ข่าวการแจกโจ๊กของจวนองค์หญิงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วมากครอบครัวยากจนและขอทานบางส่วนรู้ว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลต่าง ๆ จวนองค์หญิงจะให้ทาน ดังนั้นพวกเขาจึงรออยู่ไกล ๆ แต่หัววันอย่างไรก็ตาม การให้ทานครั้งนี้ไม่ได้ทำที่ประตูจวน แต่เป็นที่ลานหลังเรือนคนจำนวนมากมองไปรอบ ๆ ไม่กล้าที่จะเข้าไปจนกระทั่งมีสตร
“ไม่ได้ทุกข์ทรมานเลย พระสนมเหยา...” หลิ่วฉือเองก็สะอื้นเช่นกัน “ไม่สิ”“พี่หญิง...”“พี่หญิง หลายปีมานี้ท่านสบายดีหรือไม่?”เดิมพระสนมเหยาก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว และเมื่อได้ยินคำนี้ “พี่หญิง” อารมณ์อันหลากหลายก็พลุ่งพล่านเข้ามาในใจของนางนางตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงเอาผ้าเช็ดหน้าปิดแก้ม แล้วปล่อย
หลิ่วฉืออยู่ในอาการตระหนกอยู่ตลอด หัวสมองขาวโพลน และไม่สามารถสังเกตถึงสถานการณ์โดยรอบได้ครั้นได้ยินคำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก็รู้สึกตัวในทันทีเขาและพระสนมเหยาสบตากัน พยักหน้าให้กัน และเดินออกไปที่ด้านนอกประตูเงียบ ๆพระสนมเหยาขยับเก้าอี้เตี้ยตัวเล็กแล้วนั่งลงไม่ไกลนัก ขณะที่ลูบแมวไปด้วยก็หาเรื่องมา
เมื่อถึงเวลานั้น สองมือนี้ก็จำต้องตัดทิ้งถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้“พวกเจ้ามีที่อยู่อาศัยหรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามหญิงผู้นั้นส่ายหน้า “พวกเราไม่เป็นคนที่เมืองเหวินจิง เงินจำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ระหว่างทางมาที่นี่ก็ถูกขโมยไป เราอับจนหนทาง ทั้งหิวโหยและหนาวเหน็บ ได้ยินว่าจวนองค์หญิงแจกโจ๊กจึงมา ทำให้
อาการปวดหัวของตงฟางหลีเป็นเพราะหลงเข้าไปในป่าพิษ และสูดดมพิษมากเกินไปแม้ว่านางจะควบคุมดูแลอาการปวดหัวของเขาไว้ได้ ทว่า หากไม่ถอนรากถอนโคน อันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่จะร้ายแรงเกินไปจำเป็นต้องค้นหาสาเหตุของโรค ถึงจะกำจัดโรคเรื้อรังได้จนหมดสิ้นวิธีที่ตรงจุดที่สุดคือไปยังป่าพิษที่เขาเคยไปมาก่อนภูเขาตระหง
“หยุดนะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตวาดใส่ “ฉินเสวี่ยเย่ว์ ถ้าเจ้าก้าวมาข้างหน้าอีกก้าวเดียว จะถูกยาพิษจนตาย ข้ารับรองได้ว่าการตายของเจ้าจะน่าสังเวชกว่าข้าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า”ใบหน้าของฉินเสวี่ยเย่ว์เต็มไปด้วยความชั่วร้าย“ท่านอย่าคิดจะโกหกข้าเลย” นางกล่าวอย่างอำมหิตทว่าร่างกายกลับหยุดลง และยื่นมือออกไปอย่าง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์คว้าราวกั้นโดยไม่รู้ตัว พลางกัดฟันแน่น “ฉินเสวี่ยเย่ว์ เจ้าใช้ประโยชน์จากคนบริสุทธิ์ นี่จะนับเป็นความสามารถอะไร!”ตอนที่นางวางยาพิษ นางสังเกตทิศทางของลมอย่างระมัดระวังแม่ลูกคู่นั้นไม่ได้อยู่ในที่ลมพัดผ่าน จึงไม่มีทางเป็นอันตรายทว่าตำแหน่งของฉินเสวี่ยเย่ว์คือหันหน้าไปทางลมพัดผ่าน และ
นางลอบคิดว่าแย่แล้วแม้ว่าที่นี่จะมีราวกั้น ทว่ามีผู้คนมากมาย ราวกั้นก็อาจถูกชนจนพังได้ง่ายเมื่อราวกั้นพัง นางจะต้องถูกผลักลงไปเป็นแน่!ภายใต้ปฏิกิริยาการตอบสนองกลับ นางหยิบเข็มพิษออกมา แล้วแทงเข็มเข้ามือข้างนั้นที่ยื่นออกมาผลักหลังจากที่มือข้างนั้นเจ็บ ไม่นานก็สูญเสียเรี่ยวแรง ทำเพียงปล่อยไปฉินเ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได