พระสนมเหยาพยักหน้า แล้วส่ายหน้า “เรื่องก่อนถูกลักพาตัว ข้าแทบจะจำไม่ได้แล้ว ทว่า หลายปีมานี้จะฝันตลอดเวลา ข้าฝันถึงต้นหลิวต้นใหญ่ ลำต้นของต้นหลิวต้นใหญ่นั้นหนามาก จนต้องใช้หลายคนถึงจะสามารถโอบได้”“ข้ากำลังวิ่งเล่นอยู่ใต้ต้นหลิว และทุกครั้งจะได้ยินเสียงคนเรียกข้า ข้ากลับได้ยินไม่ชัด และชื่อนั้นก็ไม่
ฮ่องเต้ได้ยินคำปฏิเสธและคำขู่ของนาง ใบหน้าเข้มมากขึ้นอีก “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”“ลูกคิดเพื่อพระพลานามัยของเสด็จพ่อ ยาดีมีรสขม และคำพูดจริงใจมักจะไม่เข้าหูเพคะ เสด็จพ่อ พระองค์ต้องกล่าวกันด้วยเหตุผล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “อย่างไรเสีย วันนี้ก็กินไม่ได้ ลูกขอตัวเพคะ”หลังจากที่นางพูดจบ ก็เดิ
หลังจากที่ฮ่องเต้เอ่ยจบ เขาก็ตะโกนออกไปข้างนอก “เจ้าเจ็ด ถ้าพวกเจ้าไม่ไสหัวออกไป เราจะให้พวกเจ้าเป็นเหมือนคนเลี้ยงวัวและหญิงทอผ้า”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ซึ่งกำลังฟังอยู่ที่ผนังด้านนอกเห็นว่าถูกพบเข้าแล้ว จึงหัวเราะแห้ง ๆ “เสด็จพ่อ พวกเราไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ”“ไม่ได้ตั้งใจ?” ฮ่องเต้โยนถ้วยชาออกมาถ้วยน้ำชานั
เมื่อเขาต้องการกระทำต่อ ก็กลัวว่าเจ้าเจ็ดและภรรยายังคงแอบฟังอยู่ จึงไม่วางใจ และออกไปดูห้องไม่ใหญ่ ซ่อนคนไม่ได้มองไปรอบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่มีใครอยู่เขายังคงไม่วางใจ จึงออกคำสั่งให้องครักษ์จื่ออวี๋เฝ้าอยู่ด้านนอกแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ห้ามผ่านเข้ามา จากนั้นจึงวางใจและกลับไปหาพระสนมอวิ๋น“อวิ๋นเอ๋อ
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นแล้วดีใจยกใหญ่พระสนมอวิ๋นให้อภัยเขาแล้ว!กลอุบายของเจ้าเจ็ดได้ผลมาก แต่ก็ค่อนข้างลำบากทีเดียว และต้องพยายามรักษาความลับไว้ให้ดีด้วยเขายกอาภรณ์แล้วลุกขึ้นยืน ครั้นเห็นท่าทางเขินอายของพระสนมอวิ๋นที่นอนตะแคงข้างอยู่ ในใจรู้สึกคันคะเยอ“อวิ๋นเอ๋อร์ ขาของข้าชาเสียแล้ว”“...” พระสนม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางถ้วยชาไว้บนผนังแล้วแนบหูฟังอยู่พักหนึ่งได้ยินบทสนทนาข้างในไม่ชัดเจนนัก จึงฟังได้ไม่ปะติดปะต่อได้ยินว่าคุกเขาบนกาน้ำชาอย่างคลุมเครือ ขอให้อภัย และการดุของพระสนมอวิ๋น เป็นต้น...ยิ่งฟังมากเท่าใด นางยิ่งเลิกคิ้วสูงเท่านั้น“ตอนนี้หม่อมฉันยังรู้สึกว่าเสด็จพ่อจริงจังเกินไป และไม่เข้าใ
“เสด็จพ่อโปรดปรานเสด็จแม่มาก แล้วเหตุใดเขาถึงเย็นชาใส่เสด็จแม่มาได้ตั้งหลายปี?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จับคาง “เดิมทีพวกเขาควรจะเป็นฮ่องเต้และฮองเฮาที่ไร้ผู้ใดเทียม และเขียนเรื่องราวดี ๆ ถึงจะถูกต้องสิ ตำแหน่งของฮองเฮากลับถูกครอบครองโดยฮองเฮาซูที่คิดว่าตนถูกต้องอยู่ตลอดเวลา”ครั้นตงฟางหลีเห็นนางพูดเหลวไหลอี
เหตุการณ์นั้นเกี่ยวพันถึงสมาชิกราชวงศ์และบุคคลที่มียศถาบรรดาศักดิ์นับไม่ถ้วน มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน นับเป็นเรื่องที่น่าสังเวชใจทีเดียวหุ่นคุณไสยกู่ที่เลื่องชื่อที่สุดคือการแทงเข้าที่หุ่นคุณไสย คือการเขียนวันเกิดและดวงชะตาไว้บนหุ่นคุณไสยที่ทำขึ้นมา แล้วแทงเข็มเข้าไป สิ่งนี้เป็นที่แพร่หลายในวงกว้า
“เจ็บหรือไม่?”“ยังพอไหว”นางคว้าข้อมือของเขาขึ้นมาก่อนจะกัดลงไปอย่างแรงครานี้ได้ใช้แรงมหาศาล“ยัยหนู เจ้าเกิดปีสุนัขหรือ” รอยฟันฝังลึกบนข้อมือ นัยน์ตาตงฟางหลีเริ่มฉายแววดำคล้ำ“เจ็บหรือไม่?” ฉินเหยี่เย่ว์กล่าว พลางล้วงเข็มเล่มใหญ่ออกมา หมายจะลอบทิ่มบนร่างกายของเขาเงียบ ๆตงฟางหลีใบหน้าดำทะมึนเป็นแ
“อ้อ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วคราก่อนนางได้ช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนั้นที่จวนสกุลฉินไว้ หลังจากที่ถูกนางช่วยชีวิต ก็รักษาตัวอยู่ในจวนสกุลฉินมาตลอดเรื่องที่เด็กหนุ่มตามหาพี่สาวนั้น นางได้มอบให้ตงฟางหลีไปจัดการในยุคสมัยที่ข้อมูลเข้าถึงได้ยากนี้ การตามหาคนเดิมก็เป็นงานที่เพ้อฝันอยู่แล้ว บางครั้งตามหาทั้
“เสด็จพ่อชื่นชอบนิสัยเรียบง่ายของเสด็จแม่ ยามที่อยู่กับนางก็ไร้ซึ่งความกดดัน ดังนั้นพระองค์จึงปล่อยให้เสด็จแม่ทำตามอำเภอใจ เสด็จพ่อชอบตัวตนที่แท้จริงของสนมเหยา เมื่ออยู่กับสนมเหยา จะสามารถรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้ บางครั้งเสด็จพ่ออาจรักเสด็จแม่มากกว่าหลายส่วน ทว่า หากเจ้าพูดว่าเสด็จพ่อชื่น
กระถางธูปจินหนีเย็นตัวลง หลงเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมของเจี้ยงเจินเซียงที่ฝังลึกอยู่ในผ้าม่านแสงอาทิตย์สาดส่องทะลุผ่านผ้าม่านโปร่งสีเขียว ติดเลือนรางอยู่ในผ้าม่านที่ปลิวไหวฉินเหยี่ยนเย่ว์คร้านลืมตา นิ้วมือขยุ้มลวดลายดอกไม้ที่ปักบนผ้าห่ม ตำหนิด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านใจแคบเสียจริง”แค่เรียกเขาว่าเจ้าหน
“พระชายางดงามเหมือนกับภาพวาดเลย” ตงฟางหลีพูดยิ้ม ๆ“เอ๋ ท่านกินยาผิดหรือเพคะ? จู่ ๆ ถึงได้พูดถ้อยคำแปลกประหลาดเช่นนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำใดจะเอ่ย “พี่เจ็ดหม่อมฉันพบว่าท่านมักจะพ่นถ้อยคำหวานซึ้งออกมาโดยที่มิมีสัญญาณบอกกล่าวล่วงหน้า”ตงฟางหลียิ้มกว้าง“เจ้าไม่ชอบหรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิดชั่วอึด
“แม่มดเฒ่าทรมานท่านเช่นนี้ นางได้รับบทลงโทษบ้างหรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่สบอารมณ์“เลิกคิดวุ่นวายเรื่องนี้ได้แล้ว มันผ่านไปแล้ว...” ตงฟางหลียื่นถ้วยชาให้นาง “มา ระงับโทสะสักหน่อย”“ไม่ได้ ท่านต้องบอกหม่อมฉัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จับมือเขา พลางกัดฟันกรอด “หม่อมฉันก็เป็นคนเช่นนี้ มีแค้นต้องชำระ มิอาจกลั้
“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มุมปากกระตุกถึงสองครั้งมองจากบางมุมแล้ว ตงฟางหลีบุรุษผู้นี้ช่างเหมือนกับฮ่องเต้เสียจริงหน้าเนื้อใจเสือเหมือนกัน“แล้วท่านเล่า ระหว่างท่านกับไท่เฟยฉางเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเพคะ?” นางลอบจดจำคดีของพระสนมอวิ๋นไว้ในใจ ก่อนหันหน้าไปถามเขา ยังไม่ทันสิ้นเสียง กลิ่นอายสังหารอันน่าหวาด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ตลอดผู้หญิงที่ใส่ร้ายเสด็จแม่ริษยาในความงามและความโชคดีของเสด็จแม่ การที่ทำสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ย่อมเป็นเรื่องปกติตั้งแต่เริ่มคดีจนถึงการเปิดโปงความจริง ห่วงโซ่เชิงตรรกะนั่นสมเหตุสมผลแล้วทว่า ถ้าคิดทบทวนไปข้างหน้าอีกสักหน่อย กลับไม่สมเหตุสมผลมีความรู้ส
“คราวนี้ เสด็จพ่อสงสัยอยู่ในใจว่าเสด็จแม่ถูกใส่ร้าย เขาคิดไม่ตก เมื่ออยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงไปเข้าพบพระพันปี หลังจากที่พระพันปีได้ทราบเหตุและผลของเหตุการณ์แล้ว จึงยกไม้เท้าขึ้นทุบตีเสด็จพ่อ”“นางตำหนิเสด็จพ่อที่ไม่แยกแยะถูกผิด ตำหนิว่าตาบอดหูหนวก และบอกว่าวิชาสาปแช่งนั้นที่ใช้ทำให้บ้านเมื