ฮ่องเต้ถึงกับถอนหายใจหลายครั้งภายในเวลาสั้น ๆ อ๋องอี๋หยางจึงรินชาให้เขาหนึ่งถ้วย “เสด็จพี่ระงับโทสะด้วย”ฮ่องเต้ดื่มชาในถ้วยรวดเดียวจนหมด ก่อนจะวางถ้วยชาลงหนัก ๆ “เจ้าเจ็ดไม่เข้าใจความกลัดกลุ้มของท่าน นั้นเป็นเพราะว่าเป็นผู้เล่นมักจะดูสถานการณ์ไม่ออก” อ๋องอี๋หยางพูด “เจ้าเจ็ดปกป้องคนของตนเอง นี่จะ
เขาจึงให้ขันทีหลานเตรียมอาภรณ์ลำลอง ปลอมตัวแบบง่าย ๆ และเดินออกจากวังไปอย่างชำนาญ......ตำหนักไท่อี๋อยู่ห่างไกลจากตำหนักของพระสนมอวิ๋นตำหนักไท่อี๋ตั้งอยู่ตำหนักหน้า พระสนมอวิ๋นอยู่วังหลัง ตงฟางหลีไม่มีคำสั่งก็มิอาจเข้ามาได้เขาทำได้เพียงส่งนางที่หน้าตำหนัก“เหยี่ยนเย่ว์” ตงฟางหลีสีหน้าหนักใจ “ข้า.
เมื่อตงฟางหลีเห็นรอยยิ้มของนาง หัวใจที่ว่างเปล่าพลันถูกเติมเต็มทันทีนับตั้งแต่เริ่มรู้จักนางจริง ๆ เขาก็รู้ว่า ในรอยยิ้มของนาง มีความหมายที่แตกต่างกันออกไปเห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มบางอันสว่างเจิดจ้า ทว่ากลับทำให้หัวใจรู้สึกอึดอัดบางรอยิ้มสามารถทำให้คนวางใจรอยยิ้มในตอนนี้ ทำให้เขาสบายใจ“ยัยหนู แล้วข้
วาจามิอาจพูดโอ้อวดเกินไปนัก เมื่อครู่นางเพิ่งจะพูดกับตงฟางหลีไปว่าเข้ากับพระสนมอวิ๋นได้ เพียงไม่นานก็ถูกตบหน้าเสียแล้วแต่ไหนแต่ไรมาแม่สามีไม่ถูกกับลูกสะใภ้ คนโบราณย่อมไม่โกหกนางแน่นอนในเมื่อพระสนมอวิ๋นแสดงอำนาจกับนาง นางก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน“พระสนมอวิ๋น หากท่านยังไม่ส่งเสียง หม่อมฉันจะถีบประตูแล้ว
ครั้นนางกำนัลเห็นสีหน้าไม่สำนึกเสียใจของนาง ซ้ำยังทำสีหน้าน่ากลัวอีกด้วย จึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนกับว่านางได้เห็นเรื่องตลกมาก ๆ และหัวเราะจนตัวขดตัวงอฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางเกินจริงของนาง คิ้วมุ่นเข้าหากันพลันน้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมา “นี่ เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”“ค
เขาให้นางเป็นตัวของตัวเอง“ข้าบอกกับเจ้าตามตรงแล้วกัน บทกวีนี้มิใช่ข้าที่เป็นผู้เขียน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขีดฆ่าลายมือบนนั้นทิ้ง “ข้าเล่นฉิน เล่นหมาก อ่านตำรา หรือภาพวาดไม่เป็นหมด บทกวีและเพลงก็ล้วนทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่สนใจคือทักษะทางแพทย์ เจ้าส่งต่อคำพูดเดิมของข้าให้พระสนมอวิ๋นด้วย ขอให้นางอย่าเปรียบเท
หนึ่งพันตำลึงเงินต่อหนึ่งรายการ สิบรายการหนึ่งหมื่นตำลึง นี่เป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยนะ“...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คำนวณ และแตะแก้มอีกครั้ง “ช่างเถิด ข้าจะเพลิดเพลินไปกับภูมิปัญญาที่กาลเวลามอบให้แล้วกัน”“ท่านอ๋องเจ็ดขาดแคลนเงินเพียงเล็กน้อยนี้ด้วยหรือ?” ป้าฉาเหลือเชื่อ“เขาไม่ขาด ข้าต่างหากที่ขาด”“ของของเข
“เจ้าไม่รู้หรือ?” พระสนมอวิ๋นเลิกคิ้ว “เจ้าเจ็ดพยายามใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งเพื่อขอพบข้า บอกว่าเป็นคู่ที่สวรรค์ประทาน และต้องการพาเจ้ามาพบข้าด้วย”ดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์เบิกกว้างเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ทั้งนางและตงฟางหลีต่างก็ไม่เคยพูดคุยกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมานางจำเรื่องเหล่า
