“โจรลักพาตัวไม่มีทางรักษาให้ข้า ข้ามีไข้สูง อาศัยวาสนาที่มีต่อสัตว์และโชคดีที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่งและโชคดีที่ยากจะหาอันใดเปรียบถึงมีชีวิตรอดกลับมาได้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอดีตกลับจำอะไรได้ไม่ชัดเจนเท่าไร”“ข้าจำชื่อตนเองไม่ได้ จำบ้านเกิดไม่ได้ หรือแม้กระทั่ง
“ฝ่าบาททำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้ง” พระสนมเหยาหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต คล้ายกับหญิงสาววัยแรกแย้ม นิ้วชี้จิ้มเข้าหากัน ใบหน้าแดง ท่าทางขวยเขินเป็นอย่างยิ่งผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่พอนึกถึงการพบกันครั้งแรกในปีนั้นอีกครั้ง ยังคงทำให้หัวใจเต้นแรงเหมือนเดิมรอยยิ้มที่มุมปากของนางค่อย ๆ คลี่กว้างขึ้น แม้กระทั่งใ
พระสนมเหยาใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่ารู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากความเจริญรุ่งเรืองมาถึงจุดสิ้นสุดหลังจากพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก็หลงเหลือไว้เพียงความเศร้าโศกที่ไม่มีที่สิ้นสุด“ข้ามีชีวิตอยู่อย่างสบาย” ผ่านไปเนิ่นนาน พระสนมเหยาถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก“แต่ โชคดีของข้าสร้างขึ้นมาจากพื้นฐา
หนาว!น้ำเย็นจัดที่ไหลเข้าจมูกและลำคอนั้น ทำเอาไม่สามารถหายใจได้ในทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกได้ว่า ศีรษะของนางกำลังถูกใครบางคนกดเอาไว้ทำให้มิอาจลุกออกมาจากน้ำเย็นได้ในระหว่างที่นางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายผ่านคลื่นน้ำที่กระจายไปมาได้ใน
“เฮ้อ พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาหา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาท่านอ๋องสามในความทรงจำของเจ้าของเดิมนั้น เป็นบุรุษเจ้าชู้โดยแท้ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมทั้งเป่าผมให้แห้งอย่างลวก ๆเดิมทีร่างกายนี้ยังอ่อนแอมากนัก แม้ว่าจักจะอาบน้ำต้มยาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกไปแล้วก
“ยังมิเหมาะที่จะด่วนสรุปในตอนนี้?” นัยน์ตาของท่านอ๋องสามพลันฉายแววเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยหางตา “มีคนเห็นว่าเจ้าเตะเสวี่ยเอ๋อร์ลงไป เจ้ายังกล้าที่จะปฏิเสธอีกหรือ?”“หม่อมฉันมิเคยคิดที่จะปฏิเสธเพคะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางยืนตัวตรง ทั้งน้ำเสียงและนัยน์ตาที่สื่อออกมาหาได้มีท่าที
สีหน้าของท่านอ๋องสามพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทีฉุนเฉียวในทันที ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่หลับตาลง ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมานั้น พลันกลายเป็นไอหมอกสีขาวขุ่นในทันที พลางจางหายไปในอากาศอย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะดึงสติของตนเองกลับคืนมา นอนคว่ำตัวลงพร้อมทั้งห่มผ้าคลุมตัว แสร้งว่าตนเองกำลังหลับอยู่ ตั้งสติกลับคืนมา พร้อมด้วยประตูห้อง ที่ถูกคนผู้หนึ่งเตะออกพลันพัดพาลมหนาวให้เข้ามาในทันที ทำให้ห้องที่เย็นอยู่แล้วนั้น ทำเอาอุณหภูมิลดลงไปอีกสองสามองศา“นางช่างโชคดีเสี
พระสนมเหยาใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่ารู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากความเจริญรุ่งเรืองมาถึงจุดสิ้นสุดหลังจากพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก็หลงเหลือไว้เพียงความเศร้าโศกที่ไม่มีที่สิ้นสุด“ข้ามีชีวิตอยู่อย่างสบาย” ผ่านไปเนิ่นนาน พระสนมเหยาถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก“แต่ โชคดีของข้าสร้างขึ้นมาจากพื้นฐา
