เขาให้นางเป็นตัวของตัวเอง“ข้าบอกกับเจ้าตามตรงแล้วกัน บทกวีนี้มิใช่ข้าที่เป็นผู้เขียน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขีดฆ่าลายมือบนนั้นทิ้ง “ข้าเล่นฉิน เล่นหมาก อ่านตำรา หรือภาพวาดไม่เป็นหมด บทกวีและเพลงก็ล้วนทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่สนใจคือทักษะทางแพทย์ เจ้าส่งต่อคำพูดเดิมของข้าให้พระสนมอวิ๋นด้วย ขอให้นางอย่าเปรียบเท
หนึ่งพันตำลึงเงินต่อหนึ่งรายการ สิบรายการหนึ่งหมื่นตำลึง นี่เป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยนะ“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คำนวณ และแตะแก้มอีกครั้ง “ช่างเถิด ข้าจะเพลิดเพลินไปกับภูมิปัญญาที่กาลเวลามอบให้แล้วกัน”“ท่านอ๋องเจ็ดขาดแคลนเงินเพียงเล็กน้อยนี้ด้วยหรือ?” ป้าฉาเหลือเชื่อ“เขาไม่ขาด ข้าต่างหากที่ขาด”“ของของเข
“เจ้าไม่รู้หรือ?” พระสนมอวิ๋นเลิกคิ้ว “เจ้าเจ็ดพยายามใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งเพื่อขอพบข้า บอกว่าเป็นคู่ที่สวรรค์ประทาน และต้องการพาเจ้ามาพบข้าด้วย”ดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์เบิกกว้างเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ทั้งนางและตงฟางหลีต่างก็ไม่เคยพูดคุยกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมานางจำเรื่องเหล่า
“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์อับจนคำพูดเมื่อผู้น้อยเปลี่ยนคำเรียกขาน ตามมารยาทแล้ว ผู้อาวุโสจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเปลี่ยนคำเรียกขานพระสนมอวิ๋นหยิบสร้อยข้อมือออกมาหลังจากที่นางเปลี่ยนคำเรียกขาน เห็นได้ชัดว่าต้องการจ่ายค่าธรรมเนียมเปลี่ยนคำเรียกขาน ทว่านางกลับเปลี่ยนเรื่องและบอกว่าเพียงให้นางดูเท่านั้นน่ะหร
“หม่อนฉันพบเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว บางที หม่อมฉันอาจจะเปิดได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวพระสนมอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก “เจ้าเปิดมันได้รึ?”“หม่อมฉันมิกล้าแน่ใจ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ ข้อความเหล่านี้บนกล่อง นางเคยเห็นมาหลายครั้งมากแล้วผู้คนที่นี่อ่านไม่ออก ทว่านางกลับคุ้นตามากตัวอักษร
พระสนมอวิ๋นไม่พอใจ “เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร? ท่านพ่อของข้าอายุยังไม่ถึงช่วงหกสิบปีเลย แน่นอนสิว่ายังมีชีวิตอยู่”“ยังมีชีวิตอยู่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าพ่อของพระสนมอวิ๋นมอบแหวนให้กับพระสนมอวิ๋น เป็นการมอบให้ก่อนที่จะเสียชีวิตเสียอีก“เป็นไปมิได้หรือ?” พระสนมอวิ๋นขมวดคิ้ว“ขออภัยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบ
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังอยากจะถามคำถามเพิ่มเติมอีกมากมาย ป้าฉาก็เดินเข้ามาพร้อมสำหรับอาหารพอดี“ถึงเวลาทานอาหารแล้ว ป้าฉามีฝีมือยอดเยี่ยม ลองชิมดูสิ?” พระสนมอวิ๋นเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียนฉินเหยี่ยนเย่ว์มีหลายสิ่งที่อยากจะถาม ทว่าพระสนมอวิ๋นกลับส่งสัญญาณโดยนัยให้หยุดเท่านี้นางไม่ไล่บี้ถามอีก หลังจา
ป้าฉายืนขึ้นจุดธูปหอมเตาทำความร้อนในห้องเงียบสงบ“อาการป่วยของพระสนมอวิ๋นนี้ก็แปลก หากมิทานสิ่งใดจะมิเป็นไร ทว่าทานสิ่งใดไปแล้ว ท้องจะรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง เจ็บปวดจนทนไม่ไหว หลังจากทานอาหารแล้ว เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา นางก็จะมีอาการปวดท้องยากจะทานทน จำต้องนอนราบพักบนเตียงเป็นเวลานานถึงจะรู้สึกดี
“เจ้ามีความเห็นหรือไม่” ตงฟางหลีมุ่นคิ้ว“อืม หลังจากท่านน้าท่านน้าสะใภ้ตายไป ท่านตาก็เป็นคนเก็บรักษากล่องเล็กใบนั้น และท่านตาก็มีอาการสติฟั่นเฟือนเช่นกัน หลังจากที่กล่องใบเล็กถูกพระสนมอวิ๋นถือเอาไป อาการสติฟั่นเฟือนของท่านตาก็ดีขึ้นมาก คำตอบมิใช่ว่าชัดเจนมากหรอกหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เจ้า
ผู้เฒ่าเฮ่อขัดขืนอย่างรุนแรง จนฉินเหยี่ยนเย่ว์มิอาจเข้าใกล้ได้ถูกผู้อาวุโสกว่าอย่างบิดาของพระสนมอวิ๋นมาโขกศีรษะให้ จะทำให้อายุสั้นลงได้นางรับการคารวะเต็มพิธีการถึงขั้นนี้ไม่ไหว ทำได้เพียงคุกเข่าลงเช่นเดียวกันผู้เฒ่าเฮ่อโขกศีรษะให้นางหนึ่งครั้ง นางก็จะโขกกลับคืนหนึ่งครั้งหลังจากตงฟางหลีเดินออกมาจ
“เจ้าเป็นใคร? เจ้าคิดจะทำอะไรข้า? ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น อ๊าก ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น อย่าตีข้านะ”เขากุมศีรษะ น้ำเสียงเจ็บปวดอย่างรุนแรง ก่อนจะขดตัวเป็นก้อน ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว“อย่าตีข้า อย่าตีข้านะ”เขาพูดซ้ำไปซ้ำมา ท่าทีอกสั่นขวัญแขวน“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น ข้าไม่มีวันตีท่านหรอก
ผู้เฒ่าเฮ่อขมวดคิ้วแน่น “สถานการณ์โดยละเอียดข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว จำได้เพียงลาง ๆ ว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง”“สตรีหรือ?”“ใช่ เป็นสตรี”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วแน่นคำตอบนี้เกินความคาดหมายไปบ้างจริง ๆนางไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่า นอกจากท่านปู่แล้ว แหวนยังจะมีความเกี่ยวข้องกับคนอื่นอีกอีกทั้งยังเป็นสตรีด้ว
“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากถามว่าตอนที่เสด็จแม่แต่งเข้าวังหลวง สาวใช้ที่ติดตามไปด้วยมีผู้ใดบ้างทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ผู้เฒ่าเฮ่อได้ยินว่านางมิได้ถามถึงเรื่องนั้น ก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิด “สาวใช้ที่ติดตามไปในตอนนั้นมีทั้งหมดแปดคน สาวใช้ระดับหนึ่งมีสองคน
ฮ่องเต้อับจนปัญญากับลู่จิ้นยิ่งนัก “ท่านพ่อรอง ถึงอย่างไรท่านไว้หน้าเราบ้าง”“หน้า? ต้องการหน้าไปไย?” ลู่จิ้นฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ “ตอนเจ้ารังแกศิษย์น้องหญิงไยไม่คิดสักหน่อยว่าหน้าแก่ ๆ ของเจ้ายังต้องการอยู่หรือไม่”อ๋องอี๋หยางเห็นว่าลู่จิ้นจะเอะอะโวยวายขึ้นมาอีก ก็ปวดหัวอย่างยิ่งใต้หล้านี้ มีเพียง
บรรยากาศมืดมนสายหนึ่งกำลังแผ่กระจายลู่จิ้นสะกดความโกรธไว้ไม่อยู่ เอ่ยขึ้น “จ้งหัว! เจ้าคิดจะทำอะไร?”“ศิษย์พี่ ขอร้องท่านล่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่คิดจะให้ลู่จิ้นตกอยู่ในอันตรายอีก น้ำเสียงจึงร้อนรนเล็กน้อย “ท่านช่วยปิดปากอยู่เงียบ ๆ สักครู่ได้หรือไม่?”เมื่อลู่จิ้นเห็นว่าศิษย์น้องหญิงร้อนรนแล้ว ก็มิก
“ศิษย์พี่ พอได้แล้วเจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มาแทรกกลางระหว่างพวกเขา“ข้าไม่เป็นอะไร ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”“ไม่เป็นไร นี่นับว่าไม่เป็นไรที่ไหน? ข้าเห็นเจ้าร้องไห้แล้วนะ” ลู่จิ้นปวดใจเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกข้าไม่ได้”เดิมเขาคิดไว้ว่า หากหญิงสาวสกุลซูแต่งเข้ามา ศิษย์น้องหญิงก็
เรื่องที่ซูเตี่ยนฉิงแต่งเข้ามาแล้วเจ้าเจ็ดก็จะสละฐานะอ๋องนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า สามีภรรยาคู่นี้เคยมีการหารือกันมาก่อนล่วงหน้าแล้วเขามีสีหน้าคาดไม่ถึงสามีภรรยาคู่นี้ คนหนึ่งคิดจะหย่าไปแบบง่าย ๆ ส่วนอีกคนก็สละฐานะอ๋องได้แบบง่าย ๆกล้าหาญกันจริง ๆ!“ตงฟางจ้งหัว” ลู่จิ้นเห็นท่าทีจากไปด้วยความเศร้าโศกเสี