“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากถามว่าตอนที่เสด็จแม่แต่งเข้าวังหลวง สาวใช้ที่ติดตามไปด้วยมีผู้ใดบ้างทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ผู้เฒ่าเฮ่อได้ยินว่านางมิได้ถามถึงเรื่องนั้น ก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิด “สาวใช้ที่ติดตามไปในตอนนั้นมีทั้งหมดแปดคน สาวใช้ระดับหนึ่งมีสองคน
ฮ่องเต้อับจนปัญญากับลู่จิ้นยิ่งนัก “ท่านพ่อรอง ถึงอย่างไรท่านไว้หน้าเราบ้าง”“หน้า? ต้องการหน้าไปไย?” ลู่จิ้นฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ “ตอนเจ้ารังแกศิษย์น้องหญิงไยไม่คิดสักหน่อยว่าหน้าแก่ ๆ ของเจ้ายังต้องการอยู่หรือไม่”อ๋องอี๋หยางเห็นว่าลู่จิ้นจะเอะอะโวยวายขึ้นมาอีก ก็ปวดหัวอย่างยิ่งใต้หล้านี้ มีเพียง
บรรยากาศมืดมนสายหนึ่งกำลังแผ่กระจายลู่จิ้นสะกดความโกรธไว้ไม่อยู่ เอ่ยขึ้น “จ้งหัว! เจ้าคิดจะทำอะไร?”“ศิษย์พี่ ขอร้องท่านล่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่คิดจะให้ลู่จิ้นตกอยู่ในอันตรายอีก น้ำเสียงจึงร้อนรนเล็กน้อย “ท่านช่วยปิดปากอยู่เงียบ ๆ สักครู่ได้หรือไม่?”เมื่อลู่จิ้นเห็นว่าศิษย์น้องหญิงร้อนรนแล้ว ก็มิก
“ศิษย์พี่ พอได้แล้วเจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มาแทรกกลางระหว่างพวกเขา“ข้าไม่เป็นอะไร ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”“ไม่เป็นไร นี่นับว่าไม่เป็นไรที่ไหน? ข้าเห็นเจ้าร้องไห้แล้วนะ” ลู่จิ้นปวดใจเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกข้าไม่ได้”เดิมเขาคิดไว้ว่า หากหญิงสาวสกุลซูแต่งเข้ามา ศิษย์น้องหญิงก็
เรื่องที่ซูเตี่ยนฉิงแต่งเข้ามาแล้วเจ้าเจ็ดก็จะสละฐานะอ๋องนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า สามีภรรยาคู่นี้เคยมีการหารือกันมาก่อนล่วงหน้าแล้วเขามีสีหน้าคาดไม่ถึงสามีภรรยาคู่นี้ คนหนึ่งคิดจะหย่าไปแบบง่าย ๆ ส่วนอีกคนก็สละฐานะอ๋องได้แบบง่าย ๆกล้าหาญกันจริง ๆ!“ตงฟางจ้งหัว” ลู่จิ้นเห็นท่าทีจากไปด้วยความเศร้าโศกเสี
ฮ่องเต้ไตร่ตรองครู่หนึ่ง “หากได้ดื่มชานมอีกสักแก้ว เราก็อนุญาต”“เสวยรสหวานมากเกินไปแล้วเพคะ วันนี้เสวยอีกไม่ได้แล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้น“เรากับขุนนางเฮ่อที่รักมีเรื่องต้องหารือกัน ขุนนางเฮ่อที่รักไม่มีเวลาพูดคุยกับเจ้าหรอก” ฮ่องเต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันมืดมนการใช
“ใช้สุรากลบความเศร้า มิสู้เริ่มเปลี่ยนความขมขื่นให้กลายเป็นความหวานเสียดีกว่า”ตงฟางเจวี๋ยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเขาลังเลอยู่นาน และในที่สุดก็หยิบชานมแก้วนั้นมา แล้วจิบเบา ๆ หลังจากดื่มฟองนมชั้นบนสุด ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยในรสชาติหวานแฝงรสชาติเค็มเล็กน้อย เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม รสชาติอร่อยเข
“ท่านพูดอะไรนะ?” มือของตงฟางหลีที่ถือแก้วสุราค้างเติ่งอยู่กลางอากาศแก้วสุราลื่นลงมาครั้นเห็นว่าแก้วกำลังจะตกลงบนโต๊ะ เขาก็รีบคว้าไว้และมีสีหน้าตกใจ “เสด็จพ่อ จะให้ซูเตี่ยนฉิงแต่งงานกับท่านหรือ?”บนใบหน้าของตงฟางเจวี๋ยไม่ได้แสดงออกอะไรเป็นพิเศษ“อืม หลังนางจากไป ข้าก็เหมือนศพเดินได้ จะแต่งงานกับใคร
เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตงฟางหลีรู้สึกว่าตงฟางเจวี๋ยผิดปกติทีเดียวเมื่อก่อนพี่รองดื่มสุราน้อยมาก ยกแก้วก็ดื่มจนหมดเหมือนเช่นนี้ หาได้ยากมาก ๆ“พี่รอง ข้าจำได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์เคยบอกว่าท่านไม่สามารถดื่มเหล้าได้” เขาจะแย่งแก้วสุราของตงฟางเจวี๋ยมา“วันนี้เจ้าให้ข้าดื่มสักหน่อยเถอะ” ตงฟางเจวี๋หลบนิ้วม