“ฝ่าบาททำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้ง” พระสนมเหยาหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต คล้ายกับหญิงสาววัยแรกแย้ม นิ้วชี้จิ้มเข้าหากัน ใบหน้าแดง ท่าทางขวยเขินเป็นอย่างยิ่งผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่พอนึกถึงการพบกันครั้งแรกในปีนั้นอีกครั้ง ยังคงทำให้หัวใจเต้นแรงเหมือนเดิมรอยยิ้มที่มุมปากของนางค่อย ๆ คลี่กว้างขึ้น แม้กระทั่งใ
“โจรลักพาตัวไม่มีทางรักษาให้ข้า ข้ามีไข้สูง อาศัยวาสนาที่มีต่อสัตว์และโชคดีที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่งและโชคดีที่ยากจะหาอันใดเปรียบถึงมีชีวิตรอดกลับมาได้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอดีตกลับจำอะไรได้ไม่ชัดเจนเท่าไร”“ข้าจำชื่อตนเองไม่ได้ จำบ้านเกิดไม่ได้ หรือแม้กระทั่ง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดีผู้ที่โชคดีมาตั้งแต่กำเนิดย่อมมีอยู่แล้ว เมื่อก่อนนางยังเคยเห็นรายงานหนึ่งเกี่ยวกับผู้ที่มีโชคมากมาก่อนนางไม่ค่อยเข้าใจความหมายในถ้อยคำนี้ของพระสนมเหยาเท่าใดนัก“พระชายาอ๋องเจ็ด ช่วยข้ารินชาเถอะ” พระสนมเหยาไอออกมาเบา ๆ “เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะ--- บอกเจ้าทั้งหมด
นี่แปลกกว่าเรื่องเล่าเสียอีก“ไม่ใช่เรื่องเล่า ล้วนเป็นเรื่องที่ข้าประสบมาด้วยตัวเองทั้งนั้น นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดหรอก หลังจากที่ถูกขายไปหลายบ้าน และหลังจากเรื่องที่ข้าได้รับการปกป้องจากสัตว์ถูกลือออกไป ก็ไม่มีครอบครัวใดยอมซื้อตัวข้าอีก คนที่ลักพาตัวข้ายังถูกสุนัขกัด ถูกวัวชนอยู่บ่อ
“ให้ตาย!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจจนตัวสั่น“โฮก...”กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงสายหนึ่งก็ได้ลอยเข้ามา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอยหลังไปหลายก้าวติด ๆ กัน จนเกือบจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้น“พระชายาระวังเพคะ” ชื่อเจี้ยนคาดไม่ถึงว่าเสือจะอยู่เหนือตาข่ายเหล็กดำ ก็รีบไปขวางหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ทันที “ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
ที่ด้านข้างประตูสองด้านยังมีแมวหลีฮวาหนึ่งตัว และแมวซือจึที่ดูคล้ายกับเหมาเหมาอีกหนึ่งตัวแมวสามตัวล้วนถูกเลี้ยงดูมาอย่างอ้วนท้วนสมบูรณ์พวกมันบ้างก็นอนตะแคงบ้างก็เกาแผ่นไม้ แต่ละตัวดูน่ารักไร้เดียงสาที่มุมยังมีลูกแมวอีกหลายตัวกำลังจับจ้องพวกนางอย่างตั้งอกตั้งใจ“แมวมากมายเพียงนี้เชียวหรือ?” ฉินเหย
เปลวเพลิงเผาไหม้กองรักษาระเบียบอยู่ถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงมอดดับลงกลุ่มควันลอยคลุ้ง หมอกควันสีเทาลอยปกคลุมไปทั่วทั้งวังหลวง จนกระทั่งเย็นวันที่ห้าก็ได้มีหิมะตกลงมา ท้องฟ้าถึงได้แจ่มใสขึ้นมาอีกครั้งข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับกองรักษาการเกิดเพลิงไหม้ทั้งหมดได้ถูกปิดเอาไว้เพียงประกาศกับภายนอกว่า ป้าหวนน
ปรากฎการณ์ทุกอย่างแสดงออกมาให้เห็นถึง คำตอบหนึ่งที่โดดเด่นออกมา“ท่านหมายความว่า...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปริปากพูดด้วยความยากลำบากอยู่บ้าง “ฮ่องเต้คิดจะให้ท่านขึ้นเป็นองค์รัชทายาทหรือ?”ตงฟางหลีถอนหายใจ “ใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”“ท่านพูดเช่นนี้มิไร้สาระไปหรือ?”“ข้าคาดเดาความคิดของเสด็จพ่อไม่ได้” ตงฟางหลีพู