“ไม่ต้องกังวลเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกนิ้วโป้งให้ “ความสามารถในฐานะราชาปีศาจของพระองค์นั้นเก่งกาจพอ ๆ กับสูตรการโกงเลย หม่อมฉันจะต้องจับต้นขาหนา ๆ ของพระองค์ให้แน่น”พระสนมเหยาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และมองต้นขาของตนเงียบ ๆ “ดูเหมือนว่าข้าจะอ้วนขึ้นจริง ๆ วันต่อไปจะต้องลดน้ำหนักลงสักสิบจิน”“...ต้นขาหนาไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดไม่ออกชายชราคนนี้ อายุปูนนี้แล้วยังไม่รู้จักทำตัวจริงจังบ้างไป๋หลินยวนจะทำอะไรนางได้?หรือว่าวางแผนคิดจะทำอะไรก่อนและทำอะไรหลังนางได้?ไป๋หลินยวนอาจเป็นคนวิปริตอยู่บ้าง แต่เขาก็เป็นคนวิปริตที่ตรงไปตรงมา เรื่องน่าขยะแขยงพรรค์นี้เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด“ท่านรีบหุบปากให้เร็วเถอะ” ฉินเห
พระสนมเหยาพยักหน้า แล้วส่ายหน้า “เรื่องก่อนถูกลักพาตัว ข้าแทบจะจำไม่ได้แล้ว ทว่า หลายปีมานี้จะฝันตลอดเวลา ข้าฝันถึงต้นหลิวต้นใหญ่ ลำต้นของต้นหลิวต้นใหญ่นั้นหนามาก จนต้องใช้หลายคนถึงจะสามารถโอบได้”“ข้ากำลังวิ่งเล่นอยู่ใต้ต้นหลิว และทุกครั้งจะได้ยินเสียงคนเรียกข้า ข้ากลับได้ยินไม่ชัด และชื่อนั้นก็ไม่
ฮ่องเต้ได้ยินคำปฏิเสธและคำขู่ของนาง ใบหน้าเข้มมากขึ้นอีก “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”“ลูกคิดเพื่อพระพลานามัยของเสด็จพ่อ ยาดีมีรสขม และคำพูดจริงใจมักจะไม่เข้าหูเพคะ เสด็จพ่อ พระองค์ต้องกล่าวกันด้วยเหตุผล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “อย่างไรเสีย วันนี้ก็กินไม่ได้ ลูกขอตัวเพคะ”หลังจากที่นางพูดจบ ก็เดิ
หลังจากที่ฮ่องเต้เอ่ยจบ เขาก็ตะโกนออกไปข้างนอก “เจ้าเจ็ด ถ้าพวกเจ้าไม่ไสหัวออกไป เราจะให้พวกเจ้าเป็นเหมือนคนเลี้ยงวัวและหญิงทอผ้า”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ซึ่งกำลังฟังอยู่ที่ผนังด้านนอกเห็นว่าถูกพบเข้าแล้ว จึงหัวเราะแห้ง ๆ “เสด็จพ่อ พวกเราไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ”“ไม่ได้ตั้งใจ?” ฮ่องเต้โยนถ้วยชาออกมาถ้วยน้ำชานั
เมื่อเขาต้องการกระทำต่อ ก็กลัวว่าเจ้าเจ็ดและภรรยายังคงแอบฟังอยู่ จึงไม่วางใจ และออกไปดูห้องไม่ใหญ่ ซ่อนคนไม่ได้มองไปรอบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่มีใครอยู่เขายังคงไม่วางใจ จึงออกคำสั่งให้องครักษ์จื่ออวี๋เฝ้าอยู่ด้านนอกแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ห้ามผ่านเข้ามา จากนั้นจึงวางใจและกลับไปหาพระสนมอวิ๋น“อวิ๋นเอ๋อ
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นแล้วดีใจยกใหญ่พระสนมอวิ๋นให้อภัยเขาแล้ว!กลอุบายของเจ้าเจ็ดได้ผลมาก แต่ก็ค่อนข้างลำบากทีเดียว และต้องพยายามรักษาความลับไว้ให้ดีด้วยเขายกอาภรณ์แล้วลุกขึ้นยืน ครั้นเห็นท่าทางเขินอายของพระสนมอวิ๋นที่นอนตะแคงข้างอยู่ ในใจรู้สึกคันคะเยอ“อวิ๋นเอ๋อร์ ขาของข้าชาเสียแล้ว”“...” พระสนม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางถ้วยชาไว้บนผนังแล้วแนบหูฟังอยู่พักหนึ่งได้ยินบทสนทนาข้างในไม่ชัดเจนนัก จึงฟังได้ไม่ปะติดปะต่อได้ยินว่าคุกเขาบนกาน้ำชาอย่างคลุมเครือ ขอให้อภัย และการดุของพระสนมอวิ๋น เป็นต้น...ยิ่งฟังมากเท่าใด นางยิ่งเลิกคิ้วสูงเท่านั้น“ตอนนี้หม่อมฉันยังรู้สึกว่าเสด็จพ่อจริงจังเกินไป และไม่เข้าใ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได