วาจามิอาจพูดโอ้อวดเกินไปนัก เมื่อครู่นางเพิ่งจะพูดกับตงฟางหลีไปว่าเข้ากับพระสนมอวิ๋นได้ เพียงไม่นานก็ถูกตบหน้าเสียแล้วแต่ไหนแต่ไรมาแม่สามีไม่ถูกกับลูกสะใภ้ คนโบราณย่อมไม่โกหกนางแน่นอนในเมื่อพระสนมอวิ๋นแสดงอำนาจกับนาง นางก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน“พระสนมอวิ๋น หากท่านยังไม่ส่งเสียง หม่อมฉันจะถีบประตูแล้ว
ครั้นนางกำนัลเห็นสีหน้าไม่สำนึกเสียใจของนาง ซ้ำยังทำสีหน้าน่ากลัวอีกด้วย จึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนกับว่านางได้เห็นเรื่องตลกมาก ๆ และหัวเราะจนตัวขดตัวงอฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางเกินจริงของนาง คิ้วมุ่นเข้าหากันพลันน้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมา “นี่ เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”“ค
เขาให้นางเป็นตัวของตัวเอง“ข้าบอกกับเจ้าตามตรงแล้วกัน บทกวีนี้มิใช่ข้าที่เป็นผู้เขียน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขีดฆ่าลายมือบนนั้นทิ้ง “ข้าเล่นฉิน เล่นหมาก อ่านตำรา หรือภาพวาดไม่เป็นหมด บทกวีและเพลงก็ล้วนทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่สนใจคือทักษะทางแพทย์ เจ้าส่งต่อคำพูดเดิมของข้าให้พระสนมอวิ๋นด้วย ขอให้นางอย่าเปรียบเท
หนึ่งพันตำลึงเงินต่อหนึ่งรายการ สิบรายการหนึ่งหมื่นตำลึง นี่เป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยนะ“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คำนวณ และแตะแก้มอีกครั้ง “ช่างเถิด ข้าจะเพลิดเพลินไปกับภูมิปัญญาที่กาลเวลามอบให้แล้วกัน”“ท่านอ๋องเจ็ดขาดแคลนเงินเพียงเล็กน้อยนี้ด้วยหรือ?” ป้าฉาเหลือเชื่อ“เขาไม่ขาด ข้าต่างหากที่ขาด”“ของของเข
“เจ้าไม่รู้หรือ?” พระสนมอวิ๋นเลิกคิ้ว “เจ้าเจ็ดพยายามใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งเพื่อขอพบข้า บอกว่าเป็นคู่ที่สวรรค์ประทาน และต้องการพาเจ้ามาพบข้าด้วย”ดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์เบิกกว้างเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ทั้งนางและตงฟางหลีต่างก็ไม่เคยพูดคุยกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมานางจำเรื่องเหล่า
“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์อับจนคำพูดเมื่อผู้น้อยเปลี่ยนคำเรียกขาน ตามมารยาทแล้ว ผู้อาวุโสจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเปลี่ยนคำเรียกขานพระสนมอวิ๋นหยิบสร้อยข้อมือออกมาหลังจากที่นางเปลี่ยนคำเรียกขาน เห็นได้ชัดว่าต้องการจ่ายค่าธรรมเนียมเปลี่ยนคำเรียกขาน ทว่านางกลับเปลี่ยนเรื่องและบอกว่าเพียงให้นางดูเท่านั้นน่ะหร
“หม่อนฉันพบเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว บางที หม่อมฉันอาจจะเปิดได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวพระสนมอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก “เจ้าเปิดมันได้รึ?”“หม่อมฉันมิกล้าแน่ใจ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ ข้อความเหล่านี้บนกล่อง นางเคยเห็นมาหลายครั้งมากแล้วผู้คนที่นี่อ่านไม่ออก ทว่านางกลับคุ้นตามากตัวอักษร
พระสนมอวิ๋นไม่พอใจ “เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร? ท่านพ่อของข้าอายุยังไม่ถึงช่วงหกสิบปีเลย แน่นอนสิว่ายังมีชีวิตอยู่”“ยังมีชีวิตอยู่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าพ่อของพระสนมอวิ๋นมอบแหวนให้กับพระสนมอวิ๋น เป็นการมอบให้ก่อนที่จะเสียชีวิตเสียอีก“เป็นไปมิได้หรือ?” พระสนมอวิ๋นขมวดคิ้ว“ขออภัยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบ
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา
“เป็นผู้ใด?” ตงฟางหลีถามฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก ๆ มือกำแขนเสื้อแน่นบนจดหมายที่นกกางเขนเงาส่งมา เป็นเรื่องที่นางไหว้วานให้พระชายาอ๋องเฉียนสืบสวนจริง ๆบนจดหมายไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวกับงูเพลิงแดงเท่านั้น พอเหมาะพอเจาะกับที่ยังมีข่าวของงูสวรรค์สีดำสนิทอีกด้วย!งูสวรรค์สีดำสนิทและงูเพลิงแดงสี
“พิษร้ายแรง?” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ท่านมิใช่บอกว่าไม่รู้เรื่องพิษหรืออย่างไร?”“ข้าคร้านจะบอกเจ้าเท่านั้นเอง” ลู่จิ้นกลอกตาใส่ตงฟางหลี“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอย่ากังวลเลย สิ่งนั้นถูกข้าจับไว้ได้แล้ว อยู่ตรงนี้” เขาโบกขวดกระเบื้องในมือไปมา“เหตุใดงูสวรรค์ถึงได้ปรากฏตัวที่นี่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสน
มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกลงบนหัวของเฮยตั้นพลางถอนหายใจลึก“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ พวกท่านไม่ต้องกังวล”“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร? เมื่อครู่ข้าตกใจแทบตาย” ตงฟางหลียังคงหวาดผวาอยู่ในใจ“หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือขึ้น สัมผัสแก้มซีดขาวของตงฟางหลีท่าทีของชายผู้นี้ผิดปกติแม้ว่าใบหน้าของเขา
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
หลังจากที่เฮยตั้นปล่อยของสิ่งนั้นออก ของสิ่งนั้นก็หนีออกไปด้วยการยืดและหดตัว“เหมียว” เฮยตั้นเห็นว่ามันจะหลบหนี จึงกระโจนไปตะครุบใส่ และกัดส่วนหัวของมันอย่างรุนแรงฉีกทึ้งอย่างแรง และของสิ่งนั้นก็แยกออกเป็นสองท่อนหลังถูกแยกออกเป็นสองท่อนแล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เฮยตั้นชะงักไปชั่วขณะ อุ้งเท้าทั้งสอง
น้ำเสียงนั้นราวกับกำลังบอกว่า...ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรับ!หลังจากนั้น กรงเล็บก็ตวัดมาทางเขาหลังจากอุ้งเท้าของมันเคลื่อนออก เจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเส้นผมตัวนั้นก็คิดจะหลบหนี“เมี้ยว!” เฮยตั้นไม่สนใจสั่งสอนตงฟางหลีทาสผู้โง่เขลาคนนี้อีกมันกระโจนเข้าไปอย่างดุดัน และตบของสิ่งนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้
เงาดำสายหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางประตูร่างกายอวบอ้วนที่แข็งแรงประหนึ่งบินเข้ามา มาถึงตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ในพริบตา“เมี้ยว”เฮยตั้นกระโดดขึ้นบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายปิดดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขาหลังเกือบจะปิดแก้มของนางกรงเล็บหน้าขยุ้มผมนางเมื่อการมองเห็นของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกบดบัง
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