ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดีผู้ที่โชคดีมาตั้งแต่กำเนิดย่อมมีอยู่แล้ว เมื่อก่อนนางยังเคยเห็นรายงานหนึ่งเกี่ยวกับผู้ที่มีโชคมากมาก่อนนางไม่ค่อยเข้าใจความหมายในถ้อยคำนี้ของพระสนมเหยาเท่าใดนัก“พระชายาอ๋องเจ็ด ช่วยข้ารินชาเถอะ” พระสนมเหยาไอออกมาเบา ๆ “เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะ--- บอกเจ้าทั้งหมด
“โจรลักพาตัวไม่มีทางรักษาให้ข้า ข้ามีไข้สูง อาศัยวาสนาที่มีต่อสัตว์และโชคดีที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่งและโชคดีที่ยากจะหาอันใดเปรียบถึงมีชีวิตรอดกลับมาได้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอดีตกลับจำอะไรได้ไม่ชัดเจนเท่าไร”“ข้าจำชื่อตนเองไม่ได้ จำบ้านเกิดไม่ได้ หรือแม้กระทั่ง
“ฝ่าบาททำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้ง” พระสนมเหยาหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต คล้ายกับหญิงสาววัยแรกแย้ม นิ้วชี้จิ้มเข้าหากัน ใบหน้าแดง ท่าทางขวยเขินเป็นอย่างยิ่งผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่พอนึกถึงการพบกันครั้งแรกในปีนั้นอีกครั้ง ยังคงทำให้หัวใจเต้นแรงเหมือนเดิมรอยยิ้มที่มุมปากของนางค่อย ๆ คลี่กว้างขึ้น แม้กระทั่งใ
พระสนมเหยาใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่ารู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากความเจริญรุ่งเรืองมาถึงจุดสิ้นสุดหลังจากพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก็หลงเหลือไว้เพียงความเศร้าโศกที่ไม่มีที่สิ้นสุด“ข้ามีชีวิตอยู่อย่างสบาย” ผ่านไปเนิ่นนาน พระสนมเหยาถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก“แต่ โชคดีของข้าสร้างขึ้นมาจากพื้นฐา
“อาจารย์ขององค์ชายสิบ?” พระสนมเหยาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“ใช่ เขาเป็นคนที่ร้ายกาจมากคนหนึ่ง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “การที่พวกเราได้รับการช่วยเหลือ ความดีความชอบของเขามิอาจขาดไปได้”“จริงหรือ?”“แน่นอน ระยะนี้เด็กคนนั้นมีโชค ท่านลองคิดให้ดี ๆ สิ เจ้าสิบถึงอย่างไรก็เป็นถึงองค์ชาย หากเกิดเรื่องขึ้นกับเขา เส
“ข้าเป็นเหยื่อหรือ?” พระสนมเหยาสงสัย“ใช่ ข้าเดาว่า น่าเป็นผู้บงการเบื้องหลังใช้ท่านมาเป็นเหยื่อล่อ หลอกให้ป้าหวนมาที่กองรักษาระเบียบเพื่อทำงานให้กับเขา ป้าหวนเพื่อแก้แค้นท่านแล้ว จึงเชื่อผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง ยินยอมทำงานให้อย่างเต็มใจ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด“ท่านเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวของท่าน จึงไม
“ไม่ต้องกังวลเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกนิ้วโป้งให้ “ความสามารถในฐานะราชาปีศาจของพระองค์นั้นเก่งกาจพอ ๆ กับสูตรการโกงเลย หม่อมฉันจะต้องจับต้นขาหนา ๆ ของพระองค์ให้แน่น”พระสนมเหยาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และมองต้นขาของตนเงียบ ๆ “ดูเหมือนว่าข้าจะอ้วนขึ้นจริง ๆ วันต่อไปจะต้องลดน้ำหนักลงสักสิบจิน”“...ต้นขาหนาไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดไม่ออกชายชราคนนี้ อายุปูนนี้แล้วยังไม่รู้จักทำตัวจริงจังบ้างไป๋หลินยวนจะทำอะไรนางได้?หรือว่าวางแผนคิดจะทำอะไรก่อนและทำอะไรหลังนางได้?ไป๋หลินยวนอาจเป็นคนวิปริตอยู่บ้าง แต่เขาก็เป็นคนวิปริตที่ตรงไปตรงมา เรื่องน่าขยะแขยงพรรค์นี้เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด“ท่านรีบหุบปากให้เร็วเถอะ” ฉินเห
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได