หลิ่วฉืออยู่ในอาการตระหนกอยู่ตลอด หัวสมองขาวโพลน และไม่สามารถสังเกตถึงสถานการณ์โดยรอบได้ครั้นได้ยินคำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก็รู้สึกตัวในทันทีเขาและพระสนมเหยาสบตากัน พยักหน้าให้กัน และเดินออกไปที่ด้านนอกประตูเงียบ ๆพระสนมเหยาขยับเก้าอี้เตี้ยตัวเล็กแล้วนั่งลงไม่ไกลนัก ขณะที่ลูบแมวไปด้วยก็หาเรื่องมา
เมื่อถึงเวลานั้น สองมือนี้ก็จำต้องตัดทิ้งถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้“พวกเจ้ามีที่อยู่อาศัยหรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามหญิงผู้นั้นส่ายหน้า “พวกเราไม่เป็นคนที่เมืองเหวินจิง เงินจำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ระหว่างทางมาที่นี่ก็ถูกขโมยไป เราอับจนหนทาง ทั้งหิวโหยและหนาวเหน็บ ได้ยินว่าจวนองค์หญิงแจกโจ๊กจึงมา ทำให้
อาการปวดหัวของตงฟางหลีเป็นเพราะหลงเข้าไปในป่าพิษ และสูดดมพิษมากเกินไปแม้ว่านางจะควบคุมดูแลอาการปวดหัวของเขาไว้ได้ ทว่า หากไม่ถอนรากถอนโคน อันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่จะร้ายแรงเกินไปจำเป็นต้องค้นหาสาเหตุของโรค ถึงจะกำจัดโรคเรื้อรังได้จนหมดสิ้นวิธีที่ตรงจุดที่สุดคือไปยังป่าพิษที่เขาเคยไปมาก่อนภูเขาตระหง
“หยุดนะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตวาดใส่ “ฉินเสวี่ยเย่ว์ ถ้าเจ้าก้าวมาข้างหน้าอีกก้าวเดียว จะถูกยาพิษจนตาย ข้ารับรองได้ว่าการตายของเจ้าจะน่าสังเวชกว่าข้าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า”ใบหน้าของฉินเสวี่ยเย่ว์เต็มไปด้วยความชั่วร้าย“ท่านอย่าคิดจะโกหกข้าเลย” นางกล่าวอย่างอำมหิตทว่าร่างกายกลับหยุดลง และยื่นมือออกไปอย่าง
หนาว!น้ำเย็นจัดที่ไหลเข้าจมูกและลำคอนั้น ทำเอาไม่สามารถหายใจได้ในทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกได้ว่า ศีรษะของนางกำลังถูกใครบางคนกดเอาไว้ทำให้มิอาจลุกออกมาจากน้ำเย็นได้ในระหว่างที่นางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายผ่านคลื่นน้ำที่กระจายไปมาได้ใน
“เฮ้อ พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาหา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาท่านอ๋องสามในความทรงจำของเจ้าของเดิมนั้น เป็นบุรุษเจ้าชู้โดยแท้ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมทั้งเป่าผมให้แห้งอย่างลวก ๆเดิมทีร่างกายนี้ยังอ่อนแอมากนัก แม้ว่าจักจะอาบน้ำต้มยาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกไปแล้วก
“ยังมิเหมาะที่จะด่วนสรุปในตอนนี้?” นัยน์ตาของท่านอ๋องสามพลันฉายแววเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยหางตา “มีคนเห็นว่าเจ้าเตะเสวี่ยเอ๋อร์ลงไป เจ้ายังกล้าที่จะปฏิเสธอีกหรือ?”“หม่อมฉันมิเคยคิดที่จะปฏิเสธเพคะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางยืนตัวตรง ทั้งน้ำเสียงและนัยน์ตาที่สื่อออกมาหาได้มีท่าที
สีหน้าของท่านอ๋องสามพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทีฉุนเฉียวในทันที ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่หลับตาลง ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมานั้น พลันกลายเป็นไอหมอกสีขาวขุ่นในทันที พลางจางหายไปในอากาศอย
“หยุดนะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตวาดใส่ “ฉินเสวี่ยเย่ว์ ถ้าเจ้าก้าวมาข้างหน้าอีกก้าวเดียว จะถูกยาพิษจนตาย ข้ารับรองได้ว่าการตายของเจ้าจะน่าสังเวชกว่าข้าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า”ใบหน้าของฉินเสวี่ยเย่ว์เต็มไปด้วยความชั่วร้าย“ท่านอย่าคิดจะโกหกข้าเลย” นางกล่าวอย่างอำมหิตทว่าร่างกายกลับหยุดลง และยื่นมือออกไปอย่าง
อาการปวดหัวของตงฟางหลีเป็นเพราะหลงเข้าไปในป่าพิษ และสูดดมพิษมากเกินไปแม้ว่านางจะควบคุมดูแลอาการปวดหัวของเขาไว้ได้ ทว่า หากไม่ถอนรากถอนโคน อันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่จะร้ายแรงเกินไปจำเป็นต้องค้นหาสาเหตุของโรค ถึงจะกำจัดโรคเรื้อรังได้จนหมดสิ้นวิธีที่ตรงจุดที่สุดคือไปยังป่าพิษที่เขาเคยไปมาก่อนภูเขาตระหง
เมื่อถึงเวลานั้น สองมือนี้ก็จำต้องตัดทิ้งถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้“พวกเจ้ามีที่อยู่อาศัยหรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามหญิงผู้นั้นส่ายหน้า “พวกเราไม่เป็นคนที่เมืองเหวินจิง เงินจำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ระหว่างทางมาที่นี่ก็ถูกขโมยไป เราอับจนหนทาง ทั้งหิวโหยและหนาวเหน็บ ได้ยินว่าจวนองค์หญิงแจกโจ๊กจึงมา ทำให้
หลิ่วฉืออยู่ในอาการตระหนกอยู่ตลอด หัวสมองขาวโพลน และไม่สามารถสังเกตถึงสถานการณ์โดยรอบได้ครั้นได้ยินคำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก็รู้สึกตัวในทันทีเขาและพระสนมเหยาสบตากัน พยักหน้าให้กัน และเดินออกไปที่ด้านนอกประตูเงียบ ๆพระสนมเหยาขยับเก้าอี้เตี้ยตัวเล็กแล้วนั่งลงไม่ไกลนัก ขณะที่ลูบแมวไปด้วยก็หาเรื่องมา
“ไม่ได้ทุกข์ทรมานเลย พระสนมเหยา...” หลิ่วฉือเองก็สะอื้นเช่นกัน “ไม่สิ”“พี่หญิง...”“พี่หญิง หลายปีมานี้ท่านสบายดีหรือไม่?”เดิมพระสนมเหยาก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว และเมื่อได้ยินคำนี้ “พี่หญิง” อารมณ์อันหลากหลายก็พลุ่งพล่านเข้ามาในใจของนางนางตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงเอาผ้าเช็ดหน้าปิดแก้ม แล้วปล่อย
ข่าวการแจกโจ๊กของจวนองค์หญิงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วมากครอบครัวยากจนและขอทานบางส่วนรู้ว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลต่าง ๆ จวนองค์หญิงจะให้ทาน ดังนั้นพวกเขาจึงรออยู่ไกล ๆ แต่หัววันอย่างไรก็ตาม การให้ทานครั้งนี้ไม่ได้ทำที่ประตูจวน แต่เป็นที่ลานหลังเรือนคนจำนวนมากมองไปรอบ ๆ ไม่กล้าที่จะเข้าไปจนกระทั่งมีสตร
“เช่นนั้นก็ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทชอบโจ๊กที่สนมเหยาทำโดยเฉพาะ” องค์หญิงอันฉางปรบมือ “รีบนำของขวัญมาเร็วเข้า”“องค์หญิงอันฉาง ของขวัญนี้ข้าไม่ต้องการ” พระสนมเหยาดึงผ้าคลุมหน้าออกอย่างแนบเนียนองค์หญิงอันชางตกตะลึง ของขวัญของนางถูกปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน สีหน้าจึงไม่ค่อยพอใจนัก “นี่…ทำไมกัน?”พระสน
พระสนมเหยาดึงแขนเสื้อของฉินเหยี่ยนเย่ว์ “นางเข้ามาใกล้แล้ว”“ยิ่งใกล้ ความรู้สึกประเภทนั้นก็ยิ่งแรงกล้า เหยี่ยนเย่ว์ เจ้ารู้สึกได้หรือไม่? ทั่วทั้งร่างกายของนางดำมืดไปหมด”“หลังจากใช้ชีวิตมานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกถึงลมหายใจที่ทำให้ผู้คนอึดอัดเช่นนี้” สีหน้าของพระสนมเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อ
“นอกจากโจ๊กฝูหรงแล้ว ในถังโจ๊กอื่น ๆ หม่อมฉันล้วนใส่ของบางอย่างลงไปเล็กน้อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “หาใช่ของที่มีพิษแต่อย่างใด เพียงแค่เป็นยาที่สามารถกระตุ้นการรับรสติชาติได้เท่านั้น หลังจากดื่มไปแล้วลิ้นก็จะชา มีเพียงดื่มโจ๊กฝูหรงเท่านั้นจึงจะสามารถบรรเทาลงได้ ของเช่นนั้นตรวจสอบไม่ได้ รอประมาณหนึ่งเ