ตงฟางหลีใบหน้าไม่เปลี่ยนสี “เสด็จพ่อ ไม่ว่าจะพูดอีกกี่รอบ ความคิดของลูกก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ลูกมิอาจปฏิเสธเสด็จพ่อได้ ทว่า ลูกสามารถทิ้งตำแหน่งนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”หากมีสตรีอื่นยัดเยียดเข้ามา เหยี่ยนเย่ว์จะต้องจากไปโดยไม่ลังเลแน่แม้กระทั่งนางเขายังรั้งไว้ไม่ได้ ต้องการฐานะอ๋องนี้ไปจะมีประโยชน์อันใด?เรื่
ตงฟางหลีรู้สึกหนักใจยิ่งนักเหยี่ยนเย่ว์ต้องไปปิดประตูสำนึกผิดที่ตำหนักเสด็จแม่ ทว่าเสด็จพ่อมิได้บอกเวลาโดยละเอียดหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ จะอยู่หนึ่งหรือสองวันก็ได้ หรือจะเป็นหนึ่งถึงสองปีก็ได้เช่นกันหากมิให้พวกเขาเจอหน้ากันหนึ่งหรือสองปี...เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเย็นเยียบไปทั่งทั้งตัว“พี่สะใภ้เจ็ด
พูดจบ นางก็พยุงไท่เฟยฉางเดินจากไปฉินเหยี่ยนเย่ว์แย้มยิ้มเย็นชา “ทำชั่วไว้มากสุดท้ายก็ต้องแพ้ภัยตนเอง หวังว่าเส้นทางของเจ้าต่อจากนี้จะราบรื่น”ครั้นเห็นฉินเสวี่ยเย่ว์ ที่จริงแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกหดหู่ยิ่งนักพี่สามได้รับโทษที่ควรได้รับ พระสนมผิงที่ถูกหลอกใช้ก็ถึงแก่ชีวิต แม้กระทั่งพระสนมซูยังได้
ฮ่องเต้ถึงกับถอนหายใจหลายครั้งภายในเวลาสั้น ๆ อ๋องอี๋หยางจึงรินชาให้เขาหนึ่งถ้วย “เสด็จพี่ระงับโทสะด้วย”ฮ่องเต้ดื่มชาในถ้วยรวดเดียวจนหมด ก่อนจะวางถ้วยชาลงหนัก ๆ “เจ้าเจ็ดไม่เข้าใจความกลัดกลุ้มของท่าน นั้นเป็นเพราะว่าเป็นผู้เล่นมักจะดูสถานการณ์ไม่ออก” อ๋องอี๋หยางพูด “เจ้าเจ็ดปกป้องคนของตนเอง นี่จะ
เขาจึงให้ขันทีหลานเตรียมอาภรณ์ลำลอง ปลอมตัวแบบง่าย ๆ และเดินออกจากวังไปอย่างชำนาญ......ตำหนักไท่อี๋อยู่ห่างไกลจากตำหนักของพระสนมอวิ๋นตำหนักไท่อี๋ตั้งอยู่ตำหนักหน้า พระสนมอวิ๋นอยู่วังหลัง ตงฟางหลีไม่มีคำสั่งก็มิอาจเข้ามาได้เขาทำได้เพียงส่งนางที่หน้าตำหนัก“เหยี่ยนเย่ว์” ตงฟางหลีสีหน้าหนักใจ “ข้า.
เมื่อตงฟางหลีเห็นรอยยิ้มของนาง หัวใจที่ว่างเปล่าพลันถูกเติมเต็มทันทีนับตั้งแต่เริ่มรู้จักนางจริง ๆ เขาก็รู้ว่า ในรอยยิ้มของนาง มีความหมายที่แตกต่างกันออกไปเห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มบางอันสว่างเจิดจ้า ทว่ากลับทำให้หัวใจรู้สึกอึดอัดบางรอยิ้มสามารถทำให้คนวางใจรอยยิ้มในตอนนี้ ทำให้เขาสบายใจ“ยัยหนู แล้วข้
วาจามิอาจพูดโอ้อวดเกินไปนัก เมื่อครู่นางเพิ่งจะพูดกับตงฟางหลีไปว่าเข้ากับพระสนมอวิ๋นได้ เพียงไม่นานก็ถูกตบหน้าเสียแล้วแต่ไหนแต่ไรมาแม่สามีไม่ถูกกับลูกสะใภ้ คนโบราณย่อมไม่โกหกนางแน่นอนในเมื่อพระสนมอวิ๋นแสดงอำนาจกับนาง นางก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน“พระสนมอวิ๋น หากท่านยังไม่ส่งเสียง หม่อมฉันจะถีบประตูแล้ว
ครั้นนางกำนัลเห็นสีหน้าไม่สำนึกเสียใจของนาง ซ้ำยังทำสีหน้าน่ากลัวอีกด้วย จึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนกับว่านางได้เห็นเรื่องตลกมาก ๆ และหัวเราะจนตัวขดตัวงอฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางเกินจริงของนาง คิ้วมุ่นเข้าหากันพลันน้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมา “นี่ เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”“ค
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได