“เจ้าไม่รู้หรือ?” พระสนมอวิ๋นเลิกคิ้ว “เจ้าเจ็ดพยายามใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งเพื่อขอพบข้า บอกว่าเป็นคู่ที่สวรรค์ประทาน และต้องการพาเจ้ามาพบข้าด้วย”ดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์เบิกกว้างเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ทั้งนางและตงฟางหลีต่างก็ไม่เคยพูดคุยกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมานางจำเรื่องเหล่า
“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์อับจนคำพูดเมื่อผู้น้อยเปลี่ยนคำเรียกขาน ตามมารยาทแล้ว ผู้อาวุโสจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเปลี่ยนคำเรียกขานพระสนมอวิ๋นหยิบสร้อยข้อมือออกมาหลังจากที่นางเปลี่ยนคำเรียกขาน เห็นได้ชัดว่าต้องการจ่ายค่าธรรมเนียมเปลี่ยนคำเรียกขาน ทว่านางกลับเปลี่ยนเรื่องและบอกว่าเพียงให้นางดูเท่านั้นน่ะหร
“หม่อนฉันพบเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว บางที หม่อมฉันอาจจะเปิดได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวพระสนมอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก “เจ้าเปิดมันได้รึ?”“หม่อมฉันมิกล้าแน่ใจ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ ข้อความเหล่านี้บนกล่อง นางเคยเห็นมาหลายครั้งมากแล้วผู้คนที่นี่อ่านไม่ออก ทว่านางกลับคุ้นตามากตัวอักษร
พระสนมอวิ๋นไม่พอใจ “เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร? ท่านพ่อของข้าอายุยังไม่ถึงช่วงหกสิบปีเลย แน่นอนสิว่ายังมีชีวิตอยู่”“ยังมีชีวิตอยู่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าพ่อของพระสนมอวิ๋นมอบแหวนให้กับพระสนมอวิ๋น เป็นการมอบให้ก่อนที่จะเสียชีวิตเสียอีก“เป็นไปมิได้หรือ?” พระสนมอวิ๋นขมวดคิ้ว“ขออภัยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบ
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังอยากจะถามคำถามเพิ่มเติมอีกมากมาย ป้าฉาก็เดินเข้ามาพร้อมสำหรับอาหารพอดี“ถึงเวลาทานอาหารแล้ว ป้าฉามีฝีมือยอดเยี่ยม ลองชิมดูสิ?” พระสนมอวิ๋นเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียนฉินเหยี่ยนเย่ว์มีหลายสิ่งที่อยากจะถาม ทว่าพระสนมอวิ๋นกลับส่งสัญญาณโดยนัยให้หยุดเท่านี้นางไม่ไล่บี้ถามอีก หลังจา
ป้าฉายืนขึ้นจุดธูปหอมเตาทำความร้อนในห้องเงียบสงบ“อาการป่วยของพระสนมอวิ๋นนี้ก็แปลก หากมิทานสิ่งใดจะมิเป็นไร ทว่าทานสิ่งใดไปแล้ว ท้องจะรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง เจ็บปวดจนทนไม่ไหว หลังจากทานอาหารแล้ว เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา นางก็จะมีอาการปวดท้องยากจะทานทน จำต้องนอนราบพักบนเตียงเป็นเวลานานถึงจะรู้สึกดี
ตำหนักซีอวิ๋นตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของวังหลัง จะมีน้อยคนที่มาเยี่ยมเยียน บ่าวรับใช้จึงมีเพียงป้าฉาคนเดียวต่างจากความครึกครื้นของตำหนักหมิงอวี้ ที่นี่เงียบสงบมากจนทำให้นางจิตใจวุ่นวายไปบ้างนางคุ้นเคยกับการมีตงฟางหลีอยู่ข้างกาย และคุ้นเคยกับเรื่องตลกของพวกตู้เหิง ในยามที่มีนางอยู่เพียงคนเดียวจึงรู้สึกสั
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชา ทว่างดงาม และน่าดึงดูดนี้ จึงชะงักไปน้ำเสียงของตงฟางหลีไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งล้วนแล้วแต่ไพเราะ“ชดเชยอะไรหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามน้ำเสียงของตงฟางหลีดูไม่พอใจเล็กน้อย เหมือนเด็กที่ไม่ได้กินขนม แค่นหัวเราะหึหึสองเสียง “พระชายาคิดว่าควรชดเชยอะไรล่ะ?”มุมริมฝีปา
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได