ป้าฉายืนขึ้นจุดธูปหอมเตาทำความร้อนในห้องเงียบสงบ“อาการป่วยของพระสนมอวิ๋นนี้ก็แปลก หากมิทานสิ่งใดจะมิเป็นไร ทว่าทานสิ่งใดไปแล้ว ท้องจะรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง เจ็บปวดจนทนไม่ไหว หลังจากทานอาหารแล้ว เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา นางก็จะมีอาการปวดท้องยากจะทานทน จำต้องนอนราบพักบนเตียงเป็นเวลานานถึงจะรู้สึกดี
ตำหนักซีอวิ๋นตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของวังหลัง จะมีน้อยคนที่มาเยี่ยมเยียน บ่าวรับใช้จึงมีเพียงป้าฉาคนเดียวต่างจากความครึกครื้นของตำหนักหมิงอวี้ ที่นี่เงียบสงบมากจนทำให้นางจิตใจวุ่นวายไปบ้างนางคุ้นเคยกับการมีตงฟางหลีอยู่ข้างกาย และคุ้นเคยกับเรื่องตลกของพวกตู้เหิง ในยามที่มีนางอยู่เพียงคนเดียวจึงรู้สึกสั
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชา ทว่างดงาม และน่าดึงดูดนี้ จึงชะงักไปน้ำเสียงของตงฟางหลีไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งล้วนแล้วแต่ไพเราะ“ชดเชยอะไรหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามน้ำเสียงของตงฟางหลีดูไม่พอใจเล็กน้อย เหมือนเด็กที่ไม่ได้กินขนม แค่นหัวเราะหึหึสองเสียง “พระชายาคิดว่าควรชดเชยอะไรล่ะ?”มุมริมฝีปา
“บังอาจ เจ้าจะทำอะไรข้า?” แม้ปากของตงฟางหลีจะดุ ทว่าร่างกายกลับไม่ขยับ รอให้เข็มเงินของนางแทงลงมาแต่โดยดี“ท่านนี่โง่งมจริงเชียว ไม่สบายแล้วเหตุใดถึงไม่บอกหม่อมฉันตรง ๆ เล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยิบเข็มเงินแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มบนหัวของเขา“ข้าสบายดี...”“ยังอวดเก่งอีก!”หลังจากที่แทงเข็มเงินสองสามเล่มข
ตงฟางหลีหลับลึกมาก จูบของนางมิได้อ่อนโยนเลย ทว่าเขาก็ยังคงไม่ตื่นฉินเหยี่ยนเย่ว์แตะแก้มของเขาเห็นได้ชัดว่าคนหน้าตาดีมาก เนื่องจากนอนไม่หลับและปวดหัวถึงได้ซีดเซียวลงความซีดเซียวนี้ ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของเขาลดลงเลย กลับทำให้เขาสุภาพและสง่างามยิ่งขึ้น“ตงฟางหลี” หลังจากที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จูบเขา ป
ตงฟางหลีเป็นพระโอรส หากไม่ได้กระทำผิดใหญ่หลวง แม้ว่าเขาจะถูกจับได้ มากที่สุดก็แค่ถูกตำหนิทว่าหลี่เวยหลิงมิใช่เช่นนั้น“เจ้าทำขนาดนี้ ไม่กลัวถูกบั่นคอหรือ? จะปีนข้ามกำแพงก็ช่างเถอะ ยังคิดจะปกปิดความจริงอีก ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก” นางพูดว่า “พรุ่งนี้เจ้าอย่าพาตงฟางหลีมาอีก คำขู่ของเขา เจ้าก็อย่าไปฟังเช
“พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายหรอกเพคะ” ป้าฉาเดินเข้ามา นำนมแกะที่เพิ่งรีดเมื่อครู่ออกมาตั้งไฟให้เดือดไฟจากเตาเผาแรงมาก ไม่นานนมแกะก็เดือดแล้วนางใช้ช้อนตักผิวชั้นบนนมออก แล้วตักนมแกะต้มสุกลงในถ้วย “พวกพระองค์หนุ่มสาวกะหนุงกะหนิงกันเป็นเรื่องปกติมาก ห่างกันเกินไปก็ไม่ดี พระองค์ไปพักผ่อนเถิด บ่าวจะเอาไปส่งให
“มีเบาะแส ทว่าไม่ค่อยแม่นยำเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ชีพจรของเสด็จแม่พิกลนัก ต่อให้เป็นชีพจรช้าก็มิได้ช้าปานนี้ ชีพจรเกี่ยวพันธ์กับการเต้นของหัวใจ หรืออาจพูดได้ว่า หัวใจของเสด็จแม่ได้รับบาดเจ็บ”“นี่ เป็นไปไม่ได้กระมัง” ป้าฉาพูดขึ้น “พระสนมไม่เคยบอกว่ามีอาการเจ็บที่หัวใจมาก่อน”“ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่
นางกำชับทุกคนให้เปลี่ยนอาภรณ์ให้เรียบร้อยแสงเทียนทั้งหมดกระจุกตัวกันอยู่ในจุด ๆ เดียวเมื่อแสงยังสว่างไม่มากพอ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้องครักษ์จื่ออวี๋นำไข่มุกราตรีในคลังเก็บสมบัติมาแสงสว่างของไข่มุกราตรีสะท้อนอยู่ภายในห้องจนดูคล้ายกับตอนกลางวันฉินเหยี่ยนเย่ว์มิสนใจพูดขอบคุณ หลังจากแบ่งงานกันอย่างช
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกลำบากใจยิ่งนักในสายตานาง เทียบกับชีวิตแล้ว ความเป็นส่วนตัวเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดด้วยซ้ำ“ป้าฉา บางครั้งเจ้ามิอาจเข้าใจได้ ทว่าข้ายังจะต้องบอกกับเจ้าว่า ในระหว่างขั้นตอนการผ่าตัด ต่อให้สวมอาภรณ์ก็จำเป็นต้องตัดทิ้ง โดยเฉพาะสถานการณ์ในยามนี้นั้นยากลำบากยิ่งนัก”การผ่าตัดเปิดช่อ
นางจับข้อมือของพระสนมอวิ๋น หากแต่ยังไร้ชีพจร หัวใจก็แทบหยุดเต้น “เสด็จแม่ ขอประทานอภัยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกผิดอย่างยิ่งยวดนางรู้มาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าพระสนมอวิ๋นสุขภาพไม่ดี ควรจะเตรียมการให้รอบด้านถึงจะถูกนางมั่นใจในตัวเองมากเกินไป มิได้คำนึงว่ากระเพาะอาหารจะยังมีแมลงพิษกู่ด้วยเช่นกัน จึง
ฮ่องเต้ทรงกุมมือของพระสนมอวิ๋นแน่น“เรื่องเช่นนั้น สามารถทำได้หรือ?” เขามองพระสนมอวิ๋นที่อ่อนแรง ก่อนตรัสถามด้วยเสียงเบาทำเอาฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจยาวเหยียดตามหลักแล้วทำไม่ได้พระสนมอวิ๋นมีความดันโลหิตต่ำ ชีพจรแทบจะไม่มี ไม่เหมาะจะฉีดยาชา และไม่เหมาะจะทำการผ่าตัดเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงื่อนไข
หากมิใช่เพราะนางยังสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง ก็แทบจะคิดว่าพระสนมอวิ๋นตายไปแล้วต้องเกิดปัญหาขึ้นที่ไหนสักที่!ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น สมองหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกำจัดกู่นั้น นางได้ตรวจร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว นอกเสียจากถูกพิษกู่กัดกร่อนจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แล้ว ก็มีเพี
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับสะดุ้งตกใจจะเป็นไปได้อย่างไร?พระสนมอวิ๋นจะไม่หายใจได้อย่างไร!หลังจากขับแมลงพิษกู่ออกมา แม้ชีพจรของพระสนมอวิ๋นจะอ่อนแรง หากแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตอันตรายถึงแก่ชีวิตที่แท้จริงคือขั้นตอนต่อไปต่างหากนางสาวเท้าเข้าไปหยุดที่ข้างกายพระสนมอวิ๋นอย่างรวดเร็ว นิ้วก็สัมผัสชีพจรของพระสน
“จับได้แล้วหรือเพคะ?” ป้าฉาไม่อยากจะเชื่อ“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหยใจเข้าลึกจับได้แล้ว!ในลัทธิเต๋า มีคำพูดที่ว่าโคจรรอบเสี่ยวโจวเทียนและโคจรรอบต้าโจวเทียนสิ่งที่เรียกว่าโคจรรอบต้าโจวเทียนก็คือการโคจรพลังชี่ไหลไปรอบ ๆ ร่างกายหนึ่งรอบใหญ่โคจรรอบเสี่ยวโจวเทียน คือพลังชี่ออกจากจุดตันเถียนล่าง ผ่า
อุณหภูมิของยากำลังพอดีพระสนมอวิ๋นถอดอาภรณ์ออกอย่างช้า ๆ การถอดอาภรณ์ต่อหน้าลูกสะใภ้ ทำเอานางรู้สึกเขินอายเอามาก ๆ จึงใช้มือบังเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยความขัดเขิน“เสด็จแม่ นี่เป็นชามสุดท้ายแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกยาที่ทั้งดำทั้งขมชามหนึ่งเข้ามา พลางพูดกล่อม “สามวันนี้ แมลงกู่พิษมีร่องรอยกา
บางที ใช้ปรสิตมาอธิบายจะดูสมเหตุสมผลกว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า แมลงพิษกู่ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การเต้นของหัวใจได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต และอวัยวะภายในส่วนท้องจะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก และจะค่อย ๆ กระจายไปทั่วร่างกาย ภายใต้ผลกระทบของการอักเสบและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก