพื้นดินก็สั่นสะเทือนสามครั้งนางมีดวงตาเ