เหตุการณ์นั้นเกี่ยวพันถึงสมาชิกราชวงศ์และบุคคลที่มียศถาบรรดาศักดิ์นับไม่ถ้วน มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน นับเป็นเรื่องที่น่าสังเวชใจทีเดียวหุ่นคุณไสยกู่ที่เลื่องชื่อที่สุดคือการแทงเข้าที่หุ่นคุณไสย คือการเขียนวันเกิดและดวงชะตาไว้บนหุ่นคุณไสยที่ทำขึ้นมา แล้วแทงเข็มเข้าไป สิ่งนี้เป็นที่แพร่หลายในวงกว้า
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินแล้วโกรธมากรูปแบบการจัดฉากใส่ร้ายนี้ทั้งเชยและน้ำเน่าเกินไปตราบใดที่ดวงตาไม่มืดบอด หูไม่หนวก อย่างไรก็ต้องแยกสิ่งที่ปิดบังซ่อนเร้นได้อย่างแน่นอน“จากนั้นล่ะ?” นางถามตงฟางหลีขมวดหัวคิ้วเข้าหากันคำพูดมุ่งร้ายทำให้คนเจ็บปวดถึงหกเดือนหนาวแม้นเสด็จแม่จะไม่ได้ทำอะไรเลย ทว่าหากมีค
“ท่านว่าอะไรนะ?” นางเพิกเฉยต่อความเจ็บ และกระชับเสียง “หัวใจของเสด็จพ่อ?”หลังจากเอาหัวใจออกมาแล้ว คนผู้นั้นจะต้องตายอย่างแน่นอนตุ๊กตาตัวนั้นจะมีหัวใจของเสด็จพ่อได้อย่างไร?“ข้ายังพูดไม่จบ” ตงฟางหลีพูดต่อ “มันเป็นหินรูปหัวใจที่เสด็จพ่อแกะสลักให้เสด็จแม่เอง หินนั้นทำจากโมราสีแดง แดงดั่งหัวใจ ดังนั้น
ตงฟางหลีไม่พอใจเล็กน้อย เขาจับมือนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย้ายวนทุ้มต่ำ “อาบน้ำก่อนแล้วค่อยว่ากัน”“ไม่ได้เพคะ พูดตอนนี้เลย”“แต่ข้าเหนื่อยแล้ว อยากอาบน้ำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า”“ตงฟางหลี ท่านกำลังหาเรื่องอยู่ใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชักมือกลับด้วยใบหน้าทะมึนทึนนางไม่ควรปากเสียเลย!“หยุดวุ่นวาย
“คราวนี้ เสด็จพ่อสงสัยอยู่ในใจว่าเสด็จแม่ถูกใส่ร้าย เขาคิดไม่ตก เมื่ออยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงไปเข้าพบพระพันปี หลังจากที่พระพันปีได้ทราบเหตุและผลของเหตุการณ์แล้ว จึงยกไม้เท้าขึ้นทุบตีเสด็จพ่อ”“นางตำหนิเสด็จพ่อที่ไม่แยกแยะถูกผิด ตำหนิว่าตาบอดหูหนวก และบอกว่าวิชาสาปแช่งนั้นที่ใช้ทำให้บ้านเมื
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ตลอดผู้หญิงที่ใส่ร้ายเสด็จแม่ริษยาในความงามและความโชคดีของเสด็จแม่ การที่ทำสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ย่อมเป็นเรื่องปกติตั้งแต่เริ่มคดีจนถึงการเปิดโปงความจริง ห่วงโซ่เชิงตรรกะนั่นสมเหตุสมผลแล้วทว่า ถ้าคิดทบทวนไปข้างหน้าอีกสักหน่อย กลับไม่สมเหตุสมผลมีความรู้ส
“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มุมปากกระตุกถึงสองครั้งมองจากบางมุมแล้ว ตงฟางหลีบุรุษผู้นี้ช่างเหมือนกับฮ่องเต้เสียจริงหน้าเนื้อใจเสือเหมือนกัน“แล้วท่านเล่า ระหว่างท่านกับไท่เฟยฉางเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเพคะ?” นางลอบจดจำคดีของพระสนมอวิ๋นไว้ในใจ ก่อนหันหน้าไปถามเขา ยังไม่ทันสิ้นเสียง กลิ่นอายสังหารอันน่าหวาด
“แม่มดเฒ่าทรมานท่านเช่นนี้ นางได้รับบทลงโทษบ้างหรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่สบอารมณ์“เลิกคิดวุ่นวายเรื่องนี้ได้แล้ว มันผ่านไปแล้ว...” ตงฟางหลียื่นถ้วยชาให้นาง “มา ระงับโทสะสักหน่อย”“ไม่ได้ ท่านต้องบอกหม่อมฉัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จับมือเขา พลางกัดฟันกรอด “หม่อมฉันก็เป็นคนเช่นนี้ มีแค้นต้องชำระ มิอาจกลั้
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได